“081-XXX-XXXX” เบอร์โทรศัพท์ที่ได้ยินช่วยดึงสติของ ปิติญาดาให้กลับมา เพราะต้องใช้สมองท่องจำให้ได้นั่นเอง“ขอบใจ งั้นแค่นี้แหละ” พูดจบก็วางสายไปทันที คณินส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งสมาธิขับรถของตัวเองต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าการพูดคุยกับปิติญาดานั้นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นส่วนปิติญาดาเมื่อวางสายจากคณินแล้วก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาทันที แต่กลับมีแต่การฝากข้อความติดต่อไม่ได้ไปอีกคน หญิงสาวถอนหายใจออกมาเพราะเป็นห่วงแม่ ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องรอให้แม่เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อเติมหลังให้ตัวเองหลังจากนั้นก็ขอให้ป้าชื่นขึ้นไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในห้องนอนของคณินให้ เมื่ออุปกรณ์พร้อมหญิงสาวก็ขับรถคันเมื่อวานออกไปยังร้านเซรามิคแต่ละร้านที่เล็งสินค้าเด่นๆ ดังๆ ของพวกเขาไว้ตั้งแต่แรกที่ได้เห็น รวมทั้งสินค้าที่เธอชอบและมองว่าตลาดต่างประเทศน่าจะชอบด้วยเช่นกัน ปิติญาดาพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจของเธอให้ฟังว่างานที่เธอทำนี้จะเป็นแบบพรีออเดอร์ ทำตามยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง จ
“เออ...แล้วข้าจะลองคิดดู” เขตไทยพยักหน้ารับคำพูดนั้นของคณิน รู้อยู่หรอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาในการเยียวยา แต่คนเราจะเก็บคนที่ไม่ได้รักมาฝังใจก็ใช่ที่ ทำแบบนั้นมีประโยชน์หรือไง สำหรับเขาให้มองมุมไหนก็ไม่เห็นมีข้อดีสักข้อ “แล้วเขาไม่ชวนเอ็งมาหรือไง”“ไม่นี่หว่า สงสัยเจาะจงแค่เอ็งคนเดียว”“อืม” คณินเอ่ยรับสั้นๆ ทั้งคู่เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขตไทยจะพูดเปลี่ยนเรื่องวกกลับมาที่เรื่องงานบ้าง“อีกสองสามวันข้าจะบินไปเกาหลี จะไปดูตลาดที่นั่นสักหน่อย เห็นว่ามีคู่ค้าสนใจสินค้าพวกเซรามิคของเราอยู่หลายราย” นี่คือตลาดกลุ่มใหม่ที่เขตไทยตั้งใจจะขยายงานเซรามิคของโรงงานไป หวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ“ก็ดี...งานนี้ข้าฝากเอ็งด้วยแล้วกัน เพราะพักนี้ข้ายุ่งๆ จนปลีกตัวไปกับเอ็งไม่ได้”“ไม่มีปัญหา แล้วจะเอารายชื่อคู่ค้าที่นู้นมากฝาก”“จะรอ” สองหนุ่มยิ้มให้กัน ทั้งสองคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่
“พี่วศิณ” ภคมณเอ่ยเรียกชื่อสามีของเธอแทบฟังไม่ได้สรรพ ก่อนจะครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า วาบหวามจนหน้าท้องบิดเกร็ง ความเป็นหญิงร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงความพร้อมของตัวเอง ริมฝีปากของวศิณทำหน้าที่มอบความสุขให้แก่คนที่เขารัก ก่อนจะละจากหน้าอกทั้งสองข้างแล้วพรมจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขอบบิกินี่ตัวจิ๋วที่ภคมณสวมอยู่มือหนารั้งปราการชิ้นเล็กจิ๋วให้ออกไปจากร่างสมส่วนตรงหน้า ซึ่งภคมณก็ให้ความร่วมมือด้วยการยกสะโพกขึ้นสูง ไม่นานเธอก็เปลือยเปล่าตามด้วยวศิณที่รีบจัดการรั้งปราการด่านสุดท้ายของเขาลงไปกองที่ข้อเท้าเช่นเดียวกัน ก่อนจะจับเรียวขาของภรรยาให้แยกกว้างออก จากนั้นก็แทรกตัวลงไป ภคมณถึงกับผวาสุดแรงเมื่อลิ้นร้อนๆ ของสามีสัมผัสกุหลาบที่มีเกสรฉ่ำเยิ้มของเธอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็อดตื่นเต้นและตื่นตัวไม่ได้ลิ้นอันร้ายกาจของวศิณทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ภคมณ แต่เหมือนเขาจะไม่หยุดแค่การใช้ลิ้น เมื่อชายหนุ่มค่อยๆ ใช้นิ้วกับกุหลาบดอกงาม ภคมณส่ายหน้าไปมาสลับร้องครางเบาๆ มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่คามือเพื่อระบายความรู้สึกวาบหวิวในตอนนี้
รถยุโรปคันสวย แล่นไปตามถนนยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ความที่บรรยากาศรอบข้างช่างเงียบเชียบจนน่าวังเวงชวนขนหัวลุก มือน้อยๆ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้นจึงเอื้อมไปเปิดวิทยุ นิ้วเรียวสวยจิ้มเลือกสถานีมาสักหนึ่งสถานีเพื่อฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่เจาะจง สายตาก็ไม่ได้ละไปจากท้องถนนตรงหน้า ก่อนที่หูจะสะดุดกับเพลงที่กำลังดังขึ้น จนหัวทุยๆ ที่จัดแต่งทรงผมมาอย่างสวยงาม แทบจะทิ่มไปกับพวงมาลัยรถ ‘งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน ขัดเขินที่ยังไร้คู่…’ ปิติญาดาอยากจะหักพวงมาลัยในมือชนต้นไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด เพลงอะไรช่างเปิดได้ประจวบเหมาะกับชีวิตเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน หญิงสาวละมือจากวิทยุมากำพวงมาลัยทั้งสองข้าง ไม่ได้เปลี่ยนสถานีหนีเพลงที่ดังขึ้นแต่เสียดแทงใจดำคนโสดแต่อย่างใด นั่งฟังไปอย่างนั้น ตอกย้ำคนโสดไร้คู่อย่างเธอให้ถึงที่สุดกันไปข้าง อายุอานามก็จะแตะเลขสามเข้าไปทุกขณะ ก็ยิ่งกลัวว่าคานทองนิเวศที่ไม่ต้องการจะหล่นตุ๊บลงมาบนตัก “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจของคนโสดดังออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะสำรวจตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เสี
ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!“พ่อ แม่คะ นอนกันหรือยังคะ?” เสียงเคาะประตูและน้ำเสียงของลูกสาวที่ดังขึ้น ทำให้ศรชัยและผกามาศยุติการสนทนาจับคู่เอาไว้ก่อน ปิติญาดาเห็นไฟในห้องนอนพ่อและแม่ยังเปิดอยู่จึงอยากจะคุยด้วย จะได้เล่าเรื่องงานแต่งงานของภคมณให้ฟัง “เข้ามาสิน้ำมนต์” เสียงอบอุ่นของผู้เป็นแม่ดังขึ้น ไม่นานประตูห้องบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของปิติญาดาแทรกเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวสวยสมเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยชุดโทนสีหวานที่เจ้าสาวของงานสั่งมาให้โดยเฉพาะ รูปแบบของชุดก็สวยสมวัย“ไปงานแต่งหนูเต้ยมาเป็นยังไงบ้าง ชื่นมื่นไหม” คนเป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นก่อน ส่วนผกามาศก็แอบสังเกตท่าทางของลูกสาวที่ยิ้มแก้มแทบปริ ทำยังกับเป็นเจ้าสาวเสียเองอย่างนั้นแหละ “บ่าวสาวเขาหว้านหวานใส่กัน ตั้งแต่งานยังไม่ได้เริ่ม กระทั่งอัพเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ” เสียงใสๆ เอ่ยบอก อันที่จริงภคมณนั้นส่งการ์ดเชิญมาให้เธอทั้งบ้าน แต่พ่อติดประชุมกับลูกค้าสำคัญจึงไม่ได้ไปด้วย ส่วนแม่ถ้าพ่อไม่ไปมีหรือจะยอมไป มีแต่ใส่ซองฝากเธอไปปึกใหญ่เท่านั้นเอง เพราะทั้งคู่ก็เอ็นดูเพื่อนของเธอคนนี้ไม่น้อย “นี่ค่ะของชำร่วย”“น่ารักเชียว” ผกามาศรับของชำร่วยมาจ
“หืม…ว่าไงจ๊ะ” เสียงอบอุ่นของแม่ขานรับคำเรียกนั้น “ถ้าหนูต้องขึ้นคาน แม่จะอายเขาหรือเปล่า?”“อายทำไม ลูกคนเดียว แม่เลี้ยงได้” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ปิติญาดาไม่มีวันขึ้นคานอย่างที่พูดออกมาอย่างแน่นอน ใครจะยอมให้ลูกสาวเธอครองตัวเป็นโสดได้ สวยๆ แบบนี้ต้องมีคู่แท้สิ “ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกดีกับการจะขึ้นคานหน่อย” คนเป็นลูกส่งยิ้มให้ สงสัยวันนี้เธอจะจิตตกเข้าขั้นโคม่าเป็นแน่แท้ พอเห็นภคมณแต่งงานไปก็เก็บมากดดันตัวเองซะอย่างนั้น ใช่เรื่องไหมเนี่ย “เด็กโง่ นี่อย่าบอกนะว่ากลัวพ่อกับแม่โกรธที่ลูกยังไม่มีแฟนหรือจะแต่งงานในเร็ววันนี้น่ะ” ศรชัยเอ่ยอย่างรู้ทันความคิดของลูกสาว จะว่าไปเขานั้นไม่เคยเห็นปิติญาดาพูดเรื่องแบบนี้มาก่อน “ก็มันกดดันนี่ค่ะพ่อ บางอารมณ์น้ำมนต์เองก็อยากมีคนรัก อยากมีครอบครัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ บ้างอะไรบ้าง เพื่อนๆ ในกลุ่ม นอกกลุ่มก็แต่งงานมีลูกกันเกือบหมดแล้วด้วย พอมองตัวเองก็ เฮ้อ…ปลง!”“เนื้อคู่คนเราบางครั้งก็อาจมาเร็วมาช้า เจอกันวันนี้พรุ่งนี้แต่งงานก็มีให้เห็น” คนเป็นลูกพยักหน้าให้กับคำพูดของแม่ ก่อนจะเอ่ยเสริมเป็นตุเป็นตะ “นั่นน่ะสิคะ แต่สงสัยเนื้อคู่ของน้ำมนต์จะนั
“อ้อ...แล้วคราวนี้จะไปกี่วัน ตามรอยซีรี่ย์เรื่องไรอีกยะคุณเพื่อน” “เบื่อคนรู้ทันจริงๆ สงสัยต้องเลิกคบซะแล้วละมั้ง” ต้องหทัยเอ่ยประชดแบบไม่จริงจังนัก ก่อนจะยักไหล่ให้เพื่อนที่รู้ใจไปเสียทุกเรื่อง จะว่าไปอิทธิพลที่ทำให้เธอชอบประเทศเกาหลีจนต้องบินไปกลับมากกว่าประเทศบรรพบุรุษอย่างเมืองจีน เริ่มแรกก็มาจากการดูซีรี่ย์นี่แหละ จากนั้นก็บ้าเข้าขั้นแบบถอนตัวไม่ขึ้น ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เธอนี่แหละแฟนพันธุ์แท้เกาหลีตัวยง! “ตกลงจะไปกี่วัน” น้ำเสียงคนกึ่งเปลือยเอ่ยถามย้ำ ในคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ “เดือนเดียว” ปลายสายเอ่ยเหมือนแค่ช่วงสั้นๆ “ตั้งเดือน!” ปิติญาดาอุทานจนต้องทหัยยื่นโทรศัพท์ให้ห่างจากหูแทบไม่ทัน ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินประโยคต่อมา “งานการแกไม่คิดจะทำเลยใช่ไหมเนี่ย ป๊ากับม๊าแกไม่ปวดหัวกับลูกสาวที่บ้าเกาหลีเข้าขั้นโคม่าอย่างแกหรือไง หา ยายหมวย!”“บ่นจริงแม่นางน้ำมนต์” ถึงจะพูดแบบนั้นต้องทหัยก็ยังนั่งยิ้มจินตนาการไปถึงเกาหลีเรียบร้อยโรงเรียนกิมจิ แต่คำทักท้วงของเพื่อนก็ทำเอาฝันแทบสลาย “เดี๋ยวๆ คราวนี้ไปตั้งเดือน แกจะไปงัดดั้งโด่งมาด้วยหรือเปล่า” คนถามทำหน้ายุ่ง เพราะไม่อยากให้เพื่อน
ปิติญาดานั่งทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ด้วยตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อสินค้าต่างประเทศ หญิงสาวเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลอารายานนท์ ครอบครัวเธอประกอบธุรกิจด้านพลังงานพร้อมให้เข้าไปบริหารได้ทุกเมื่อ แต่หญิงสาวกลับมองว่าตัวเองยังขาดความสามารถที่จะแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ ทั้งเรื่องงานและเรื่องบุคลากรนั่นไว้บนบ่า พอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจึงขอบิดาออกมาทำงานหาประสบการณ์จากบริษัทภายนอกก่อน พร้อมๆ กับเรียนปริญญาโทด้านบริหารควบคู่กันไปด้วย ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างกำลังลงตัว ว่างจากงานบริษัทที่ทำงานอยู่ก็เข้าไปศึกษางานบริษัทของครอบครัว และเธอก็ได้เปรยกับบิดาแล้วว่าอีกสองสามเดือนข้างหน้าจะเข้าไปทำงานที่บริษัทให้เต็มตัวเสียงเคาะประตูห้องทำงานที่ดังขึ้นทำให้ปิติญาดาหยุดความคิดไว้ แล้วเหลือบหันไปมองนิดหน่อยก็เห็นเลขาถือแฟ้มเข้ามา แต่เธอยังไม่มีเวลาจะพูดด้วยเพราะติดสายลูกค้าคนสำคัญอยู่ อันที่จริงสร้อยสุดาจะวางแฟ้มไว้ แล้วกลับออกไปก็ยังได้ แต่หญิงสาวมีเรื่องจะพูดกับผู้จัดการที่เธอรักและเคารพคนนี้ เมื่อเห็นว่าปิติญาดาวางสายไปแล้ว เลขาสาวจึงเอ่ยขึ้น “เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะพี่น้ำมนต์” แฟ้มสีดำถูกยื่นมาให้คือเอกสาร
“พี่วศิณ” ภคมณเอ่ยเรียกชื่อสามีของเธอแทบฟังไม่ได้สรรพ ก่อนจะครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า วาบหวามจนหน้าท้องบิดเกร็ง ความเป็นหญิงร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงความพร้อมของตัวเอง ริมฝีปากของวศิณทำหน้าที่มอบความสุขให้แก่คนที่เขารัก ก่อนจะละจากหน้าอกทั้งสองข้างแล้วพรมจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขอบบิกินี่ตัวจิ๋วที่ภคมณสวมอยู่มือหนารั้งปราการชิ้นเล็กจิ๋วให้ออกไปจากร่างสมส่วนตรงหน้า ซึ่งภคมณก็ให้ความร่วมมือด้วยการยกสะโพกขึ้นสูง ไม่นานเธอก็เปลือยเปล่าตามด้วยวศิณที่รีบจัดการรั้งปราการด่านสุดท้ายของเขาลงไปกองที่ข้อเท้าเช่นเดียวกัน ก่อนจะจับเรียวขาของภรรยาให้แยกกว้างออก จากนั้นก็แทรกตัวลงไป ภคมณถึงกับผวาสุดแรงเมื่อลิ้นร้อนๆ ของสามีสัมผัสกุหลาบที่มีเกสรฉ่ำเยิ้มของเธอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็อดตื่นเต้นและตื่นตัวไม่ได้ลิ้นอันร้ายกาจของวศิณทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ภคมณ แต่เหมือนเขาจะไม่หยุดแค่การใช้ลิ้น เมื่อชายหนุ่มค่อยๆ ใช้นิ้วกับกุหลาบดอกงาม ภคมณส่ายหน้าไปมาสลับร้องครางเบาๆ มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่คามือเพื่อระบายความรู้สึกวาบหวิวในตอนนี้
“เออ...แล้วข้าจะลองคิดดู” เขตไทยพยักหน้ารับคำพูดนั้นของคณิน รู้อยู่หรอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาในการเยียวยา แต่คนเราจะเก็บคนที่ไม่ได้รักมาฝังใจก็ใช่ที่ ทำแบบนั้นมีประโยชน์หรือไง สำหรับเขาให้มองมุมไหนก็ไม่เห็นมีข้อดีสักข้อ “แล้วเขาไม่ชวนเอ็งมาหรือไง”“ไม่นี่หว่า สงสัยเจาะจงแค่เอ็งคนเดียว”“อืม” คณินเอ่ยรับสั้นๆ ทั้งคู่เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขตไทยจะพูดเปลี่ยนเรื่องวกกลับมาที่เรื่องงานบ้าง“อีกสองสามวันข้าจะบินไปเกาหลี จะไปดูตลาดที่นั่นสักหน่อย เห็นว่ามีคู่ค้าสนใจสินค้าพวกเซรามิคของเราอยู่หลายราย” นี่คือตลาดกลุ่มใหม่ที่เขตไทยตั้งใจจะขยายงานเซรามิคของโรงงานไป หวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ“ก็ดี...งานนี้ข้าฝากเอ็งด้วยแล้วกัน เพราะพักนี้ข้ายุ่งๆ จนปลีกตัวไปกับเอ็งไม่ได้”“ไม่มีปัญหา แล้วจะเอารายชื่อคู่ค้าที่นู้นมากฝาก”“จะรอ” สองหนุ่มยิ้มให้กัน ทั้งสองคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่
“081-XXX-XXXX” เบอร์โทรศัพท์ที่ได้ยินช่วยดึงสติของ ปิติญาดาให้กลับมา เพราะต้องใช้สมองท่องจำให้ได้นั่นเอง“ขอบใจ งั้นแค่นี้แหละ” พูดจบก็วางสายไปทันที คณินส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งสมาธิขับรถของตัวเองต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าการพูดคุยกับปิติญาดานั้นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นส่วนปิติญาดาเมื่อวางสายจากคณินแล้วก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาทันที แต่กลับมีแต่การฝากข้อความติดต่อไม่ได้ไปอีกคน หญิงสาวถอนหายใจออกมาเพราะเป็นห่วงแม่ ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องรอให้แม่เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อเติมหลังให้ตัวเองหลังจากนั้นก็ขอให้ป้าชื่นขึ้นไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในห้องนอนของคณินให้ เมื่ออุปกรณ์พร้อมหญิงสาวก็ขับรถคันเมื่อวานออกไปยังร้านเซรามิคแต่ละร้านที่เล็งสินค้าเด่นๆ ดังๆ ของพวกเขาไว้ตั้งแต่แรกที่ได้เห็น รวมทั้งสินค้าที่เธอชอบและมองว่าตลาดต่างประเทศน่าจะชอบด้วยเช่นกัน ปิติญาดาพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจของเธอให้ฟังว่างานที่เธอทำนี้จะเป็นแบบพรีออเดอร์ ทำตามยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง จ
“โอ้...เมล์แทบแตก” จำนวนข้อความในกล่องขาเข้าของ ปิติญาดามีเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเปิดข้อความไหนก่อนดี เมื่อคิดไม่ออกก็ละไว้ ก่อนจะค้นหาอีเมลของชลนทีที่บันทึกไว้ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะตอนนี้ความรู้ของเพื่อนสำคัญกับเธอนั่นเอง เมื่อได้ก็จดบันทึกใส่สมุดกันเหนียวไว้ แล้วส่งข้อความทางเอ็มเอสเอ็นไปหา ไม่นานฝั่งตรงข้ามก็ส่งตอบกลับโดยข้อความอย่างแรกคือเสียใจเรื่องพ่อของเธอและขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพปิติญาดาเองก็เข้าใจเพราะเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเร็วมากจึงไม่ได้บอกใครให้รู้ข่าว เธอเองก็ไม่ได้ถือโทษเพื่อนคนนี้ด้วย ก่อนจะเอ่ยขอคำปรึกษาเรื่องการทำเว็บไซต์ ซึ่งเพื่อนก็ใจดีบอกขั้นตอนให้อย่างละเอียด แถมพอรู้ว่าหญิงสาวมีวัตถุประสงค์ที่จะทำอะไร ยังอาสาทำเว็บไซต์ให้ปิติญาดาแบบไม่คิดมูลค่าอีก แม้จะปฏิเสธไม่ขอรับน้ำใจนั้น แต่เพื่อนของเธอก็ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆการพูดคุยของทั้งสองคนจากทางข้อความก็เปลี่ยนมาเป็นคำพูด โดยที่ชลนทีเป็นคนโทรศัพท์มาหาปิติญาดาเองเพราะจะได้คุยกันให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น คนไม่มีความรู้เรื่องเว็บไซต์ก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อเก็บเกี่ยวความ
“ตกลงคิดออกหรือยังว่าจะทำอะไรที่นี่” ขณะถามชายหนุ่มก็มองหน้าปิติญาดาไปตรงๆ พร้อมทำหน้าตาสงสัยว่าทำไมใบหน้าของหญิงสาวถึงได้แดงก่ำแบบนั้น ส่วนคนถูกมองแม้จะพยายามข่มความอายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ ใบหน้าถึงได้ร้อนๆ แบบนี้“ขะ…คิดออก”“แล้วนี่เป็นอะไรของเธอ ตอบตะกุกตะกัก หน้าก็แดงแจ๋ไม่สบายหรือเปล่า” ในที่สุดคนที่สงสัยอยู่นานก็ถามขึ้น ปิติญาดาทำตัวไม่ถูกเผลอสบตากับเขาตรงๆ คราวนี้ใบหน้าที่ว่าแดงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงมากขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงสั่น“ปะ…เปล่านี่”“ช่างเถอะ แล้วที่ว่าคิดออกคืออะไร ว่ามาสิ” คณินเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะเวลานี้เขาปวดศีรษะมาก จนไม่อยากคิดอะไรให้รกสมองไปกว่านี้แล้วเท่านั้นเอง ชายหนุ่มหลับตาขณะรอฟังว่าปิติญาดาจะพูดอะไร แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นสายตาหญิงสาวจับจ้องตรงริมฝีปากหยักของเขาอย่างไม่สามารถละสายตาไปมองที่อื่นได้ แต่คำพูดของคณินก็เรียกสติเธอให้กลับมา“หื้อ… ว่าไงพูดมาสิ รอฟังอยู่&rd
ปิติญาดาแทบกรี๊ดเมื่อริมฝีปากร้อนๆ ของคณินได้ครอบครองยอดบัวงามที่กำลังแข็งเป็นไต ชายหนุ่มดูดกลืนความหอมหวานอย่างหิวกระหายจนหญิงสาวสั่นสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า ตาปรือด้วยอารมณ์ปรารถนาตามธรรมชาติที่กำลังลุกโชนอย่างยากที่จะต้านทาน มืออีกข้างของคณินก็เคล้าคลึงฟ้อนเฟ้นหน้าอกอีกข้างของเธออย่างไม่น้อยหน้าริมฝีปากหยักอันร้ายกาจนั่นแม้แต่น้อย ดวงตาของปิติญาดาเบิกกว้างก่อนจะหลับลงเพราะอารมณ์รัญจวน“ปะ...ปล่อยนะ” เสียงห้ามปรามอันแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด แรงขัดขืนมีอยู่แต่ก็ไม่มากมายจนพอจะทำให้ร่างกายเป็นอิสระจากการครอบครองของคณิน ความรู้สึกวาบหวิวถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า หัวใจดวงน้อยเหมือนจะขาดรอนๆ เพราะไฟปราถนาที่ไม่เคยได้สัมผัสกำลังแผดเผา“บัว...คุณหอมไปทั้งตัวเลยที่รัก” คำเอ่ยเรียกอย่างลืมตัวของคณินที่ได้ยินข้างหู ทำให้ปิติญาดาได้สติ หญิงสาวหยุดนิ่งสมองกลับมาทำงานอีกครั้ง น้ำตาของความน้อยใจกำลังเอ่อล้นเล่นงานคนเข้มแข็งที่ตอนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอให้พ่ายแพ้ปิติญาดา
“ก็เอาแต่พอดีๆ สิคะ ไม่มากและน้อยไป”“ไอ้ความพอดีของคนเรานี่ใช้ไม้บรรทัดวัดได้ก็ดีสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเปรียบเปรยก่อนจะส่ายหน้าให้ ปิติญาดาพลอยถอนหายใจออกมาอีกคน “นี่ก็ดึกแล้วพี่กลับก่อนดีกว่า ยังไงฝากน้องน้ำมนต์ช่วยเช็ดตัวไอ้คิงส์มันอีกสักรอบนะครับ จะได้หลับสบายขึ้น”“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปาก ก่อนจะทำท่าเดินไปยังประตูห้อง เขตไทยจึงชิงพูดขึ้นเพราะเดาท่าทางหญิงสาวออก“ไม่ต้องลงไปส่งหรอก พี่กลับเองได้ น้องน้ำมนต์อยู่ดูแลไอ้คิงส์แล้วกัน” คำพูดนี้ทำเอาคนหวังดีชะงักเท้า เขตไทยหันมามองหน้าคณินพร้อมส่ายหน้าให้ ก่อนจะลงจากชั้นบนแล้วขับรถกลับบ้านของตนส่วนปิติญาดาก็ทำตามที่เขตไทยบอก หญิงสาวหยิบผ้าขนหนูผืนเดิม ก่อนจะนำไปล้างและชุบน้ำออกมาเช็ดตามเนื้อตามตัวให้คณินอีกครั้งแต่หญิงสาวกลับดูเก้ๆ กังๆ มากกว่าตอนที่เขตไทยทำเสียอีก เพราะตอนนี้เสื้อตัวที่คณินสวมอยู่ถูกปลดกระดุมออกเสียทุกเม็ดเผยให้เห็นสัดส่วนน่ามองของผู้ชายที่พึ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก กล้ามเป็นมัดๆ แถมไรขนที่หายลับเข้าไปยังขอบกางเกงนั
เมื่อท้องอิ่ม ปิติญาดาจึงขอตัวเข้าครัวช่วยป้าชื่นล้างจาน จากนั้นก็ปลีกตัวขึ้นไปบนห้องปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันไปตามสบาย คณินและเขตไทยออกมานั่งคุยที่เก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ ชายหนุ่มชวนเพื่อนดื่มเหล้า ซึ่งเขตไทยก็ไม่ขัด เพราะรู้ว่าคนชวนเองก็มีเรื่องในใจ ป้าชื่นจัดแจงเตรียมของให้ ก่อนที่คณินจะบอกให้เข้าไปพักที่เหลือเขาจะจัดการเองทั้งสองหนุ่มพูดคุยเรื่องงานที่จริงจังเป็นอันดับแรก เพราะช่วงนี้มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามามาก จึงต้องวางแผนเรื่องการผลิตให้รอบคอบ เมื่อจบเรื่องงานก็ต่อด้วยสัพเพเหระไปตามเรื่องตามราว ก่อนจะมาจบที่เรื่องหัวใจของคณิน“ฉันได้ข่าวว่าคุณบัวกำลังจะแต่งงาน” คณินชะงักมือกับคำถามนี้ไปนิดหน่อย ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่จับอยู่ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วเอ่ยตอบคำถามนั้นไป“อื้อ...หูไวนี่เอ็ง”“คนไม่ใช่หมา” พอได้ยินคำพูดเหมือนสบายหัวใจดีอยู่ของคณิน เขตไทยก็โล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง แต่ดูท่าทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่คิด พอพูดเรื่องนี้เหล้าในขวดที่มีอยู่เกือบเต็มก่อนจะชนแก้วแรก ตอนนี้ปริมาณของน้ำสีเหลืองได้หายไปเกินครึ่
“วันนี้ เขาแวะไปที่โรงงาน ก็เลยได้รู้จักกัน”“มิน่าล่ะ แกถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่” คณินเหน็บเพื่อนไปหนึ่งดอก เพราะพักหลังๆ เขตไทยหายหัวเข้ากลีบเมฆ ได้ข่าวว่าติดหญิง นี่ก็พึ่งโผล่มาให้เขาเห็น คงเริ่มเบื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วสิ ก็เป็นเสียแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนเขาจะรักจริง คิดเรื่องนี้ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าให้เพื่อน “อย่าหวงไปหน่อยเลยไอ้คิงส์ ไม่ดีเหรอที่เอ็งจะได้ข้าเป็นน้องเขย”“ไม่” คนฟังตอบแบบไม่ต้องคิด ไม้ใช่เพราะเป็นห่วงปิติญาดา ต่อให้เป็นญาติคนอื่น เขาก็ปฏิเสธการเป็นเครือญาติกับเขตไทยอย่างสิ้นเชิง ขอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นพอ อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยก็เถอะ “อ้าวเฮ้ย! ไอ้เพื่อน ทำไมพูดแมวๆ ไม่ให้กำลังใจกันแบบนี้วะ”“เอ้า...ก็ข้าพูดตามความจริงนี่หว่า ลองคิดดู บ้านไหนได้ลูกเขยกะล่อน เจ้าชู้ไก่แจ้อย่างเอ็งไปเป็นเขย คงได้ปวดหัวตาย” “แต่ถ้าข้าได้เป็นเขยครอบครัวเอ็ง รับรองข้าจะเป็นคนดี้ดีที่สุด” เขตไทยเน้นย้ำคำว่าดีให้ได้ยินชัดๆ แต่คณินก็ไม่วายสบประมาทตามเคย “ดีแตกล่ะสิไม่ว่า” “อ้าวๆ อย่าดูถูกนะเว้ย คนอย่างข้าถ้าได้รักใคร รักจริงแน่นอน” เขตไทยยิ้มกริ่มให้ ยังดีที่เป็นเพื่อนกัน พอรู้นิสัยใจคอ เพราะถ้าไ