โรสริน เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ถึงฐานะของครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวย แต่คุณพ่อก็ตั้งใจทำงานและพยายามสร้างบริษัทให้มั่นคง หวังเป็นสิ่งสร้างรายได้ให้กับครอบครัวในอนาคต
ทว่ายังไม่ทันที่คุณพ่อจะสร้างบริษัทตามความฝันได้สำเร็จ คุณแม่ที่เป็นที่รักก็ด่วนจากไปเสียก่อน ทำให้ชีวิตของโรสรินดูเศร้าหมองและไม่สดใสเหมือนเคย
หลังจากที่คุณแม่จากไปได้ไม่นานบริษัทของคุณพ่อก็เติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีรายได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีตามที่คุณพ่อฝัน โรสรินก็ดีใจและภูมิใจในตัวของคุณพ่อ ทำให้ชีวิตของเธอเริ่มกลับมาสดใสและมีความสุขอีกครั้ง
ในขณะที่บริษัทมีชื่อเสียงมากขึ้นและเป็นที่น่าสนใจของผู้คนจำนวนมาก คุณพ่อก็เริ่มมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิต ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยเพราะคุณแม่พึ่งจากไปได้เพียงแค่ไม่กี่ปีและเธอก็ยังเป็นเด็กที่พึ่งจะเรียนจบมัธยมตอนปลาย แต่เธอก็พยายามปิดหูปิดตาทำเป็นไม่สนใจ ถ้าหากว่าเป็นความสุขของคุณพ่อเธอก็ยอมได้ทุกอย่าง
ชีวิตที่สดใสก็ต้องกลับมาเศร้าหมองอีกครั้งเมื่อคุณพ่อได้ติดสินใจแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนใหม่ แถมคุณพ่อยังดูแลและตามใจแม่เลี้ยงทุกอย่าง ตอนแรกที่เข้ามาในบ้านก็เหมือนจะเป็นแม่เลี้ยงใจดี แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานก็กลายเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย
ชื่อเสียง เงินทองและอำนาจที่คุณพ่อเคยมีก็ค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะการเอาใจภรรยาใหม่จนเกินตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงๆ แค่นิดาเอ่ยปากว่าอยากได้ คุณพ่อก็พร้อมที่จะประเคนให้ทุกอย่าง
คุณพ่อแต่งงานใหม่ได้เพียงแค่สามปีบริษัทมีปัญหามากขึ้น ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องการเงิน ทำให้คุณพ่อเครียดหนักมากจนเริ่มล้มป่วย คุณพ่อได้ทำการรักษาและนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนอยู่หลายเดือนก่อนที่คุณพ่อจะจากโลกใบนี้ไปด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ปล่อยให้โรสรินใช้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้าย ซึ่งเธอไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่เธอก็ฝืนความจริงไม่ได้อยู่ดี
จากชีวิตที่สุขสบายก็เริ่มลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีแม่เลี้ยงเข้ามาดูแลทุกอย่างแทนคุณพ่อที่จากไป ไม่ว่าจะเป็นงานที่บริษัทหรือว่างานที่บ้าน แม่เลี้ยงก็เป็นคนดูแลหมดซึ่งรวมไปถึงชีวิตของโรสรินด้วย
“ถ้าแกรักพ่อ แกก็ต้องแต่งงาน ไม่อย่างนั้นบริษัทที่พ่อแกสร้างมาก็จะไม่เหลืออะไรเลย” นิดาชี้นิ้วสั่งลูกเลี้ยงด้วยท่าทางหงุดหงิดและอารมณ์เสีย
“แต่เงินประกันคุณพ่อก็ทำเอาไว้ให้ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะคะ” หญิงสาวโต้กลับทันที ถึงแม้บริษัทจะขาดทุน แต่สมบัติที่คุณพ่อทิ้งเอาไว้ให้ก่อนตายก็น่าจะเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงบริษัทให้อยู่ต่อไปได้อีกหลายเดือน
“แกอย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย การเงินที่บริษัทเป็นยังไงแกก็ไม่เคยรู้ แต่กลับปากดีทำเหมือนรู้ทุกอย่าง” นิดาตวาดเสียงแข็งเมื่อลูกเลี้ยงดื้อและทำตัวอวดเก่งจนเกินไป
“ก็คุณพ่อเคยบอกโรส…” หญิงสาวก้มหน้าตอบแม่เลี้ยงเสียงเบาด้วยความกลัว เพราะไม่ว่าเธอจะพูดหรืออธิบายอะไรแม่เลี้ยงก็ไม่เคยสนใจ
“นั่นมันตอนที่พ่อแกยังไม่ป่วย แกรู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเอกชนแต่ละวันที่พ่อแกอยู่มันแพงแค่ไหน” แม่เลี้ยงมองหน้าหญิงสาวด้วยท่าทางเอาเรื่อง เรียนยังไม่จบแถมยังทำตัวอวดเก่งรู้ทุกเรื่องไปหมด
“แต่คุณพ่อก็มีประกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ประกันมันก็จ่ายอยู่หรอกแต่มันจ่ายไม่หมดทุกอย่าง เพราะยังมีค่าส่วนต่างที่ต้องจ่ายเอง ไหนจะค่าห้องไอซียู ค่าหมอ ค่าพยาบาลพิเศษอีก แกเคยสนใจที่จะดูเอกสารบ้างไหม” แม่เลี้ยงอธิบายด้วยความหงุดหงิด เพราะเรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังต้องมานั่งอธิบายให้เสียเวลา
“แล้วประกันชีวิตล่ะคะ คุณพ่อบอกโรสเอาไว้ว่าถ้าหากคุณพ่อเป็นอะไรไปก็จะได้เงินประกันหลายล้าน” โรสรินจำคำพูดของคุณพ่อได้ทุกอย่าง
“แค่ค่าประกันมันจะได้สักกี่ล้าน ไหนจะใช้หนี้ที่ยืมธนาคารมา แล้วก็หนี้ที่ยืมคนอื่นมาอีก เงินแค่นี้มันไม่พอหรอกนะ” นิดาก็พึ่งจะรู้ว่าสามีมีหนี้เยอะท่วมหัว ตายไปแล้วก็ยังทิ้งหนี้เอาไว้ให้เธอต้องลำบากอีก
“แต่โรสยังเรียนไม่จบเลยนะคะ จะให้โรสแต่งงานได้ยังไง”
ถ้าหากเธอเรียนจบและมีประสบการณ์มากพอ เธอก็คงจะช่วยบริษัทให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธอไม่มีความรู้อะไรเลยสักอย่างที่จะช่วยบริษัทได้ นอกจากเธอจะต้องทำตามที่แม่เลี้ยงสั่ง
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำบ่อยๆ แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ” นิดาชี้หน้าสั่งเพื่อให้อีกฝ่ายได้จำขึ้นใจ
“โรสขอเรียนจบก่อนได้ไหมคะ” โรสรินพยายามขอร้องที่จะยื้อเวลาเอาไว้ เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อม
“ได้สิ! แกอยากจะแต่งตอนไหนก็ได้!”
“จริงเหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งอย่างมีความหวัง
“จริงสิ! แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพอถึงตอนที่แกอยากแต่งแล้วบริษัทของพ่อแกจะยังเหลืออยู่หรือเปล่า” นิดาแสยะยิ้มที่มุมปากและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็จะต้องพูดให้โรสรินยอมแต่งงานให้ได้เพื่อเงินและเพื่อชีวิตที่สุขสบายของตัวเอง
“….” หญิงสาวถึงกับเงียบไปพูดอะไรไม่ออก
“ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันจะได้ไปจากบ้านหลังนี้สักที แต่แกอาจจะไม่เหลืออะไรเลยนะ อย่าว่าแต่บริษัทเลยแม้แต่ที่ซุกหัวนอนแกก็จะไม่เหลือ”
ถึงนิดาจะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาก็ทำให้เธอดูคนง่ายขึ้น ซึ่งเธอรู้ดีว่านอกจากโรสรินจะรักบริษัท และยังมีบ้านหลังนี้ที่รักมากอีกด้วย ทำให้เธอมีข้ออ้างมาขู่และกดดันให้ลูกเลี้ยงยอมแต่งงานได้ง่ายๆ
“หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วหากันเป็นปมด้วยความสงสัยในประโยคที่แม่เลี้ยงพูดออกมา
“ก็หมายความว่าธนาคารจะมายึดบ้านแกแล้วยังไงล่ะ คิดดูให้ดีนะว่าแกอยากรักษาบ้าน รักษาบริษัทเอาไว้หรือเปล่า”
“โรสยอมแล้วค่ะ” โรสรินบอกเสียงเบาด้วยท่าทางสิ้นหวัง ตอนนี้เธอคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“ดี! เดี๋ยวฉันจะจัดการทุกอย่างให้” นิดาแสยะยิ้มที่มุมปากราวกับผู้ชนะ ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใยดี
หญิงสาวมองตามหลังของแม่เลี้ยงพร้อมทั้งน้ำตา ร่างบางทรุดนั่งลงที่พื้นราวกับคนหมดเรี่ยวแรง นี่เธอจะต้องทำตามที่แม่เลี้ยงสั่งจริงๆ ใช่ไหม การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะแต่งกับใครก็ได้สักหน่อย
“โรสคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลยค่ะ”
โรสรินนั่งกอดเข่าร้องไห้และพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้ชีวิตต่อไปยังไง ถ้าหากเธอไม่ทำตามที่แม่เลี้ยงบอกบริษัทที่คุณพ่อสร้างมาก็จะต้องปิดลงและเธอก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ในส่วนที่เหลือแทนจนหมด แต่ถ้าหากเธอยอมแต่งงานตามที่แม่เลี้ยงบอกก็จะทำให้บริษัทดำเนินต่อไปได้
สุดท้ายแล้วโรสรินก็ต้องทำใจยอมรับความจริงและทำตามที่แม่เลี้ยงบอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธออยากแต่งงาน แต่ที่เธอทำก็เพื่อรักษาบ้านและรักษาบริษัทที่เป็นสิ่งที่คุณพ่อตั้งใจสร้างมาให้คงอยู่ต่อไป…
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ฝากกดไลก์ กดเพิ่มเข้าคลัง กดคอมเมนท์พูดคุยและเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
นิดายืนมองบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก วันนี้เธอตั้งใจพาลูกเลี้ยงมาคุยเรื่องข้อตกลงก่อนที่จะแต่งงานกับน้องชายเจ้าของบริษัทแห่งนี้“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” เสียงพนักงานสาวที่อยู่ด้านหน้าเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร“ฉันมาพบคุณฟาร์ริกซ์” นิดาเชิดหน้าตอบด้วยความมั่นใจ ถึงตอนนี้พนักงานจะยังไม่รู้จักเธอก็ไม่เป็นไร เพราะอีกหน่อยพนักงานที่นี่ก็จะต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี“คุณฟาร์ริกซ์ไม่อยู่ค่ะ” พนักงานสาวตอบกลับทันทีหลังจากที่เช็คข้อมูลในระบบของบริษัทนิดาถอดแว่นกันแดดสีดำออกด้วยท่าทางอารมณ์เสีย เมื่อคนที่เธอตั้งใจมาคุยธุระด้วยไม่อยู่ เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้เธอก็เลยรีบถามถึงผู้ชายอีกคนทันที“แล้วคุณฟินนิคซ์ล่ะ อยู่หรือเปล่า”พนักงานสาวสวยตรวจเช็คข้อมูลในระบบอีกครั้งก่อนที่จะตอบออกมา“อยู่ค่ะ”“งั้นบอกว่าคุณนิดามาขอพบ” นิดาเชิดหน้าขึ้นมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจ“สักครู่นะคะ”“ถ้าเขาไม่อยู่เราค่อยมาวันหลังก็ได้หนิคะ”โรสรินกระซิบบอกแม่เลี้ยงเสียงสั่น เมื่อเธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมา แต่เธอโดนแม่เลี้ยงลากมาด้วย ซึ่งเธอยังไม่พร้อมที่จะเจอใครในตอนนี
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“แกจะไปไหน” ฟินนิคซ์ถามน้องชายที่แต่งตัวดูดีพร้อมออกจากบ้านในช่วงที่เป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายๆ คน“จะออกไปหาเพื่อน” ฟาร์ริกซ์ตอบแบบไม่ได้ใส่ใจก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง“แต่พรุ่งนี้แกต้องไปถ่ายรูปที่จะใช้ในงานแต่งไม่ใช่เหรอ” พี่ชายถามเข้าประเด็นอย่างไม่รีรอ เพราะพรุ่งนี้ฟาร์ริกซ์มีนัดที่จะต้องไปถ่ายรูปแต่เช้า ถ้าออกไปเที่ยวแบบนี้มีหวังตื่นไม่ทันอย่างแน่นอน“ไปไม่นานหรอก” พูดจบฟาร์ริกซ์ก็เดินออกจากบ้านไปทันทีเพราะวันนี้เขามีนัดดื่มกับเพื่อนที่ผับฟินนิคซ์มองตามหลังน้องชายด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อช่วงนี้ฟาร์ริกซ์ชอบออกไปเที่ยวข้างนอกและยังทำตัวเหลวไหลไม่สนใจเรื่องงาน ซึ่งอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะได้แต่งงานแล้วฟาร์ริกซ์ขับรถตรงไปยังผับดังที่คุ้นเคย ซึ่งเป็นสถานที่ประจำสำหรับเขากับเพื่อนที่อยู่บ้านข้างกันแถมยังโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่เพราะเพื่อนเขาไม่ค่อยอยู่บ้านก็เลยต้องนัดเจอกันที่ผับเป็นประจำ“กูก็นึกว่าจะไม่มาแล้ว” ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ก็เอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เขานั่งรออยู่นานจนคิดว่าเพื่อนรักจะไม่มาแล้ว“เซ็งว่ะ” ฟาร์ริกซ์นั่งลงตรงข้ามเพื่อนสนิทก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแ
หนึ่งเดือนต่อมาถึงแม้จะเป็นงานแต่งที่ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่งานก็ยังถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมฐานะ เพื่อไม่ให้เจ้าของงานอายแขกที่มาร่วมงานอย่างแน่นอนซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่างานแต่งถูกจัดขึ้นเพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่ได้รักกันเลยสักนิดหรืออาจจะเป็นเจ้าสาวคนเดียวที่รู้สึกตกหลุมรักเจ้าบ่าวโดยไม่รู้ตัวแขกที่มาร่วมงานต่างก็เป็นเจ้าของบริษัทชื่อดัง คุณหญิงคุณนาย ที่รู้จักกันในเครือของบริษัทและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตอนแรกฟาร์ริกซ์อยากจะจัดงานเล็กๆ เชิญแค่คนในครอบครัวแต่ทางแม่เลี้ยงของโรสรินขอเอาไว้ เพราะทางครอบครัวเธอก็มีหน้ามีตาทางสังคม จึงต้องจัดงานให้ใหญ่โตโดยที่ฟินนิคซ์เป็นคนจัดการและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด“ยินดีด้วยนะคะ” แขกที่มาร่วมงานเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับเจ้าของงานพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ลูกสาวได้แต่งงานกับคนรวยๆ แบบนี้“ขอบคุณค่ะ” นิดายิ้มแป้นหน้าบานจนแทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เมื่อเป็นอีกวันที่เธอภูมิใจและดีใจที่จะมีลูกเขยรวยๆ มาช่วยเหลือและเติมเต็มเรื่องการเงินให้กับครอบครัวของเธอสักดีนิดาอยากจะขอบคุณสามีวันละร้อยครั้ง
หลังจากที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จแขกที่มาก็เริ่มทยอยออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองตามพิธีภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บนเตียงนอนมีดอกไม้โรยเอาไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องนี้ไปอีกหลายคืนตามความเชื่อของการแต่งงานโรสรินยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเธอคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กมาตลอด แต่พอได้ใส่ชุดแต่งงานแบบนี้เธอก็ดูสวยและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเหมือนกันชุดราตรีสีขาวสะอาดที่ปักด้วยคริสตอลทำให้ดูสวยสง่าและเล่นไฟวิบวับเวลาที่โดนแสงไฟ เธอเป็นคนเลือกชุดนี้ซึ่งก็มีทีมงานอีกหลายคนที่เชียร์และเห็นด้วยว่าเธอเหมาะกับชุดนี้หากความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนคือการได้แต่งงาน ตอนนี้โรสรินคงทำตามฝันได้สำเร็จ ถึงจะไม่ใช่การแต่งงานที่เกิดจากความรักแต่เธอก็พร้อมที่จะทำให้เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนใจมารักเธอให้ได้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่เธอก็พร้อมที่จะทำตราบใดที่เขายังไม่มีแฟน เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะดูแลและทำหน้าที่ของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ดีที่สุดร่างบางเผลอมองเจ้าบ่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังยิ้มให้เขาอยู่จนกระทั่ง…“ยิ้มอะไ
เช้าวันต่อมาโรสรินตั้งใจตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อที่จะทำอาหารเอาไว้รอชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ในห้องนอน เรื่องทำอาหารเธอก็พอจะทำเป็นอยู่บ้าง แต่ก็ทำเป็นแค่เมนูง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรแต่พอเข้าไปในห้องครัวก็พบกับความว่างเปล่า โรสรินลืมไปเลยว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงแรมไม่ใช่ที่บ้าน จึงไม่มีเนื้อสัตว์หรือผักต่างๆ ที่เอาไว้ทำอาหารร่างบางนั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะมองไปเห็นเบอร์โทรที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สั่งของกินของใช้ ไม่ว่าจะต้องการอะไรทางโรงแรมก็มีบริการหมดโรสรินไม่รอช้ารีบกดเบอร์และโทรสั่งของที่เธอต้องการทันที ถ้าเป็นคนอื่นคงโทรสั่งอาหารเช้าแบบสำเร็จจากทางโรงแรมมาเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำ แค่วางบนโต๊ะสวยๆ ก็จบทว่าโรสรินไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นและเธอเลือกที่จะโทรสั่งให้พนักงานไปซื้อของและเครื่องปรุงสำหรับทำอาหารเช้าง่ายๆ ซึ่งจะเป็นเมนูอะไรไปไม่ได้นอกจากเมนูข้าวต้มนั่งรอไม่นานพนักงานก็เอาของมาส่งถึงห้อง โรสรินมีหน้าที่แค่รอจ่ายตังค์ ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของเองด้วย ทำอะไรก็ง่ายและสะดวกสบายไปหมดหญิงสาวเริ่มทำอาหารด้วยความตั้งใจและเธอก็สั่งของมาครบทุกอย่างไม่มีขาด ถึ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันที่โรสรินแต่งงานจนถึงวันนี้เธอก็ยังไม่เห็นแม่เลี้ยงมาหาเธอเลยสักครั้ง ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยที่ไม่โทรไม่ถามอะไรเธอเลย บางทีเธอก็อดสงสัยไม่ได้หรือความจริงแล้วแม่เลี้ยงของเธอจะหอบเงินสินสอดหนีไปแล้วโรสรินได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของฟาร์ริกซ์ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนที่บ้านต่างต้อนรับและดูแลเธอเป็นอย่างดี จากชีวิตที่เคยเงียบเหงาก็เริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง เพราะมีเฟญ่าและฟินนิคซ์คอยพูดคุยและถามไถ่เธออยู่ตลอดต่างจากฟาร์ริกซ์ที่เป็นสามีของเธอ ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เคยชมและไม่เคยเห็นค่าในสิ่งที่เธอตั้งใจทำให้เขาด้วยซ้ำ ต่อหน้าคนอื่นก็แกล้งทำดีกับเธอ แต่พอลับหลังกลับพูดจาประชดเธอไม่หยุด“คิดเหรอว่าที่คนอื่นทำดีด้วยแล้วเขาจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอจริงๆ”ฟาร์ริกซ์พูดขึ้นมาในขณะที่อยู่กับโรสรินสองต่อสองและเธอก็กำลังเตรียมตักอาหารมาให้เขา ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านโรสรินก็ทำตัวเป็นคนดี อาสาที่จะทำอาหารและทำงานบ้านให้ทุกอย่าง“หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมาและเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าที่เขาพูดออกมานั้นเขาต้องการ
เมื่อทุกคนออกจากบ้านไปกันหมดโรสรินก็รู้สึกเหงาแปลกๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยู่คุยเป็นเพื่อน จะมีก็แต่แม่บ้านซึ่งบางคนก็มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ จนเธอต้องหลบสายตาไม่กล้าที่จะพูดอะไรด้วย“จะทำอะไรคะ” เสียงแม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่นัก“โรสว่าจะซักเสื้อผ้าให้พี่ฟาร์ค่ะ”หญิงสาวหน้าตาใสซื่อตอบแม่บ้านพร้อมรอยยิ้ม เธอมาอยู่บ้านเขาแล้วจะให้เธออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้ เธอต้องหาอะไรทำบ้างจะได้ไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไป“ซักเป็นเหรอคะ” แม่บ้านเบ้ปากถามเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ดูท่าเป็นคุณหนูแบบนี้จะทำงานบ้านเป็น“ซักเป็นค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่ก็ตามโรสรินถือตะกร้าผ้าไปยังหลังบ้านที่เป็นมุมซักเสื้อผ้าทันที โดยที่มีแม่บ้านคอยยืนมองอยู่ไม่ห่าง คงจะกลัวว่าเธอจะทำอะไรไม่เป็น แต่เรื่องงานบ้านเป็นอะไรที่เธอถนัดมาก เพราะตั้งแต่เสียคุณพ่อไปที่บ้านก็ไม่มีเงินจ้างแม่บ้าน เธอจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างเองกับมือ รวมถึงซักเสื้อผ้าให้แม่เลี้ยงด้วยงานบ้านเป็นอะไรที่ทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา อย่างน้อยก็ไม่อาศัยบ้า
หนึ่งเดือนต่อมาโรสรินเริ่มที่จะปรับตัวเข้ากับทุกคนในบ้านได้ ไม่ว่าเธอจะทำงานบ้านอะไรก็จะมีแม่บ้านมาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดความตั้งใจของโรสรินเริ่มส่งผลในทางที่ดีมากขึ้น จากช่วงแรกๆ ที่เธอทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด แต่ตอนนี้ฟาร์ริกซ์ก็เริ่มชินกับการกระทำของเธอไปแล้ว“อาหารเช้าวันนี้ค่ะ” โรสรินยกถ้วยข้าวต้มวางลงตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวไปหมด โรสรินก็แบ่งเวลาทำอาหารเช้าและอาหารเย็นช่วยแม่บ้านได้เป็นอย่างดี บอกแล้วว่าอะไรที่ทำเพื่อฟาร์ริกซ์เธอก็พร้อมที่จะทำ“ระวังร้อนนะคะโรสพึ่งทำเสร็จ” หญิงสาวบอกด้วยความเป็นห่วงและหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มจะรีบทานรีบออกไปทำงานเหมือนทุกวัน“ขอบใจ” ถึงจะเป็นคำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้บอกเธอร่างบางนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม มือบางกำชายกระโปรงจนยับยู่ยี่ไปหมด เพราะมีสิ่งที่เธออยากรู้แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถาม“มีอะไร” ฟาร์ริกซ์สังเกตเห็นท่าทางที่ปกติของอีกฝ่ายจึงถามและมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ“เอ่อ… โรสขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” เมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสโรสรินจึงตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่เธออยากรู้ออกมาตามตร
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี
หลังจากที่โรสรินกลับมาอยู่ภูเก็ตเธอก็พยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอรู้สึกรักและผูกพันธ์กับคนที่นี่มาก พอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาว บางทีเธอก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันหลายครั้งที่โรสรินออกไปข้างนอกแล้วเห็นครอบครัวอื่นเลี้ยงลูกให้อยู่ด้วยกัน พี่น้องได้ใช้ชีวิตและเติบโตมาด้วยกันมันทำให้โรสรินอดที่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอมีลูกถึงสองคนนอกจากลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกทั้งสองก็ยังไม่รู้จักกันและยังไม่เคยเจอกันอีกด้วย หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปลูกของเธอก็จะไม่ต่างอะไรจากเด็กทั่วๆ ไป ที่รู้จักกันแบบผ่านๆ ไม่ได้รู้จักและสนิทกันแบบพี่น้องคู่อื่นๆ ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธอยังเด็ก เธอก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ให้รู้จักและสนิทกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า“โรสจะย้ายไปจริงๆ เหรอ?” แพรไหมเดินเข้ามาถามเสียงเศร้าเพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าโรสรินจะย้ายไปทำงานที่อื่นแบบนี้“ค่ะ โรสอยากไปอยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์ส” โรสรินเองก็ตอบเสียงเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเธอเองก็รักและผูกพันกับที่นี่ไม่ต่างจากแพรไหม“แล้วจะไปวันไหน
สามวันต่อมาโรสรินยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ข้างกายมีชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคอยอยู่ข้างๆ น้องสาว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด“ไปกันครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกกับหญิงสาวหลังจากที่ปล่อยให้เธอตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน“ค่ะ” โรสรินพยักหน้าตอบ เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยร่างบางก้าวเดินเข้าไปด้วยความประหม่า เธอไม่ได้บอกใครในบ้านเอาไว้ว่าเธอจะมา แต่ทุกคนต่างนั่งอยู่ในบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจนเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธอโดยเฉพาะสายตาที่อบอุ่นของฟาร์ริกซ์ทำเอาเธอเผลอมองและหาความหมายของแววตาที่เขามองมา แต่เธอก็ดูไม่ออกเลยว่าสายตาคู่นี้กำลังรู้สึกยังไงกับการที่เธอกลับมาในครั้งนี้“พี่โรส”เป็นเสียงของเฟญ่าที่ทักทายขึ้นมาก่อนใคร แต่ครั้งนี้เป็นการทักทายที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งเมื่อทุกคนเห็นว่าโรสรินมากับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หน้าตารวมไปถึงฐานะซึ่งก็พอจะดูออกว่าเขาคงจะรวยมากแน่ๆ“สวัสดีครับ” ภูมิพัฒน์ทักทายทุกคนตามมารยาท“โรสมีเรื่องจะ
หลายวันต่อมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาโรสรินได้คิดไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ้าหากเธอทำงานอยู่ที่นี่ต่อโอกาสที่เธอจะได้เจอน้องเฟิร์สก็ยิ่งมีน้อย เธอจึงคิดเรื่องการหางานใหม่ทำ จากประสบการณ์ที่เธอเคยทำงานมาก็พอที่จะเอาไปเขียนในใบสมัครงานที่ใหม่ได้บ้าง เพราะเธอก็มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีพอสมควรเมื่อมีโอกาสและมีทางเลือกโรสรินก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เธอจึงคิดและตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ภูเก็ต แล้วไปหางานใหม่ทำที่อยู่ในเมืองหลวง จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์สด้วย อีกอย่างลูกชายคนเล็กอย่างน้องไฟท์ก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้วเธอคงจะมีเวลาทำงานมากขึ้นโรสรินตัดสินใจยื่นใบลาออกไว้บนโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์ ถ้าหากจะบอกเขาไปตรงๆ เธอก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“จดหมายอะไร?” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อมีซองจดหมายสีขาววางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งดูเด่นชัดมากกว่าแฟ้มเอกสารอื่นๆ ที่วางอยู่“พี่พัฒน์ลองเปิดดูสิคะ” โรสรินก้มหน้าพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงชายหนุ่มหยิบเปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ด้านในด้วยความตั้งใจอยู่สั