แชร์

Chapter 27.บ้านของเจ้าใหญ่จริง

ผู้แต่ง: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

“เอาเถอะ เห็นแก่ที่เจ้ายอมเจ็บตัวปกป้องคุณชายใหญ่ ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเจ้า แต่เจ้าจงจำไว้ว่าตัวยาที่นำมาใช้ถอนพิษให้เจ้านั้นเป็นตัวยาที่หายาก และราคาสูงนัก เจ้าก็ทำตัวให้คุ้มค่ายาที่คุณชายใหญ่ลงทุนกับเจ้าหน่อยก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ” นางอยากต่อปากต่อคำแต่เกรงว่าจะยิ่งทำให้พ่อบ้านหวางมู่มองนางไม่ดีมากยิ่งขึ้น นางจึงจำใจรับคำไปเสียอย่างนั้น พ่อบ้านเห็นนางไม่พูดอะไรอีกจึงร้องบอกผู้อยู่ด้านในก่อนผลักบานประตูเข้าไป

กลิ่นยาฉุนกึกปะทะปลายจมูกของเหมยซิงทันที นางทำหน้าแหย แค่ยาที่นางดื่มวันละสามเวลา ก็แทบจะวิงวอนร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว นี่ในห้องนอนของเขามีกลิ่นยาอบอวลเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ได้ช่วยให้เขาหายดีแต่อาจเป็นสาเหตุให้เขาล้มป่วยไม่แข็งแรง

เอ๋?...

ไม่นะ...

คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้หรอกนะ

หานหงปิงขมวดคิ้วกับอาหารเบื้องหน้า ทว่าเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กโผล่หน้ามาจากด้านหลังพ่อบ้านหวางมู่ เรียวปากที่เป็นเส้นตรงกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยิ่งได้เห็นนางสวมอาภรณ์งดงาม และมีปิ่นประดับศีรษะ ทำให้เขาพยักหน้าอย่างพอใจ

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 28.  มีอีกเรื่อง

    “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ระหว่างที่เจ้ายังต้องกินยาให้ครบสามสิบวัน เจ้าลองศึกษาดูว่าจะทำการค้าใด ข้าจำได้ว่าเจ้าอยากค้าขาย อยากดูแลพ่อบุญธรรมและน้อง ๆ ตระกูลหานของข้าแม้เป็นตระกูลเล็ก ๆ แต่ทำการค้ามาถึงสามชั่วอายุคนแล้ว หากมิใช่ข้ามีสภาพน่าเวทนาเช่นที่เจ้าเห็น ข้าเองต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการแล้ว” “ดียิ่ง เห็นทีต้องรบกวนเจ้าแล้ว” นางยิ้มอย่างดีใจกลอกตามองไปรอบกาย นี่ขนาดเป็นตระกูลเล็ก ๆ บ้านช่องยังใหญ่โตกว่านางหลายร้อยหลายพันเท่านัก “จริงซิ มีอีกเรื่องหนึ่ง” “เจ้าว่ามาเถิด” “ในห้องนอนของเจ้าทั้งอับทั้งทึบ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก แถมยังมีควันอะไรเต็มห้องอีกก็ไม่รู้ ข้าว่าเจ้าให้คนรับใช้เปิดหน้าต่างประตูระบายอากาศ แล้วเอาควันฉุน ๆ นั้นออกไปได้ไหม?” “ควันฉุน ๆ ที่เจ้าว่าคงเป็นกำยานของท่านอา ท่านอาเคยบอกว่าเป็นกำยานสมุนไพรมาจากทิเบตจุดในห้องนอนจะทำให้สุขภาพดีขึ้น” “แล้วดีขึ้นไหม อุ๊บ!” นางรีบปิดปากตัวเองที่รู้ว่าตนเผลอพลั้งปากพูดอย่างที่ใจคิดอีกแล้ว แม้หานหงปิงจะแย้มยิ้มแต่วูบหนึ่งในแววตามีประกายลึกล้ำที่ย

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 29. คิดจะไปจากข้า?

    และเพราะคำขอร้องของพ่อบ้านหวางมู่ที่ให้นางช่วยกินอาหารเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่ หลังจากกินมื้อเย็นแล้ว นางจะกลับห้องของตนเอง แต่พูดคุยติดพันกัน นางควรเป็นฝ่ายส่งเขาเข้านอน แต่กลับผล็อยหลับไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ตื่นมาก็เห็นสีหน้าถมึงทึงของพ่อบ้านหวางมู่กับรอยยิ้มอ่อนโยนของหานหงปิงแล้ว นางคิดว่าเรื่องนี้คงรู้กันไปถ้วนทั่วแล้ว จึงเป็นเหตุให้พ่อบ้านหวางมู่มาพบนางพร้อมแจ้งว่าฮูหยินใหญ่ต้องการพบ แต่ก่อนนั้นนางเคยนอนเตียงเดียวกับเขาก็จริง แต่เพราะเป็นความจำเป็นต่างหาก เวลานี้นางเกรงว่าผู้อื่นจะคิดว่านางใฝ่สูง ใช้ร่างกายปีนป่ายตำแหน่งภรรยาของหานหงปิง แต่เมื่อพ่อบ้านหวางมู่นำทางมาถึงห้องโถงใหญ่ นางจึงรู้ว่าหานหงปิงรออยู่ก่อนแล้ว และบรรยากาศไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางหวาดกลัว “บาดแผลของเจ้าเป็นเช่นไร ดีขึ้นหรือไม่” “ผ่านมาสิบวันแล้ว อาการของข้า...ข้าน้อยดีขึ้นมากเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกระจ่าง หานหงปิงยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม เขามักยิ้มอยู่เสมอเพียงแค่มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มคือสิ่งใด เขามองเหมยซิงแล้วส่ายหน้าไปมา นางคงไม

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 30. เจ็บแปลบ

    “ออกไปหลายวันได้เรื่องหรือไม่” จากเดิมที่น้ำเสียงอ่อนโยนพลันแข็งกร้าว แน่นอนว่านางคือหานฮูหยิน ผู้รั้งตำแหน่งประมุขตระกูลหาน นางจึงมิใช่หญิงอ่อนแออย่างที่คนอื่นเข้าใจ“ข้าอ่อนด้อยความสามารถ ยังไม่อาจสืบได้แน่ชัดว่าผู้ใดลอบทำร้ายหลานหงปิง” หานเหวินซิ่งแสดงท่าทีสำนึกผิด แต่ปรายตามองยังหลานชายแล้วส่งยิ้มให้ “เจ้าดูดีกว่าเมื่อก่อนนัก ราวกับมิใช่คนเดียวกัน”“เหลวไหล!” หานฮูหยินทุบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาหงหนิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตกใจแต่ก้มหน้าหลบสายตาของทุกคน“ที่ปิงเอ๋อร์เป็นเช่นนี้เพราะข้าสวดวิงวอนต่อสวรรค์ สวรรค์เมตตาจึงให้ปิงเอ๋อร์พ้นเคราะห์กรรมกลับมาดีเช่นคนปกติทั่วไป เจ้าเองแม้จะเป็นน้องชายของสามีข้า แต่เจ้าก็เป็นบุตรอันเกิดจากหญิงรับใช้ เดิมฮูหยินผู้เฒ่าก็มิใคร่พอใจในตัวเจ้านัก หากสามีของข้ามิให้โอกาสเจ้า คิดเรอะว่าเจ้าจะมีที่ยืนอยู่ในตระกูลหาน”“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่คอยเตือนสติข้า” หานเหวินซิ่งเพียงพูดด้วยน้ำเสียงเจียมตน“ใครกล้าบังอาจทำร้ายลูกปิงเอ๋อร์ของข้า มันผู้นั้นมิได้ตายดีเป็นแน่ เจ้าก็เร่งเสาะหาว่าเป็นผู้ใด อย่าให้ข้าต้องลงมือเอง”“ข้าทราบแล้ว”“ท่านแม่ ข้าขอตัวไปดูแลซิ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 31.หัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดกรีด

    หญิงสาวถูกกอดรัดในแวงแขนแข็งแกร่ง รู้สึกได้ว่าฝ่ามือใหญ่แตะแผ่นหลังของนางอยู่ นางร้องครางเจ็บปวดออกมาคราหนึ่ง พยายามดิ้นรนสุดแรงเพื่อให้หลุดออกจากการถูกกักขังด้วยร่างกายใหญ่โตของเขา“อย่าดิ้นรนส่งเดช แผลของเจ้าเปิดแล้ว”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าบาดเจ็บ” นางเงยหน้าจ้องมองดวงตาคู่นั้น ยังไม่ทันได้คำตอบ ชายชุดดำปลดผ้าคลุ่มไหล่ออกมาห่อร่างของนาง และช้อนตัวนางอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายบุรุษในชุดดำหันไปส่งสัญญาณให้คนที่ติดตามมาด้วย เหมยซิง ตกใจแต่ร้องไม่ออก เขาอุ้มนางกระโดดตัวลอยราวกับเหาะได้ นี่กระมังที่เรียกว่าวิชาตัวเบา นางถูกเขากอดแน่นไม่อาจดิ้นรนขัดขืนได้“เจ้า! ปล่อยข้านะ! ปล่อย!”“ข้าปล่อยเจ้าแน่แต่ไม่ใช่ที่นี่”เหมยซิงถูกห่อด้วยผ้าคลุมสีดำ นางไม่เห็นสิ่งใดอีก นอกจากได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวเร็วของตนเอง และระลอกความเจ็บปวดที่ทำให้นางหมดสติไปอีกครา. บุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีดำสนิทเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง จวบจนหญิงรับใช้เปิดประตูออกมาพร้อมเสื้อผ้าเปื้อนเลือด “นางเป็นอย่างไรบ้าง” “เรียนท่านอ๋อง หมอหญิงกำลังทำแผลให้แม่นาง เสื้อผ้าของแม่นางเปื้อนเลือด บ่าวจะไปนำ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 32. เจ้าคือ อาหมาน

    หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ ทบทวนสิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่เห็นเป็นเรื่องประหลาดเพราะนางเองเข้ามาอยู่ในร่างของเหมยซิง เพียงแค่...ถ้าเป็นเช่นที่เขาพูด เขาไม่ใช่คนรักเก่าของนาง แต่เป็นอาหมานที่นางเคยดูแล ซุนเว่ยหมินแทบกลั้นหายใจ เมื่อเห็นหญิงสาวยอมมองหน้าเขาอีกครั้ง นางจ้องมองอย่างสำรวจ อาการตัวเกร็งของนางผ่อนคลายลง เขาจึงยอมคลายมือจากข้อมือของนาง “เจ้าคือ...อาหมาน” “อืม” เขาพยักหน้ารับ แล้วรวบร่างเล็กเข้ามากอด ไม่สนใจอาการตื่นตระหนกอีกระลอกของนาง “ตั้งแต่ฟื้นตื่นกลับคืนร่างเดิม ข้าปรารถนาจะได้กอดเจ้าไว้เช่นนี้ ได้รับรู้ตัวตนของเจ้า” เหมยซิงรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด นางเคยแบก ‘อาหมาน’ ที่ผอมบางราวกิ่งไม้แห้ง แต่ชายผู้นี้นอกจากจะใบหน้าพิมพ์เดียวกับคนรักเก่าแล้วยัง มีเรือนกายใหญ่โต ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลงไปถนัดตา “เจ้า...เจ้าปล่อยข้าก่อน” นางผลักเขาออก รู้สึกเขินอายที่ร่างกายของนางมีเพียงผ้าห่มปกปิดเรือนร่าง “แล้วเหตุใดเจ้าต้องลักพาตัวข้ามาเช่นนี้” “ถ้าไม่ทำเช่นนี้ข้าจะได้พบเจ้ารึ” เขาเพียงคลายว

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 33. ข้าไม่ถือสา

    “ทำไมอยากเป็นดารา?” หญิงสาวถามขณะช่วยชายหนุ่มยืดกล้ามเนื้อในท่าพื้นฐาน เป็นกฎระเบียบของโรงเรียนฝึกสอนสตั๊นต์แมนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากไม่มีการยืดกล้ามเนื้อก่อนเรียนจริงจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ “เราอยากได้การยอมรับ” “หือ?” หญิงสาวเอียงหน้ามาสบตากับคนที่เอ่ยตอบ “เป็นดาราแล้วได้การยอมรับยังไง?” “ยอมรับในความสามารถไง” ชายหนุ่มยิ้มเขิน “แล้วดาวล่ะ ทำไมมาเป็นสตั๊นต์เกิร์ล” “ก็ไม่มีอะไร แค่อยากได้เงินใช้เยอะ ๆ ไง” “อะไรกันอย่างดาวนะเหรอ” “อย่างดาวนี่แหละ หน้าเงินที่สุดแล้ว” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส “แม่แท้ ๆ เอาดาวมาฝากให้ลุงทองดีเลี้ยง จริง ๆ แล้วดาวเป็นหลานนะ ต้องเรียกลุงทองดี แต่เรียกพ่อจนติดปากก็เรียกพ่อมาตลอด แล้วแม่ก็หายไปไม่ติดต่อกลับมาอีก ได้ข่าวแต่งงานใหม่กับฝรั่งไปแล้ว ดาวก็เลยอยู่กับพ่อทองดีมาตลอด ดาวอยากมีเงินเยอะ ๆ พ่อทองดีจะได้สบายไม่ต้องลำบากมากขนาดนี้” “อย่างนี้เองเหรอ” “ก็ง่าย ๆ แค่นี้แหละ ดาวไม่ใช่คนเรื่องมากหรือมีอุดมการณ์อะไรก็ไม่มี แล้วก็ดา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 34. ทำเป็นไม่ได้ยิน

    ซุนเว่ยหมินหัวเราะออกมาอีกครา หากเป็นหญิงอื่นเขาคงคิดว่านี่เป็นจริตมารยา แต่สำหรับเหมยซิงผู้ใสซื่อและจริงใจ นางคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้น “จวิ้นอ๋อง” เขาแก้ไขให้ “ข้าแซ่ซุนชื่อเว่ยหมิน” “แล้วข้าต้องเรียกเจ้าว่าอะไร” “เว่ยหมินก็พอ” “จะไม่เป็นอะไรรึ เจ้า...เป็น เอ่อ...” “ข้าเป็นอนุชาของเต๋อเฟย” ชายหนุ่มระบายลมหายใจเบา ๆ เห็นสีหน้างุงงงของนางแล้วเขาก็อธิบายเพิ่ม “เต๋อเฟยคือสนมของฮองเต้ ข้าไม่คิดปิดบังเจ้า แต่ต้องการเป็นคนพูดกับเจ้าเอง มิต้องการให้เจ้ารู้จากผู้อื่น” “ตอนนี้ข้ารู้แล้ว เจ้า...ขยับตัวออกไปได้แล้ว” “ทำไม? นอนด้วยกันเช่นนี้ก็ดีไม่ใช่รึ เมื่อครู่เจ้าฝันเห็นสิ่งใดกัน เหมือนเจ้าจะฝันร้าย และยังละเมออีก” “ข้าละเมอด้วยหรือ?” นางทำหน้าไม่เชื่อ แต่เห็นเขาทำหน้าจริงจัง นางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดครึ่งหน้าด้วยความอับอาย “ข้าคงไม่ได้ล่วงเกินเจ้าหรอกนะ” ซุนเว่ยหมินอดกลั้นไม่ไหว เป็นฝ่ายแหงนหน้าหัวเราะ หญิงผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ทั้งห่วงว่าเขาจะเสียชื่อเสียง กลัวว่าจะล่

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 35.นี่นางช่วยคนผิดหรือไรกัน

    หญิงสาวโผล่หน้าออกมาจากบานประตู นางกวาดตามองรอบกาย ไม่เพียงแต่บ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ ยังมีองครักษ์อยู่ตามมุมต่าง ๆ และคาดเดาได้ว่าคงเร้นกายในที่ที่มองไม่เห็นเช่นกัน เหมยซิงก้าวเท้าออกมาจากห้อง เดินตามหญิงรับใช้ที่พานางเดินมาอีกห้องหนึ่งไม่ไกลนัก หากเดินไกลกว่านี้เห็นทีว่าแผลของนางคงได้ปริอีกคราเป็นแน่ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นทำให้หญิงสาวน้ำลายสอนางเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที โน้มหน้าลงสูดดมกลิ่นอาหารบนโต๊ะ ท้องของนางส่งเสียงร้องประท้วงขึ้นมาทันที “เจ้าคงหิวแล้วซินะ” หญิงสาวหันมาทางต้นเสียง เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่ไม่อยากเห็นแล้วก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น แค่หน้าตาเหมือนกันมิใช่คนเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับมีภาพสุดท้ายของศรัณย์กับผู้หญิงคนนั้น นี่ละมั้งที่คนเขาพูดกันว่าถ้าเลิกกันก็ควรจบกันดี ๆ ไม่อย่างนั้นจะติดค้างในใจให้ก้าวไม่ความทรงจำเลวร้ายเสียที ซุนเว่ยหมินเห็นสีหน้าชวนปวดใจของนางแล้วพลันรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย เขาฉวยมือของหญิงสาวไว้ทำให้เหมยซิงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แม้เพียงแวบเดียวเขาก็สัมผัสรอยหม่นเศร้า เขาชอบความร่าเริง และร

บทล่าสุด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 67.  กล่าวคำลา

    “ดาว...” “ขอบใจนะศรัณย์” เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับหน้าผากของชายหนุ่ม “ปล่อยดาวไปเถิดนะ” พันดาวสบตาศรัณย์พลันนึกถึงชายอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว แววตาของคนที่เธอรัก เธอไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่เพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาจนหมดหัวใจ “เหมยซิง!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เหลียวมองรอบตัว ใครกันนะ ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ในห้องเต็มไปด้วยพยาบาลและคุณหมอ มารดาของพันดาวเดินตามนายแพทย์ท่านหนึ่งเข้ามา เท้าของหญิงวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนเห็นร่างของลูกสาวเป็นเงาจาง ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ยัยดาว!” “แม่” พันดาวหันกลับมาแล้วส่งยิ้มกว้าง “ดาวรักแม่นะคะ” แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูเธอ แต่อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจว่าลูกสาวคนนี้ต้องการอะไร เพียงแค่นี้พันดาวก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว “เหมยซิง!” หญิงสาวหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน พยายามนึกว่าเป็นเสียงของใคร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 66.  เสียงระเบิด 

    เสียงระเบิดทำให้เหมยซิงหูอื้อ นางพยายามเบิกตากว้าง ภาพที่เห็นยามนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันนั้น ขาดก็เพียงไม่มีสุนัขจิ้งจอกยืนจ้องหน้านาง ดวงตาคู่นั้น... ไฉนเหมือนดวงตาของเด็กชายอายุสิบสองที่ทุกคนก้มศีรษะให้ในฐานะองค์รัชทายาทนักนะ! ความเจ็บปวดแทรกเข้ามาในศีรษะทำให้ดวงตาสุกใสต้องปิดเปลือกตาแน่น ความมืดเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะ ไม่อาจฟื้นรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างอีกแล้ว!. เสียงร้องไห้เรียกสติของหญิงสาวที่ลืมตาอยู่ในความมืดให้เดินตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้นทำให้ต้องลืมตาอีกครั้งแล้วพบชายใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในชุดสีฟ้ากระจ่าง ใช่แล้ว เธอเคยบอกเขาว่าเขาดูเป็นผู้ชายโรแมนติกในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าละมุนตาอย่างนี้ ความดำมืดค่อย ๆ จางหาย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เท้าเล็ก ๆ พาร่างของตนเองไปหยุดยืนข้างเตียง หญิงสาวสีหน้าซีดเซียว ผอมบางจนแทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก เมื่อพิจารณาดี ๆ นี่คือร่างของหญิงสาวที่ชื่อ...“พันดาว” น่าประหลาดใจที่ไม่รู้สึกตื

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 65.  เจ้ายังมีข้า

    “หัวเราะอะไร” “เจ้าจะไม่ถามหรือว่าข้าจะไปไหน” “ก็เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ปิดบังข้า ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก” ซุนเว่ยหมินยิ้มที่มุมปาก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป “มันไม่ใช่หินถล่มธรรมดา” “เจ้าถูกลอบทำร้าย?” “ย่อมเป็นเช่นนั้น” เขาถอนหายใจกระตุ้น ม้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้ “การเป็นคนซื่อตรงเช่นข้าย่อมขัดแข้งขัดขาผู้อื่น” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเด็กชายวัยสิบสองขวบที่นางเคยช่วยไว้ผู้นั้น “องค์รัชทายาท...” “ทำไมรึ?” ซุนเว่ยหมินก้มหน้าลง ความสนใจของเขาอยู่ที่กำไลหยกเรียบง่ายทว่าเขามั่นใจว่าเมื่อคืนมันเปล่งแสงได้ “เรื่องของเจ้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาทหรือไม่” นางถามตรงไปตรงมา “ที่ถามนี่เพราะเจ้าเป็นห่วงข้าหรือเจ้าเด็กนั่น!” ในสายตาเขา ไม่เห็นเป็นองค์รัชทายาท มองอย่างไรก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่พี่สาวของเขาเป็นเต๋อเฟยแต่อย่างใด เหมยซิงหัวเราะเสียงใส “แบบนี้เรียกว่าเหม็นน้ำส้มได้หรือไม่” ซุนเว่ยหมินเลิกคิ้ว นางย้อนเขาด้วยเรื่องที่เขาเคยล้

DMCA.com Protection Status