เมิ่งเซียวเป็นบุตรีนอกสมรส ท่านแม่ทัพเจิ้นหยวนไม่เคยเอ็นดูนาง ภายหลังเมื่อนางแต่งงานกับเฉินยู่หุย ท่านแม่ทัพจึงเห็นแก่หน้าอัครเสนาบดี ท่าทีต่อเมิ่งเซียวจึงดีขึ้นบ้างท่านแม่ทัพเจิ้นหยวนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "พี่สาวเจ้าช่างเหลิงเกินไปทุกวัน ไม่นานมานี้กินแล้วไม่จ่ายเงิน วันนี้ยังกล้าทำร้ายผู้อื่นอย่างเปิดเผย หากปล่อยให้ทำตามใจต่อไป ใครจะรู้ว่านางจะก่อเรื่องร้ายแรงอะไรอีก!"เมิ่งชิงคุกเข่าร้องไห้ "ท่านปู่เจ้าคะ หลานไม่ได้กินแล้วไม่จ่าย มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด""เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าของเยว่ฟางโหลวบอกข้าหมดแล้ว" ท่านแม่ทัพเจิ้นหยวนแค่นเสียง "ทุกครั้งเจ้าสั่งอาหารมากมาย แล้วให้คนอื่นจ่าย เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ทุกคนต่างเห็นว่าเจ้าเห็นแก่ตัวและขี้ตืด""เจ้าก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับไม่มีใครมาสู่ขอเลย ถึงเวลาต้องสั่งสอนเจ้าเสียที"พอได้ยินคำนี้ เมิ่งชิงก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมิ่งเซียวจำต้องอ้างทารกในครรภ์เป็นข้อแก้ตัว "ท่านปู่เจ้าคะ ตอนนี้หลานท้องโตเพียงนี้ ยู่หุยก็ไปล่าสัตว์ พี่สาวอยู่ที่นี่ยังช่วยดูแลหลานได้ ขอท่านปู่ให้พี่สาวอยู่ก่อน รอการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงจบแล
เจียงเม่ยเอ๋อร์จ้องเมิ่งเซียว "เจ้าก็ท้องเหมือนกัน เหตุใดไม่พูดว่าเด็กในท้องเจ้าเป็นดาวอัปมงคลเล่า?"เมิ่งเซียวพึมพำเบา ๆ "หมอดูไม่ได้ว่าอย่างนั้นนะ""เจ้าระวังคำพูดหน่อยก็ดี ทารกในครรภ์ข้าเป็นลูกของฉู่เจวี๋ย หากฉู่เจวี๋ยได้ยินคำพูดเจ้า คงไม่ละเว้นเจ้าแน่" เจียงเม่ยเอ๋อร์ขึงตาขู่เมิ่งเซียวไม่พูดอะไร คิดในใจ ในวังมีคนพูดแบบนี้ตั้งมากมาย เจ้าก็กล้าขู่แค่ข้าเท่านั้นแหละ อีกอย่าง เด็กในท้องข้าก็เป็นลูกของฉู่เจวี๋ยเหมือนกันนะ!เจียงเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้ยินเสียงในใจของเมิ่งเซียว สีหน้านางหม่นหมอง แม้นางจะเคยคิดจะทำแท้งทารกในครรภ์ แต่หากเจียงซุ่ยฮวนไม่ตาย พิษพยาธิในร่างของฉู่เจวี๋ยก็ไม่มีทางแก้ได้ นางไม่สามารถมีลูกคนที่สองกับฉู่เจวี๋ย จึงไม่อาจเสี่ยงไม่รู้เพราะเหตุใด แม้นางจะให้ชุ่ยหงปล่อยพยาธิเข้าสู่ร่างของเจียงซุ่ยฮวนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างในป่าทึบ เจียงซุ่ยฮวนค่อยๆ ลงจากหลังม้าโดยมีกู้จิ่นช่วยพยุง นางยืนบนพื้นดินนุ่ม สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึก ๆ แล้วถาม "พวกท่านจับสัตว์พวกนั้นได้ที่นี่เมื่อวานหรือ?"กู้จิ่นก้มหน้า ผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ "กวางตัวนั้นล่าได้ที่นี่ สัตว์ร้าย
แย่แล้ว! เกิดเหตุซ้ำสองอีกแล้ว!เจียงซุ่ยฮวนตะลึงงัน นางทำได้อย่างไรที่ยิงธนูถูกก้นผู้อื่นทุกครั้ง?นางกัดริมฝีปาก แอบมองกู้จิ่นอย่างระมัดระวังกู้จิ่นก้มหน้า ใช้มือขวากำหมัดยกขึ้นปิดปาก ดูเหมือนกำลังหัวเราะ"มีอะไรขำหรือ?" นางพึมพำเบา ๆ หันมองรอบข้าง ลังเลว่าจะหาที่ซ่อนตัวดีหรือจะเดินออกไปยอมรับอย่างเปิดเผยดีฝ่าบาทให้นางติดตามกู้จิ่นเข้ามา ด้วยคิดว่าหากกู้จิ่นได้รับบาดเจ็บ นางจะได้ช่วยรักษาได้ทันท่วงทีแต่นางกลับทำแบบนี้ ไม่เพียงเล่นธนู ยังยิงถูกก้นผู้อื่นตั้งแต่แรก หากผู้นั้นมีนิสัยดุร้ายพูดจาไม่ดี ตำแหน่งหมอหลวงของนางจะรักษาไว้ได้หรือไม่?ขณะที่เจียงซุ่ยฮวนกำลังกังวล กู้จิ่นก็เก็บรอยยิ้ม กลับสู่สีหน้าเรียบเฉยดังเดิม เขาเดินไปแก้เชือกที่ผูกไว้กับต้นไม้ จูงม้าเดินกลับมาเขาจับข้อมือเจียงซุ่ยฮวน "ไปกันเถอะ พวกเราไปดูสักหน่อย"เจียงซุ่ยฮวนคิดว่ากู้จิ่นจะพานางไปรับผิด นางถอนหายใจเบา ๆ ยอมตามกู้จิ่นไปอย่างจำนนใครจะรู้ว่ากู้จิ่นไม่ได้พานางเดินตรงไป แต่พาเดินอ้อมป่าไปสักพัก แล้วจึงมุ่งหน้าไปทางที่มีเสียงร้องครวญครางเสียงดังมาไม่ไกล ทั้งสองเห็นชายผู้หนึ่งกุมลูกธนูที่ก้น เจ็บจนก
"อ้อ ๆ"เจียงซุ่ยฮวนมองฉู่เฉินที่ยังคงร้องครวญคราง คิดในใจว่านี่แหละกรรมตามสนอง ให้เขาเจ็บไปสักพักเถอะแม้ในเมืองหลวงหลายคนจะกลัวกู้จิ่น แต่นั่นเป็นเพราะนิสัยเย็นชาและเด็ดขาดของเขา อีกทั้งคนที่กู้จิ่นฆ่าล้วนเป็นคนชั่ว แต่ฉู่เฉินผู้นี้ต่างออกไป เขาเป็นคนวิปริตอย่างแท้จริงแววตากู้จิ่นซับซ้อน "แม้ตอนนี้ฉู่เฉินจะไม่เป็นที่โปรดปราน แต่อย่างไรก็เป็นถึงองค์ชาย หากเขารู้ว่าเป็นเจ้ายิงธนู เกรงว่าจะจองเวรเจ้า"แววตาเจียงซุ่ยฮวนวูบไหว "หรือว่า... พวกเราไม่ต้องสนใจเขา เดินจากไปเลยดีไหม?""ไม่ได้" กู้จิ่นส่ายหน้า "บนลูกธนูมีลวดลาย เขาเห็นปุ๊บก็รู้ว่าเป็นธนูของข้า""จะว่าไปก็จริง"เจียงซุ่ยฮวนกลอกตาไปมา เสนอว่า "เช่นนี้ดีไหม พวกเราออกไปตอนนี้ แกล้งทำเป็นบังเอิญผ่านมา ข้าถอนธนูออก ท่านทำลายธนูทิ้ง จะเป็นอย่างไร?"มุมปากกู้จิ่นยกขึ้น "พอดีคิดอย่างนั้นอยู่"ทั้งสองเดินออกไปเคียงข้างกัน เจียงซุ่ยฮวนแกล้งร้องอย่างตกใจ "อ้า! มีคนบาดเจ็บอยู่ที่นี่!"ฉู่เฉินเจ็บจนต้องนอนคว่ำกับพื้น เขาราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต มือหนึ่งกุมก้น อีกมือค่อย ๆ ยื่นไปทางเจียงซุ่ยฮวน ร้องเสียงอ่อน "ช่วย...ด้วย..."เจียงซุ่
ฉู่เฉินพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก ถอนหายใจพลางเตรียมถอดกางเกง กู้จิ่นวางมือบนท้ายทอยเจียงซุ่ยฮวน บังคับให้นางหันหน้าไปทางอื่น"......" เจียงซุ่ยฮวนยักไหล่อย่างจนปัญญา กล่าวว่า "องค์ชาย หม่อมฉันเป็นหมอนะเพคะ""แล้วอย่างไร?" กู้จิ่นพูดอย่างไร้อารมณ์ "เจ้าไม่จำเป็นต้องพันแผลให้เขา ย่อมไม่จำเป็นต้องดู""อ้อ" เจียงซุ่ยฮวนยอมรับเหตุผล หลับตาลงอย่างว่าง่ายฉู่เฉินร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พันแผลลวกๆ แล้วสวมกางเกงขึ้นเขามองกู้จิ่นถาม "เสด็จอา ตอนท่านมา เห็นใครยิงธนูใส่ข้าหรือไม่?""ไม่เห็น" กู้จิ่นตอบอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาโยนลูกธนูในมือใส่ฉู่เฉิน "เจ้าเอาลูกธนูนี้ไปตามหาเองก็แล้วกัน"ฉู่เฉินถือลูกธนูในมือ พลิกดูไปมา พูดอย่างท้อแท้ "ลูกธนูธรรมดาแบบนี้ จะไปตามหาที่ไหนได้?"กู้จิ่นไม่พูดจา หมุนตัวพร้อมเจียงซุ่ยฮวน เตรียมไปล่าสัตว์ที่อื่นต่อเจียงซุ่ยฮวนแอบมองกู้จิ่น เอามือปิดปากหัวเราะเบาๆ เขาแสดงได้เหมือนจริงมาก ราวกับเพียงเดินผ่านมาเท่านั้นทั้งสองเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินฉู่เฉินพึมพำเบาๆ ด้านหลัง "สวรรค์เอ๋ย นี่ข้าก่อกรรมอะไรไว้นะ ทุกครั้งที่โดนธนูถึงล้วนโดนที่ก้น!"เจี
เจียงซุ่ยฮวนตะลึง ไม่คิดว่ากู้จิ่นจะนึกถึงตัวนาง นางลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า "ถูกต้อง ข้าก็เป็นเช่นกัน"กู้จิ่นมองนางอย่างครุ่นคิด เสียงทุ้มต่ำ "หมายความว่า ในร่างของเจ้ามีสองบุคลิกงั้นหรือ?"ก่อนรู้จักเจียงซุ่ยฮวน กู้จิ่นให้คนสืบประวัตินาง ได้ความว่านางเป็นคนขี้ขลาด การเรียนรู้ช้า และไร้เดียงสาเกินไป แต่พอได้รู้จักนางจริง ๆ กลับพบว่านิสัยนางต่างจากที่สืบมาโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่กล้าหาญ ยังฉลาดเฉลียวยิ่งนักมาถึงตอนนี้ ทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลเจียงซุ่ยฮวนรู้ว่านางไม่อาจบอกความจริงกับกู้จิ่น ถึงนางจะบอกไป กู้จิ่นก็อาจไม่เชื่อนางหลบสายตาอย่างเกรง ๆ ไม่กล้าสบตากู้จิ่น "เมื่อไม่กี่เดือนก่อน บุคลิกอีกคนถูกฉู่เจวี๋ยกับเจียงเม่ยเอ๋อร์ร่วมมือกันฆ่าตาย ในร่างนี้ตอนนี้มีเพียงข้าคนเดียว"แววตากู้จิ่นลึกล้ำ ราวกับมองทะลุเข้าไปในใจเจียงซุ่ยฮวน เขารู้ว่านางปิดบังบางสิ่งจากเขา แต่เขาก็ไม่อยากเปิดโปงเขารักเจียงซุ่ยฮวน และเป็นเจียงซุ่ยฮวนในตอนนี้ แค่นี้ก็พอแล้ว"พวกเจ้าพักที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูรอบ ๆ ว่ามีสัตว์อะไรบ้าง" กู้จิ่นเปลี่ยนเรื่อง หยิบธนูแล้วหายเข้าไปในป่าทึบฉู่เฉินเห็นกู้จิ่นจากไปก
"หลังจากตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองกลายเป็นองค์ชายตงเฉิน ข้าก็ดีใจอยู่พักใหญ่ คิดว่าต่อไปจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย"ฉู่เฉินเบ้ปาก "ใครจะรู้ว่าองค์ชายตงเฉินเป็นองค์ชายเปลือก หนึ่งไม่มีเบี้ยหวัด สองไม่มีเขตปกครอง ข้าต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูบ่าวไพร่ในจวน""ได้ยินว่าสัตว์ที่ล่าได้ในการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงสามารถแลกเงินได้ ข้าลับฝีมือเตรียมจับสัตว์ให้มาก ๆ ใครจะคิดเล่า ใครจะคิด เพียงวันที่สองก็โดนคนยิงธนูใส่ก้นเสียแล้ว!"ฉู่เฉินแหงนหน้ามองฟ้า พูดอย่างอัดอั้น "สวรรค์เอ๋ย ช่างไม่เป็นใจกับข้าจริง ๆ"เขาเช็ดน้ำตาที่หางตา หันไปมองเจียงซุ่ยฮวน พูดอย่างสะท้อนใจ "นี่ทำให้ข้านึกถึงตอนเจ้ายังเล็ก ตอนนั้นข้าสอนเจ้ายิงธนู เจ้าก็ยิงถูกก้นข้าเหมือนกัน ทำให้ข้าต้องนอนคว่ำอยู่ครึ่งเดือน"เจียงซุ่ยฮวนสายตาพร่าเลือน หยิบขวดยาแก้ปวดจากแขนเสื้อ เทยาเม็ดหนึ่งป้อนเข้าปากฉู่เฉิน "อาจารย์ กินยานี้แล้วแผลจะไม่เจ็บ"ฉู่เฉินมองขวดยาในมือนางอย่างตกตะลึง ตื่นเต้นจนพูดติดอ่าง "นี่ นี่ นี่ นี่มาจากไหน? เจ้ามียานี้ได้อย่างไร?""อาจารย์ใจเย็น ๆ ก่อน ยังมีของวิเศษกว่านี้อีก" เจียงซุ่ยฮวนยื่นมือไปตรงหน้าฉู่เฉิน "ท่านดูนี่สิ"
เจียงซุ่ยฮวนตบไหล่ฉู่เฉินปลอบใจ "อาจารย์อายุมากแล้ว อย่าโกรธเลย ข้ามีแผนของตัวเอง จะไม่ปล่อยคนพวกนั้นไปแน่""อาจารย์รู้ว่าเจ้าฉลาด ทำอะไรล้วนมีแผนการของตัวเอง" ฉู่เฉินพูดไปก็นึกขึ้นได้ โกรธ "เจ้าว่าใครอายุมาก?"เขาชี้หน้าตัวเอง "เห็นหน้านี้ไหม? ยังหนุ่มมากนะ!"เขาหยิบมีดผ่าตัดข้าง ๆ มาดูหน้าตัวเองไปมา "ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ สิ่งเดียวที่อาจารย์พอใจก็คือหน้านี้แหละ ผิวเนียนละเอียด ทั้งยังเรียบลื่น"เจียงซุ่ยฮวนขนลุก ทนดูไม่ไหวแล้ว นางแย่งมีดผ่าตัดจากมือฉู่เฉิน "พวกเราต้องออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นกู้จิ่นกลับมาจะหาพวกเราไม่เจอ"พูดจบ นางก็จับแขนฉู่เฉิน ทั้งสองออกจากห้องทดลองกลับไปที่เดิมฉู่เฉินมองเจียงซุ่ยฮวนอย่างมีนัยสำคัญ "เจ้าเก้า เจ้ากับองค์ชายเป่ยโม่เป็นอย่างไรกัน?"เจียงซุ่ยฮวนก้มหน้าลูบท้อง "ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่ความสัมพันธ์ร่วมมือกันอย่างบริสุทธิ์""อ๋อ~" ฉู่เฉินลากเสียงยาว แล้วจ้องท้องเจียงซุ่ยฮวน ยิ้มตาหยี "ไม่นึกเลยว่า ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าก็จะได้เป็นคุณตาแล้ว"เขาทำเสียงจึ๊กจั๊ก "น่าเสียดาย ถ้ารู้ว่าพ่อเด็กเป็นใครก็จะดีกว่านี้"แต่เจียงซุ่ยฮวนไม่ใส่ใจ "รู้ไปก็เท่านั้น ข
จางรั่วรั่วเพิ่งสังเกตเห็นกู้จิ่น นางยืดตัวตรงทันที ค้อมกายคำนับเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยความประหม่าว่า "หม่อมฉันเรียนวิชายุทธ์จากสำนักในเมืองหลวงเพคะ" "เจ้าไม่ต้องไปอีกแล้ว" "เหตุใดเล่าเพคะ?" "สิ้นเปลืองเงินทองเปล่า ๆ" จางรั่วรั่วยักไหล่ ก่อนเอ่ยเสียงเบา "เพคะ" เจียงซุ่ยฮวนกลั้นยิ้มที่มุมปาก กล่าวว่า "รั่วรั่ว ครั้งนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องจะถาม มารดาของเจ้าอยู่ที่ใดหรือ?" "มารดาของหม่อมฉันกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องเพคะ" จางรั่วรั่วเก็บดาบในมือ เดินมาใกล้เจียงซุ่ยฮวนแล้วกระซิบว่า "ตำรับยาที่ท่านจัดให้บิดามารดาของหม่อมฉันได้ผลยิ่งนัก บิดาของหม่อมฉันเพิ่งรับประทานได้ไม่กี่วัน มารดาก็ตั้งครรภ์เสียแล้ว" เจียงซุ่ยฮวนหัวเราะ "ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก" "มารดาของหม่อมฉันพูดเสมอว่าอีกไม่กี่วันจะไปเยี่ยมท่าน แต่ไม่คิดว่าท่านจะมาก่อน" จางรั่วรั่วนำทาง พลางหันมาถามด้วยความอยากรู้ "ท่านมาหามารดาของหม่อมฉันเพื่อถามเรื่องใดหรือเพคะ?" "เจ้าเคยบอกข้าว่า เมื่อแรกเกิดของเจ้า มีนักพรตผู้หนึ่งนามว่าเหยียนซวีมาที่จวนของเจ้า เจ้ายังจำได้หรือไม่?" เจียงซุ่ยฮวนถาม "แน่นอนว่าจำได้เพคะ" "ข้ามีภาพ
ผ่านไปราวหนึ่งกาน้ำชา ฮั่วเซิงวาดภาพเสร็จหนึ่งภาพ เจียงซุ่ยฮวนยกกระดาษขึ้นดู ในภาพเป็นชายวัยกลางคน ดูมีเมตตาและใจดี นางส่งภาพวาดให้กู้จิ่น "ฮั่วเซิงเคยบอกว่านักพรตเหยียนซวีดูมีอายุเจ็ดสิบกว่าปี คนในภาพวาดนี้หนุ่มเช่นนี้ น่าจะเป็นอาจารย์ของเขา" เพื่อไม่ให้ผิดพลาด นางก็ถามฮั่วเซิงอีกหนึ่งประโยค "คนในภาพวาดนี้คือใคร?" "อาจารย์ของข้า" "อืม วาดต่อไปเถิด" เจียงซุ่ยฮวนพยักหน้า ภาพวาดนี้แม้จะไม่ถึงขั้นเหมือนจริง แต่ก็ถือว่าใช้ได้ น่าจะตามหาคนจากภาพวาดได้ เมื่อวาดนักพรตเหยียนซวี การเคลื่อนไหวของฮั่วเซิงช้าลงมาก คงจำใบหน้าของนักพรตเหยียนซวีไม่ชัด จึงวาดได้ช้า เจียงซุ่ยฮวนหาวข้าง ๆ กู้จิ่นเห็นแล้วกล่าว "อาฮวน ข้าส่งคนไปส่งเจ้ากลับก่อนดีหรือไม่?" "ไม่รีบเพคะ" เจียงซุ่ยฮวนโบกมือ ชี้ไปที่ฮั่วเซิงบนพื้น "หม่อมฉันอยากดูว่านักพรตเหยียนซวีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่" "รอเขาวาดเสร็จหม่อมฉันค่อยกลับ" "ได้" ผ่านไปอีกหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุดฮั่วเซิงก็วางพู่กันยืดตัวขึ้น คราวนี้กู้จิ่นเป็นคนเก็บภาพจากพื้น แล้วดูพร้อมกับเจียงซุ่ยฮวน ในภาพเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าปีจริง ๆ ชายชราผู้นี้มีตาเล็กเ
ในคุกใต้ดินที่มืดสลัว ดวงตาของเจียงซุ่ยฮวนเป็นประกายวาววับ ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับในท้องฟ้ายามค่ำคืน กู้จิ่นถาม "วิธีอะไรหรือ?" "หม่อมฉันมีน้ำยาชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้ฮั่วเซิงพูดความจริงออกมาได้" เจียงซุ่ยฮวนยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้ง หยิบขวดน้ำยาบังคับให้พูดความจริงออกมา "มีของเช่นนี้ด้วยหรือ" กู้จิ่นดูประหลาดใจ มองนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "อาฮวนของข้าช่างเก่งจริง ๆ" นางรู้สึกเขินเล็กน้อย ลูบจมูก "ก็พอได้" นางรู้สึกสงสัย หากกู้จิ่นรู้ว่านางมีห้องทดลอง เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? แต่เรื่องเช่นนี้ ยังไม่อาจพูดออกมาก่อน ในระหว่างรอฮั่วเซิงฟื้น กู้จิ่นและเจียงซุ่ยฮวนสนทนากันเสียงเบา ร่างกายของทั้งสองใกล้ชิดกัน รอบข้างแผ่ซ่านไออุ่นบาง ๆ ผู้คุมมองดูทั้งสอง คิดว่าตัวเองคงง่วง ถึงได้รู้สึกอบอุ่นในคุกใต้ดินที่เย็นยะเยือกและมืดมิดเช่นนี้ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ร่างของฮั่วเซิงสะดุ้งอย่างแรง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เจียงซุ่ยฮวนกำลังคุยกับกู้จิ่น หางตาสังเกตเห็นฮั่วเซิงฟื้นแล้ว นางจึงก้มลงมอง ฮั่วเซิงจำพวกเขาได้ในทันที ดิ้นรนถอยหลังไป ปากส่งเสียง "อ่า ๆ" แว
"ฮั่วเซิง! ฮั่วเซิง!" ผู้คุมตะโกนเรียกสองครั้งผ่านซี่กรง ฮั่วเซิงที่นอนอยู่บนพื้นไม่มีการตอบสนองใด ๆ ผู้คุมกล่าว "ครึ่งชั่วยามก่อน จู่ ๆ เขาก็อาเจียนเป็นฟองขาวออกมา ชักกระตุกไปทั้งตัว ตอนแรกบ่าวคิดว่าเขาแกล้ง พอผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาก็เริ่มอาเจียนเป็นเลือด" "บ่าวไม่รู้วิชาการแพทย์ จึงรีบไปแจ้งชางอี้ เมื่อบ่าวกลับมา ฮั่วเซิงก็เป็นเช่นนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" กู้จิ่นให้เจียงซุ่ยฮวนยืนอยู่ด้านหลัง แล้วสั่งผู้คุม "เปิดประตูคุก ลากฮั่วเซิงออกมา" ฮั่วเซิงอาจจะแกล้ง กู้จิ่นต้องตรวจสอบก่อน จึงจะให้เจียงซุ่ยฮวนลงมือได้ ผู้คุมลากฮั่วเซิงมาตรงหน้ากู้จิ่น ซึ่งไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ก้มลงจับคอฮั่วเซิงพลิกตัว แล้ววางมือไว้ใต้จมูกเขา ลมหายใจที่เขาหายใจออกมาอ่อนมาก แทบจะหายใจออกแต่หายใจเข้าไม่ได้ ร่างกายก็เย็นเฉียบ "ใกล้ตายจริง ๆ" กู้จิ่นลุกขึ้น พูดกับเจียงซุ่ยฮวน "เจ้าลองดู ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็แล้วไป" "ได้" เจียงซุ่ยฮวนเดินเข้าไปใกล้ เริ่มตรวจร่างกายฮั่วเซิงอย่างละเอียด เพื่อให้เจียงซุ่ยฮวนเห็นชัดขึ้น กู้จิ่นนำตะเกียงน้ำมันมาวางใกล้เท้านาง ได้ยินนางพึมพำ "ตับถูกทำลาย คล้ายเป็นพิษจากยา"
"เข้ามาพูด" ชางอี้ผลักประตูเข้ามา "ฮั่วเซิงที่ถูกขังในคุกใต้ดินเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฮั่วเซิง? เจียงซุ่ยฮวนได้ยินชื่อนี้ก็โกรธจนฟันคัน ฮั่วเซิงผู้นี้ไม่เพียงขโมยเสี่ยวถังหยวนที่เพิ่งเกิด ยังจะเอาเสี่ยวถังหยวนไปเป็นเครื่องสังเวย คนเช่นนี้ตายก็ยังไม่พอ! กู้จิ่นกล่าวเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น?" ชางอี้พูดเสียงเบา "ได้ยินว่าเป็นโรคร้ายกำเริบ บ่าวยังไม่ทันไปตรวจดูพ่ะย่ะค่ะ" กู้จิ่นนวดขมับ พูดกับเจียงซุ่ยฮวน "อาฮวน เรื่องนี้ข้าจะบอกเจ้าทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องไปที่คุกใต้ดินก่อน" เจียงซุ่ยฮวนรั้งเขาไว้ "ฮั่วเซิงผู้นั้นยังมีประโยชน์อยู่หรือไม่?" "อืม" กู้จิ่นพยักหน้า "ยังมีความลับที่เขาไม่ได้บอก ยังตายไม่ได้" "เช่นนั้นหม่อมฉันไปกับท่านด้วย" เจียงซุ่ยฮวนสวมรองเท้ายืนขึ้น "ไปกันเถิด" กู้จิ่นกล่าวเสียงทุ้ม "อาฮวน เจ้าควรพักผ่อนให้ดี" "วันนี้หลังจากกลับจากวังแล้ว หม่อมฉันพักผ่อนมานานแล้ว" เจียงซุ่ยฮวนกล่าว นางคลอดบุตรมาหลายวันแล้ว อีกทั้งของบำรุงที่กู้จิ่นส่งมาล้วนเข้าท้องนางไปหมด ร่างกายของนางฟื้นฟูเกือบเป็นปกติแล้ว กู้จิ่นก้าวไปกอดนาง พูดเสียงเบา "อาฮว
เจ้าถังหยวนกู้จิ่นกล่าวเสียงต่ำ "ข้าก็คิดไม่ออก ดังนั้นช่วงนี้ข้าจึงสืบเรื่อยมา แต่กลับพบความลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน" "เปรี๊ยะ" ขณะที่กู้จิ่นกำลังจะพูดต่อ จู่ ๆ นอกหน้าต่างก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น คล้ายเสียงกิ่งไม้หัก กู้จิ่นเงยหน้าขึ้นทันที สายตาคมกริบราวกับมีดมองไปที่หน้าต่าง เอ่ยเสียงกร้าว "ใคร?" เจียงซุ่ยฮวนวางมือไว้ข้างหลัง หยิบกริชออกมาจากห้องทดลอง กำไว้แน่น "ฮิ ๆ ข้าเอง" หน้าต่างถูกเปิดออก ฉู่เฉินโผล่หัวเข้ามากล่าว "ข้าเดินผ่านมาทางนี้พอดี ไม่ระวังเหยียบกิ่งไม้เข้า" "ขออภัยจริง ๆ ข้าจะไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว" ฉู่เฉินพูดพลางจะปิดหน้าต่าง "อาจารย์รอก่อน" เจียงซุ่ยฮวนเรียกเขาไว้ ถามว่า "กลางวันท่านไปไหนมา?" ฉู่เฉินหยุดการเคลื่อนไหว กล่าวว่า "ข้าแค่ไปเดินเล่นแถวนี้ นอกจากนั้นก็ไม่ได้ไปไหนเลย" "เช่นนั้นหรือ?" กู้จิ่นเอ่ยเสียงเย็น "ท่านไม่ได้ไปบ่อนพนันหรือ?" เจียงซุ่ยฮวนได้ยินคำว่าบ่อนพนัน ก็ขมวดคิ้วทันที "เอ๋? บ่อนพนันอะไร?" ฉู่เฉินดูกระวนกระวายใจ สายตาไม่อยู่นิ่ง "ข้าจะไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร?" กู้จิ่นกล่าว "ที่ข้อมือของท่านผูกเชือกแดงสามเส้น หากข้าจำไม่ผิด เ
กู้จิ่นนั่งข้างเจียงซุ่ยฮวน ถามว่า "อาฮวน เจ้าจะบอกอะไรข้า?" เจียงซุ่ยฮวนเล่าเรื่องที่นางเห็นที่หน้าประตูวังในตอนกลางวัน รวมทั้งเรื่องที่จีกุ้ยเฟยปลอมตัวเป็นเมิ่งเซียวเขียนจดหมายถึงเมิ่งชิงให้กู้จิ่นฟังด้วย หลังจากเล่าทั้งหมดแล้ว เจียงซุ่ยฮวนกล่าวด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย "จีกุ้ยเฟยช่างมีเล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำ หากท่านไม่เปิดโปงนาง สุดท้ายคนที่จะสืบราชบัลลังก์อาจเป็นฉู่อี้" ตอนแรกที่กู้จิ่นรู้ว่าจีกุ้ยเฟยนอกใจฮ่องเต้ เขาโกรธมาก แต่บัดนี้กลับดูสงบมาก เขาถามเสียงเรียบ ๆ "อาฮวน เจ้ายังต้องการใช้มือของจีกุ้ยเฟยจัดการเจียงเม่ยเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?" "อีกอย่าง จีกุ้ยเฟยยังติดค้างเจ้าสองบุญคุณ หากเปิดโปงนางตอนนี้ เจ้าก็จะเสียเปรียบไม่ใช่หรือ?" เจียงซุ่ยฮวนลูบคาง กล่าวว่า "ท่านพูดมีเหตุผล" "แต่เมื่อเทียบกับเรื่องของหม่อมฉัน เรื่องราชบัลลังก์สำคัญกว่า" นางจ้องกู้จิ่นอย่างจริงจัง พูดอย่างมีนัยสำคัญ "ท่านสนิทกับฮ่องเต้มาก คงไม่อยากเห็นพระองค์ถูกหลอกอยู่ตลอดไป" กู้จิ่นมองเข้าไปในดวงตานาง จู่ ๆ ก็หัวเราะขื่น ๆ "อาฮวน เจ้าทายใจข้าได้แล้วใช่หรือไม่?" "ท่านบอกมาได้ หม่อมฉันจะได้รู้ว่าตนเองทายถูกหร
แม่ทัพเจิ้นหยวนคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับสงบยิ่ง ราวกับผิดหวังในตัวฮ่องเต้อย่างถึงที่สุด "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา กระหม่อมขอมอบป้ายอาญาสิทธิ์ในวันนี้ นับจากนี้ไปไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักอีก" เขาค่อย ๆ ล้วงป้ายอาญาสิทธิ์ออกจากอกเสื้อ ประคองด้วยสองมือส่งไปยังพระพักตร์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงรับอาญาสิทธิ์โดยไม่ลังเล "สมกับเป็นแม่ทัพเจิ้นหยวน เด็ดขาดทีเดียว" แม่ทัพเจิ้นหยวนโขกศีรษะแรงลงกับพื้น "กระหม่อมขอทูลลา!" พูดจบ เขาลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง งานมงคลกลายเป็นเช่นนี้ คนรับใช้ที่หามเกี้ยวและสินสอดข้าง ๆ มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ฉู่เลี่ยนเดิมก็ไม่อยากแต่งงานกับเมิ่งชิง เห็นเหตุการณ์พัฒนามาถึงขั้นนี้ เขาซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากไม่อยู่ ดึงดอกไม้สีแดงใหญ่ที่หน้าอกออก กล่าวว่า "เสด็จพ่อ วันนี้งานแต่งนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ลูกขอทูลลา" "เจ้าจะลาอะไร ใครบอกว่างานแต่งนี้เป็นไปไม่ได้?" ฮ่องเต้ขมวดพระขนง"เอ๋?" ฉู่เลี่ยนตกตะลึง "เสด็จพ่อ จวนแม่ทัพเจิ้นหยวนก็ไม่มีแล้ว จะแต่งงานกันได้อย่างไร? ไม่ทราบว่าพระองค์จะให้ลูกแต่งกับสามัญชนหรือ
ความหมายของจีกุ้ยเฟยชัดเจน แม้เมิ่งชิงจะทำผิด แต่หากสั่งประหารนางตอนนี้ ฉู่เลี่ยนก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อคนอีกตลอดชีวิต ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิด ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แม้ฉู่เลี่ยนจะไม่มีความสามารถอะไร ปกติชอบใช้เล่ห์กลเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ยังดีที่เขาเชื่อฟัง หากเขาไม่มีทายาท ก็จะน่าเสียดายเกินไป "พระสนม ท่านคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร?" ฮ่องเต้ทรงโยนปัญหาให้จีกุ้ยเฟย จีกุ้ยเฟยทูลตอบ "หม่อมฉันเห็นว่า เมิ่งชิงก่อเรื่องอุกอาจเช่นนี้ แม่ทัพเจิ้นหยวนย่อมหนีความผิดไม่พ้น ไม่สู้ลงโทษแม่ทัพเจิ้นหยวนก่อน ส่วนเมิ่งชิงนั้น รอให้นางคลอดบุตรแล้วค่อยจัดการก็ไม่สายเพคะ" "วิธีนี้ดี" ฮ่องเต้ทรงพยักหน้า สั่งหลิวกงกงที่อยู่ข้างกาย "ไปเรียกแม่ทัพเจิ้นหยวนมา เราต้องถามเขาดูว่า เขาเลี้ยงดูหลานสาวเช่นนี้มาได้อย่างไร!" แม่ทัพเจิ้นหยวนนั่งอยู่ในรถม้าหน้าประตูวัง หลิวกงกงนำตัวเขามาอย่างรวดเร็ว เขาเดินอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามีแววโกรธ เมื่อเดินมาถึงข้างกายเมิ่งชิง เขาตบหน้านางเต็มแรงหนึ่งที "นางชั่ว!" "ข้าใช้ชีวิตในสนามรบมาทั้งชีวิต กลับเลี้ยงหลานสาวเช่นเจ้าที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ช่างเป็นความอัปยศของข้า