วิทย์ตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาจากห้องนอนทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบนอยู่ ๆ ก็มีลูกน้องวิ่งไปปลุกเขาบอกว่าคุณนิโคลัสเรียกรวม ชายหนวดโค้งเห็นทั้งคุณหมอและคุณเชฟแต่งตัวรัดกุมก็รู้สึกเก้อกระดาก ยังดีที่ก่อนออกมาเขาคว้าเสื้อกล้ามใกล้มือติดมาด้วย ดังนั้นตอนนี้ขอใส่ก่อนล่ะ“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม เธอรับอยู่เวรยามในค่ำคืนนี้ พอชายหนุ่มทั้งสองบอกให้ไปปลุกวิทย์และเพื่อนคนอื่นก็ไม่รอช้าแม้จะยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ตาม“ผมกับอาเฟิงได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์ 4 ขาขนาดใหญ่อยู่ด้านนอก มันกำลังตรงมาที่นี่”“!!!”ชายหนวดโค้งรีบหันไปมองนอกกำแพงที่มีพลังป้องกันของคุณแม่กางล้อมรอบอยู่ ตอนวิ่งมาเขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าคุณแม่ได้ใช้พลังไปแล้ว“มันเข้ามาใกล้แค่ไหนแล้วครับ” วิทย์หน้าซีดเผือดรีบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน“ใกล้มากแล้ว น่าจะห่างไปประมาณ 2 กิโล” เฉินเฟิงเองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าตัวที่โผล่มายามวิกาลดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด“แล้ว… แล้ว…” ชายหนุ่มอึกอัก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ“ผมจะออกไปดูกับคุณนิคครับ ถ้าคุณอยากไปด้วยก็ตามมา แต่ต้องเหลือคนบางส่วนไว้คอยปกป้องที่นี่บ้าง” เจ้ากร
ตึง ๆ ๆ ๆเสียงฝีเท้าหนักกระทบกับพื้นเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาทีที่ยังไม่เห็นว่าสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นเป็นตัวอะไร ความหวาดกลัวยิ่งบีบรัดในช่องอกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะขาดอากาศหายใจตึก ตักเฉินเฟิงกำเมล็ดฟักเขียวไว้ในมือแน่น เมื่อไหร่ที่เจ้าสัตว์กลายพันธุ์โผล่หน้าของมันออกมา เขาจะฝังเมล็ดลงดินและเร่งโตมันทันที และถ้าหากเห็นว่าพวกเราเสียเปรียบก็จะควบคุมเถาของมันไปรัดพันศัตรูไว้เพื่อสร้างโอกาสให้คนที่มีพลังต่อสู้สูงอย่างนิโคลัสได้เปิดฉากโจมตีตึง ๆ ๆ321พรึ่บ!ทุกคนพร้อมใจกันสาดไฟไปที่สัตว์กลายพันธุ์ที่โผล่ออกมาจากหัวมุมถนนกี๊ซซ!เสียงแหลมสูงถูกเปล่งออกมาด้วยความตกใจ เจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดไม่ต่างจากช้างยกอุ้งมือด้านหน้าปิดบังดวงตาของมันที่ถูกแสงเล่นงานอย่างไม่ทันตั้งตัวแร็กคูน!ไม่ผิดแน่ รอยแต้มสีดำรอบดวงตาเหมือนหน้ากากโจร มีหางสีดำสลับขาวคาดเป็นพวง เคยได้ยินว่าแร็กคูนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องมีทะเบียนรับรองเหมือนกับสัตว์นำเข้าชนิดอื่น แถมยังเพาะพันธุ์ขายกันในประเทศอีกด้วย ราคาค่าตัวก็ไม่ต่างจากสุนัขพันธุ์แพง ๆ เลยแต่ความยาวตัวเต็มวัยของแร็กคูนจะอยู่ที่ประมาณ 2 ฟุตครึ่งตั้
ไม่ผิดเลยที่ใครหลายคนมักบอกว่าแร็กคูนเป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าแมวและใกล้เคียงกับสุนัข อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่ชอบฉวยโอกาส อย่าได้เผลอวางอาหารไว้ในระยะสายตาของมันเด็ดขาดแล้วจะจัดการกับมันอย่างไร?เฉินเฟิงเองก็ฉุกคิดถึงข้อนี้ได้เช่นกัน มันฉลาดเกินไป การโจมตีเองก็ไม่มีแบบแผนตายตัว อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม“ทุกคนหาที่หลบ!!” วิทย์ร้องลั่น เรียกสติให้ทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อเจ้าแร็กคูนเกิดความรำคาญถึงขีดสุด มันทุบทำลายบ้านเรือนในบริเวณใกล้มือ จากนั้นก็นำเศษอิฐยกขึ้นปาใส่พวกเขาและนั่นยิ่งทำให้เข้าถึงตัวของมันยากขึ้นตามไปด้วยตูม ๆ ๆ ๆฝนอิฐถูกปาไปอย่างไม่มีแบบแผน แต่ก็สร้างความโกลาหลเล็ก ๆ ให้กับกลุ่มมนุษย์ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบเฉินเฟิงไม่เคยออกจากที่ซ่อนตัว ชายหนุ่มจึงใช้จังหวะนี้เร่งโตต้นฟักเขียวให้เจริญเติบโต จากนั้นก็ค่อย ๆ เลื้อยไปตามท้องถนนจนในที่สุดก็มาถึงขาหลังของมันเจ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวยักษ์มัวแต่ให้ความสนใจกับมนุษย์ที่วิ่งหนีตายหลบการโจมตีทำให้ละเลยเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของต้นไม้ใบหญ้าในความคิดของมันไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกมัดขาทั้งสองข้างเ
ชื่อเดิมของมันคือ จาคอป เจ้านายของเขาบอกว่าอยากให้เป็นหมาป่าหนุ่มที่องอาจ ก็ไม่รู้ว่าดูภาพยนตร์มากเกินไปหรือเปล่า แต่มันก็ชอบชื่อนั้นมาก เวลาที่มนุษย์จับมันแต่งตัวด้วยชุดน่ารัก ๆ แค่เรียกว่าเจคอปสุดหล่อมันก็พร้อมจะยอมยืนเป็นหุ่นให้แต่โดยดีแถมก่อนที่จะตัวขนาดนี้เจ้านายก็ใจดีพามันออกมาเที่ยวโดยที่ไม่ต้องมีสายจูงให้รู้สึกรำคาญอีก แต่พอวิ่งไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็พบว่าเจ้านายหายไปเสียแล้ว...มันพยายามเหลียวหลังมองหลายครั้ง วิ่งกลับไปยังเส้นทางเดิมก็ยังไม่เจอหรือว่ามันจะถูกทิ้ง?“ว่ายังไง ไม่สนใจไปด้วยกันเหรอ ฉันทำอาหารอร่อยนะ” เจ้ากระต่ายต่อรองถ้าไปอยู่ด้วย... แล้วสักวันหนึ่งมนุษย์คนนี้จะหายไปด้วยหรือเปล่างี้ดกลุ่มของวิทย์เห็นท่าทีของแร็กคูนอ่อนลงก็ยิ่งรู้สึกบูชากลุ่มของโจเซฟแทบท่วมหัวโคตรเจ๋ง! ขนาดสัตว์กลายพันธุ์ก็ยังคุยได้ด้วย!ผึง!“!!!” เสียงคล้ายเชือกที่ถูกขึงจนตึงแล้วถูกตัดขาดออกจากกันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในอากาศ เจ้ากระต่ายและคุณหมีรีบมองหน้ากันโดยทันที แร็กคูนเองก็มองไปทางต้นเสียงที่มันเองก็ได้ยินเช่นกัน“คุณวิทย์ ทางนั้นคุณได้ล้อมลวดหนามเอาไว้ด้วยใช่ไหมครับ” แม้จะมีคำตอบอย
ก่อนหน้านี้เพราะตกใจกับขนาดตัวของมันทำให้ไม่ได้สังเกตรายละเอียดเพราะความมืด มาตอนนี้พอลองมองดูดี ๆ แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้น เหมือนแมวอ้วนโดนตัดไข่ตัวหนึ่ง“ช่างเถอะครับ ในเมื่อไม่ยอมก็เผาเลยดีกว่า” เฉินเฟิงปรายตามองอย่างเย็นชา ในเมื่อคุยด้วยสันติไม่ได้ก็เอาเนื้อของมันมาทำเป็นอาหารเลยดีกว่าตัวขนาดนี้น่าจะทำได้หลายเมนู แต่อาจต้องเอาเนื้อสดไปแช่ขิงขูดสักหน่อยจะได้กลบกลิ่นคาว ดูทรงแล้วเนื้อน่าจะกลิ่นแรงพอตัว ทำเนื้อตากแห้งไว้กินตอนออกไปสำรวจด้านนอกก็ไม่เลว จากนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ให้ครูเมตตาด้วย เด็ก ๆ จะได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์บ้างงั้น... ฆ่าเลยดีกว่างี้ดดด~ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมคนอันตรธานหายไปแทบจะทันเมื่อเจอสายตาเย็นชาสีแดงของเจ้ากระต่าย หลังคอรู้สึกขนลุกขนพอง ทั้งที่มันมีขนาดตัวใหญ่และขนหนานุ่ม ภายใต้สายตาคู่นั้นเหมือนกับว่าเห็นมันตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนพร้อมจะแล่เนื้อเถือหนังออกอย่างง่ายดาย“เราจะมัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว” เจ้ากระต่ายมองไปทางที่กลุ่มของวิทย์วิ่งฝ่าความมืดไป เขารู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายพอสมควร“เล่นไปกันหมดแบบนั้นแล้วคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจะทำยังไงล่ะ” น
ลวดหนามอาจสามารถปกป้องพวกเขาจากซอมบี้ได้แต่คงไม่ใช่กับคนข้อนี้วิทย์เองก็เข้าใจและได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้ว แม้ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าก็ตาม“ไปยกแบริเออร์ออกมาเลย ตะปูเรือใบด้วย” อย่างน้อยก็สกัดกั้นรถยนต์ไว้ได้ก็ยังดี ถ้าคนมาสู้กันตัว ๆ อาจพอมีหนทางชนะฝั่งคนตั้งรับคิดว่าตนเตรียมรับมือได้ ส่วนคนที่บุกมานั้นก็คิดว่าคราวนี้ตนเตรียมตัวมาดี พร้อมท้าตีท้าต่อยวิทย์ตั้งแบริเออร์กั้นทางเสร็จ จากนั้นก็หันไปช่วยกันโปรยตะปูเรือใบแล้วสั่งให้ถอยมาอยู่แนวหลังป้องกันในทันทีชั่วอึดใจต่อมาก็มีขบวนรถกระบะที่ถูกแต่งเครื่องจนควันดำวิ่งตรงมาทางพวกเขา 3 คันที่บรรทุกคนมามากกว่า 20 ชีวิต ประกอบด้วยชายฉกรรจ์ท่าทางนักเลงทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนหน้าสุดที่มีคนที่วิทย์คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะเคยมีปัญหากันมาก่อน“ไอ้ดำ มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” วิทย์ตะโกนเสียงดัง รถยนต์คันหน้าสุดจำต้องชะลอห่างออกไปเพราะถนนถูกปิดกั้น“โว้ว ๆ รู้ตัวเร็วเหมือนกันนี่หว่า” ชายหนุ่มบนหลังกระบะตบเข้าที่หลังคารถเป็นสัญญาณให้พลขับจอดรถก่อน“มึงมาทำไม”“ก็มาดูว่าเย็นนี้ครูเมตตาทำอะไรเป็นอาหารเย็น พวกเราไม่มีจะกินแล้วเลยจะมาขอแบ่ง
“พี่ดำ! ไม่ตายก็จริงแต่เจ็บเอาเรื่องเลยว่ะพี่” หนึ่งในลูกน้องแนวหน้าวิ่งกลับมารายงาน เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้กลายพันธุ์หรือมีพลังพิเศษทำให้ผิวบางกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เมื่อกี้โดนเปลือกตาไปนัดหนึ่งเขาเลยรีบวิ่งกลับมาเกือบตาบอดเลยนะเว้ย!ด้านคนที่มีพลังพิเศษเองก็พยายามตอบโต้กลับไป แต่เพราะมีแบริเออร์ที่วิทย์ยกขึ้นมาปิดถนนเป็นเกราะกำบัง พลังเพียงน้อยนิดไม่อาจทำให้มันสะดุ้งสะเทือนได้มากนัก คนหนึ่งปาลูกบอลน้ำ ส่วนอีกคนก็ปาเหล็กทั้งแผ่นหึ ทำได้แค่ระคายผิวเท่านั้นแหละส่วนคนที่กลายพันธุ์ก็ใช้แรงกายที่เพิ่มมากขึ้นหยิบก้อนหินขว้างปาใส่เป็นกองสนับสนุน คนธรรมดาจึงต้องร่นถอยมาอยู่แนวหลัง คิดไปในทางเดียวกันว่าพวกมันคงไม่มีกระสุนเยอะมากนัก รออีกสักพักค่อยจัดการก็ยังไม่สายแต่ผ่านไปเกือบ 5 นาทีกระสุนพลาสติกกลม ๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงเสียทีจนคนเป็นหัวหน้าอย่างดำขมวดคิ้วแน่น“ไปตามไอ้ยอดมา!” ดำสั่งเสียงเหี้ยม“ได้ครับ!” คนได้รับคำสั่งรีบวิ่งไปยังรถกระบะคันสุดท้าย ในนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังปรับเบาะเอนนอนใช้หมวกปีกกว้างบดบังใบหน้าอยู่ลูกน้องที่ได้รับหน้าที่ให้มาตามกลั้นใจกลืนน้ำลายก่อนหนึ่งอึกเรีย
“อะไรกัน~ ก็ไม่เห็นเจ็บเลยนี่นา” ยอดมองกระสุนสีขาวที่ยิงใส่ตัวเองหลายนัด“นั่นก็เพราะพี่ยอดมีพลังพิเศษต่างหาก” ลูกน้องที่ไปตามยอดเดินบ่นเสียงอุบอิบตามหลัง“ไรวะไอ้ดำ ของแค่นี้ต้องปลุกกูด้วยเหรอ” ยอดมองคนทำตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เอาแต่นั่งหลบอยู่หลังรถกระบะ นี่ก็สบายเหลือเกิน“เสียเวลา กูไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ทั้งคืน” ยิ่งอยู่ดึกเส้นทางกลับไปที่รังจะมีแต่ซอมบี้เดินเพ่นพ่านเอาได้“กลัวอะไรวะ ก็นอนที่นี่เสียก็สิ้นเรื่อง” ตอนเช้าค่อยออกเดินทางต่อ“ไอ้ย้งน้องมึงจะได้ยึดอำนาจกูน่ะสิ” ดำจิ๊ปาก พี่น้องคู่นี้ไม่รู้เป็นบ้าอะไร คนหนึ่งไม่อยากเป็นใหญ่ก็ดีไป ส่วนอีกคนกลับอยากจะมาแทนที่เขาอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามันมีพลังน้ำละก็ อย่าหวังเลยว่าเขาจะปล่อยให้มีชีวิต ขาดอาหารได้แต่ขาดน้ำก็ตาย ดังนั้นต่อให้กลุ่มเขามีคนใช้พลังน้ำอยู่หนึ่งคนก็ยังจำเป็นต้องมีมันเผื่อไว้ตอนฉุกเฉินด้วยอยู่ดีฐานที่ตั้งของดำเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จำหน่ายอาหารค้าส่ง ตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาเรื่องเครื่องปั่นไฟสำรองกำลังจะใช้การไม่ได้เพราะไม่มีน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง นั่นจะทำให้ตู้แช่แข็งอาหารหยุดทำงานคราวนี้ล่ะบรรลัยแน
ต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปู ถือเป็นต้นไม้ยืนต้นที่อยู่ในวงศ์เดียวกับพืชตระกูลถั่ว ใบของมันจึงมีธาตุไนโตรเจนที่สูงกว่าใบไม้ชนิดอื่น สามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่มีประโยชน์ในดินได้ ชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านก็ใช้ใบจามจุรีนำไปผสมคลุกเคล้ากับดินหรือแกลบเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักในการเพาะปลูกต้นกล้า ก่อนจะนำพวกมันไปลงแปลงต่อไปลืมไปได้ยังไงกัน!เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน!ตูม!“รับทราบ!” นิโคลัสวิ่งฝ่าเข้าไปในคลื่นรากไม้ ใช้พลังทำลายรากที่อยู่ใกล้ตัวให้มากที่สุด หากสร้างความเสียหายให้มันได้มากเท่าไร การซ่อมแซมตัวมันเองก็ต้องใช้สารอาหารมากเท่านั้น มาดูกันว่าใบที่มันสลัดหลุดจนหมดจะเพียงพอให้มันใช้ได้ตลอดรอดฝั่ง หรือจะเป็นตัวเขาที่หมดแรงก่อนต้นจามจุรียามไร้ใบนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังคงมีใบปกคลุมเสียอีก เมื่อใดที่มันสะบัดกิ่งสีน้ำตาลเข้มสวนทางลม ยิ่งเสริมให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากกราฟิกซีจีขั้นสูงในภาพยนตร์แฟนตาซีคราวนี้เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้รอซัพพอร์ตอยู่รอบนอกอีก เขากระชับมีดในมือ คอยหาโอกาสตัดกิ่งใกล้ตัวโดยหวังว่าจะสามารถลดจำนวนกิ่งที่เป็นอันตรายให้กับคนรักที่อยู่ใกล้ต้นจามจุรีมากที่สุด
ต้นจามจุรีส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หากเป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อยมันคงแค่รู้สึกโกรธ แต่กิ่งที่ถูกทำลายไปนั้นอยู่กับมันมาเนิ่นนาน การสูญเสียไปก็ไม่ต่างจากเสียอวัยวะสำคัญ มันเร่งดูดสารอาหารในดินหวังจะซ่อมแซมและงอกกิ่งก้านนั้นขึ้นมาใหม่!!!กิ่งไม่งอก!เพราะอะไรกัน!!นิโคลัสไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เจ้าต้นไม้ปิศาจถึงนิ่งไป เขาจึงใช้โอกาสนี้สาดลูกไฟใส่ไม่ยั้ง ไม่ใช่แค่ด้านหน้า แต่วิ่งวนล้อมเป็นวงกลมให้มันติดไฟทุกทิศทาง!พอสังเกตดี ๆ ใบที่เคยเขียวชอุ่มเองก็เริ่มแห้งกรอบ ติดไฟง่ายกว่าเดิมอีกต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จะอะไรก็ช่างนี่เป็นโอกาสที่ดี!เฉินเฟิงมองภาพต้นจามจุรีลุกเป็นไฟ ในสมองราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ยินยอม คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเป็นผู้ใช้พลังพฤกษาย่อมพอรู้ว่ามันกำลังคับข้องใจในเรื่องใดตั้งแต่เริ่มเปิดฉากต่อสู้ เจ้ากระต่ายก็ปลูกต้นลิ้นมังกรยักษ์ไว้มากมาย มองผิวเผินอาจจะทำไปเพื่อฟอกอากาศให้พวกเขาสองคนยังสามารถต่อสู้ได้ท่ามกลางฝุ่นควัน นั่นคือจุดประสงค์หลัก…ส่วนจุดประสงค์แอบแฝงแย่งสารอาหารในดินกับต้นจามจุรียังไงล่ะ!! …กิ่งของมันไม่งอก!พลังงานขอ
ตูม!ไม่รอให้ทั้งสองคนปรึกษากัน ต้นจามจุรียักษ์ก็ฟาดกิ่งลงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดีเฉินเฟิงกระโดดหลบออกไปอยู่วงนอก เขาหยิบต้นลิ้นมังกรขึ้นมาปลูกทันที แม้ดินแถวนี้จะไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่ก็ต้องปลูกให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังเป็นการช่วยคุณหมีสู้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แค่อาจจะยังไม่เห็นผลในตอนนี้และคิดว่าในไม่ช้าต้นไม้ปิศาจเองก็ต้องรู้ว่าเขาได้วางกับดักบางอย่างลงไปแล้ว... หึหึฟากนิโคลัสก็ไม่ปล่อยให้มันเพ่งเล็งคนรัก ยินดีรับบทตัวแท็งก์สร้างลูกบอลไฟในมือจำนวนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งปาใส่ลำต้น และอีกครึ่งปาใส่กิ่งก้านสาขา น่าเสียดายที่เป็นใบไม้สดทำให้ติดไฟยากไปสักหน่อยซึ่งบริเวณลำต้นนั้นก็เข้าถึงยากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มจงใจโจมตีใส่กลางต้นก็มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาจากดิน คอยปัดป้องการโจมตีนั้นเสมอ ทำให้ต้องเบี่ยงไปโจมตีกิ่งก้านด้านบนแทนทั้งเจ้ากระต่ายและคุณหมีต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ต้นไม้ยักษ์ใหญ่เองก็ตระหนักดีว่านี่คือศัตรูที่ยากจะต่อกร มันเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกันกิ่งก้านกวัดแกว่งฉวัดเฉวียน แพทย์ทหารหนุ่มต้องกระโดดโยกหลบเป็นพัลวัน หรือแม้แต่เ
ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
โจเซฟนิ่งคิด“แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน“ระเบิดภูเขา เผาป่าให้เหี้ยน”“โอเค เข้าใจแล้ว” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ฟังสถานการณ์คร่าว ๆ จากเฉินเฟิงมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือต้นไม้ปิศาจ และร่างจริงของมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 7 กิโลเมตรในเมื่อเป็นต้นไม้ก็ต้องกำจัดด้วยไฟถึงจะไม่เหลือซาก และการระเบิดภูเขาเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมั่นใจได้ว่ารากไม้ที่อยู่ในดินจะไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกแผนนี้นับว่าไม่เลวเลย“คุณพิม หงส์ แล้วก็ตุ่นลงไปสร้างแนวดินที่ตีนภูเขา ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปไกล เป็นไปได้ก็สร้างรอบภูเขาลูกนี้ไปเลย”“ที่โรงเลี้ยงช้างมีรถบรรทุกคันเล็กจอดอยู่ครับ ผมลองสตาร์ตดูแล้วสามารถใช้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยรอให้พวกผมสามารถดึงความสนใจของมันได้ก่อน อย่าเพิ่งออกจากบาเรียนะครับ” กว่าจะสร้างแนวกันไฟได้คงต้องวิ่งวนรอบภูเขากันล่ะ“โอเค” สองสามีภรรยารับคำสั่งอย่างแข็งขัน พาพิมพาไปยังรถบรรทุกคันเล็กทันที “อาเฟิงยังมีต้นลิ้นมังกรอยู่ไหม พวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะโดนรมควันตายกันหมด” ต้นไม้ปิศาจอยู่นอกบาเรีย ตอนนี้
พลายวารีก็รู้ความ ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเอาก้นแช่น้ำ ใช้งวงสาดน้ำมาที่เขาอย่างสนุกสนานพอเริ่มร้อนก็ราดน้ำให้ตัวเองสักทีเกือบหนึ่งชั่วโมงกำแพงไฟก็ถูกจุดติดครบทุกแห่ง จากที่มองด้วยสายตาคร่าว ๆ บาเรียของที่นี่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่เจ้ากระต่ายไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คนรักเป็นเพราะกำลังใช้พลังของตนเองเร่งให้ต้นลิ้นมังกร[1]เติบโต เขาเห็นมันถูกเถาวัลย์พันจนแทบดูไม่ออกอยู่ที่อาคารสำนักงานของปางช้างแห่งนี้ คาดว่าคงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เฉินเฟิงจำได้ว่าหลายบ้านนิยมปลูกไม้ชนิดนี้มากเพราะมีสรรพคุณช่วยฟอกอากาศ บางคนจึงนำไปปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวในห้องและได้รับอากาศบริสุทธิ์เขาจึงคิดว่าหากนำมันมาเร่งโตและเพิ่มความสามารถในการฟอกอากาศของมันให้มากขึ้นอีก จะสามารถกำจัดควันไฟปริมาณมหาศาลนี้ได้หรือไม่... โชคดีที่ทำได้เฉินเฟิงจึงไม่รอช้าถอนต้นลิ้นมังกรที่พบเห็นทุกต้นออกมาเร่งให้มันโตจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าพลายมงคล กลายเป็นเครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์ ทำให้ภายในบาเรียยังคงมีอากาศหายใจแม้ว่าด้านนอกจะเต็มไปด้วยไฟและฝุ่นควันทางด้านต้นไม้ปิศาจก็ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย
“!!!!”“ข้างหน้าเป็นกำแพงไฟ!” ตุ่นคว้าคนรักเข้ามากอดแนบอก ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูรถเตรียมเปิดกระโดดทุกเมื่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน[มาเลย! ฝ่ากำแพงไฟมาเลย!!] เสียงในสมองเร่งเร้า“เป็นไงเป็นกันวะ!” โจเซฟเหยียบคันเร่งจนมิด คนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างดาริณีและพิมพาเองก็กอดกันแน่น แม้จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างตึง!!รถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชนกำแพงรากไม้ที่เริ่มเปราะบางจากการถูกเผาไหม้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้หน้ารถไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พอพ้นจากแนวไฟก็ได้พบกับรีสอร์ตร้างที่มีช้างเชือกหนึ่งยืนต้อนรับอยู่“...” หงส์หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากจะเชื่อ“...” ไม่ใช่แค่หงส์ที่ตกใจ ทั้งโจเซฟและตุ่นต่างก็มองภาพไฟกำลังลุกโหม ผิวเนื้อยังคงสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุแต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น บริเวณรีสอร์ตกลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิด!แม้แต่สะเก็ดไฟก็ไม่มี ควันไฟเองก็มีปริมาณน้อยกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด“มากันจริง ๆ ด้วย” พลายมงคลมองกลุ่มผู้มาเยือน เฉินเฟิงบอกว่าจะเรียกกำลังสนับสนุนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและมาจร
ปกติการลงเขาในเวลากลางวันจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพราะต้องเดินลัดเลาะ อ้อมตรงนั้นหลบตรงนี้ไปตลอดทาง แต่ด้วยความเร่งรีบตุ่นจะเป็นคนวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นเส้นตรงเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ส่วนดาริณีจะรับหน้าที่วิ่งเป็นแนวหน้า หากเจอสิ่งกีดขวางที่ไม่จำเป็นต้องวกอ้อมอย่างหินก้อนใหญ่หรือพุ่มไม้ก็จะใช้กำลังหักร้างถางพงด้วยตนเองเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาไปแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เก็บเป็นสถิติใหม่ได้เลยแม้จะลงมาถึงได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน พิมพาแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอไปฝึกร่วมกับเด็ก ๆ คงหมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง หงส์รีบมาช่วยประคองไปที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์อาหารแห้งที่ยังจอดทิ้งไว้นอกหมู่บ้าน เนื่องจากเฉินเฟิงกับนิโคลัสขับรถของคุณยายไป พาหนะที่พวกเขาพอจะหยิบใช้ได้โดยไม่ต้องขอคนอื่นก็มีแต่รถคันนี้ภายในหมู่บ้านเองก็มีชาวบ้านเริ่มออกมามุงดูบ้างแล้ว แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์จึงทำได้เพียงแค่ดู ไม่สามารถโทรแจ้งหน่วยงานไหนได้เลย อีกทั้งมองจากระยะสายตาก็รู้แล้วว่าไกลจากที่นี่พอสมควร เดินทางตอนกลางคืนมีแต่เสี
นิโคลัสชอบแผนใหม่ที่เพิ่งคิดได้ปัจจุบันทันด่วนมากกว่าแผนเดิมมาก นอกจากคนรักจะไม่ต้องเสี่ยงแล้ว ยังใช้ประโยชน์จากความมืดในเวลากลางคืน โหมให้แสงไฟเป็นจุดสังเกตมากยิ่งขึ้นแผนเดิมที่เฉินเฟิงเสนอไว้คือให้นิโคลัสจะใช้ไฟเผาเปิดทาง จากนั้นเจ้ากระต่ายจะขับรถบรรทุกคันเล็กนี้ไปขอความช่วยเหลือจากโจเซฟเพราะต้องการกำลังสำคัญอย่างหงส์และพิมพา หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษธาตุน้ำและดิน พอกำลังรบครบถ้วนก็จะทำการเผาภูเขาลูกนี้ให้เหี้ยนเพื่อง่ายต่อการกำจัดต้นไม้ปิศาจ ซึ่งสองสาวจะรับหน้าที่ควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปไกลจนวอดวาย ส่วนหน้าที่กำจัดก็ยกนิโคลัสกับเฉินเฟิงจัดการ และมีโจเซฟคอยบัญชาการอีกต่อหนึ่งสู้สองคนอาจหัวหาย สู้กันหลายคนรับรองว่ารอดตายแน่นอนว่าข้อเสนอนี้คุณหมอไม่เห็นด้วย ต่อให้ถนนสายนี้ไม่มีอันตราย เขาก็ไม่อยากส่งคนรักออกไปเสี่ยง จนเจ้ากระต่ายพูดออกมาว่า…‘ผมเองก็อยากเก่งขึ้นเหมือนกันนะ ผมอยากเป็นคนที่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ได้ ไม่ใช่เอาแต่หนีเหมือนที่ผ่านมา’ ทั้งยังพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าอีกต่างหาก ด้วยน้ำมันที่มีเหลืออย่างจำกัด ทำให้โอกาสฝ่าออกไปนั้นมีเพียงครั้งเดียวถ้ามีนิโคลัสคอยสนับสนุน