บทที่ 23วันเวลาล่วงผ่านเลยมาหลายวันจากวันจนกลายเป็นเดือน สายตาคู่ร้ายจับจ้องมองนาฬิกาทรายบนโต๊ะทำงานเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำไมในใจของเขาถึงไม่มีความสุขยิ่งเห็นเวลาที่ผ่านไปเร็วเหลือเพียงอีกแค่ไม่ถึงอาทิตย์แล้วเหรอ "ป้าฮ่าๆ อย่าแกล้งอันนา" คนตัวโตเดินออกมาจากห้องทำงานหลังจากที่รู้สึกหงุดหงิดยิ่งจับจ้องมองนาฬิกาทรายที่ควรจะใจเย็น แต่เขานั้นรู้สึกร้อนรุ่มและกลุ้มใจมากกว่าเดิมยิ่งเห็นนาฬิกาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เขายิ่งรู้สึกเหมือนจะสูญเสียอะไรบางอย่างจนไม่อยากอยู่ในห้องทำงาน เขาเดินออกมาด้านนอกได้ยินเสียงแว่วจากสนามหญ้าข้างบ้านเสียงนี้ทำไมคุ้นๆ สายตาของเหมราชจับจ้องมองสนามหญ้าจึงรู้ว่าอันนากับแม่บ้านกำลังวิ่งหยอกล้อกัน เขากอดอกมองเธอดั่งเด็กสาวคนหนึ่งที่ร่าเริงแจ่มใส"พรึ่บ!" เสียงพื้นดังสนั่นเมื่ออันนาสะดุดขาตัวเองล้มเขาตกใจจนจะพุ่งตัวเข้าไปช่วยแต่นึกขึ้นได้และไม่ควรที่เขานั้นจะช่วยเหลือเธอเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้น้องสาวของเขาตาย แม่บ้านที่วิ่งเล่นด้วยกันอยู่นั้นตกใจรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงอันนาลุกขึ้นพร้อมกับขอโทษ ส่วนอันนาเธอได้เพียงแต่ยิ้มและหัวเราะบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร "ดูเธอมีความสุ
บทที่ 24 เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่กรณ์ยังอยู่ในห้องไอซียูอาการของเขาเริ่มดีขึ้นแต่ยังไม่ฟื้นกลับคืนมาเป็นปกติ แต่วันนี้มือของเขานั้นขยับเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวเหมือนสัญญานว่าอีกไม่นานเขาคงฟื้นกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่หมอแจ้งข่าวกับทางญาติได้รับรู้ นิตาผู้เป็นลูกสาวรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องฉุกเฉินเธอหยุดชะงักเมื่อเห็นเหมราชกับเพื่อนสนิทของเขา "อันนาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมวะ" ดวงตาคู่น้อยเบิกกว้างในห้องฉุกเฉินนั้นต้องเป็นน้องสาวของเธอแน่ๆ เรือนร่างบางไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าหาผู้ชายใจร้ายอย่างเหมราชทันที"นี่มันอะไรกันน้องสาวของฉันอยู่ในนั้นใช่ไหม! นายทำอะไรน้องสาวของฉันอีก เมื่อไรจะพอสักที เลิกทำน้องสาวของฉันได้แล้ว" ร่างบางร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นยิ่งรู้ว่าน้องสาวของตนเองนั้นอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เธอยิ่งโกรธจนพุ่งตัวเข้ากระชากคอเสื้อของเหมราช "ถ้าอยากให้คนอื่นหยุดทำอันนาเธอก็ควรบอกความจริงนะ!!"น้ำเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นจากทางด้านหน้าซึ่งทุกคนหยุดชะงักและหันไปมองเสียงนั้น หญิงสาวคนหนึ่งสวมใส่ชุดราตรีสีชมพูอ่อนสั้นเสมอหัวเข่าเดินตรงเข้ามาพร้อมกับกระเป๋า
บทที่ 25 นิตาถูกคลาสจับกระชากมาหน้าโรงพยาบาลเขาเหวี่ยงให้เธอล้มลงพร้อมทั้งยังชี้หน้าด่า โดยที่ไม่อายคนอื่น ทุกคนรู้ความจริงนิตาสูญเสียทุกอย่าง จนในตอนนี้เธอไม่อยากอยู่รับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ ร่างบางเดินออกมาจากโรงพยาบาลขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยสายตาคู่น้อยหลั่งไหลน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวด "ความผิดทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะฉัน อันนาฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่โยนความผิดให้กับเธอ ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะเชื่อในคำที่เธอเตือนสติทุกอย่างเลย ตอนนี้ฉันสูญเสียจนไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลือแล้วจริงๆ" มือน้อยทั้งสองข้างจับราวสะพานอันใหญ่สายตาคู่น้อยเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นร่างบางเจ็บปวดกับการสูญเสียทุกอย่าง จนกลายเป็นความคิดสั้นที่เธอนั้นอยากปลิดชีพตัวเองนิตาก้าวขาขึ้นหนึ่งข้างต่อให้เธออยู่ต่อชีวิตที่เหลือก็ไม่มีความสุขแล้ว "เธอคิดว่าการที่เธอตายทุกอย่างจะจบอย่างนั้นเหรอ พ่อของเธอใครจะดูแล! ตอนนี้พ่อของเธอได้สติแล้วเอาเวลานี้ไปดูแลพ่อของเธอดีกว่ามาคิดฆ่าตัวตาย หรือว่าคนแบบเธอไม่ต้องการตอบแทนพระคุณแม้แต่พ่อของตัวเองก็อย่างว่าแหละนะขนาดความผิดที่ทำเอาไว้ยังโยนให้กับน้องสาวเลย" เสียงทุ้มดังขึ้
บทที่ 26ในเช้าวันใหม่พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างเข้ากระจกบานใหญ่เปลือกตาคู่น้อยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เธอสัมผัสได้ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลอย่างแน่นอน อันนาเธอไม่ได้พึ่งจะนอนโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกแต่หลายครั้งที่ถูกกระทำจนเข้าโรงพยาบาลติดกันถึง 3 รอบ แค่เพียงเธอลืมตาตื่นก็รู้แล้วว่าบรรยากาศที่อยู่นั้นไม่ใช่ที่บ้านของเขา เธอค่อยๆ ขยับร่างกายของตนเองที่รู้สึกว่ามันหนักและปวดเนื้อปวดตัวมากโดยเฉพาะตรงช่วงท้องที่รู้สึกหน่วงๆ เหมือนกับว่าเป็นอะไรที่หน้าท้อง"คนไข้ใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆ ขยับ หิวน้ำหรือเปล่า" ลืมตาตื่นได้อย่างเต็มตาและเห็นพยาบาลกับหมอนั้นอยู่ด้านข้างผู้เป็นหมอเอ่ยถามเธอจึงส่ายหน้าไปมาเพราะว่าไม่รู้สึกหิว "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเหรอคะ" อันนาจำอะไรไม่ได้หลังจากที่เธอถูกผลักแล้วทุกอย่างมืดดับไปหมดจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวในตอนนี้ก่อนหน้านี้ที่เธอจะหมดสติไปเธอจำได้ว่ากำลังทะเลาะอยู่กับควีนเพื่อนของเขาและตนเองนั้นถูกผลักจนหัวกระแทกกับขอบโต๊ะ"สามีของคุณเป็นคนพามาตอนนี้เขารออยู่ที่หน้าห้อง" คิ้วน้อยขมวดเข้าหากันสงสัยในคำพูดของคุณหมอที่เอ่ยว่าเป็นสามี ทำไมเขาถึงไม่พูดว่าญาติของคนไข้หรือว่าเขาแส
บทที่ 27 เปลือกตาคู่น้อยค่อยๆ ลืมตื่นขึ้นเป็นครั้งที่ 2 การตื่นมาในครั้งนี้เธอรับรู้ถึงเรื่องราวทุกอย่างรวมถึงเด็กในท้องที่เธอไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา มือน้อยขยับเลื่อนไปสัมผัสถึงอะไรบางอย่างกุมเอาไว้สายตาจับจ้องมองลงมาเห็นคนตัวโตนอนมูบหน้าอยู่กับมือของเธอ แค่เห็นเพียงแค่หัวและลำตัวด้านหลังเธอก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใครร่างบางกระชากมือของตนเองออกทันที ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงที่สุดสำหรับเธอ เหมราชตกใจในขณะที่ตนเองเผลอหลับและกอดมือของเธอเอาไว้แต่อยู่ๆ มือนั้นก็กระชากออกไปจนทำให้เขาตื่น "ตื่นแล้วเหรอหิวน้ำไหมหิวข้าวหรือเปล่า" ดวงตาคู่น้อยแดงก่ำจับจ้องมองเหมราชด้วยความเกลียดเธอชี้นิ้วไปยังประตูให้เขานั้นนั้นออกไปจากห้องนี้"ออกไป" มือหนาคว้าจับมือเรียวบางที่ชี้ไปหน้าประตูเขาส่ายหน้าไปมาอยากที่จะคุยกับเธออยากที่จะขอโทษแต่พอสัมผัสจับมือได้เท่านั้นร่างบางสะบัดและโวยวายจับข้าวของหมอนเขวี้ยงใส่เขาตามเคย"อย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันบอกให้ออกไปได้แล้วอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดคุณได้ยินไหมว่าฉันเกลียดคุณ" มือทั้งสองข้างพยายามผลักเขาออกแต่เหมราชไม่ออกไป เขายื้อจับแขนทั้งสองข้างเอ
บทที่ 28 เหมราชอยากจะเข้าใกล้อันนาใจจะขาดอยากปรับความเข้าใจและให้เธอยกโทษให้แต่คลาสได้ห้ามเอาไว้เพราะว่าถ้าเหมราชไม่ใจเย็นรีบร้อนเกินไปทุกอย่างจะแย่ลง ความรู้สึกของอันนาและความโกรธที่เกิดขึ้นจะทำให้มีแต่เสีย คลาสใช้ความคิดของตนเองคือให้นิตาเข้าไปปลอบใจน้องสาวเพื่อให้จิตใจของอันนานั้นรู้สึกดีขึ้น นิตาในตอนนี้เหมือนลูกไก่ในกำมือของเขาที่จะเอ่ยสั่งอะไรก็ได้เพราะเขาคืนทุกอย่างให้กับเธอทั้งบ้านและอำนาจบารมีของผู้เป็นพ่อ แต่ต้องแลกกับการเป็นเมียบำเรอให้กับเขาจนกว่าเขาจะพอใจในขณะที่คลาสคุยกับเหมราชอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นจึงพยักหน้าให้กับเพื่อนเดินมารับสายผู้เป็นแม่ที่โทรมาหาบอกว่ากำลังมาจากต่างประเทศให้ลูกชายไปรับที่สนามบินคลาสจึงรีบไป "ทำไมคุณแม่มาเร็วจังไหนบอกว่าจะมาอาทิตย์หน้า?"ผู้เป็นลูกชายหลังจากโอบกอดคุณแม่ด้วยความคิดถึงแล้วเขาจับจ้องมองคิ้วหนาขมวดเข้าหากันแม่ของเขามาเซอร์ไพรส์เร็วกว่าที่คิดในตอนที่คุยกันยังบอกว่ากลับมาอาทิตย์หน้าไหนวันนี้ถึงได้มาอยู่สนามบินแล้ว"แม่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ลูกชายกะว่าจะกลับไปที่บ้านเองแต่กลัวว่าจะไม่เจอลูกเลยโทรให้ลูกชายมารับที่สนามบินจะดีก
บทที่ 29เพียงเวลาไม่กี่วันกรณ์พ่อของนิตาเขาได้ทุกอย่างคืนทั้งอำนาจและบารมีโดยที่คลาสของพ่อเขาคืนทุกอย่างกับพ่อของนิตาเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอที่นิตานั้นก็ยอมอันนาหนีออกจากโรงพยาบาลแต่ผู้เป็นพี่สาวอย่างนิตาไม่ยอมให้น้องไปเผชิญโลกภายนอกหรือว่าเจออันตรายอีกจะเรียกว่าช่วงจังหวะเวลาที่เธอนั้นมาโรงพยาบาลทันก็ได้ วันนั้นเธอจึงพาอันนาหนีออกไปจากโรงพยาบาลแต่พากลับมาอยู่ที่บ้าน "ขอโทษนะอันนาทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฉัน ถ้าฉันเชื่อในคำพูดของเธอตั้งแต่แรกคงไม่ต้องสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างแล้ว…”อันนาพยักหน้าให้กับนิตามือน้อยกุมเข้าหากันนิตาเปรียบดั่งพี่สาวที่เธอไม่คิดจะทรยศต่อให้ต้องก้มหน้ายอมรับความผิดแทนอันนาก็ทำโดยไม่มีข้อแม้"อันนาดีใจต่างหาก ที่ตัวเองได้ตอบแทนบุญคุณของคุณลุงแล้วก็นิตาเพราะตั้งแต่คุณพ่อกับคุณแม่เสียอันนาก็ไม่เคยขาดความรักเลย มีคุณลุงที่ใจดีมีพี่สาวที่จริงใจ แล้วทำไมอันนาจะต้องโกรธพี่ตัวเองด้วย เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ" อันนาได้อยู่กับตัวเองทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าเธอไม่ยอมเจ็บตัวไม่ยอมรับผิดแทนคนที่ถูกกระทำก็คือพี่สาวหรือว่านี่คือชะตาชีวิตที่เธอต้องก้มหน้ายอมรับ นิตาได้เพี
บทที่ 30 ในวันนี้อันนารู้สึกดีขึ้นและยิ่งรู้ว่าลุงของตนเองนั้นอาการดีขึ้นมากจนหมออนุญาตให้ย้ายไปอยู่ในห้องพักฟื้นและสามารถให้ญาติของคนป่วยเข้าเยี่ยมได้ อันนากับนิตาลุกขึ้นแต่เช้าจัดเตรียมข้าวของของกินและของโปรดที่ลุงของตนเองชอบ "อันนาอย่าเดินมากสิเดี๋ยวกระทบกับลูกในท้อง หลานฉันจะเป็นอันตรายเอานะ" นิตาที่เคยมีใบหน้าสวยเฉิดฉายแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงในตอนนี้เธอกลับไม่แต่งเติมอะไรใบหน้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางแต่หน้าตาของเธอก็จิ้มลิ้มและสวยอย่างสง่านิตากลัวว่าอันนาที่เดินไปมาจัดเตรียมข้าวของจะลื่นล้มจึงรีบเดินมาจับแขนของน้องสาวเอาไว้พร้อมกับเอ่ยพูดด้วยคิ้วขมวดเข้าหากัน"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่ท้องนะไม่ได้พิการคิดมากเกินไปหรือเปล่า" อันนาส่ายหน้าไปมาให้กับผู้เป็นพี่สาวทั้งสองคนเหมือนเพื่อนสนิทกันมากกว่า "ก็รู้แล้วว่าไม่ได้พิการแต่คนท้องเขาไม่ให้เดินไปมามาก เมื่อคืนนี้นิตาเข้าไปหาข้อมูลมาเขาบอกว่าพยายามให้อยู่เฉยๆ อย่าทำงานหนักให้นั่งทำเอาไม่ใช่ให้เดินอย่างกับนักกีฬา" ใบหน้าน้อยทำหน้าตาบึงตึงแถมยังคิ้วขมวดผูกปมราวกับเด็กไม่พอใจอันนาเธอหัวเราะยกมือจับแก้มของพี่สา