มี่เฟยเอ๋อร์รับไม่ได้ที่ถูกหานซานเฉียนเมินใส่ และไม่สนใจการยั่วยวนของเธอ จึงมาหาหานซานเฉียนเพื่อถามหาเหตุผล แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับฉี๋อีหยุนที่พลังรุนแรงกว่าในชีวิตของฉี๋อีหยุน เธอเป็นคนอ่อนน้อมเกือบตลอดเวลา อย่างน้อยเธอก็รู้สึกแบบนั้นกับคนนอก แต่นิสัยที่แท้จริงมีอารมณ์ที่รุนแรงเช่นกัน เพราะอย่างไรเธอก็เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย แล้วเธอจะไม่อารมณ์ร้ายเลยสักนิดได้อย่างไร?ที่เธอไม่ได้ระเบิดอารมณ์ เป็นเพราะยังอยู่ในขีดจำกัดที่เธอทนไหวแต่ตอนนี้สำหรับฉี๋อีหยุน ขีดจำกัดของเธอก็คือหานซานเฉียน มี่เฟยเอ๋อร์กล้ารบกวนเวลาที่เธอได้อยู่กับหานซานเฉียน นั่นจึงทำให้เธอโกรธมาก“เอะอะโวยวายอะไรนักหนา?” ฉี๋อีหยุนถามมี่เฟยเอ๋อร์เสียงแข็งมี่เฟยเอ๋อร์ปิดหน้าด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย เพราะเธอสัมผัสความเป็นลูกผู้ดีได้ผ่านสายตาฉี๋อีหยุน ความหยิ่งผยองนั้นทำให้มี่เฟยเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวเธอสามารถแสดงความเหนือกว่าต่อหน้าผู้คนในระดับเดียวกันได้ แต่เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนที่ร่ำรวยกว่าเธอ มี่เฟยเอ๋อร์ก็จะรู้สึกด้อยกว่าไปโดยปริยาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมีนิสัยชอบเอาเปรียบ เธอไม่ต้องการแสดงปมด้อยของเธอต่อ
ฉี๋อีหยุนทำอาหารหลากหลาย และแตกต่างกันไปทุกวันให้หานซานเฉียน ดังนั้นการไปตลาดซื้อผักทุกเช้าจึงเป็นกิจวัตรประจำวันสำหรับเธอ ทางจากบ้านไปตลาด จะต้องเดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ในวันคี่จะมีคนเยอะแยะมากมาย บางวันก็มีแม่ค้ามาตั้งแพงลอยขายของ แต่ในวันคู่นั้นแทบไม่มีคนเลยฉี๋อีหยุนไปตลาดซื้อผักตามปกติ และไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเมื่อเดินผ่านตรอกซอกซอยที่เงียบสงัด จนกระทั่งเมื่อมีผู้ชายหลายคนเดินเข้ามาขวางทางเธอ ฉี๋อีหยุนถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ“พวกนายจะทำอะไร?” ฉี๋อีหยุนถามนิ่ง ๆหัวโจกเป็นชายหัวเกรียน และเขาคือเฉิงเผิงคนที่ตามจีบมี่เฟยเอ๋อร์“สาวแว่น เธอไม่มีตาจริง ๆ รึไง ถึงได้กล้ารุกรานผู้หญิงของฉัน” เฉิงเผิงพูดพร้อมกับเยาะเย้ย“มี่เฟยเอ๋อร์คือผู้หญิงของนายเหรอ?” ฉี๋อีหยุนยิ้มเบา ๆสีหน้าของเฉิงเผิงมีความตื่นตระหนก มี่เฟยเอ๋อร์เตือนเขาแล้วว่าอย่าเปิดเผย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเดาได้ทันที“ในเมื่อกล้าทำแล้วจะต้องกลัวอะไร?” ฉี๋อีหยุนพูดนิ่ง ๆเฉิงเผิงเลิกคิ้วและพูดว่า "ฉันน่ะเหรอกลัวผู้หญิง อย่ามาล้อเล่น ใช่ ผู้หญิงของฉันคือมี่เฟยเอ๋อร์ แล้วไงล่ะ เธอขอให้ฉันสั่งสอนบทเรียน และทำให้เธอคุกเข่าข
เฉิงเผิงไม่เข้าใจความหมายที่ฉี๋อีหยุนพูด แต่เมื่อตงฮ้าวเดินเข้าไปหาฉี๋อีหยุนเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที“คนสวย คุณมีแฟนแล้วเหรอ?” เฉิงเผิงถามอย่างไม่ค่อยพอใจตงฮ้าวหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ฉี๋อีหยุน เขาก้มตัวลงและพูดว่า "คุณหนู คุณอยากจัดการกับขยะพวกนี้ยังไงดีครับ?"“สอนบทเรียนให้สักหน่อยก็พอ” ฉี๋อีหยุนพูดนิ่ง ๆคุณหนู ?สอนบทเรียนให้สักหน่อยก็พอ?เฉิงเผิงชำเลืองมองมี่เฟยเอ๋อร์อย่างไม่รู้ตัว นี่เธอกำลังมีเรื่องกับใครอยู่กัน ดูแล้วไม่เหมือนคนธรรมดาเลยสักนิด ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีบอดี้การ์ดแบบนี้มี่เฟยเอ๋อร์รู้สึกสับสนเล็กน้อย ในความคิดของเธอ ฉี๋อีหยุนเป็นเพียงหญิงสาวที่โง่เขลาที่ถูกหานซานเฉียนหลอกเท่านั้น ทำไมจู่ ๆ เธอถึงกลายเป็นคุณหนูจากตระกูลที่ร่ำรวยได้อย่างไร แถมยังมีบอดี้การ์ดอีกด้วย“คนสวย คุณประเมินพวกเราต่ำไปหรือเปล่า คนเพียงคนเดียว คิดจะกล้าสู้กับพวกเรางั้นเหรอ?” ถึงแม้ว่าเฉิงเผิงตระหนักว่าตัวตนของฉี๋อีหยุนนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจตงฮ้าว ในความคิดของเขา ยิ่งมีคนเยอะก็ยิ่งแข็งแกร่ง เขาไม่เชื่อว่าคนตั้งเยอะแยะจะเอาชนะตงฮ้าวไม่ได้ตงฮ้าวยิ้มเยาะ ขยะเหล่านี้ไม่คุ้มค่ากับการที
หยางเหมิงมองไปที่มี่เฟยเอ๋อร์ที่เหงื่อออกเต็มตัวและหน้าตาตื่นตระหนก ก่อนจะถามเธอว่า "พี่เฟยเออร์ พี่เป็นอะไรไป หรือว่าพี่จงไม่ยอมเหรอคะ?"มี่เฟยเอ๋อร์หอบหนัก พูดไม่ออกเห็นแบบนั้นหยางเหมิงจึงพูดต่อ “พี่เฟยเอ๋อร์ ฉัน... ฉันจะลองหาทางช่วยพี่ดู"ถ้าไม่ถึงที่สุด หยางเหมิงก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ เพราะเธอรู้ว่ามี่เฟยเอ๋อร์ทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้า เพราะไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใคร แต่เธอไม่อยากให้มี่เฟยเอ๋อร์ถูกไล่ออก และตอนนี้คนที่สามารถช่วยเธอได้ มีเพียงหานซานเฉียนเท่านั้น "หยางเหมิง บอกฉันมาสิว่าเธอกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่" มี่เฟยเอ๋อร์ถามหยางเหมิงหลังหายใจคล่องขึ้นหยางเหมิงตกใจ เรื่องที่เธอปิดบังมี่เฟยเอ๋อร์มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตัวตนของหานซานเฉียน อีกอย่างหานซานเฉียนขอร้องเธอไว้ว่าห้ามบอกใครเป็นอันขาด เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหยางเหมิง มี่เฟยเอ๋อร์ที่รู้จักนิสัยของเธอดี ก็รู้ทันทีว่าหยางเหมิงปกบิดบางอย่างกับเธออยู่ “ถ้าเธอไม่บอกฉันอีก ความเป็นพี่น้องของเราก็จบลงวันนี้” มี่เฟยเอ๋อร์ขู่หยางเหมิงลนลานทันที เธอเป็นพี่น้องกับมี่เฟยเอ๋อร์มาหลายปีแล้ว และเธอไม่ต้องการให้ค
หยางเหมิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ตั้งแต่วันแรกที่พวกเธอได้รู้จักหานซานเฉียน ทัศนคติของมี่เฟยเอ๋อร์ที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นแย่มาก เธอไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ และสิ่งนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเธอรู้จักตัวตนของหานซานเฉียนเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้มี่เฟยเอ๋อร์กลับโทษว่าเป็นความผิดเธอที่ปิดบังเรื่องนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ปกปิดเรื่องนี้ แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่มี่เฟยเอ๋อร์ดูถูกเหยียดหยามหานซานเฉียนได้เหรอ?“พี่เฟยเอ๋อร์ ฉันไม่รู้จักตัวตนของพี่หานตั้งแต่วันแรก แต่พี่ดูถูกถากถางเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ” หยางเหมิงพูดนิ่ง ๆ"แต่ถ้าเธอบอกฉันเร็วกว่านี้ ฉันก็มีโอกาสที่จะได้ไถ่บาป และเรื่องมันก็คงจะไม่ได้เลยเถิดมาถึงขนาดนี้" มี่เฟยเอ๋อร์มองไปที่หยางเหมิงอย่างดุร้าย ไม่รู้สึกได้คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเลยสักนิด แต่เป็นเพราะหยางเหมิงจงใจปิดบังตัวตนของหานซานเฉียน และทำให้เธอจมอยู่กับการเข้าใจผิดหยางเหมิงยิ้มเบา ๆ เธอปฏิบัติต่อมี่เฟยเอ๋อร์เหมือนพี่สาวแท้ ๆ ของเธอเสมอ ดังนั้นบางครั้งที่ต้องเผชิญกับความเอาแต่ใจของมี่เฟยเอ๋อร์ เธอก็เลือกที่จะอดทน แต่ในเรื่องนี้หยางเหมิงทนไม่ไหวแล้ว เธอไม่
หานเหยียนไม่ได้บอกตี้หยางเกี่ยวกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูด เพราะอย่างไรซะตี้หยางก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีของหานลี่ หากเรื่องนี้เขาไม่เห็นด้วย เธอก็จะไม่สามารถดำเนินแผนการได้แต่หากไม่มีความช่วยเหลือจากตี้หยาง หานเหยียนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร"ตี้หยาง คุณมีส่วนรู้เห็นในการฆ่าหานเฟิงด้วยเหมือนกัน" หานเหยียนกล่าวตี้หยางขมวดคิ้ว การที่หานเหยียนพูดถึงเรื่องนี้ทำให้เขาสับสน หรือว่าหานเหยียนต้องการเสียเรือเพื่อรักษาขุน และปล่อยให้เขารับผิดชอบคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?"คุณหนู คุณคงไม่ได้หมายว่าจะให้ผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดหรอกใช่ไหมครับ" ตี้หยางถามหานเหยียนส่ายหัว เดินไปหาตี้หยางและพูดว่า "ฉันมีวิธีนึงที่จะรับรองความปลอดภัยของพวกเราได้ แถมมันยังทำให้ฉันสามารถขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลหาน และสามารถทำให้คุณมีตำแหน่งพิเศษในตระกูลหานได้ด้วยเช่นกัน""คุณหนู ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ผมแก่มากแล้ว ไม่ต้องการเสียเวลากับการคาดเดา" ตี้หยางกล่าวหานเหยียนสูดหายใจเข้าลึก และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ถ้าพ่อของฉันตาย ฉันก็จะสามารถควบคุมตระกูลหานในอนาคตได้ และจะไม่มีใครรู้ถึงการตายของหานเฟิง"ดวงตาของตี้
ในอีกห้องหนึ่งของโรงแรม หานลี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างด้วยสีหน้าเฉยเมย ในช่วงสองวันมานี้การสืบเรื่องหานเฟิงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย แต่เขากลับพบบางสิ่งที่แปลกเกี่ยวกับหานเหยียนหานลี่รู้นิสัยลูกสาวของตัวเองดี และพฤติกรรมผิดปกติที่เธอแสดงออกมาบ่งบอกว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่“หานหลง นายสังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ ของหานเหยียนในสองวันมานี้ไหม?” หานลี่ถามหานหลง"คุณหนูดูกระวนกระวายใจครับ การหายตัวไปของนายน้อยอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ" หานหลงพูดอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าความทะเยอทะยานของหานเหยียนจะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา แต่เมื่อดูจากทัศนคติของเธอที่มีต่อหานเฟิง ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูล?หานลี่หายใจเข้าลึกและพูดว่า "ฉันไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ พี่น้องทั้งสองคนนี้เป็นลูกของฉัน"“ท่านผู้นำ ท่านต้องระวังตัวด้วยนะครับ” จู่ ๆ หานหลงก็เตือนขึ้นดวงตาของหานลี่แข็งทื่อ เขาหันไปมองหานหลงด้วยดวงตาลุกโชนและพูดว่า "นายหมายความว่ายังไง?"“ท่านผู้นำ ผมไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่าย แต่ความทะเยอทะยานของคุณหนูมาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมมันได้แล้ว บางทีตอนนี้เธออาจกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีทา
ในจานนี้มียาพิษร้ายแรง เมื่อกินเข้าไป แม้แต่เทพเจ้าลงมายังโลกก็ช่วยอะไรไม่ได้“อะไรกัน พ่อแค่ขอให้ลูกช่วยชิมอาหารแค่นั้นเอง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำให้พ่อไม่ได้หรือไง?” หานลี่พูดสีหน้าของหานเหยียนดูแทบไม่ได้ เธอพูดว่า "พ่อคะ วันนี้หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย เหมือนจะเป็นลำไส้อักเสบเลยกินอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ""อ่อ อย่างงั้นเองเหรอ" หานลี่ยิ้ม และในขณะที่หานเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หานหลงก็คว้าบริกรของโรงแรมเข้ามา“ลองชิมให้ฉันหน่อยสิ” หานลี่พูดกับบริกรด้วยรอยยิ้มแม้ว่าบริกรจะรู้สึกงงงวย แต่เขาจะกล้าปฏิเสธคำขอของคนใหญ่คนโตเช่นนี้ได้อย่างไรขณะที่บริกรหยิบชามและตะเกียบขึ้นมา หานเหยียนก็ลุกลี้ลุกลนรีบพูดขึ้นมาว่า "เอาจานไปเททิ้ง ให้พ่อครัวออกมาดูว่าเขาทำอาหารอะไร ทำไมกลิ่นเหม็นขนาดนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่านี่เป็นอาหารจานโปรดของพ่อฉัน ทำไมถึงได้ทำออกมาชุ่ย ๆ แบบนี้”บริกรหดหัวด้วยความตกใจ เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ระเบิดอารมณ์รุนแรงหลายครั้งแล้ว แถมเธอยังตีคนที่กล้าขัดคำสั่งของเธอด้วย ในขณะที่เขากำลังจะวางชามและตะเกียบ และไปตามหาพ่อครัว หานลี่ก็พูดว่า "อย่าไปฟังเธอ ฉันบอกให้กิน นายก็กิน""พ่อ