จางเทียนกับจางเหลี่ยงต้องเข้าเมืองเพื่อไปจัดการเรื่องทาสและสำนักศึกษา จึงต้องรีบออกเดินทางกัน
"คุณชายมู่ท่านจะเข้าเมืองพร้อมข้าเลยหรือไม่" จางเทียนเอ่ยถามมู่หยาง "ข้ายังไปไม่ได้ขอรับ แต่ฝากท่านนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งที่สำนักศึกษาให้อาจารย์หูขอรับ" มู่หยางที่ยังไม่อยากปรากฏตัว เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ เขาจึงได้แต่ส่งข่าวเรื่องที่เขาอยู่ที่หมู่บ้านฟาตงให้คนของเขารู้เท่านั้น จางเทียนก็ไม่ได้เอ่ยถามเขารับจดหมายมาเก็บไว้อย่างไรก็ต้องไปที่สำนักศึกษาอยู่แล้ว "หากท่านยังกลัวมือสังหาร ข้าไปส่งท่านได้นะเจ้าค่ะ" ซินหยานเขยิบตาให้มู่หยางอย่างซุกซน "ไม่รบกวนคุณหนูจาง" มู่หยางถลึงตามองซินหยาน เพราะรู้ทันเรื่องที่นางคิดว่าตัวเขาไม่เอาไหน "ท่านพ่อท่านอย่าลืมของของข้าเล่าเจ้าค่ะ" ซินหยานเอ่ยเตือนบิดาเรื่องเมล็ดผักของนาง "ได้ได้" จางเทียนลูบหัวบุตรสาวก่อนจะเดินไปที่รถม้าที่จางเหลี่ยงนำมาจอดรอตนอยู่ที่หน้าเรือนแล้ว "คุณชายมู่ท่านพักผ่อนตามสบายเลยนะเจ้าค่ะ" ชุยเหมยดึงตัวบุตรสาวเข้าไปห้องเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น "เจ้าบอกแม่มาประเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าไปช่วยชีวิตคุณชายมู่ไว้ได้อย่างไร" ชุยเหมยมองบุตรสาวอย่างคาดคั้น ซินหยานจึงเล่าเรื่องภารกิจที่นางได้รับจากเชาชื่อให้ไปช่วยเหลือมู่หยาง แต่เรื่องที่นางสังหารมือสังหารนางไม่ได้พูดออกไป "เจ้าทำแม่ตกใจเสียหมด แล้วนี่ได้ส่องกระจกหรือยัง" ชุยเหมยดันตัวซินหยานไปที่กระจก กระจกที่ซินหยานนำออกมาจากเชาชื่อไม่เหมือนกระจกที่ใช้กันทั่วไปที่เป็นสีเหลืองขุ่น แต่กระจกของนางใสเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ซินหยานเมื่อเห็นตัวนางในตอนนี้ในกระจกก็อดจะอ้าปากค้างไม่ได้ นางไม่คิดว่าผลลัพธ์ของน้ำวิเศษจะทำให้ผิวพรรณรวมถึงรูปร่างของนางเปลี่ยนไปเช่นนี้ ซินหยานในตอนนี้เพียงแค่สิบสองใกล้จะสิบสามหนาวเท่านั้น แต่รูปร่างของนางราวกับสตรีวัยสิบหกสิบเจ็ดปี "ท่านแม่ ข้าก็ว่าทำไมข้าอึดอัดยิ่งนัก" ซินหยานสำรวจหน้าอกกับความสูงที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมก็อดจะตะลึงไม่ได้ ถึงว่าทำไมทุกคนมองนางแปลกๆ ที่โต๊ะอาหาร "เจ้าจะบอกว่าเป็นน้ำวิเศษของเชาชื่อหรือ" ชุยเหมยในยามนี้สติของนางเตลิดไปแล้ว หากคนอื่นมาล่วงรู้จะไม่เกิดอันตรายหรือ "เจ้าค่ะ ไว้คุณชายมู่กลับไปแล้ว ข้าจะให้ท่านลงไปแช่นะเจ้าค่ะ" ซินหยานอดเย้ามารดาไม่ได้ ความสวยความงามสตรีที่ไหนจะอดใจได "หึ เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าพักเสียเถิดแม่จะออกไปดูคุณชายมู่" ชุยเหมยปล่อยให้ซินหยานได้พักผ่อนอีกหน่อย ซินหยานดึงมีดสั้นขึ้นมาเล่นในมือ ก่อนจะปาไปที่หน้าต่างห้องของนาง "แอบฟังผู้อื่นไม่ดีเลยเจ้าค่ะ" นางเอ่ยเสียงเย็นออกมา "ขออภัย" มู่หยางเปิดหน้าต่างออกก่อนจะดึงมีดสั้นที่เมื่อครู่เกือบจะปักเข้าใบหน้าของตน "ท่านได้ยินเรื่องใดบ้าง" ซินหยานจ้องมองไปที่มู่หยางอย่างดุดัน พร้อมทั้งปล่อยรังสีแห่งการสังหารออกมาด้วย "ซินหยาน อย่าได้ทำอันใดท่านผู้นั้น" เสียงของเชาชื่อเอ่ยห้าม "เหอะ เขาเป็นบิดาเจ้าหรือไง" "เชื่อข้า เรื่องของเจ้าเขาไม่มีทางพูดออกไป" "เช่นนั้น เจ้าต้องให้ค่าปิดปากข้า" "หึ เจ้าจะเอาสิ่งใด" "พื้นที่เก็บของข้าชั่งเล็กนัก ข้าอยากได้เพิ่ม" เพราะนางไปอาจเก็บสิ่งของทั้งหมดในเรือนเข้าไปในช่องเก็บของของนางได้ หากต่อไปมีผู้อื่นมาที่เรือนอีกนางจะได้เก็บของที่แปลกตาเข้าไปไว้ในช่องเก็บของก่อน "ได้" ช่องเก็บของของซินหยานในเวลานี้สามารถเก็บได้อย่างไม่จำกัด นางจึงพอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง มู่หยางมองซินหยานที่อยู่ดีดีนางก็เงียบไป ประเดี๋ยวขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็ยิ้มออกมาราวกับเสียสติ "เจ้าเป็นอันใดหรือไม่" มู่หยางเอ่ยขึ้น "ไม่" "แล้วท่านจะกลับเมื่อใดเจ้าคะ" ซินหยานผายมือเชิญให้มู่หยางเข้ามาในห้องของนาง "ข้ากำลังรอองครักษ์มารับ" มู่หยางกระโดดเข้ามานั่งที่โต๊ะในห้อง "นี่คือสิ่งใด" เขาชี้ไปที่โซฟา "เก้าอี้นั่งเจ้าค่ะ ท่านลองนั่งดู" ซินหยานตบลงที่นั่งข้างๆ นาง "ให้ข้านั่งข้างเจ้าหรือ" "เหอะ ข้าไม่ทำอันใดท่านหรอกเจ้าค่ะ" "มิใช่ เจ้าเป็นสตรี จะเสียหายได้" "แล้วท่านเข้ามาอยู่ในห้องข้า ข้าไม่เสียหายหรือเจ้าคะ" ซินหยานมองมู่หยางเหมือนมองคนโง่ "เอ่อ ขออภัย" "พอ พอ เจ้าค่ะ จะลองนั่งหรือไม่" มู่หยางเดินเข้าไปนั่งข้างซินหยาน เพียงเขาทิ้งตัวลงไป เบาะที่นั่งก็ยวบตัวลง มู่หยางเด้งตัวขึ้นอย่างตกใจ "ฮ่า ฮ่า" ซินหยานกุมท้องหัวเราะ "เพียงเท่านี้ท่านก็ตกใจเสียแล้ว" "เหอะ" มู่หยางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่างแทน เขาทำสีหน้าดุดันเพราะเพิ่งเสียหน้าไป "ขอหวังว่าสิ่งที่ท่านล่วงรู้เมื่อออกจากเรือนของข้าไปท่านจะทิ้งทั้งหมดไว้ข้างหลัง" ซินหยานเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง "ขอเข้าใจแล้ว เพียงแต่เรื่องยาเจ้ายังมีอีกหรือไม่" ยาที่นางให้เขาเพื่อรักษาบาดแผลช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก เขารู้ได้ทันทีเมื่อดื่มยาของนางลงไป สิ่งที่เขาตามหาต้องอยู่ที่นางเป็นแน่ จึงได้ตามกลับมาที่เรือนของนางในคืนนั้น "ท่านต้องการไปเพื่อสิ่งใด" "มารดาข้าป่วยหนัก ที่ข้าเดินทางมาเมืองโจวหนานเพราะมีคนบอกว่าข้าจะหายารักษามารดาได้"มู่หยางต้องการยาไปรักษามารดาจริง ต้าซื่อที่เขานับถือบอกให้เขาเดินทางมาเมืองโจวหนานแล้วจะได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่คิดว่าจะมีผู้อื่นล่วงรู้จนส่งมือสังหารมาจัดการกับเขาองครักษ์ที่ตามคุ้มกันก็แยกไปอีกทางเพื่อเบี่ยงความสนใจของมือสังหาร แต่เพราะจำนวนมือสังหารที่มากเกินไปจึงตามเขามาทัน จนซินหยานมาพบเข้าซินหยานมิได้ตอบว่านางจะให้เขาได้หรือไม่ มู่หยางก็รอคำตอบอย่างใจเย็น แต่ไม่ใช่กับเชาชื่อเขาส่งยาตามที่มู่หยางต้องการมาไว้ในมือของซินหยาน"สู่รู้" ซินหยานกัดฟันต่อว่าเชาชื่อ"อย่างไรข้าก็ต้องช่วยท่านผู้นั้น""เหอะ กับข้าต้องทำภารกิจถึงจะได้""โชคชะตากำหนดมาแล้วซินหยาน""โชคชะตาบ้าอันใด""เห้อ" เชาชื่อไม่อยากเถียงกับซินหยาน เขาเลือกที่จะเงียบเชาชื่อเขามิได้เป็นเพียงระบบเท่านั้น แต่เขาคือผู้ที่ต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาเช่นกัน แต่เพียงไม่รู้ว่าภารกิจของเขาจะจบลงเมื่อใด"รับไป" ซินหยานโยนขวดยาในมือส่งให้มู่หยาง"หากมารดาของข้าหาย ข้าจะมาขอบคุณ...""พอ ไม่ต้อง เพียงอย่าได้นำเรื่องมาให้ข้าอีกก็พอ" ซินหยานโบกมือไล่มู่หยางให้ออกไปจากห้องของนาง"ขอบคุณเจ้ามาก ข้าคงต้องไปแล้ว" มู่หยางได้ยินเสียงสัญ
ครอบครัวของพ่อบ้านทั้งห้าคนที่มาช่วยขนอาหาร ต่างก็หลั่งน้ำตาขอบคุณชุยเหมย เพราะคิดไม่ถึงว่าเพียงวันแรกที่มาถึง อาหารที่แบ่งให้ก็มีเนื้ออยู่ด้วยมากมาย ผ้าห่ม ที่นอน หมอน ที่ซินหยานนำออกมาให้ทุกคนได้ใช้ก็เหมือนกับที่นางใช้เช่นกันเพราะนางเชื่อว่าหากได้กินดีอยู่ดี ย่อมต้องทำงานให้นางได้ดี เช่นตอนที่นางอยู่กับองค์กรใต้ดิน ทุกครั้งที่นางทำภารกิจ ค่าตอบแทนที่นางได้นับว่าสูงมาก ที่อยู่ของใช้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ดีสุด"เชาชื่อ เจ้าว่าข้าควรจะนำบ่อน้ำไว้ที่ใดดี""ไว้ตรงกลางเรือนหลักขอรับ"เพราะเรือนที่จางเทียนทำเป็นเรือนสี่ประสาน เรือนหลักอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยเรือนของจางเหลี่ยงและซินหยาน แต่บุตรทั้งสองก็เลือกที่จะอยู่เรือนเดียวกับบิดามารดา โดยปล่อยเรือนข้างให้ว่างไปก่อน"ไม่ดี" ซินหยานส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยใครจะมาแช่น้ำที่หน้าเรือนหลักกัน ปล่อยให้มันโล่งไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า นางอยากให้บ่อน้ำวิเศษอยู่ในที่ที่ลับตา มีเพียงคนในเรือนที่รู้เท่านั้น ผู้อื่นที่มาที่เรือนนางไม่อยากให้เห็น"ไว้ด้านหลังเรือนข้าดีกว่า"เรือนของซิหยานอยู่ทางทิศตะวันตก ทางฝั่งของนางมีเพียงกำแพงสูงเท่านั้น ต่างจากเรือนของจ
เรื่องการปลูกผักจางเทียนไม่ได้เข้ามายุ่งเขาให้ซินหยานจัดการได้เลย ซินหยานจึงเลือก บ่าวมาสิบคนเพื่อทำสวนของนาง นางเลือกตั้งแต่ สืออี จนถึงเอ้อร์สือ มาคอยดูแลแปลงผัก"พี่สืออี ข้ายกให้ท่านแบ่งหน้าที่ได้เลยเจ้าค่ะ แต่แปลงที่ปลูกกินภายในเรือนต้องแยกจากแปลงที่จะนำไปขายเพราะน้ำที่ใช้รดไม่เหมือนกัน" อาจจะเป็นเพราะสืออีเป็นชื่อเดิมของนาง และนางถูกชะตากับบุรุษที่ใช้ชื่อนี้จึงเลือกเขามาเป็นผู้จัดการน้ำที่ใช้รดแปลงที่ปลูกกินในเรือน ซินหยานนางก็พาบ่าวทั้งสิบคนไปที่หลังเรือนของนาง เพื่อบอกให้เขามานำน้ำในบ่อนี้ไปใช้รด แต่แปลงที่จะปลูกขาดก็ใช้น้ำในแม่น้ำที่ดึงเข้ามาใช้ภายในเรือนเมล็ดผักที่ได้มา ซินหยานก็ให้บ่าวนำไปแช่น้ำเสียก่อน น้ำที่ใช้แช่ก็เป็นน้ำในบ่อที่นางพาไปดู แต่ซินหยานคงลืมไปเพราะนางก็นำเมล็ดผักที่จะนำไปขายแช่ลงไปในน้ำวิเศษเช่นกัน หากกินไม่มาก หรือไม่ได้กินทุกวันก็ไม่เห็นผลจางเทียนก็นำบ่าวที่ถูกแบ่งมาไปที่โรงเรือนของเขา เขาสอนทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกไม้ และการไสไม้ แบบที่ซินหยานวาดให้ก็ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นจ้องมองอย่างเหม่อลอย หากเสร็จออกมาไม่รู้ว่าจะสวยมากเพียงใดแต่สิ่งที่ต้องลงมือทำก่อนอ
ฮ่องเต้กับองค์ชายใหญ่เมื่อฟังสิ่งที่มู่หยางพบเจอต่างก็กัดฟันแน่นอย่างโกรธแค้น เรื่องที่มู่หยางต้องเดินทางไปโจวหนานมีคนล่วงรู้ไม่มากนัก หากจะหาตัวหนอนย่อมไม่ยากเกินกำลังของทั้งสองพระองค์"โชคดีที่น้องสามพบเจอคุณหนูจางมิเช่นนั้น" องค์ชายใหญ่ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตนคิดออกมา"เจ้าสาม เจ้าวางใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้า พ่อมิปล่อยคนชั่วไปแน่" ครั้งนี้ฮ่องเต้คงต้องจัดการไม่ให้อีกฝ่ายเหิมเกริมไปมากกว่านี้ได้แล้ว"ฮองเฮารู้สึกตัวแล้วเพคะ" ฝูมามาเดินออกมาแจ้งทั้งสามพระองค์ที่นั่งรออยู่ด้านนอก"จริงหรือ" ทั้งสามพระองค์รีบลุกเข้าไปห้องบรรทมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฮองเฮาที่หน้าเริ่มมีสีเลือด และเนื้อตัวที่ไม่ได้เหี่ยวแห้งราวท่อนไม้เช่นตอนที่ป่วยอยู่บนเตียง ทั้งสามพระองค์ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้"ฝูมามา หาคนที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลฮองเฮา เรื่องที่ฮองเฮาหายดีแล้ว อย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด" ฮ่องเต้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น"หยางเออร์ ลำบากเจ้าแล้ว" ฮองเฮายื่นมือไปหาบุตรชายคนเล็กของนาง เพื่อให้เขาเดินเข้ามาหานางนับตั้งแต่ที่นางโดนวางยา ก็ไม่อาจลุกขึ้นมานั่งหรือต้อนรับผู้ใดได้ เรื่องวังหลังทั้งหมดอยู่ใน
ผ่านมาสองเดือนซินหยานนางก็อายุได้สิบสามหนาวแล้ว ผักของตระกูลจางก็นำออกสู่ตลาดจนเหลาอาหารในเมืองโจวหนานมีไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า หลงจู๊เฟย ต้องเพิ่มราคาผักจากชั่งละ สองตำลึงเงิน เป็นห้าตำลึงเงิน เพื่อขอให้จางเทียนส่งผักให้ตนมากกว่าเดิม แต่ผักที่ได้ก็ได้มากกว่าเดิมไม่มากนัก เพราะซินหยานนางไม่ได้ใช้น้ำวิเศษเร่งการเติบโต จะมีเพียงใช้แซ่เมล็ดผักก่อนปลูกเท่านั้นลูกค้าที่มาทานอาหารในเหลาอาหารอยู่ประจำสุขภาพก็เริ่มแข็งแรงขึ้นอย่างช้าๆ จนมีคนพบความผิดปกตินี้ จึงได้ไปติดต่อขอซื้อผักจากหลงจู๊เฟย ความฉลาดของเขาย่อมไม่พูดออกไปว่าผักที่นำมาทำอาหารตนได้มาจากที่ไหน หากพูดออกไปแล้วย่อมต้องเสียผักที่ควรจะได้มาทำอาหารขายแบ่งไปให้ผู้อื่นอีกคนตระกูลจางจึงไม่จำเป็นต้องไปส่งผักที่เหลาอาหารแล้ว หลงจู๊เฟยจะส่งคนมารับผักแทน นับว่าเรื่องนี้ก็เป็นผลดีกับตระกูลจางที่ไม่ต้องมีคนมาวุ่นวายที่เรือนของตนมากนักแต่ใครจะคิดเมื่อมีคนตามหามากเข้า จางเซียนจึงได้นำเรื่องเหลาอาหารมารับผักของน้องชายไปขายเป็นข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ จนเขากอบโกยเงินไปได้ไม่น้อย"นายท่าน มีคนมาขอพบอยู่หน้าเรือนขอรับ" พ่อบ้านจางเข้ามาแจ้งจ
จางเซียนรีบไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้านเพื่อแจ้งเรื่องที่เงินของตนหายไป ผู้นำหมู่บ้านเมื่อสอบถามก็อดจะทำสีหน้าประหลาดใจไม่ได้ เพราะในหมู่บ้านไม่เคยมีโจรขโมยมาก่อน"เจ้าแน่ใจหรืออาเซียนว่ามิได้นำไปวางไว้ที่ใด" ผู้นำหมู่บ้านยังแคลงใจ"โถ่ ท่านลุงตง ข้าเป็นคนนำใส่ในหีบเองกับมือ""เช่นกันก็ไปตรวจค้นที่เรือนเจ้าอีกรอบก็แล้วกัน" ผู้นำหมู่บ้านพาชาวบ้านบางส่วนไปที่เรือนของจางเซียนเพื่อหาถุงเงินของเขาอีกรอบเมื่อหาไม่พบ จางเซียนกับนางจูก็ขอตรวจค้นทุกเรือน ชาวบ้านบางส่วนย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมให้ตรวจค้น เพราะหากไม่ให้ค้นนางจูก็กล่าวหาว่าตนเป็นคนขโมยไปซินหยานรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านจากพ่อบ้านจางแล้ว นางจึงของมีค่าและแปลกตาที่อยู่ในเรือนเข้าไปในช่องเก็บของ ของนางจนเรียบร้อยแล้"จางเทียน จางเทียนอยู่หรือไม่" ผู้นำหมู่บ้านตะโกนขึ้นที่หน้าประตูเรือนของจางเทียน"เข้าไปเลย ต้องเป็นพวกมันที่เอาเงินข้าไปแน่" นางจูพูดด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหูเพราะตรวจเรือนในหมู่บ้านครบทุกหลังแล้ว แต่ยังไม่พบถุงเงินของจางเซียนเลย นางจูกับจางเซียนจึงปักใจว่าต้องเป็นคนจากเรือนของจางเทียนที่ไปขโมยเงินของตนมาแน
ชาวบ้านบางส่วนเห็นว่าหมดเรื่องจะช่วยเหลือต่างก็แยกย้ายกันกลับเรือนตนเพื่อไปจัดการงานที่ไม่ได้ทำตั้งแต่เช้า นางจูยังส่งเสียงโวยวายอย่างไม่ยินยอมจนถูกจางเซียนลากกลับเรือนไปหากยังอยู่คงต้องถูกยกเรื่องที่พวกตนขายข่าวของน้องชายขึ้นมาพูดอีกรอบเป็นแน่เมื่อคนทั้งหมดค่อยๆ ออกจากเรือนไป จางเทียนก็เอ่ยรั้งผู้นำหมู่บ้านไว้ก่อน เพื่อพูดเรื่องที่จะให้ชาวบ้านหันมาปลูกผักเพื่อนำออกขายในตลาด ถึงอย่างไรเรือนของพวกตนก็ปลูกขายไม่ทัน สู้แบ่งให้ชาวบ้านได้ผลประโยชน์ไปด้วยจะดีกว่า"เจ้าพูดจริงหรืออาเทียน" ผู้นำหมู่บ้านเมื่อฟังจบก็เงยหน้าสบตาจางเทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ"จริงขอรับอย่างไร เรือนของข้าก็ปลูกออกมาได้ไม่มาก ไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า"จางเทียนบอกให้ผู้นำหมู่บ้านไปสอบถามคนที่ต้องการจะปลูกผัก จางเทียนจะเป็นผู้จัดหาเมล็ดที่ใช้ในการเพาะปลูกให้ เพราะต้องแช่น้ำวิเศษก่อนจะลงปลูก โดยเมื่อปลูกผักได้ ทางจากเทียนจะเป็นคนรับซื้อทั้งหมด ชาวบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องจะขายไม่ได้ ราคารับซื้อก็ให้ชั่งละ สี่ตำลึงเงิน โดยที่เหลาอาหารมารับซื้อในราคา ห้าตำลึงเงิน หากชาวบ้านต้องการนำไปขายเองก็ย่อมได้ แต่เรื่องเมล็ดที่
จางเทียนออกจากเรือนไปพร้อมกับซินหยาน เมื่อไปถึงในเมืองยังมิอาจไปพบจางเหลี่ยงที่สำนักศึกษาได้เพราะเขากำลังเรียนอยู่ ทั้งคู่จึงไปที่ที่ว่าการเพื่อสอบถามว่ามีร้านค้าใดที่บอกขายบ้าง"มาทำอันใดขอรับ" เจ้าหน้าที่ที่ว่าการถามจางเทียน"มาสอบถามเรื่องร้านค้าขอรับ"เจ้าหน้าที่พาสองพ่อลูกเข้าไปด้านในเพื่อติดต่อขอซื้อร้านค้า เจ้าหน้าที่นำแผนที่ ที่ยังว่างมาให้ทั้งคู่ได้ดู"พวกท่านต้องการเปิดร้านอันใดขอรับ" เจ้าหน้าที่สอบถามเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเลือกได้ถูก"ขายเครื่องเรือนขอรับ""มีอยู่ทางทิศตะวันตกอยู่ห้องแห่ง หน้าร้านกว้างขวาง อยู่ติดกับร้านผ้าและร้านเครื่องประดับ" เจ้าหน้าที่กางแผ่นที่ออกแล้วชี้ให้ทั้งคู่ได้ดู"เช่นนั้นขอไปดูก่อนได้หรือไม่" จางเทียนเห็นว่าทำเลค่อนข้างที่จะดี จึงขอไปดูสถานที่จริงก่อน"ได้ขอรับ" เจ้าหน้าที่เดินนำทั้งคู่ออกไปร้านที่ต้องการซื้ออยู่ห่างจากที่ว่าการจึงต้องนั่งรถม้าไป เมื่อรถม้าหยุดลงที่หน้าร้านก็เห็นว่าเป็นจริงดังที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้ พื้นที่หน้าร้านค่อนข้างที่จะกว้างขวางเหมาะให้นำสินค้าออกมาวางให้ลูกค้าชมได้สองร้านค้าที่ขนาบข้างก็มีเหล่าฮูหยินคุณหนูเดินเข้าออกตลอดเ
ฮ่องเต้เมื่อเสร็จงานฉลองเดือนของหลานทั้งสาม พระองค์ก็เดินทางไปตรวจดูนาเกลือด้วยพระองค์เอง ยิ่งเห็นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เพียงดึงน้ำทะเลมากักเก็บไว้ก็สามารถทำเป็นเกลือได้แล้วฮ่องเต้กับฮองเฮาอยู่ที่เมืองเจียซวนอีกเกือบเดือนจึงได้ตัดใจกลับเมืองหลวง จางเทียนกับชุยเหมยก็เดินทางกลับพร้อมขบวนเสด็จด้วย เพราะซินหยานนางคิดว่าอีกไม่กี่เดือนให้บุตรทั้งสามพร้อมจะนั่งรถม้านางก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงหากนางยังไม่กลับ พวกเขาได้หาเรื่องมาหาหลานที่เมืองเจียซวนหรือไม่ว่าพวกนางจะไปที่ใดก็คงจะออกเดินทางไปด้วยเช่นกันบุตรคนโต นามว่าเซี่ยซีห่าว บุตรคนรองเซี่ยซีฮัน บุตรคนเล็กเซี่ยซีจ้าน ทั้งสามล้วนกินง่าย นอนง่าย ยิ่งตอนที่ซินหยานนางสื่อสารกับเชาชื่อ ทั้งสามดูจะสนใจอย่างยิ่ง"เชาชื่อ เจ้าว่าพวกเขาฟังเจ้ารู้เรื่องหรือไม่" ซินหยานที่สังเกตุบุตรชายหลายครั้งก็เอ่ยถามขึ้น"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า" เชาชื่อตอบอย่างแปลกใจเพราะทุกครั้งที่เขาสื่อสารกับซินหยาน เด็กทั้งสามจะหันมาหาแสงของเชาชื่อ เหมือนพวกเขาก็ได้ยินเสียงของเชาชื่อเช่นกันในตอนแรกทั้งคู่ก็คิดว่าคิดไปเอง แต่เมื่อบุตรทั้งสามเข้าเดือนที่หก เมื่อเชาชื่อเอ่ยเ
นับจากวันที่รู้ว่าซินหยานนางตั้งครรภ์แฝดสาม หยางอ๋องก็แทบไม่ให้นางไปที่นาเกลืออีกเลย เพราะกลัวจะเกิดอันตราย ถึงแม้ซินหยานนางจะแข็งแรงมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ทั่วไปก็ตามซงมามาก็วิ่งวุ่นไปทั่วเมืองเจียซวนเพื่อหาแม่นมและหมอตำแยหลายคนเพื่อพามาอยู่ที่ตำหนัก เพราะเป็นครรภ์แฝดไม่รู้ว่าวันใดจะคลอดอาจจะเป็นเพราะซินหยานนางกินได้มากกว่าเดิมและมีเด็กถึงสามคนอยู่ในท้องนางจึงหิวบ่อยกว่าเดิม หยางอ๋องก็ชื่นชอบซินหยานในยามนี้ ที่ตัวนางนุ่มนิ่มจับเต็มไม้เต็มมือเมื่อเข้าเดือนที่แปด ระหว่างที่หยางอ๋องกำลังนวดขาที่บวมของซินหยานให้นาง นางก็ทำสีหน้าประหลาดออกมา"เซี่ยหยาง ข้า ข้า เจ็บท้อง" นางตะโกนเรียกหยางอ๋องเสียงดัง"แล้วจะทำเช่นไร" หยางอ๋องลุกขึ้นเดินไปมารอบห้องอย่างตื่นตระหนก"ไปเรียกหมอเร็ว โอ๊ยยย" ซินหยานนางปาหมอนใส่หยางอ๋องที่ไร้สติ"หมอใช่ หมอ " หยางอ๋องพุ่งตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซงมามาที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบเข้ามาดู นางรีบให้คนจัดเตรียมห้องคลอด และเรียกหมอตำแยมาที่ห้องคลอด "ท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปที่ห้องคลอดเพคะ" ซงมามาผลักตัวหยางอ๋องที่ยื่นตระหนกอยู่หน้าห้องให้ไปอุ้มซินหยานแม้แต่เดินมาพานางไ
คนทั้งสิบของซินหยานที่ไม่เคยเห็นคุณหนูของตนเป็นเช่นนี้ อาการที่แสดงออกมาก็ไม่ต่างไปจากหยางอ๋อง เพราะไม่รู้ว่าทำเช่นใด เมื่อได้สติต่างก็รีบไปตามหาหมอมาดูคุณหนูของตนจนวุ่นวายไปหมดหมอมาที่ตำหนักของหยางอ๋องถึงห้าคน ซงมามาส่ายหัวให้คนของซินหยานอย่างเหนื่อยใจ นางเดินพาหมอเข้าไปด้านในห้องที่ซินหยานยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง"ลงมือตรวจประเดี๋ยวนี้" หยางอ๋องหมดความอดทนเมื่อเห็นหมอเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเข้าไปตรวจให้ซินหยาน"พ่ะย่ะค่ะ" หมอทั้งห้ายืนล้อมรอบเตียงซินหยานอย่างขวัญเสียแต่ละคนไม่กล้าที่จะชักช้า แต่เพราะความหวาดกลัวสายตาของหยางอ๋องทำให้พวกเขาคอยผลัดกับจับชีพจรแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เพราะไม่มีสมาธิกับการตรวจ"ท่านอ๋องเพคะ" ซงมามาเอ่ยห้ามเมื่อเห็นหยางอ๋องกำลังจะมีโทสะอีกครั้ง"ท่านหมอเร่งมือเสียเถิด" ซงมามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้นางจะตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ต้องคุมสติให้ได้"พระชายาตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หมอหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเมื่อหมอคนแรกพูดเช่นนั้น ที่เหลือต่างก็กล้าเข้าไปจับชีพจร ทุกคนต่างลงความเห็นเช่นเดียวกับหมอคนแรกที่กล้าเอ่ยออกมา หากพระชายามิได้ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคร้ายหัวของพวกเ
เมื่อถึงเมืองเจียซวนที่ติดทะเล ซินหยานนางก็คิดจะปักหลักอยู่ที่เมืองนี้เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะกับการทำนาเกลือ ขุนนางต่างๆ ที่รู้เรื่องต่างก็ออกมาต้อนรับพร้อมจัดหาที่พักให้ทั้งคู่ท่านเจ้าเมืองถัง ก็ส่งบุตรสาวมาดูแลความเป็นอยู่ของทั้งคู่ โดยที่เขาลืมนึกไปว่าหยางอ๋องมีราชโองการไม่รับอนุเข้าตำหนัก คุณหนูถังก็เห็นดีเห็นงามกับบิดา เมื่อได้เห็นใบหน้าของหยางอ๋อง"ท่านอ๋องเพคะ ชื่นชอบที่พักที่หม่อมฉันจัดให้หรือไม่เพคะ" คุณหนูถังช้อนสายตาขึ้นมองหยางอ๋องอย่างใจกล้า"หมดเรื่องของเจ้าแล้ว กลับไปเสียเปิ่นหวางต้องการพักผ่อน" หยางอ๋องเอ่ยปากไล่ แม้แต่หางตาก็ไม่ปรายมองคุณหนูถังนางทำหน้าหนาไม่สนคำไล่ของหยางอ๋อง แต่กลับไปพูดคุยกับซินหยานแทน งานเลี้ยงต้อนรับหยางอ๋องกับพระชายา นางก็เป็นแม่งานเตรียมการทุกอย่างด้วยตนเองนางรำ สาวใช้ที่เข้ามาดูแลคอยรินสุราก็เป็นนางที่จัดการทั้งหมด ซินหยานมองคุณหนูถังอย่างรู้ทัน แต่แทนที่นางจะจัดการคุณหนูถังแต่ซินหยานกลับเปิดโอกาสให้คุณหนูถังได้เอาใจหยางอ๋องเต็มที่"หยานเออร์ มานั่งข้างเปิ่นหวาง" หยางอ๋องก็เหมือนจะรู้ใจพระชายาของตน เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่มันกลับทำ
หยางอ๋องไม่เสียเวลาสนทนาเรื่องอื่น เขาอุ้มซินหยานไปวางลงที่เตียงอย่างเบามือ สิ่งที่เขาต้องอดกลั้นมายาวนานยามนี้ถึงเวลาสิ้นสุดลงแล้ว เขาจะเสียเวลาได้อย่างไรริมฝีปากของหยางอ๋องเคลื่อนไหวช้าๆ ไปตามลำคอ สัมผัสเบาๆ ที่ลูบไล้ไปตามร่างกายของซินหยานทำให้นางส่งเสียงครางอ่อนออกมา เพียงเสียงของนางก็ทำให้ความเป็นชายของหยางอ๋องผงาดเหมือนสิงโตที่พร้อมจะล่าเหยื่อ"หยานเออร์" เขาเอ่ยเรียกนางอย่างปรารถนาเสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว หยางอ๋องจ้องมองรูปร่างของนางอย่างหลงใหล เขาฝันถึงเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้าของนางตั้งแต่ที่บ่อน้ำวิเศษวันนั้นยิ่งได้มาเห็นเช่นนี้ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนางอย่างละโมบ"อ๊าาา" ซินหยานส่งเสียงหวาน พร้อมสายตาที่หยาดเยิ้มหยางอ๋องเผลอมองอย่างตกตะลึง ก่อนจะมอบจุมพิตที่ดูดดื่ม เต็มไปด้วยความปรารถนาและความกระหาย ซินหยานนางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อหยางอ๋องส่งความเป็นชายของเขาเข้ามาในร่างของนาง"เจ็บมากหรือไม่" หยางอ๋องจำต้องหยุดนิ่งเพื่อให้นนางปรับตัวเมื่อเห็นว่าซินหยานคลายความเจ็บปวดลงแล้ว หยางอ๋องก็ดันเข้าไปจนสุด ซินหยานรู้สึกถึงความร้อ
ภายในจวนตระกูลจางเต็มไปด้วยผ้าแดงที่ใช้ตกแต่งเต็มเรือน คนงานทั้งหมดล้วนแล้วแต่ใส่มีแดงมงคล ซงมามาเดินตรวจสอบว่ามีสิ่งใดขาดเหลือหรือไม่ซินหยานที่ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ปลายยามโฉ่ว(01.00-02.59น.) นางถูกซงมามาจับขัดตัว แช่น้ำนม ครั้งสุดท้ายซินหยานนางให้เสี่ยวเหลียนไปเก็บดอกบัวในบ่อน้ำของนางมาให้นางแช่กลิ่นดอกบัวที่ปลูกอยู่ในบ่อน้ำวิเศษซึมเข้าสู่ผิวของนาง กลิ่นกายของนางในยามนี้ชวนให้ผู้ได้กลิ่นอยากจะดอมดมไม่รู้คลาย ยิ่งสูดดมก็รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจอย่างบอกไม่ถูกกว่าจะเสร็จเรื่องอาบน้ำ จนมาแต่งหน้าแต่งตัวก็กินเวลาไปหลายชั่วยาม จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงหน้าจวนตระกูลจางแล้ว องค์ชายใหญ่ที่ในยามนี้โดนแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเป็นผู้นำขบวนร่วมกับน้องชายเซี่ยหยางก็เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง ยามนี้จึงต้องเรียกเขาว่าหยางอ๋อง แต่เรื่องจะไปปกครองหัวเมืองใด หยางอ๋องรอถามพระชายาของตนก่อนซินหยานนางไม่คิดว่านางจะตื่นเต้นมากเพียงนี้ ฝ่ามือของนางมีเหงื่อออก นางตื่นเต้นยิ่งกว่าได้ฆ่าคนครั้งแรกเสียอีก ซงมามากับเสี่ยวเหลียนช่วยกันประคองซินหยานเดินออกจากห้องเพราะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ทำให้นางล
สิ่งของที่ซินหยานนางเตรียมให้พี่ชาย อากุ้ยบุตรชายพ่อบ้านจางก็ได้เช่นเดียวกัน ซินหยานนางไม่ได้ไปส่งพี่ชายที่สนามสอบ เพราะซงมามานางไม่ให้ซินหยานออกจากเรือนแม้แต่ที่เพาะปลูกที่บิดาหาซื้อไว้นางยังไม่ได้ไปดูเลยสักครั้ง ทำได้เพียงให้สืออี สืออู๋ไปดูแทนนางและนำเมล็ดที่แช่น้ำวิเศษไปส่งให้คนงานในสวนคนงานเก่าที่อยู่กันมาตั้งแต่แรกที่เมืองโจวหนานก็พามาอยู่ที่เมืองหลวงทั้งหมดแล้ว เรือนที่หมู่บ้านก็มีท่านผู้นำหมู่บ้านตงเป็นผู้ดูแลให้แทนจางเหลี่ยงอยู่ในสนามสอบสามวัน เมื่อออกมาจากสนามสอบเขาก็ไม่ได้ดูแย่เท่าบัณฑิตผู้อื่น เมื่อกลับถึงเรือนยังพูดอวดน้องสาวว่าข้อสอบไม่ได้ยากอย่างที่คิด ให้น้องสาวรอฟังข่าวดีได้เลย"หากท่านได้ที่ไม่ดี ข้าจะทุบตีท่าน" ซินหยานเอ่ยอย่างหมั่นไส้"ไหนเจ้าบอกให้พี่เพียงสอบผ่านเท่านั้นไงเล่า" จางเหลี่ยงเอ่ยอย่างไม่ยินยอม"ก็ใครให้ท่านอวดเก่งกับข้าเล่า" ซินหยานลากพี่ชายที่เพิ่งกลับมาไปที่ลานฝึกซ้อมของนางทันทีกว่าซินหยานจะปล่อยตัวจางเหลี่ยงเขาก็ลงไปนอนที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นับจากนั้นถึงได้รู้ว่าไม่ควรพูดอวดเก่งต่อหน้าน้องสาวที่แสนดีของตนซินหยานลากจางเหลี่ยงมาฝึกวรยุทธทุกวั
เพราะคำพูดของเชาชื่อทำให้ซินหยานส่งยาไปให้จ้าวฟางหรง ม้าเร็วจากเมืองหลวงวิ่งโดยไม่หยุดพัก เปลี่ยนม้าระวังทางไปนับสิบตัวกว่าจะมาถึงชายแดนเหนือสือซานคือผู้นำยามามอบให้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งนำคำพูดของซินหยานมาถึงจ้าวฟางหรงด้วย เมื่อจ้าวฟางหรงเห็นหน้าสือซานก็รู้ได้ทันทีว่าเห็นคนของซินหยานจึงไล่คนทั้งหมดให้ออกไป"คุณหนูฝากมาให้ท่านขอรับ" สือซานส่งขวดยาให้จ้าวฟางหรง พร้อมทั้งช่วยประคองเขาให้ดื่มยา"ฝากขอบคุณนางด้วย""คุณหนูยังบอกอีกด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนางไม่โทษท่านอีกแล้ว ขอให้ท่านรักษาตัวด้วยขอรับ" สือซานเมื่อหมดหน้าที่เขาก็กลับออกมาจากจวนท่านแม่ทัพ ก่อนจะเดินทางกลับสือซานหยุดพักที่โรงเตี๊ยมอยู่สองวันจ้าวฟางหรงก็เหมือนคิดได้ เพราะในตอนนี้เขากับนางไม่ได้เป็นอันใดกัน และนางกำลังจะมีครอบครัวของนางเอง เขาควรจะร่วมยินดีกลับนางถึงจะถูกเซี่ยหยางเมื่อมาหาซินหยานในตอนกลางคืนไม่ได้ เขาก็มาที่เรือนตระกูลจางในตอนกลางวันแทน แต่ก็ยังถูกซงมามาขัดขวางไม่ให้พบหน้าซินหยานอยู่ดีซินหยานนอกจากจะเรียนมารยาทกับซงมามา นางยังถูกบังคับให้ปักผ้าคลุมหน้าด้วยตัวเอง มือที่จับแต่มีดสั้น ดาบ พอมาจับเข็มกลับถ
เมื่อถึงวันงานปักปิ่น ฮองเฮาเสด็จมาเป็นผู้ปักปิ่นให้นางด้วยพระองค์เอง ซงมามานางมาช่วยจัดเตรียมงานตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว และในตอนนี้ก็ยังจับซินหยานแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง"ซงมามา หากแต่งเพิ่มข้าว่าจะสายแล้วนะเจ้าคะ" ซินหยานอดเย้าซงมามาไม่ได้ นอกจากจะจับนางขัดผิวแช่น้ำนมตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้ยังจับนางแต่งหน้าเสียจนแป้งที่หน้าจะหนากว่าแป้งขนมแล้ว"ท่านหญิง ท่านก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ""ว่าแต่ข้ากับซงมามาวันนี้ใครงามกว่ากัน" ซินหยานกระซิบอย่างขี้เล่นกับซงมามาเมื่อถึงเวลาซงมามาก็พาซินหยานเดินเข้าไปในงาน ความงามของซินหยานทำให้บุรุษที่มาร่วมงานต่างมองนางตาค้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมขององค์ชายสามต่างก็ก้มหน้าลงอย่างพร้อมเพรียงกันอาหารในงานทำให้ทุกคนยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าผักที่ถูกส่งมาจากเมืองโจวหนานเป็นผักของตระกูลจางก็ยิ่งอยากจะให้จางเทียนมาปลูกผักขายในเมืองหลวงเมื่องานปักปิ่นดำเนินตามพิธีเสร็จสิ้นลง เซี่ยหยางก็ทำหน้าหนาประกาศฤกษ์แต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนหลังจากนี้ทันที"เซี่ย หยาง" ซินหยานกัดฟันอย่างมีโทสะ เมื่อคืนเขาก็ลอบเข้ามาหานางแต่ไม่ได้พูดเรื่องฤกษ์มงคลกับนางเลยแม้แ