Share

Chapter 23. ใครเรียกชื่อข้า

Author: เพลงมีนา
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ

ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่อาหมานของนาง แม้มีใบหน้าเดียวกัน รูปร่างเช่นเดียวกัน ทว่าแววตาของเขา ไม่ใช่อาหนามที่นางรู้จัก

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะไม่ไกลนัก กลับมาอีกครั้งพร้อมชามใส่ยา

“เจ้าตื่นมาก็ดีแล้ว ดื่มยาเสียหน่อย มันขมไปนิดแต่ช่วยขับพิษในร่างกายของเจ้า”

เขาช้อนศีรษะนางขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างถือชามยาจ่อที่ปากของนาง ดวงตาของหญิงสาวยังเบิกตากว้างมองเขาอย่างงุนงง แต่อีกฝ่ายกลับเห็นเพียงเป็นความขบขัน มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นทำให้ใบหน้าซีดเซียวนั้นแลดูอ่อนโยนยิ่งนัก

“อ้าปากแล้วดื่มยาเสีย ก่อนนี้เป็นเจ้าที่บังคับข้า แต่เวลานี้ข้าต้องบังคับเจ้าแล้ว”

เหมยซิงยอมดื่มยาแสนขมจนหมดชาม มองเขาประคองนางลงนอน เขาเดินเอาชามยาไปวางแล้วกลับมาห่มผ้าให้

‘ก่อนหน้านี้ เขาขยับตัวแทบไม่ได้ เหตุใดยามนี้เดินเหินได้ปกติ พูดจาโต้ตอบได้ปกติ’

“เจ้า...เจ้า...ไม่ใช่อาหมาน”

ชายหนุ่มได้ยินที่นางเอ่ยออกมา เขายังคงคลี่ยิ้มอ่อนโยน นั่งลงริมเตียงแล้วโน้มหน้าลงจรด
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 24.ความตายครั้งที่สอง?

    ชายหนุ่มก้มมองฝ่ามือตัวเอง มือคู่นี่ผอมแกร็นเหมือนกิ่งไม้ นึกถึงร่างกายที่เริ่มขยับตัวไม่ได้ และเข้าสู่สภาวะคนใกล้ตายทุกขณะ เขาคิดถึงนาง เขาได้ยินบ่าวไพร่กระซิบกระซาบนินทาพูดถึงเหมยซิงที่ถูกโยนทิ้งในป่าช้าอย่างน่าอนาถ ด้วยใจที่คิดถึง หรือพลังใดไม่อาจรู้ได้ เขาลุกขึ้นยืน และก้าวออกไปทีละก้าวทีละก้าว รู้เพียงแค่ต้องไปพบนาง นางถูกทิ้งที่ป่าช้า เมื่อไปถึงกลับถูกคนกลุ่มหนึ่งทำร้าย เขาหนีไม่ได้ไกลนัก ลื่นหกล้มไปทับร่างของผู้อื่นที่เขาเองไม่รู้ชะตากรรม เห็นเสื้อเปื้อนเลือดของคนผู้นั้นแล้ว เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ถอดเสื้อของชายไร้ลมหายใจผู้นั้นเอาเสื้อตัวนอกมาสวมคลุมร่างตนแล้วแสร้งเป็นคนตาย ทว่าเหมือนสติสุดท้ายดับวูบลง เหมือนเพียงแค่หลับไป เขารับรู้ทุกเรื่องราวแต่ทำได้แค่เฝ้ามอง ดวงจิตของซุนเว่ยหมินมาอาศัยร่างของเขา ไม่ว่าจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอย่างไร ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ จนกระทั่งลูกเกาทัณฑ์นั้นพุ่งตรงทะลุอกของเหมยซิงราวกับมีสายฟ้าฟาดที่ร่างของเขา เสียงคำรามดังกึกก้อง ดวงจิตของเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เป็นจังหวะที่พ่อบ้านหวางมู่นำคนมาช่วยเขาพอดี พ่อบ้านหวางมู่ซึ่งเตรียมพร้อมพาเขาเดิน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 25. เป็นกังวล

    “เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า” เขาพูดพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “หลายเดือนก่อน เจ้าไปสมัครเป็นหญิงรับใช้ที่บ้านตระกูลหวัง ตระกูลหวังทำการค้ากับครอบครัวข้ามาช้านาน ทางนั้นได้ข่าวว่าข้าจะไปเยี่ยมเยือนบ้านบรรพชนจึงได้รับสาวใช้ไว้คนหนึ่งเพื่อคอยดูแลข้า ข้าจึงได้รู้จักเจ้า...ซึ่งสภาพข้าคราวนั้นก็ไม่ต่างที่เจ้าเคยแบกร่างนี้ขึ้นหลังของเจ้าเท่าใดนักหรอก” “ข้า...เป็นสาวใช้ของท่านหรือ?” เหมยซิงชี้นิ้วที่หน้าตัวเองแล้วหันปลายนิ้วไปยังชายหนุ่มผิวขาวซีดตรงหน้า หานหงปิงส่งยิ้มเอ็นดูให้นาง “เจ้าเป็นคนเดียวที่ดูแลข้าจากใจจริง แต่เพราะเจ้าสนิทสนมกับข้ามากเกินไป ทำให้ถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมยถูกลงโทษจนตาย” “เจ้า...เจ้า...รู้...” นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดจะมีคนรู้เรื่องนี้ นางเห็นเขายังยิ้ม นางจึงสูดลมหายใจลึกเรียกสติ แต่กลับเจ็บบาดแผลจนต้องยกมือขึ้นกดหน้าอก “อย่าขยับตัวแรงเกินไป กว่าจะห้ามเลือดให้เจ้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังเสียเลือดมากไป เจ้าเฉียดความตายครั้งที่สองแล้ว” “ความตายครั้งที่สอง?” “ถ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 26.คิดจะไปจากข้า? ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกซิงเอ๋อร์

    “ใช่ ๆ แม่กลับมาแล้ว” นางนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ดวงตามีน้ำตาคลอเบ้า “แม่ได้รับข่าวจากพ่อบ้านก็รีบกลับมาทันที ลูกปิงเอ๋อร์ของแม่...เจ้า...ดูดีขึ้นมาก”‘ซ้ำยังกินอาหารเองอีกด้วย’ ประโยคหลังมิกล้าเอ่ยออกไปเกรงลูกชายคนเดียวของตระกูลจะน้อยใจทิ้งตะเกียบเสีย “เอ่อ...” เหมยซิงผู้ไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ห่วงกินก็ห่วง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้แต่กลอกตามองคนรอบกายสลับไปมา “แม่นางผู้นี้...” “ท่านแม่ นี่คือเหมยซิง นางเป็นผู้มีพระคุณของลูก” หานหงปิงแนะนำ “ซิงเอ๋อร์ นี่ท่านแม่ของข้าเอง” “ท่านแม่ อุ๊ย ท่านหญิง เอ..ไม่ใช่ซิ..พ่อบ้านหวางมู่ ข้าต้องเรียกท่านแม่ของหานหงปิงว่าอย่างไร” “เรียกฮูหยินใหญ่!” “อ๋อ! ข้าน้อยเหมยซิง คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ” นางลุกขึ้นยืนแล้วย่อตัวคารวะ แต่เพราะไม่คุ้นเคยท่าทางจึงดูแปลกตาพิกล แต่กระนั้นฮูหยินใหญ่ก็มิได้ถือสา ยื่นมือไปแตะมือของเหมยซิงให้ลุกขึ้น “นั่งเถิด กินข้าวกันอยู่รึ ดีจริง กินเยอะ ๆ นะ อยากกินอะไรบอกพ่อบ้างหวางมู่ได้เลย” “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 27.บ้านของเจ้าใหญ่จริง

    “เอาเถอะ เห็นแก่ที่เจ้ายอมเจ็บตัวปกป้องคุณชายใหญ่ ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเจ้า แต่เจ้าจงจำไว้ว่าตัวยาที่นำมาใช้ถอนพิษให้เจ้านั้นเป็นตัวยาที่หายาก และราคาสูงนัก เจ้าก็ทำตัวให้คุ้มค่ายาที่คุณชายใหญ่ลงทุนกับเจ้าหน่อยก็แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” นางอยากต่อปากต่อคำแต่เกรงว่าจะยิ่งทำให้พ่อบ้านหวางมู่มองนางไม่ดีมากยิ่งขึ้น นางจึงจำใจรับคำไปเสียอย่างนั้น พ่อบ้านเห็นนางไม่พูดอะไรอีกจึงร้องบอกผู้อยู่ด้านในก่อนผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นยาฉุนกึกปะทะปลายจมูกของเหมยซิงทันที นางทำหน้าแหย แค่ยาที่นางดื่มวันละสามเวลา ก็แทบจะวิงวอนร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว นี่ในห้องนอนของเขามีกลิ่นยาอบอวลเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ได้ช่วยให้เขาหายดีแต่อาจเป็นสาเหตุให้เขาล้มป่วยไม่แข็งแรง เอ๋?... ไม่นะ... คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้หรอกนะ หานหงปิงขมวดคิ้วกับอาหารเบื้องหน้า ทว่าเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กโผล่หน้ามาจากด้านหลังพ่อบ้านหวางมู่ เรียวปากที่เป็นเส้นตรงกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยิ่งได้เห็นนางสวมอาภรณ์งดงาม และมีปิ่นประดับศีรษะ ทำให้เขาพยักหน้าอย่างพอใจ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 28.  มีอีกเรื่อง

    “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ระหว่างที่เจ้ายังต้องกินยาให้ครบสามสิบวัน เจ้าลองศึกษาดูว่าจะทำการค้าใด ข้าจำได้ว่าเจ้าอยากค้าขาย อยากดูแลพ่อบุญธรรมและน้อง ๆ ตระกูลหานของข้าแม้เป็นตระกูลเล็ก ๆ แต่ทำการค้ามาถึงสามชั่วอายุคนแล้ว หากมิใช่ข้ามีสภาพน่าเวทนาเช่นที่เจ้าเห็น ข้าเองต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการแล้ว” “ดียิ่ง เห็นทีต้องรบกวนเจ้าแล้ว” นางยิ้มอย่างดีใจกลอกตามองไปรอบกาย นี่ขนาดเป็นตระกูลเล็ก ๆ บ้านช่องยังใหญ่โตกว่านางหลายร้อยหลายพันเท่านัก “จริงซิ มีอีกเรื่องหนึ่ง” “เจ้าว่ามาเถิด” “ในห้องนอนของเจ้าทั้งอับทั้งทึบ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก แถมยังมีควันอะไรเต็มห้องอีกก็ไม่รู้ ข้าว่าเจ้าให้คนรับใช้เปิดหน้าต่างประตูระบายอากาศ แล้วเอาควันฉุน ๆ นั้นออกไปได้ไหม?” “ควันฉุน ๆ ที่เจ้าว่าคงเป็นกำยานของท่านอา ท่านอาเคยบอกว่าเป็นกำยานสมุนไพรมาจากทิเบตจุดในห้องนอนจะทำให้สุขภาพดีขึ้น” “แล้วดีขึ้นไหม อุ๊บ!” นางรีบปิดปากตัวเองที่รู้ว่าตนเผลอพลั้งปากพูดอย่างที่ใจคิดอีกแล้ว แม้หานหงปิงจะแย้มยิ้มแต่วูบหนึ่งในแววตามีประกายลึกล้ำที่ย

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 29. คิดจะไปจากข้า?

    และเพราะคำขอร้องของพ่อบ้านหวางมู่ที่ให้นางช่วยกินอาหารเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่ หลังจากกินมื้อเย็นแล้ว นางจะกลับห้องของตนเอง แต่พูดคุยติดพันกัน นางควรเป็นฝ่ายส่งเขาเข้านอน แต่กลับผล็อยหลับไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ตื่นมาก็เห็นสีหน้าถมึงทึงของพ่อบ้านหวางมู่กับรอยยิ้มอ่อนโยนของหานหงปิงแล้ว นางคิดว่าเรื่องนี้คงรู้กันไปถ้วนทั่วแล้ว จึงเป็นเหตุให้พ่อบ้านหวางมู่มาพบนางพร้อมแจ้งว่าฮูหยินใหญ่ต้องการพบ แต่ก่อนนั้นนางเคยนอนเตียงเดียวกับเขาก็จริง แต่เพราะเป็นความจำเป็นต่างหาก เวลานี้นางเกรงว่าผู้อื่นจะคิดว่านางใฝ่สูง ใช้ร่างกายปีนป่ายตำแหน่งภรรยาของหานหงปิง แต่เมื่อพ่อบ้านหวางมู่นำทางมาถึงห้องโถงใหญ่ นางจึงรู้ว่าหานหงปิงรออยู่ก่อนแล้ว และบรรยากาศไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางหวาดกลัว “บาดแผลของเจ้าเป็นเช่นไร ดีขึ้นหรือไม่” “ผ่านมาสิบวันแล้ว อาการของข้า...ข้าน้อยดีขึ้นมากเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกระจ่าง หานหงปิงยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม เขามักยิ้มอยู่เสมอเพียงแค่มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มคือสิ่งใด เขามองเหมยซิงแล้วส่ายหน้าไปมา นางคงไม

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 30. เจ็บแปลบ

    “ออกไปหลายวันได้เรื่องหรือไม่” จากเดิมที่น้ำเสียงอ่อนโยนพลันแข็งกร้าว แน่นอนว่านางคือหานฮูหยิน ผู้รั้งตำแหน่งประมุขตระกูลหาน นางจึงมิใช่หญิงอ่อนแออย่างที่คนอื่นเข้าใจ“ข้าอ่อนด้อยความสามารถ ยังไม่อาจสืบได้แน่ชัดว่าผู้ใดลอบทำร้ายหลานหงปิง” หานเหวินซิ่งแสดงท่าทีสำนึกผิด แต่ปรายตามองยังหลานชายแล้วส่งยิ้มให้ “เจ้าดูดีกว่าเมื่อก่อนนัก ราวกับมิใช่คนเดียวกัน”“เหลวไหล!” หานฮูหยินทุบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาหงหนิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตกใจแต่ก้มหน้าหลบสายตาของทุกคน“ที่ปิงเอ๋อร์เป็นเช่นนี้เพราะข้าสวดวิงวอนต่อสวรรค์ สวรรค์เมตตาจึงให้ปิงเอ๋อร์พ้นเคราะห์กรรมกลับมาดีเช่นคนปกติทั่วไป เจ้าเองแม้จะเป็นน้องชายของสามีข้า แต่เจ้าก็เป็นบุตรอันเกิดจากหญิงรับใช้ เดิมฮูหยินผู้เฒ่าก็มิใคร่พอใจในตัวเจ้านัก หากสามีของข้ามิให้โอกาสเจ้า คิดเรอะว่าเจ้าจะมีที่ยืนอยู่ในตระกูลหาน”“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่คอยเตือนสติข้า” หานเหวินซิ่งเพียงพูดด้วยน้ำเสียงเจียมตน“ใครกล้าบังอาจทำร้ายลูกปิงเอ๋อร์ของข้า มันผู้นั้นมิได้ตายดีเป็นแน่ เจ้าก็เร่งเสาะหาว่าเป็นผู้ใด อย่าให้ข้าต้องลงมือเอง”“ข้าทราบแล้ว”“ท่านแม่ ข้าขอตัวไปดูแลซิ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 31.หัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดกรีด

    หญิงสาวถูกกอดรัดในแวงแขนแข็งแกร่ง รู้สึกได้ว่าฝ่ามือใหญ่แตะแผ่นหลังของนางอยู่ นางร้องครางเจ็บปวดออกมาคราหนึ่ง พยายามดิ้นรนสุดแรงเพื่อให้หลุดออกจากการถูกกักขังด้วยร่างกายใหญ่โตของเขา“อย่าดิ้นรนส่งเดช แผลของเจ้าเปิดแล้ว”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าบาดเจ็บ” นางเงยหน้าจ้องมองดวงตาคู่นั้น ยังไม่ทันได้คำตอบ ชายชุดดำปลดผ้าคลุ่มไหล่ออกมาห่อร่างของนาง และช้อนตัวนางอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายบุรุษในชุดดำหันไปส่งสัญญาณให้คนที่ติดตามมาด้วย เหมยซิง ตกใจแต่ร้องไม่ออก เขาอุ้มนางกระโดดตัวลอยราวกับเหาะได้ นี่กระมังที่เรียกว่าวิชาตัวเบา นางถูกเขากอดแน่นไม่อาจดิ้นรนขัดขืนได้“เจ้า! ปล่อยข้านะ! ปล่อย!”“ข้าปล่อยเจ้าแน่แต่ไม่ใช่ที่นี่”เหมยซิงถูกห่อด้วยผ้าคลุมสีดำ นางไม่เห็นสิ่งใดอีก นอกจากได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวเร็วของตนเอง และระลอกความเจ็บปวดที่ทำให้นางหมดสติไปอีกครา. บุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีดำสนิทเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง จวบจนหญิงรับใช้เปิดประตูออกมาพร้อมเสื้อผ้าเปื้อนเลือด “นางเป็นอย่างไรบ้าง” “เรียนท่านอ๋อง หมอหญิงกำลังทำแผลให้แม่นาง เสื้อผ้าของแม่นางเปื้อนเลือด บ่าวจะไปนำ

Latest chapter

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 67.  กล่าวคำลา

    “ดาว...” “ขอบใจนะศรัณย์” เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับหน้าผากของชายหนุ่ม “ปล่อยดาวไปเถิดนะ” พันดาวสบตาศรัณย์พลันนึกถึงชายอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว แววตาของคนที่เธอรัก เธอไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่เพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาจนหมดหัวใจ “เหมยซิง!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เหลียวมองรอบตัว ใครกันนะ ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ในห้องเต็มไปด้วยพยาบาลและคุณหมอ มารดาของพันดาวเดินตามนายแพทย์ท่านหนึ่งเข้ามา เท้าของหญิงวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนเห็นร่างของลูกสาวเป็นเงาจาง ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ยัยดาว!” “แม่” พันดาวหันกลับมาแล้วส่งยิ้มกว้าง “ดาวรักแม่นะคะ” แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูเธอ แต่อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจว่าลูกสาวคนนี้ต้องการอะไร เพียงแค่นี้พันดาวก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว “เหมยซิง!” หญิงสาวหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน พยายามนึกว่าเป็นเสียงของใคร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 66.  เสียงระเบิด 

    เสียงระเบิดทำให้เหมยซิงหูอื้อ นางพยายามเบิกตากว้าง ภาพที่เห็นยามนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันนั้น ขาดก็เพียงไม่มีสุนัขจิ้งจอกยืนจ้องหน้านาง ดวงตาคู่นั้น... ไฉนเหมือนดวงตาของเด็กชายอายุสิบสองที่ทุกคนก้มศีรษะให้ในฐานะองค์รัชทายาทนักนะ! ความเจ็บปวดแทรกเข้ามาในศีรษะทำให้ดวงตาสุกใสต้องปิดเปลือกตาแน่น ความมืดเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะ ไม่อาจฟื้นรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างอีกแล้ว!. เสียงร้องไห้เรียกสติของหญิงสาวที่ลืมตาอยู่ในความมืดให้เดินตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้นทำให้ต้องลืมตาอีกครั้งแล้วพบชายใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในชุดสีฟ้ากระจ่าง ใช่แล้ว เธอเคยบอกเขาว่าเขาดูเป็นผู้ชายโรแมนติกในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าละมุนตาอย่างนี้ ความดำมืดค่อย ๆ จางหาย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เท้าเล็ก ๆ พาร่างของตนเองไปหยุดยืนข้างเตียง หญิงสาวสีหน้าซีดเซียว ผอมบางจนแทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก เมื่อพิจารณาดี ๆ นี่คือร่างของหญิงสาวที่ชื่อ...“พันดาว” น่าประหลาดใจที่ไม่รู้สึกตื

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 65.  เจ้ายังมีข้า

    “หัวเราะอะไร” “เจ้าจะไม่ถามหรือว่าข้าจะไปไหน” “ก็เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ปิดบังข้า ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก” ซุนเว่ยหมินยิ้มที่มุมปาก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป “มันไม่ใช่หินถล่มธรรมดา” “เจ้าถูกลอบทำร้าย?” “ย่อมเป็นเช่นนั้น” เขาถอนหายใจกระตุ้น ม้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้ “การเป็นคนซื่อตรงเช่นข้าย่อมขัดแข้งขัดขาผู้อื่น” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเด็กชายวัยสิบสองขวบที่นางเคยช่วยไว้ผู้นั้น “องค์รัชทายาท...” “ทำไมรึ?” ซุนเว่ยหมินก้มหน้าลง ความสนใจของเขาอยู่ที่กำไลหยกเรียบง่ายทว่าเขามั่นใจว่าเมื่อคืนมันเปล่งแสงได้ “เรื่องของเจ้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาทหรือไม่” นางถามตรงไปตรงมา “ที่ถามนี่เพราะเจ้าเป็นห่วงข้าหรือเจ้าเด็กนั่น!” ในสายตาเขา ไม่เห็นเป็นองค์รัชทายาท มองอย่างไรก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่พี่สาวของเขาเป็นเต๋อเฟยแต่อย่างใด เหมยซิงหัวเราะเสียงใส “แบบนี้เรียกว่าเหม็นน้ำส้มได้หรือไม่” ซุนเว่ยหมินเลิกคิ้ว นางย้อนเขาด้วยเรื่องที่เขาเคยล้

DMCA.com Protection Status