‘หลี่เหม่ยหลิน ไม่นึกว่าจะไร้สมองขนาดนี้’หลี่เหม่ยถิงหันมองสบตาหลี่เหม่ยหลินด้วยความสมเพช จะเวทนาก็ทำไม่ลง“เกิดอะไรขึ้นครับ” หมิงห่าวอี้เห็นสายตาผู้คนโดยรอบมองมาทางเขา จึงเดินเข้ามาสอบถาม“ผู้อำนวยการหมิง ไม่มีอะไรครับ มีนักเรียนมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” คณะกรรมการที่ท่าทางดุร้าย เปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อมองไปเห็นผู้ถูกกล่าวหา‘นักเรียนคนนี้ จะลากเขาลงน้ำโคลนหรือไง’เขาหันมองหลี่เหม่ยหลินด้วยสายตาเข่นเขี้ยวชื่อตำแหน่งที่หลุดจากปากคณะกรรมการ เรียกเสียงอุทานตกใจจากนักเรียนรอบข้าง บางคนขวัญอ่อนหน่อยก็ทำท่าจะเป็นลมพวกเธอกล่าวหาคนระดบนี้ โรงเรียนไม่เอาพวกเธอไว้แน่หากเกิดอะไรขึ้นมานึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว โดยเฉพาะหลี่เหม่ยหลินที่ปากไวออกมา ตอนนี้ตัวสั่นเทาแทบจะหงายหลังล้มลง‘เธอจบเห่แล้ว’ขวับ!“พี่คะ...ช่วยฉันด้วย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ” หลี่เหม่ยหลิน อยากหายตัวไปจากตรงนี้ ตัวเลือกสุดท้ายก็คือขอให้หลี่เหม่ยถิงช่วยรับผิดแทน‘กล่าวหาประธานคณะกรรมการ เธอยังจะมีสิทธิลงแข่งอีกเหรอ?’“นักเรียนคนนี้กล่าวหาว่าพี่สาวยืนคุยกับท่านผู้อำนวยการในเชิงใช้เส้นสายค่ะ” คนให
ช่วงบ่ายของการแข่งขันวันแรก ผู้เข้าแข่งด้านดนตรีของโรงเรียนไท่หรง มีลงแข่งฉินกับอีกคนเล่นเซียว ทั้งสองคนทำสมาธิได้ค่อนข้างดี แถมยังเคยผ่านเวทีการประกวดมาก่อนจึงไม่ตื่นเวทีนัก ถือว่าทำได้ดีทั้งสองคน ได้ผ่านเข้ารอบต่อไปตามคาดจบการแข่งขันวันแรก ผลงานของโรงเรียนเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกคน ขณะเดินออกไปขึ้นรถเตรียมตัวกลับโรงแรมจึงยิ้มแย้มแจ่มใสกันเต็มที่“ฮึ เป็นพี่สาวที่อำมหิตดีนะ ทำน้องสาวถูกตัดสิทธิการแข่งขัน ส่วนโรงเรียนตัวเองยิ้มแย้มหน้าชื่น” เสียงกระแนะกระแหนลอยมาตามลม เสียงดังรอบบริเวณ‘น้องสาว คงไม่ใช่ว่า...’หลี่เหม่ยถิงหันไปมองทางคนพูด เป็นเด็กสาวจากโรงเรียนมัธยมเฉิงตูลำดับ1 โรงเรียนของหลี่เหม่ยหลิน เธอจึงสอดส่ายสายตามองหาน้องสาวที่ขยันหาเรื่องเธอคนนั้นปวดประสาท น่ารำคาญยิ่งกว่าเสียงหมาข้างบ้านเธออยากรีบกลับไปนอนพัก ตอนนี้ฝืนลืมตาอยู่ได้ทั้งที่กินยาไปนานแล้ว สมองมันก็เริ่มเบลอ“ประธานคะ นั่นโรงเรียนของน้องสาวประธานนี่คะ” จ้าวลี่จูเดินมากระซิบถาม มองไปทางนั้นด้วยสีหน้ารังเกียจ“เก็บอารมณ์หน่อย อย่าให้ใครเขาจับอารมณ์เราได้ง่าย ๆ” เอามือตบลงบนไหล่ของจ้าวลี่จูเบา ๆ แล้วพาดแ
“ถิงเออร์ ฮึก...”“ลูก ลูก...เฮ้อออ” ติงหรูอี้สมกับเป็นนังดอกบัวขาวพิษ การแสดงงิ้วนี้รื่นไหล ไร้ช่องโหว่ ตบเธอเสร็จกลับแสดงท่าทางอ่อนแรง เสียงพูดสั่นเทา ใบหน้าเจ็บปวดผิดหวังอย่างสุดแสน ผ้าเช็ดหน้าสีขาวลายลูกไม้ถูกยกขึ้นซับน้ำตาน้ำตาไหลออกมาจริงอย่างกับสั่งได้“ลูกไม่ควรทำให้น้องถูกเข้าใจผิดแบบนั้น แม่ผิดหวังในตัวลูกมากเหลือเกิน ขอโทษนะจ๊ะถิงเออร์ เจ็บไหมลูก แม่...แม่ไม่ตั้งใจ แม่ระงับอารมณ์ไม่อยู่” พูดจบมือขาวผ่องที่ได้รับการดูแลตัดแต่งเคลือบเล็บอย่างดี ก็เอื้อมออกมาข้างหน้าเป็นท่าทางในเชิงขอร้อง เหมือนกลัวว่าเธอจะโกรธ“นี่ นักเรียนคนนั้น ถ้าทำผิดก็มาขอโทษคุณแม่เสียเถอะ”“ใช่ ใช่ ดูสิคุณแม่ของคุณร้องไห้ใหญ่แล้วนะ”“ไม่รู้ทำผิดอะไรมา แม่ถึงท่าทางผิดหวังขนาดนั้น”“ไม่ได้ยินเหรอ ใส่ร้ายน้องสาวตัวเอง ร้ายนะเนี่ย”ตรงที่นั่งของผู้เข้าแข่งขันนี้เปิดโล่ง เพียงแค่แยกส่วนออกจากทางที่นั่งของคนดูแต่ไม่มีอะไรกั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ผู้คนรอบ ๆ จึงสามารถชมดูได้ทั้งหมดหากเป็นหลี่เหม่ยถิงก่อนที่จะฟื้นจากอุบัติเหตุ เธอคงจะรีบลนลานเข้าไปปลอบใจคนที่เธอคิดว่าเป็นแม่ ออกปากขอโทษขอโพยทั้งที่ตัว
ฮ่า ฮ่า ฮ่าหลี่เหม่ยถืงหัวเราะอย่างสะใจ สายตาพราวระยับเหมือนเด็กซุกซน เดินผิวปากเหมือนนักเลงข้างถนน ท่าเดินส่ายเอวอาด ๆ ล้วงกระเป๋าทำเอาหยางฝูเหว่ยปวดหัวจี๊ด‘ถ้าท่านผู้เฒ่าติงมาเห็นเข้า มีหวังได้โดนจับไปเรียนมารยาทอีกแน่’“แค่นี้พอหรือครับคุณหนู?” หยางฝูเหว่ยสุดท้ายก็ถามออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม“ถือว่าเป็นดอกเบี้ยเรียกเก็บแล้วกันค่ะ การทำร้ายร่างกายเธอมันทำง่ายนะคะ แต่การจะค่อย ๆ กัดกินทำร้ายจิตใจยัยแก่นั่น คือสิ่งที่ฉันอยากทำมากกว่าอะไรทั้งหมด”‘เหมือนที่มันทำกับฉันมาทั้งชีวิต’คำพูดประโยคหลังที่ไม่ได้พูดออกมา เขาก็พอจะเดาได้บ้างไม่มากก็น้อย จริงของคุณหนูการทรมานจิตใจโหดร้ายกว่ามาก แววตาเหี้ยมเกรียม รอยยิ้มเย็นชาวาดผ่านใบหน้าของหยางฝูเหว่ยชั่วแว่บ‘ถ้าเจ้านายรู้เข้า มีหวังติงหรูอี้ไม่ได้เดินจากไปง่าย ๆ อย่างนี้แน่’“ไม่ต้องบอกพี่ใหญ่ฉินล่ะ” เสียงหลี่เหม่ยถิงลอยมาตามสายลม ดักคอหยางฝูเหว่ยได้พอดิบพอดี “ไม่งั้นติงหรูอี้ไม่เหลือมาถึงมือให้ฉันได้เล่นสนุกแหง” จากนั้นก็เป็นเสียงพึมพำกับตัวเองในลำคอ ในห้องรับรองของคณะกรรมการจัดงาน“คุณติดต่อนักเรียนหลี่ ให้เข้ามาสแตนด์บายได้แ
ปึก!มือคร้ามแข็งแรงโยนปากกาลงกองเอกสาร ยกโทรศัพท์ขึ้นติดต่อเจ้าของข้อความทันที “ล็อกเป้าแล้วใช่ไหม?” “ล็อก…ซ่า…ครับนา…”เสียงตอบกลับขาดหาย น่าจะอยู่ในเขตพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลจากเสาสัญญาณ เขาตัดสินใจวางสายแล้วใช้การส่งข้อความแทน น่าจะรู้เรื่องมากกว่า“เจอตัวสวีอวี้เจ๋อในจังหวะที่ไม่ดีนัก”หลังจากลองคำนวณความเป็นไปได้หลายอย่าง ก็เริ่มพิมพ์สั่งงานทันที‘ยังไม่ต้องคุมตัว แต่หาคนคอยจับตาดูทั้งครอบครัวนั้นอย่างใกล้ชิด คราวนี้อย่าให้หนีไปได้’คนต่อไปที่เขาจะติดต่อคือผู้เฒ่าติง“สวัสดีครับผู้เฒ่าติง ผมมีเรื่องของหลี่เหม่ยถิงมาปรึกษาครับ ต้องการความร่วมมือจากท่านผู้เฒ่าด้วยส่วนหนึ่ง” ฉินเฟยหลงพูดเข้าประเด็นทันที ไม่เปิดโอกาสให้อาจารย์ของหลี่เหม่ยถิงเขม่นกลับมาตอนนี้เขาอยากได้ผลที่รวดเร็วจึงไม่ใช่เวลามาล้อเล่นกับท่านผู้เฒ่า“เรื่องการรักษาศิษย์น้อยหรือเปล่า” ผู้เฒ่าติงได้ยินเสียงหนักแน่นก็จริงจังขึ้นมาบ้าง“ไม่ใช่ครับ เรื่องอุบัติเหตุในไท่หยวน ผมต้องการให้ท่านผู้เฒ่าเป็นตัวแทนเธอในการรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ เพราะตอนนี้เราได้หลักฐานเพิ่มเติมมาแล้ว” หลังจากที่เด็กน้
4 เดือนผ่านไป“หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ผลการตรวจค่าความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองกลับมาค่อนข้างปกติแล้ว ต่อไปเราจะปรับแผนการรักษานิดหน่อยนะครับ จะมีการปรับตัวยา แล้วก็การบำบัดทางจิตจะเป็นทุก ๆ 2 เดือน”หลี่เหม่ยถิงหันไปเปิดรอยยิ้มกว้างสดใสให้กับหยางฝูเหว่ยและเกาอี้ ขายหนุ่มทั้งสองคนยืนตัวเกร็งอยู่ทางเข้าห้องตรวจ พอได้ยินสิ่งที่แพทย์ที่รักษาคุณหนูพูด ต่างก็เพิ่งรู้ตัวว่ากลั้นหายใจอยู่หยางฝูเหว่ยมีรอยยิ้มบาง ใบหน้าเฉยชาอยู่เป็นนิจเพิ่มความอบอุ่นขึ้นมามากทีเดียว เกาอี้เสียอีกที่กลับมีน้ำตาคลอ ระยะเวลา 5-6 เดือนที่อยู่ด้วยกัน ถ้าจะบอกว่าไม่มีความผูกพันเกิดขึ้นคงเป็นเรื่องโกหก “อย่าเพิ่งดีใจจนลืมระมัดระวังนะครับ โรคนี้ถ้าไม่ระวังอาจจะกลับมาเป็นอีกครั้งได้หากมีปัจจัยกระตุ้น ทั้งจากเหตุการณ์สะเทือนใจ ภาวะความเครียด หรือสารเสพติด”คนไข้อย่างหลี่เหม่ยถิงฟังคำเตือนก็ไม่มีท่าทีอะไร แต่คนกระวนกระวายกลับเป็นสองหนุ่มผู้ดูแลหยางฝูเหว่ยยกเครื่องบันทึกเสียงมาบันทึก ข้อควรระวังและการปฏิบัติตัวของคนไข้และผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังกริ๊ง“หมอว่ายังไงบ้าง” เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนเอ่ยถ
3 อาทิตย์ต่อมาโรงเรียนไท่หยวนลำดับ 1“เครื่องเขียนครบค่ะ ใบรายงานตัวอยู่นี่ ทุกอย่างครบค่ะ” จ้าวลี่จูกำลังตรวจเช็กของที่ต้องใช้สำหรับการสอบอีกรอบ“มันครบทุกรอบแหละลี่จู จะตื่นเต้นอะไรนัก นี่รอบที่ 5 แล้ว ไม่ต้องเช็กแล้วไม่มีอะไรขาด” เสียงยานคางเอ่ยอย่างละเหี่ยใจ วันนี้เป็นวันสอบเกาเข่าวันแรก เธอกับจ้าวลี่จูได้สนามสอบที่เดียวกันแต่คนละห้อง คนอื่นในสภานักเรียนได้สนามสอบอื่นกระจายกันไปพอเรียนจบจากไท่หรง ต่างคนก็มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง โอกาสจะกลับมาพบกันอีกก็คงไม่มากนัก ในกลุ่มสภานักเรียนคนที่เธอสนิทใจด้วยที่สุดคือจ้าวลี่จู ส่วนคนอื่นพูดตามตรงก็ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในโลกใบแคบของเธอได้ “ฉันตื่นเต้นนี่คะ กลัวจะสอบได้คะแนนไม่ดี” เธอกลัว คะแนนไม่พอจะยื่นเรื่องไปเรียนที่เดียวกับประธานน่ะสิ เกรดดีแบบประธานถ้าไม่เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็ชิงหัว 2 ที่นี้แน่“ศิษย์น้อยไม่ต้องตื่นเต้น ทำข้อสอบตามปกติก็ติดชิงหัวสบาย ๆ อยู่แล้ว” ท่านผู้เฒ่าให้กำลังใจตามปกติของท่าน แต่ดูเหมือนพ่อแม่ผู้ปกครองได้ฟัง จะเป็นอีกความหมายหนึ่ง“บ้านนั้นน่าไม่อายจริง ๆ จะโอ๋ลูกหลานให้ถึงสวรรค์เลยหรือไง ทำอย่า
มื้อเย็นในห้องอาหาร ค่ำคืนนี้ค่อนข้างจะครึกครื้น มีผู้ร่วมโต๊ะที่มาพักอาศัยอยู่ในบ้านเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ชีวิต เจ้าบ้านที่ดีก็ต้องต้อนรับขับสู้“ผู้อาวุโสติงกับถิงเออร์ มีวาสนาต่อกันขนาดนี้ ลูกไม่เห็นจะเล่าเรื่องของอาจารย์ให้ที่บ้านฟังบ้างเลยล่ะจ๊ะ เด็กคนนี้ไม่รู้ความจริงเชียว” ติงหรูอี้แกล้งดุหลี่เหม่ยถิง ผู้หญิงคนนี้ใช้สุ้มเสียงกดให้อ่อนโยนเหมือนเคย“จะบอกว่าหนูไม่ให้ความสำคัญกับอาจารย์เหรอคะ คุณนายติง” จบคำเรียกขานของหลี่เหม่ยถิง ห้องอาหารกลับมีเสียงช้อนหล่นกระทบจาน เสียงสูดลมหายใจของคนงานในบ้าน เสียงอุทานจากเด็กสาวฝั่งตรงข้าม“หลี่เหม่ยถิง ลูกทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไมเรียกแม่แบบนั้น คุณคะ” คุณนายติง หรือคุณนายตระกูลหลี่ตัดพ้อแล้วหันไปมองทางเจ้าบ้านที่นั่งตรงหัวโต๊ะหลี่ซีซวนเพียงหันมอง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่ายหน้า“ถิงเออร์รู้เรื่องแล้ว คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อีก ในเมื่อลูกสะดวกใจเรียกแบบนั้นก็ปล่อยให้เรียกเถอะ” คำตอบจากปากของสามีทำเอาคุณนายของบ้านจิกเล็บลงในฝ่ามือ“ถึงแม่จะไม่ใช่แม่ที่คลอดลูกออกมา แต่สำหรับแม่ถิงเออร์ยังเป็นลูกของแม่เสมอนะจ๊ะ” ติงหรูอี้หันหน้ามายิ้
อือ…“คุณหนู ฟื้นแล้วเหรอครับ” หยางฝูเหว่ยและเกาอี้นั่งรออยู่ในห้องพักพิเศษตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล สองหนุ่มผู้ดูแลลุกขึ้นเดินเข้าหาอย่างระมัดระวัง สายตาของหยางฝูเหว่ยมองเข้าไปในหน่วยลึกของดวงตาดอกท้อ ขนตาหนาเป็นแพกระพือถี่อย่างพยายามปรับโฟกัส ความหม่นในดวงตาค่อยกระจ่างขึ้น ถูกแทนที่ด้วยความมึนงง สับสน“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ข้อมือเล็กพยายามขยับ แต่กลับไม่สามารถยกขึ้นได้ ความปวดตึงทำให้หลี่เหม่ยถิงหันไปมองทางข้อมือขวา เห็นว่ามันถูกพันธนาการติดกับขอบเตียง จึงย้ายสายตาสำรวจร่างกายทีละส่วนสมองเริ่มกระจ่างตามเวลาที่ผ่านไป ความทรงจำก่อนหมดสติไหลกระแทกกลับเข้ามา ลมหายใจอันเกิดจากห้วงอารมณ์รุนแรงกระชั้นถี่จนทรวงอกภายใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างกายยุบขึ้นลง “คุณหนูพยายามคุมสติคุมอารมณ์ตามวิธีที่นักบำบัดบอกไว้ครับ” ผู้ช่วยหนุ่มกดเสียงให้ราบเรียบพูดอย่างใจเย็น มีเกาอี้ยืนหายใจไม่เต็มปอดอยู่ข้าง ๆพวกเขาต้องพยายามทำให้บรรยากาศสงบนิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้กระตุ้นอารมณ์คุณหนูไปมากกว่านี้20 นาทีต่อมา การปรับอารมณ์ก็เป็นผล หยางฝูเหว่ยจึงแจ้งพยาบาล จากนั้นก็มีแพทย์มาตรวจจนเสร็จกระบวนการ ผ้ายึดข้อมือก็ถูกถอดออ
หากไม่มีคุณหนู ตระกูลหลี่ก็ไร้ความหมายสองสามีภรรยาต่างมองหน้าสื่อความแล้วแยกย้ายกันไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายคนละทาง“ผู้เฒ่าติงครับ ผมคิดว่าเราควรถือวิสาสะอ่านจดหมายที่เป็นต้นเหตุของอาการครับ พ่อบ้านติงครับไปเก็บของเถอะครับ เราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย ผมจะให้เกาอี้เอารถมารอรับด้านหน้า”ท่านผู้เฒ่ารับจดหมายที่ยับย่นจากมือหยางฝูเหว่ยมาอ่านอย่างรีบร้อน ยิ่งอ่านใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยวัยชรายิ่งดำทะมึนขึ้นตามตัวอักษรแต่ละคำลักพาตัวเด็ก!!!“สารเลว! ชั่วชาติเอ๊ย!”ท่านผู้เฒ่าสบถด่าออกมาอย่างดุเดือด ใบหน้าแดงก่ำจากความดันพุ่งขึ้นสูง อยากปาจดหมายลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำ เสียแต่คนที่เขาอยากจัดการดันชิงตายไปเสียก่อนคิดแล้วว่าหลี่ซีซวนอะไรนี่ไม่ใช่ตัวดี!นี่มันกากเดนมนุษย์ในคราบหมอยังมีหน้ามาอวดอ้างความดีความชอบ มันลักพาตัวเด็กมาชัด ๆ ถุย! ปกปิดความผิดมาตลอดชีวิตจนตัวตาย ยังไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงสงสารก็แต่ศิษย์น้อย ตกเป็นเหยื่อของชายเห็นแก่ตัว ยิ่งมองไปยังสภาพของศิษย์รักท่านผู้เฒ่ายิ่งสะเทือนใจ ถิงเออร์คงเจ็บปวดทรมานมากที่มารับรู้ว่าโศกนาฏกรรมในชีวิตเกิดจากคนที่เธอรักเคารพที่สุดพ่อบ้านติง
ฮ่า ฮ่า ฮ่าติงหรูอี้หลุดเสียงหัวเราะสุขใจดังลั่นออกมา ไม่หลงเหลือหรือพยายามรักษาท่วงท่าสง่างาม หญิงกลางคนแทบจะลุกขึ้เต้นรำไปรอบห้อง‘มันไม่ใช่ลูกของหลี่ซีซวน ในที่สุดเธอก็ชนะผู้หญิงในใจคนนั้นแล้ว’หลี่เหม่ยหลินกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา สมองมึนตื้อไปหมด เธอถูกแม่บอกเล่ามาเสมอว่าหลี่เหม่ยถิงคือลูกชู้ ลูกของผู้หญิงที่ทำแม่ของเธอเสียใจความจริงแบบนี้ต้องให้เธอรู้สึกยังไงหลี่เหม่ยถิงไม่มีเวลามาสนใจปฏิกิริยาหรือความรู้สึกของใครทั้งนั้น ตาจดจ้องเพียงจดหมายในมือไล่อ่านทีละคำทีละบรรทัดจนพบข้อความต่อจากที่หลี่เหม่ยหลินอ่าน“ใช่แล้วถิงเออร์ ลูกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ แม้พ่ออยากจะให้เป็นสักแค่ไหนก็ตาม พ่อกับแม่ของลูกดำรงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนนี้ตลอดระยะเวลาที่แม่ของลูกตั้งครรภ์แล้วเธอไปฝากท้องที่โรงพยาบาลนั้นแต่พ่อของลูกไม่เคยปรากฏตัว พ่อที่แอบรักแม่ของลูกเงียบ ๆ ในใจก็ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้แม่ของลูกลืมผู้ชายคนนั้นเสีย เพราะทุกครั้งที่เธอพูดถึงสามีจะมีประกายตาแห่งความสุขไร้แววเศร้าหมอง เธอยังเชื่อมั่นจนลมหายใจสุดท้ายว่าเขาจะกลับมาหาวันที่ลูกเกิด
10 วันผ่านไป“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณนายหลี่ เสียใจด้วยนะคะคุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง”แขกที่มาร่วมงานพิธีเคารพศพของหลี่ซีซวนวันสุดท้ายมีมากกว่า 9 วันที่ผ่านมา แขกชายจากตระกูลต่าง ๆ ในเฉิงตูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย แต่ไม่ใช่อย่างนั้นกับแขกฝ่ายหญิงประโยคเน้นคำเรียกคุณนายหลี่ คือสิ่งที่ตอกย้ำติงหรูอี้ซ้ำ ๆ เป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันครั้งเธอเหมือนโดนหลี่เหม่ยถิงถีบออกมายืนท่ามกลางผู้คน ให้คนเหล่านั้นรุมเย้ยหยัน ตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟันยิ้มสู้พอคล้อยหลังเธอ พวกสาวสังคมเหล่านั้นก็จับกลุ่มนินทาหัวเราะเยาะ เรื่องที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มือเรียวเหล่านั้นชี้นิ้วมายังเธอด้วยอาการล้อเลียนติงหรูอี้ชำเลืองไปทางลูกเลี้ยงสาวด้วยสายตาอาฆาตปนแววสังหาร หลังจบงานนี้ไม่แน่หรอกนะว่าใครจะจัดการใคร‘อาอี้ อาจารย์ของนังเด็กนั่นไม่มีอำนาจอิทธิพลแน่ใช่ไหม ข่าวลือของเธอมันระงับไม่ได้เพราะมีคนคอยปล่อยข่าวซ้อนตลอดเลยนะ’ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ เธอต้องมาคอยยืนเป็นตัวตลกในงานให้คนหัวเราะตลอด 10 วันเพราะนังเด็กนี่แท้ ๆ‘พี่ช่วยฉันจัดการหน่อย ฉันไม่อยากเก็บมันไว้ให้รกหูรกตาอีกแล้ว’ ในเม
หลังจากจัดการหลี่เหม่ยหลินให้อยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงก็กลืนกินทั่วร่างหลี่เหม่ยถิง จนเธอต้องเดินโซซัดโซเซไปหาจุดนั่งพัก ทางเดินของบันไดหนีไฟถูกเปิดออกร่างเล็กจ้อยนั่งขดตัวกอดเข่า ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลอย่างเงียบเชียบ หยางฝูเหว่ยผู้แอบเดินตามหลังมารีบต่อสายหาเจ้านายอย่างเร่งด่วน“นายครับ คุณหนูแย่แล้ว” จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันนี้ให้ฉินเฟยหลงฟัง มีเกาอี้เดินขยับมายืนข้างกัน จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าววิ่งเหยาะ ๆ ไปแง้มบันไดหนีไฟ ยื่นเพียงมือที่ถือโทรศัพท์เข้าไปด้านใน“หลี่เหม่ยถิง ผมอยู่นี่ เธอไม่ต้องกลัว”เสียงทุ้มอ่อนโยนดังผ่านลำโพงที่เปิดเสียงไว้ ดวงหน้าที่ซุกซบบนเข่าจึงเงยขึ้นไปมองยังที่มาของเสียง มือสั่น ๆ ยื่นไปรับโทรศัพท์มาถือไว้“พี่ พี่ใหญ่ฉิน คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม” เสียงสั่นไร้ความหนักแน่นเรียกหา ตัวคนที่ถูกขอร้องถึงกับใจกระตุก“เธอรอไม่นานหรอก ผมกำลังไป” จบประโยคหนักแน่นนั่น สายก็ถูกตัดทันที หลี่เหม่ยถิงได้แต่กอดมือถือไว้แนบอก ดวงตาเปียกชื้นไม่มีน้ำตาอีกต่อไป“ศิษย์น้อย เรากลับกันก่อนเถอะนี่ก็ดึกแล้ว” เธอน่าจะนั่งอยู่แบบนั้นนาน
โรงพยาบาลเอกชนฝูต้านับเป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลที่จะมีคนไข้ฉุกเฉินถูกนำตัวมาส่งได้ตลอดเวลา แต่คราวนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะคนไข้คือเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้เหล่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างได้รับการแจ้งเตือน คนไข้ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดหลังแพทย์เวรตรวจอาการเบื้องต้นศัลยแพทย์หัวใจมือดีที่สุดของโรงพยาบาลถูกตามตัวเร่งด่วน โชคดีที่เขาไม่มีคิวผ่าตัดเวลานี้ ไฟห้องผ่าตัดสีแดงสว่างจ้าแยงตาของหลี่เหม่ยถิงมานับชั่วโมง ดวงตาดอกท้อแดงก่ำจ้องเขม็งไปในทิศทางเดียว ไม่สนใจว่าจะมีใครอื่นเดินวนเวียนอยู่รอบตัวร่างกายบอบบางยืนพิงผนังปูนสีขาว สองแขนกอดอกแน่น รังสีมืดดำเย็นชาพาบรรยากาศยิ่งหนักอึ้งไม่มีใครกล้าขยับเข้าไปใกล้หยางฝูเหว่ยเป็นคนขับรถพาทุกคนในความดูแลของเขามาโรงพยาบาล สายตาคมติดแววกังวลในหน่วยลึกกวาดมองผู้คนพลุกพล่านรอบตัว มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันทางหนึ่งติงหรูอี้ยืนเหยียดหลังตรงมีหลี่เหม่ยหลินร้องไห้กระซิกซบอกคนเป็นแม่ ท่านผู้เฒ่าติงกับพ่อบ้านติงนั่งอยู่ข้างกันบนเก้าอี้ที่พ่อบ้านฝูจัดหามาให้ พนักงานในโรงพยาบาล พยาบาล ผู้ช่วยหลายคนยืนชะเง้อยืดคอมองด้วย
“หลี่ซีซวนคนสารเลว คุณทำแบบนี้กับฉันและลูกได้ยังไง ต่อไปเราจะกล้าเงยหน้ามองใครได้อีก” พอตั้งสติได้คุณผู้หญิงของบ้านก็ลงมือตบตีประมุขของบ้านพัลวัน ชายผู้ยังรู้สึกผิดก็ยืนนิ่งให้ภรรยาทุบตีฉีฟ่านเข้ามาแยกทั้งสองคนออกแล้วจึงแนะนำให้ขึ้นไปคุยกันต่อบนห้องหนังสือ“ตอนนั้นคุณรับปากแล้วว่าจะไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับใคร แค่ที่เราแต่งงานกันแต่คุณไม่ยอมจดทะเบียนยังเป็นการลงโทษฉันไม่พอรึไง ทำไมคุณถึงยังพูดมันออกมา ทำไม“ ติงหรูอี้ที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ ถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ“ถ้าคุณไม่วางยาผม เรื่องมันจะเกิดขึ้นรึไงกันล่ะ ตอนนั้นผมให้คุณมาเป็นแค่พยาบาลพี่เลี้ยงถิงเออร์เท่านั้นนะ อย่าลืมสิ แล้วที่ผมยอมแต่งเพราะคุณท้อง พี่ชายคุณมาขอร้องให้ช่วยรักษาหน้าของตระกูลติง เราถึงแต่งกันแค่ในนาม ข้อตกลงก็ร่างเป็นสัญญาเก็บไว้ไม่ใช่หรือไง”หลี่ซีซวนยังคงยึดถือข้อตกลงเดิมมาพูดถึง“เวลานานขนาดนี้แล้วคุณไม่คิดเปลี่ยนใจจะสร้างครอบครัวกับฉันบ้างเลยงั้นเหรอ ฉันทั้งดูแลคุณ ดูแลบ้าน ดูแลลูก ๆ ให้คุณ คอยสนับสนุนคุณทุกอย่าง” ติงหรูอี้ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาไม่คิดจะอ่อนลงเลย“ผมบอกคุณแล้วว่า ไม่รักก็คือไม่รัก คุณก็ยังรั้
สวีอวี้เจ๋อมอบตัวแต่…คนที่เขาซัดทอดไปได้เป็นเพียงชายที่ชื่อปู้ข่าย หรือหมีดำฉายาที่คนบนท้องถนนเรียกเขา ชายคนนี้รับงานเป็นนายหน้าจัดการเรื่องสกปรกต่าง ๆ ให้กับใครก็ตามที่พร้อมจ่ายเงินให้ปู้ข่ายถูกจับกลับมากับพรรคพวกอีก 4 คน น่าเสียดายที่เบาะแสสะดุดหยุดลงตรงนี้อีกครั้งหมีดำรับงานไม่เป็นหลักแหล่งแน่ชัด ติดต่อผ่านทางเบอร์โทรที่ส่งต่อกันเฉพาะคนรู้จักหรือลูกค้าเก่าแนะนำมา รับเงินมัดจำครึ่งหนึ่งโดยโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เขาระบุหมายเลขไปให้ ส่วนที่เหลือจ่ายหลังจากเขาส่งหลักฐานการทำงานก่อนลงมือขั้นสุดท้ายไปให้ หากลูกค้าเบี้ยวเขาก็จบงานไม่ทำต่อ“นี่คุณตำรวจผมบอกแล่วไง ว่าไม่รู้ ทำไปแค่นึกสนุกอยากฆ่าคนเล่นสุ่มไปเรื่อย คนจงคนจ้างไม่มีหรอก” ปู้ข่ายยังพยายามเล่นลิ้นน้ำเสียงยียวน“ถ้าไม่มีผู้จ้างวานเท่ากับนายอยู่เบื้องหลังทั้งหมด จะรับสารภาพตามนี้หรือเปล่าล่ะ ถ้ารับก็เซ็นเอกสารนี่นายได้ติดคุกหัวโตแน่” มือคล้ำแดดของนายตำรวจรุ่นใหญ่เลื่อนกระดานหนีบเอกสารไปฝั่งตรงข้าม ขณะที่เขากดหยุดเทปบันทึกคำให้การไปด้วย‘ก็แค่ติดคุก ทำอย่างกับเขาไม่เคยติด แค่ข้อหาจ้างวานกับพยายามฆ่า ลองหาพรรคพวกวิ่งเต้นนิดห
3 วันต่อมา“แชมป์เป็นคนของเฉิงตู ก็ต้องเป็นแชมป์ของเฉิงตูสิ”“แต่แชมป์ไปเรียนที่ซานซี สอบก็ส่งชื่อในนามของซานซี ก็เป็นแชมป์ของซานซีถูกแล้ว”“หลีกทางหน่อย ๆ ขอพบนักเรียนหลี่เหม่ยถิงหน่อยครับ”“เฮ้ย อย่าเบียดเข้ามาสิวะ”“เฉิงตูเดลี่ขอสัมภาษณ์นักเรียนหลี่เหม่ยถิงและครอบครัวหน่อยครับ”ฝูหย่งอันมองภาพความวุ่นวายหน้าประตูรั้วนอกบ้านด้วยสายตาภาคภูมิ ดูสิคุณหนูของบ้านเขาเก่งกาจขนาดไหน แม้แต่ผู้ว่าการสองมณฑลยังมายื้อแย่งผลสอบเกาเข่าอย่างเป็นทางการออกแล้ว!“คุณผู้ชายจะให้จัดการข้างนอกอย่างไรดีครับ มีผู้ว่าการมณฑลมาพร้อมธงประกาศเกียรติยศ นักข่าวมาขอสัมภาษณ์ แล้วก็คนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งมาขอพบคุณหนูใหญ่” พ่อบ้านชรากลับเข้ามายังห้องโถงใหญ่ของบ้าน ตอนนี้เจ้านายทุกคน รวมถึงอาจารย์และคุณผู้ดูแลของคุณหนูก็มากันครบ“ถิงเออร์ลูกเก่งมาก พ่อภูมิใจในตัวลูกมากจริงๆ ลูกจะให้จัดการยังไงวันนี้ปล่อยให้ลูกตัดสินใจได้เลย” หลี่ซีซวนออกปากชมไม่หยุด ท่าทางตื่นเต้นหน้าแดงมีเลือดฝาด รอยยิ้มกว้างไม่เคยหดหายนับตั้งแต่หลี่เหม่ยถิงเช็กผลคะแนนสอบเมื่อเช้าหลี่เหม่ยถิงยิ้มรับคำชมจนตาปิด วันนี้เธอใช้แว่นตากรอบบาง