กระทั่งเขาเปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มต้องหัวเราะเสียงหึ ๆ “ผู้ที่ข้าแต่งงานด้วย เป็นลูกลิงนิสัยเสียหรืออย่างไร ถึงถูกมัดมือมัดเท้าแน่นหนาเช่นนี้” และหลัวอี้ถังรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า สตรีที่มีผ้าคลุมหน้าที่เข้าพิธีหลอก ๆ อยู่ด้านนอก เป็นตัวปลอม นางคือสาวใช้ อันเป็นสินเดิมของคุณหนูผู้นี้ ส่วนคนที่เปลือยกาย อวดผิวขาวจัดซึ่งกลิ้งอยู่บนพื้นคือบุตรีของอมาตย์ซู ตาแก่หนังเหนียวที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างเช่นยุยงให้เหล่าขุนนางยื่นฎีกาเพื่อไม่ให้เขาซื้อม้าศึกหรือส่งเสบียงไปช่วยเหลือเมืองหน้าด่าน แม้กระทั่งคอยปั่นหัวเหล่าบัณฑิตรวมตัวเรียกร้องต่อฮ่องเต้เพื่อสั่งให้ลดกำลังทหารและขยายเรื่องการเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นต่าง ๆ แทน ทั้งที่เรื่องเหล่านี้เหมือนเป็นการชักศึกเข้าบ้าน “อยากให้ข้าควักลูกตาท่านหรือ เหตุใดถึงได้มองผู้อื่นเช่นนั้น” นางว่า แล้วหวีดร้องเสียงสูงจัด และหลัวอี้ถังเกลียดสตรีไม่สำรวม พวกนางงิ้ว นางระบำที่ชอบขึ้นเสียงใส่เขาเป็นที่สุด นางคงถือตัวว่าเป็นลูกสาวอมาตย์ซู แต่สำหรับเขา สกุลซูเป็นเพียงพวกขวางโลก ไร้ประโยชน์ และยังทำตัวถ่วงอำนาจกับความก้าวห
จากนั้นเชือกที่มัดตัวนางถูกตัดออกทีละเส้น ซูฟ่านอิงใจเต้นระทึก ด้วยไม่อยากตกเป็นของเขา ไม่ใช่รังเกียจ เขานั้นสง่างาม แน่นอนหล่อเหลากว่าชายใดที่นางเคยพบพาน แต่...ตอนนี้ยังไม่พร้อม มันรวดเร็วเกินไป ดังนั้นนางจะต้องจัดการเทพอาชาให้หมอบในกระบวนท่าเดียว ขอเพียงสองมือเรียวสวยนี้เป็นอิสระ ทว่าไม่ทันทีเขาจะใช้มีดสั้นตัดเชือกที่มัดมือนางไพล่หลัง สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาซูฟ่านอิงคือเรือนกายเปลือยเปล่าของบุรุษ ! หลัวอี้ถังมีความสามารถถึงเพียงนี้ เขาทำให้ซูฟ่านอิงต้องเบิกตาโต จ้องเรือนกายกำยำราวกับถูกเวทมนตร์สะกดไว้! “อ๊ะ...ท่าน ช่างเป็นบุรุษไร้เกียรติ!” เมื่อคลำหาเสียงตนเองพบ นางก็แว้ดแหวใส่ เขาไม่อายผู้อื่นหรือไร เปลือยกายต่อหน้านางยังไม่พอ เขากลับแสดงความภูมิใจในเนื้อหนังของตนด้วย หลัวอี้ถึงเป็นนักรบโดยแท้ ผิวคล้ำเข้ม มีรอยแผลเป็นหลายแห่ง หากไม่ได้ดูน่ากลัว มันกับขับให้เขาเป็นบุรุษน่าเกรงขาม และมีเสน่ห์ทางเพศรุนแรง หน้าท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ดูเหมือนจะไร้ไขมันด้วยซ้ำ และเมื่อมองต่ำลงไปใต้สะดือลึกสวย นางก็เผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อกใหญ่ ขนในที่ลับ
หลังจากพายุอารมณ์รอบแรกผ่านไป ซูฟ่านอิงก็กลับไปคลุมร่างอยู่ในพรมขนจิ้งจอก และมีผ้าแพรสีแดงอีกผืนทับเอาไว้ นางตกใจ รู้สึกหวิวไหวและยังซ่านสยิวบริเวณเนื้อสาว แน่ละ นางตกเป็นของเขาแล้ว และต้องใช้ขี้ผึ้งชนิดพิเศษช่วยให้ทุกอย่างราบรื่น กระนั้นนางยังมีความอึดอัดจนรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย จวบจนเขาแก้มัดนางจนเป็นอิสระ ซูฟ่านอิงก็ยังไม่อาจขยับตัว “เจ้าทนไหวหรือไม่...” “ขะ ข้ามีทางเลือกอื่นหรืออย่างไร” นางละอาย และขัดเขิน การตกเป็นของบุรุษสักคนที่เพิ่งพบหน้าเพียงครั้งแรกเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ “ไม่มี...” เขาเอ่ยแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ และดูเหมือนจะยังไม่อิ่มในรสสวาทระหว่างชายหญิง “หากบุตรีของจิ้งจอกเฒ่าซู ไม่อ่อนหัด หรือนุ่มนิ่มจนเกินไป ข้าก็อยากรู้นักว่าจะมีความสามารถล้มบุรุษผู้นี้ได้หรือไม่” หลัวอี้ถังกำลังท้าทายนาง! “ท่านยังมีหน้ามาใช้วาจาเช่นนี้กับข้าหรือ” “โถ เรียกท่านพี่สิ...ฮูหยินน้อย!” “ข้าเป็นฮูหยินน้อยของคนไร้ยางอายตั้งแต่เมื่อใด” “ฮ่า ๆ ๆ เมื่อครู่ ฮูหยินน้อยคงลืมแล้วว่า ส่วนใดกลืนน้ำวิสุ
แม่นมไห่ที่ติดตามซูฟ่านอิงมาด้วย และนางโล่งใจเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายเสียที หลังจากอยู่ในห้องหอนานจนน่าวิตก “ล้มวัวให้ข้าสักตัว หาน้ำนมวัวอย่างดีมาด้วย รวมถึงบะหมี่ไข่เนื้อขาแกะตุ๋น ข้าต้องการกุ้งสด ๆ ตัวโต ๆ ราดน้ำส้มข้าวเหนียวหมักด้วย ทั้งหมดรีบจัดหาอย่างเร่งด่วน หากไม่ทันใจจวนแม่ทัพแห่งนี้ข้าจะพังให้ย่อยยับ” ซูฟ่านอิงหิวจัด เมื่อสั่งการเรียบร้อยจึงกลับเข้าไปที่ห้องหอ มองร่างคนตัวโตที่นอนอย่างสำราญใจบนเตียงกว้าง “บุรุษเช่นท่าน... ยังมีน้ำยาให้ข้ารีดอีกหรือไม่ กระบี่ท่อนเนื้อ... 1 นิ้วก้อยสตรี!” นางมองร่างกายกำยำของหลัวอี้ถัง เขาเป็นคนที่รูปร่างดี มัดกล้ามแกร่ง หน้าท้องเป็นลอนสวย ผิวชายหนุ่มเป็นสีเข้ม ดูแล้วให้ความรู้สึกสยิวซ่านใจ นางยอมรับว่าหลงใหลอีกฝ่าย พอทำให้เขานอนนิ่ง ๆ อยู่เช่นนี้ นางจึงมีโอกาสสำรวจเรือนกายแกร่งอย่างย่ามใจ “หนอนน้อยท่านหลับใหล เช่นนี้ข้าควรจับตอนดีหรือไม่” หญิงสาวว่าจบจึงหัวเราะชอบใจ ทั้งนึกสนุก กระทั่งเห็นสีหน้าเขาระบายยิ้ม นางจึงหึงหวงอย่างคนไร้เหตุผล “ท่านแม่ทัพ กำลังฝันสัปดนหรืออย่างไร” มือข้างหนึ่งหวิดตบ
หนึ่งเดือนต่อมา หลัวอี้ถังนั่งตรวจงานในเรือนรับรองที่เมืองหน้าด่าน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้เจรจาซื้อขายม้าจำนวนห้าร้อยตัวเรียบร้อย รวมถึงการทำสัญญาซื้อขายเครื่องปั้นดินเผา และสมุนไพร ทั้งโสม กำยาน รวมถึงอาวุธสงครามชนิดใหม่ ๆ จากต่างแดน กลุ่มพ่อค้าเหล่านั้นยินดีที่แคว้นจินมีการเจรจาเป็นไปตามข้อตกลงและสำเร็จลงด้วยดี ดังนั้นจึงมอบของตอบแทนเขาหลายอย่างรวมถึงเหล่านางรำเอวอ่อนเลอโฉม ภายในห้องพักส่วนตัว หลัวอี้ถังค่อนข้างเพลีย เขาเลยอยากงีบสักพัก ทว่าลูกน้องอยากเอาใจ หลังชายหนุ่มอาบน้ำเสร็จ จึงให้นางรำมาบีบนวดร่างกายเขา เมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย สาวงามนางหนึ่งก้าวมาในห้อง นางสวมชุดโปร่งบางปกปิดใบหน้าไว้ด้วยหน้ากาก เสื้อผ้าก็อวดเน้นเนื้อหนัง แน่นอนเขาเป็นบุรุษย่อมชอบมองเรือนกายสตรีโฉมงาม “ข้าไม่ได้เรียกให้เข้ามารับใช้” นางส่ายหน้าช้า ๆ จากนั้นจึงเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอ่อนช้อย แม้จะไร้เสียงดนตรี แต่การออกลีลาเอวอ่อน น่าชม กระทั่งนางเผยกระบี่อ่อนที่ใช้เป็นสายรัดเอวออกมา จากนั้นก็การร่ายรำอาวุธมีคมในกิริยาประหนึ่งจอมยุทธ์หญิง “มีฝีมื
ซูฟ่านอิงอับอายอยู่สามส่วน แต่ก็เปี่ยมล้นความสุขล้น หลังจากร่วมรักกับแม่ทัพหนุ่มถึงสามรอบ และเขาพานางออกจากพื้นที่พักส่วนตัว เดินทางไปยังเรือนหลังหนึ่งที่ดูเหมือนมีคนสำคัญรอหญิงสาวอยู่ “ท่านพี่... มีอนุตั้งแต่เมื่อใด” หญิงสาวถามเสียงเขียวจัด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางเห็นอย่างแน่ชัดว่า เรือนดังกล่าวปลูกดอกไม้งดงาม ทั้งยังมีสวนหิน ต้นไม้ประดับก็ตบแต่งไว้ราวสวนสวรรค์ “ขี้หึงเช่นเจ้า ใครจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นลับหลัง และข้ายังอย่างมีชีวิตรื่นรมย์ไปอีกนาน ” หลัวอี้ถังเย้านางอีกแล้ว นางจึงเผลอตีที่แขนเขาเบา ๆ ก่อนรู้สึกมันเขี้ยว ผู้ชายของนางเนื้อแน่น ยามใกล้ชิดกันมีแรงดึงดูดมหาศาล นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่โล่งแจ้ง นางคงดึงเขามากอดจูบ และทำสิ่งสัปดนกับเขาในท่าทางใหม่ ๆ ที่นางได้เห็นในตำราร่วมรัก! กระทั่งต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเรือนหลังดังกล่าว มีเกาฉงหมิงยืนรอพวกเขาอยู่ “แม่ทัพหลัว และฮูหยินหลัว!” ซู่ฟ่านอิงมองรองแม่ทัพหนุ่มหน้าหยกอย่างประเมิน ก่อนเห็นว่าด้านหลังชายหนุ่ม คือพี่เก้าของนาง ยามนี้ฝ่ายนั้นยิ้มกว้าง ซึ่งที่น่าประหลาดใจ
อมาตย์ซูไม่ใช่คนรักสัตว์ จึงสั่งให้บ่าวจับแมว แต่หลัวอี้ถังยืนกรานจะช่วยมันไว้ กระนั้นอมาตย์ซูเข้าใจว่าหลัวอี้ถังต้องการหาเรื่องไม่ยอมรับโทษ อีกทั้งพยายามก่อกวนเขาด้วยการใช้แมวมาอ้าง จึงโต้เถียงกันรุนแรง เรื่องนี้ ไปเข้าหูนักเรียนอมาตย์ซู ในกลุ่มนั้นมีลูกหลานขุนนางใหญ่ รวมถึงอ๋องต่างสกุล เมื่อฝ่ายนั้นได้ยินคำสั่งดังกล่าว ก็กริ้วหนัก เรื่องนี้เลยใหญ่โตกว่าเดิม ฝ่ายเหล่าอ๋องต่างสกุลจะเขียนหนังสือรายงานความโหดร้าย และการทารุณสัตว์ของอมาตย์ซู รวมถึงชาวบ้านที่ได้ยินเสียงแมวร้องโหยหวนก็เข้ามามุงดูเหตุการณ์ ต่างเตรียมนำข้าวของมาขว้างปาใส่สำนักศึกษาแห่งนั้น อมาตย์ซูไม่อยากให้ทุกอย่างบานปลาย จึงสั่งให้ยกเลิกการจับแมว และประกาศว่า เขาจะหาคนรับเลี้ยงพวกมันทุกตัว พร้อมลดโทษให้หลัวอี้ถัง ส่วนแมวตัวเดียวกันที่วิ่งมาหาเขา ในเวลาต่อมา มันได้กลับไปหาคนให้อาหารซึ่งแอบดูเหตุการณ์อยู่ตลอด และเป็นช่วงเวลานั้นที่หลัวอี้ถังได้เห็นใบหน้าซูฟ่านอิง...แม่นางน้อยที่ทำให้เขาหลงรักโดยที่นางไม่รู้ตัวมาก่อน เรื่องราวในหนหลัง ทำให้ซูฟ่านอิงรู้ว่า หลัวอี้ถังผู้นี้หมายตานางเอาไว้
ตัวละครในเรื่อง จ้าวหลี่เฟย สตรีที่แต่งเข้าเรือนสกุลโหว แทนพี่สาว จ้าวเยว่จวีเหมียน แม่ใหญ่เรือนจ้าวจ้าวเยว่ ลูกแม่ใหญ่พี่สาวจ้าวหลี่เฟยสวีซินไห่ คนรักจ้าวหลี่เฟยเชาปิน แม่นมเสี่ยวรั่ว สาวใช้เจ้าบ้านโหว นายท่านโหว โหวหมิงโหวเสินเหล่ย พี่ใหญ่ เจ้าบ้านน้อย โหวหงอี้ พี่รอง สำนักม้าเร็ว (ขนส่ง) อาชาฟงอวิ๋นโหวกวงฉง น้องสาม(แฝดพี่) โหวเซ่ากวง น้องสี่ (แฝดน้อง)โหวกานเจ๋อ น้องห้าลูกอนุ หลินปา นายหญิง ฮูหยินผู้เฒ่าโจวซิง อนุโจว***********************นางถูกจับขึ้นเกี้ยวแต่งงานแทนพี่สาวและต้องตกเป็นสตรีอุ่นเตียงให้บุรุษถึงห้าคนชีวิตในเรือนกามไม่ใช่แค่ถูกเหล่าสามีกินดุหากพวกเขายังแข่งกันบอกรัก พร้อมปรารถนาต่อแขนเติมขาให้นางตั้งครรภ์ไวๆ******************* “ทะ ท่าน... ช่วยข้าเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกก่อนได้หรือไม่” เขาหยุดคิดอยู่ประเดี๋ยว และตอบนาง“เหล้ามงคลข้านั้นไม่คู่ควรดื่มกับเจ้า แม้แต่อาหาร ขนมหวานข้าก็ไม่อาจแตะต้อง เป็นเจ้าผู้เดียวที่กินได้ เพราะข้าไม่ใช่เจ้าบ่าว เช่นนี้จึงไม่มีสิทธิเปิดผ้าคลุมหน้า...” คำพูด
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่
เมื่อหลิวลั่วอี้ลืมตาอีกครั้ง นางพบว่าตนอยู่ในรถม้าที่กำลังมุ่งตรงไปยังอารามนอกเมือง โดยเป็นคำสั่งฮองเฮา ที่ต้องการให้สตรีที่จะรับใช้ปั๋วอ๋องไปสถานที่ดังกล่าว ซึ่งไม่ชอบมาพากลอย่างที่สุด “เป็นแผนของนางแม่งป่องพิษที่ต้องการกำจัดพวกเรา” เสียงหนึ่งในสตรีที่ถูกคัดตัวมาดังขึ้น ยามนี้หญิงสาวที่ผ่านการคัดเลือก เหลืออยู่เพียงสี่คนรวมหลิวลั่วอี้ด้วย “เหตุใดถึงกล่าวเช่นนั้น” หลิวลั่วอี้ถาม “ฮองเฮา กลัวว่าหนึ่งในพวกเรา จะได้ก้าวขึ้นเป็นสนมคนโปรดของฝ่าบาท ดังนั้นจึงใช้แผนลวง หลอกให้พวกเรามาที่อารามเชิงเขา หวังฆ่าให้ตายเสีย ก่อนจะได้พบกับฮ่องเต้” “โอ้ มีเรื่องบัดซบเกิดขึ้นเช่นนี้!” หลิวลั่วอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มิผิด พวกเราต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ มิเช่นนั้น คงกลายเป็นศพ ก่อนจะได้รับใช้ฝ่าบาท” เมื่อคนหนึ่งเอ่ยจบ รถม้าก็หยุด และมีเสียงเรียกให้สตรีทุกคน ก้าวลงไป ‘โอกาสพบปั๋วอ๋อง 60% โอกาสเสียชีวิต เริ่มระบบใหม่ 80% ทางลัด สามารถเลือกใช้ 200 คะแนน เพื่อไปซื้อเกราะไหมทองคำ ป้องกันโจมตี และอาวุธลับ!’ หลิวลั่
หลิวลั่วอี้ต้องการให้ได้หนึ่งร้อยแต้มอย่างเร็วไว เพื่อที่นางจะไปจากโรงบุปผาทองคำ ซึ่งภารกิจของนางไม่มีสิ่งใดยุ่งยาก ก็แค่กระโดดขึ้นเตียงปั๋วอ๋องให้ได้เร็วที่สุด จากนั้นทำอย่างไรก็ได้ให้บุรุษผู้เย็นชา เผด็จการ บ้าอำนาจ เสียน้ำอุ่นขาวข้นให้หมดตัว กระทั่งจุดจบฉากสุดท้ายเขาก็คือตายคาอกตูมๆ ของนาง และเป็นตอนนั้น ที่เห็นว่ามีบุรุษห้าคนที่ผิวขาว เรือนร่างก็สะโอดสะองอยู่สักหน่อย ก้าวออกมา ยืนต่อหน้าพวกนาง ทุกคนมีหน้ากากปิดใบหน้าส่วนปกไว้ เห็นเพียงแค่ดวงตา ส่วนด้านล่างมีผ้าเตี่ยวปกปิดของสงวนไว้ กระนั้นด้วยความเป็นบุรุษทั้งยังมีเรือนกายแตกต่างจากสตรี พวกเขาจึงทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ และใช้กัวซาเล่นซุกซนกับตน ถึงขั้นร้อนอบอ้าวในจุดหวานฉ่ำมากกว่าเดิม แต่เมื่อพิศพวกเขาให้ดี ก็เกิดเสียงซุบซิบ “นั่นมันขันทีมิใช่หรือ” มามาโจวอมยิ้มในสีหน้า ตอบว่า “ถูกต้อง เพราะเป็นพวกที่ตอนแล้ว ถึงจะแก้ผ้าให้พวกเจ้าทุกคนยลโฉม และสำรวจเรือนร่างได้ พวกเขามีทุกอย่างเหมือนบุรุษ เพียงแต่บางส่วน อาจบกพร่องอยู่สักหน่อย” ดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้จ้องไปยังขันทีผู้หนึ่ง เขานับว
เมื่อลิ่วอี้ต้องเป็นหลิวลั่วอี้ในโลกคู่ขนาน หญิงสาวกลับไม่ได้แตกตื่น ประสาทเสีย แม้กระทั่งกรีดร้องด้วยความกลัว หรือทำสิ่งที่พิลึกพิลั่น อย่างตัวละครอื่นที่นางเคยอ่านผ่านตา หรือได้ดูผ่านสื่อต่างๆ มักจะเป็น นั่นเป็นเพราะแต่เดิม นางคือนักเขียน ใช้อาชีพนี้เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ปี ซึ่งเขียนนิยายเกินวัยไปมากโข ใครๆ ต่างบอกว่าแก่แดดและแรด แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ทำส่งผลให้ปากท้องไม่หิว ไม่ต้องแบมือขอเงินใคร กระทั่งหลิวลั่วอี้ พบแฟนคนแรก เขาบอกว่า นอกจากเป็นอัจฉริยะทางด้านตัวอักษร และสร้างสรรค์เรื่องราวได้ดี นางยังครบเครื่องเรื่องบนเตียง มีทรวดทรงแสนมหัศจรรย์ ให้เขาได้ลูบๆ คลำๆ เล่นอย่างไม่รู้เบื่อ “ความสาวไม่ได้อยู่กับเรานาน เธอต้องหัดใช้ให้มันเป็นประโยชน์” เสียงผู้ชายในอดีตบอก และเขายังอยู่ในความทรงจำตลอดมา เขามอบจูบแรกอันร้อนแรงให้ สอนหญิงสาวใช้ปาก ลิ้น และสองมือ ทั้งยังหมั่นกระแทกกระทั้นความใหญ่โต อัดใส่ร่างกายนุ่มนิ่มนี้ จนลิ่วอี้เป็นผู้หญิงที่หมกมุ่นกับความสัมพันธ์อันหวานล้ำระหว่างชายหญิง “แต่ ฉันไม่อยากทำตัว ร่านๆ ให้ใครเห็นนี่นา อยาก
ผู้อื่นย้อนเวลามาเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา หรือนางร้ายชั่วช้า ที่หมกมุ่นในการแก้แค้น แต่ตัวประกอบ ที่ชาติก่อน รับบทขย่มบุรุษไม่เลือกหน้าทั่วทุกพรมแดน ชาตินี้ ‘ระบบ’ ขีดเส้นชีวิตให้นาง บดๆ ยั่วๆ เพื่อหว่านเสน่ห์ให้ปั๋วอ๋อง ผู้เย็นชา และเผด็จการ ตายคาอ้อมแขน และสองเต้าตูมๆ และภารกิจสำเร็จเมื่อใด ก็รับโบนัส เป็นทองคำหนึ่งพันชั่ง พร้อมสามารถเลือกสามีใหม่ได้ด้วย เอ วัง อะไรจะประเสริฐเช่นนี้ !? ******************** “อ๊ะ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยถูกผู้ใดทำโทษเช่นนี้” นางไม่ได้พูดปด ด้วยร่างกายในโลกคู่ขนาน ยังเป็นสตรีที่มีปานแดงพรหมจรรย์ ทุกอณูเนื้อยังไม่ผ่านมือชายใดมาก่อน “หืม เหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าหรือจะทำโทษ คนงามที่หยาดเยิ้มเช่นเจ้าได้ลงคอ” “ก็ หม่อมฉัน เหมือนจะขาดใจตาย ละ แล้ว อี้ อ๊ะ ฝะ ฝ่าบาท!”**************************** คืนนี้นับว่าดึกอยู่สักหน่อย และหญิงสาวเพลียทั้งปวดเมื่อยร่างกาย จึงไม่ได้คิดจะแสดงท่าทางให้โลดโผนกว่านี้ การเป็นดาวจรัสแสงของเธอ นับว่าเชิดฉายพอแล้ว แต่ก็นั่นแหละ นอกจากมีอาชี
หวังเฉินเฟยมาถึงตำหนักซอมซ่อของน้องสาว เห็นแล้วก็อดเดือดดาลไม่ได้ “พวกสุนัขหม่าซาง... เลี้ยงดูน้องสี่เช่นนี้หรือ” หญิงสาวตกใจกับท่าทางและน้ำเสียงพี่ชาย อีกฝ่ายแต่เดิมก็สุภาพ ทั้งให้เกียรติผู้อื่น อีกอย่างไต้เจิ้งซี แม้ภายนอกดูป่าเถื่อน ทั้งยังมักใช้ท่าทางข่มขวัญผู้คนไปทั่ว หากสุดท้ายหวังรั่วเซียงได้รับการดูแลอย่างดี ผิดกับพี่ชายนาง ที่ยามนี้ดูแล้วไม่น่าไว้ใจยิ่ง “พี่รอง อย่างไรเราก็อยู่ในบ้านเมืองผู้อื่น ข้าไม่อยากมีปัญหา” หวังเฉินเฟยถลึงตาใส่น้องสาว ก่อนจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วบีบอย่างใช้กำลัง “น้องสี่กล่าวเช่นนี้ เจ้าคงไม่แคล้วหลงสุนัขหม่าซางจนโงหัวไม่ขึ้นหรอกนะ” หญิงสาวไม่อยากเชื่อหูตน ทั้งที่หวังเฉินเฟยได้รับการช่วยเหลือจากไต่เจิ้งซีแท้ๆ ยังพูดจาให้ร้ายฝ่ายนั้นไม่หยุด อีกทั้งนางถูกเขาต่อว่าอย่างด้อยค่า การช่วยเหลือคนผู้นี้ให้รอดพ้นจากศัตรู นับว่าเสียแรง และทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย “เสียดายที่ข้า ต้องเสียสละหลายสิ่งเพื่อช่วยเหลือท่าน เช่นนี้แต่แรก ขอให้หม่าอ๋องนำแค่ศีรษะท่านกลับแคว้นเสอก็คงเพียงพอแล้ว” หวังเฉินเฟยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนเดือดด
เกือบสองวันสองคืนที่หวังรุ่ยเซียงอยู่กับไต้เจิ้งซี พวกเขาพักตามถ้ำและกระโจมของชาวเผ่าหม่าซาง นั่นเป็นเพราะไต้เจิ้งซีอยากให้นางเห็นบางสิ่งในเขตพื้นที่ผู้ประสบภัยสงคราม ซึ่งยามนี้ทยอยเดินทางมาได้นับพันชีวิต โดยมีทหารคอยดูแล “สงคราม ทำให้คนอดยาก หลายชีวิตต้องจากไป ความสูญเสียนั้นมหาศาล อีกทั้งทำให้คนที่เหลืออยู่สิ้นหวัง บางคนป่วยใจ แล้วก็ตายไปในที่สุด” ซึ่งเหล่าราษฎรบริสุทธิ์ที่ประสบชะตากรรมโหดร้ายนี้ คือเหตุผลที่เขามีความกราดเกรี้ยวเมื่อรู้ว่าแคว้นเสอส่งสตรีสวมใส่ชุดบุรุษมาเชื่อมไมตรี เพราะมันคือการหยามหมิ่นเกียรติชาวเผ่าหม่าซาง กระทั่งได้เห็นด้วยตาตนว่า พี่ชายหวังรุ่ยเซียงมีแผนการชั่วช้าเช่นไร เขาก็นึกสงสาร ถึงอย่างนั้นนางเป็นคนของแคว้นเสอ ให้ดีคือมีรูปโฉมงดงามอย่างที่สุด กระทั่งรับรู้จากรายงานว่า ตลอดระยะทางที่นางเดินทางมาเผ่าหม่าซาง สตรีผู้นี้ได้แบ่งอาหาร และเงินให้กับคนยากไร้ ทั้งสั่งองครักษ์ช่วยชีวิตครอบครัวหนึ่งเอาไว้จากการถูกปล้น ไต้เจิ้งซีจึงเปลี่ยนมุมมองใหม่ เขาไม่ได้โทษนาง หากกำลังดูแคลนขุนนางเสอ และพี่ชายน้องชายของหญิงสาวมากกว่าที่ล้วนขี้ขลาดตา
ไล่ซุ่นจิ่งไม่ได้อยู่ที่เรือนพักผ่อนของหวังรุ่ยเซียงนาน และนอกจากข้าวของที่มอบให้แล้ว ยังมีนางรับใช้อีกสองคนที่ส่งตัวให้อยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หญิงสาวไม่สบายใจ “พวกนางเป็นสายลับอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ลู่โต้วว่า แล้วชะเง้อคอมองออกมองผ่านหน้าต่าง สตรีสองคนแต่งชุดชาวเผ่า ประดับเครื่องเงิน มีเสียงดังยามเดินไปมา ฟังก็เพลินอยู่หรอก แต่พวกนางเคลื่อนไหวบ่อยๆ ก็พลอยให้หงุดหงิด “ทั้งคู่กำลังเตรียมอาหาร และบอกว่า เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องต้องกิน จากนั้นก็จะมีการเรียนเรื่องความรู้ทั่วไปของชาวหม่าซาง มีทั้งตำราท้องทุ่ง แล้วก็วิชาแผนที่เพคะ เห็นว่ามันสำคัญในช่วงที่ท่านอ๋องต้องออกไปสำรวจเขตรอบๆ ค่ายเพคะ” “ไฉนข้าต้องใส่ใจ ในเมื่อมีฐานะเป็นเฉลย อีกอย่าง... ข้าคงไม่ได้อยู่ที่นี่นาน” หวังรุ่ยเซียงกล่าวออกไปแล้ว และนั่นก็เหมือนว่าเรื่องทั้งหมดไปเข้าหูไต้เจิ้งซี********************** ชายหนุ่มขมวดหัวคิ้วเข้มๆ ของเขาเข้าหากัน ภาระที่หนักอึ้งหลายวันที่ผ่านมา ยังไม่เท่ากับการได้ยินข่าวเรื่องของหวังรุ่ยเซียงพยายามหาทางดื่มน้ำแกงสลายครรภ์ รวมถึงนางมิสน