ผู้ดูสุสานตัวสั่นด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับบุคคลภายนอก แต่หลังจากที่หานลี่และบอดี้การ์ดจากไป เขาก็รีบแจ้งให้ฉือจิงทราบทันทีหลังจากที่ฉือจิงรู้ว่าสุสานของหานเทียนหยางถูกหานลี่ขุดขึ้นมา เธอก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนมากนัก เพราะแผ่นจารึกในหอบรรพบุรุษทั้งหมดถูกทำลายโดยหานลี่ไปแล้ว คงไม่มีเรื่องไหนทำร้ายเธอได้มากกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว นับประสาอะไรกับสุสานที่ไม่มีเถ้าถ่าน?ฉือจิงเพียงแค่ขอให้ผู้ดูสุสานช่วยกลบหลุมฝังศพกลับคืน ก่อนจะวางสายไปฉือจิงลังเลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาหานซานเฉียน สำหรับฉือจิง เป็นเรื่องยากสำหรับหานซานเฉียนที่จะปฏิบัติต่อเธอด้วยท่าทางที่ดี แม้ว่าหานซานเฉียนจะรู้ว่าเมื่อก่อนที่เธอทำไปก็เพราะว่าเธออยู่ภายใต้แรงกดดันของหนานกงเชียนชิว แต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้หานซานเฉียนยอมรับสายตาเย็นชาของฉือจิงที่มีต่อเขาได้“โทรหาผมทำไม?” หานซานเฉียนถามอย่างเฉยเมยจากน้ำเสียงเย็นชาของหานซานเฉียน ฉือจิงไม่รู้สึกถึงความใกล้ชิดใด ๆ ที่ลูกชายผู้ที่เธอให้กำเนิดออกมาคนนี้ ดูเหมือนจะกีดกันเธอออกไปหลายพันไมล์แต่ฉือจิงรู้ดีว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะโท
แต่ตอนนี้ตี้หยางก็ตกอยู่ในความระส่ำระสายเช่นกัน เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าหานลี่จะปรากฏตัวอย่างกะทันหันแบบนี้ แล้วเขาจะยังสงบสติอารมณ์อยู่ได้อย่างไร?"คุณหนู คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน พวกเราจะต้องคิดหาทางออกได้แน่นอน" ตี้หยางกล่าว"อย่าเพิ่งรีบร้อนอย่างงั้นเหรอ?" หานเหยียนมองไปที่ตี้หยางด้วยสีหน้าดุร้ายและพูดว่า "ฉันจะไม่รีบร้อนยังไง พ่อมาที่นี่แล้ว และคงจะมาถึงหยุนเฉิงในไม่ช้า ถ้าเขาถามเกี่ยวกับหานเฟิง แล้วฉันจะอธิบายยังไง หรือจะต้องบอกเขาว่าหานเฟิงตายเพราะฝีมือฉันอย่างนั้นเหรอ?"ร่องรอยของความไม่พอใจปรากฏขึ้นในดวงตาของตี้หยาง ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดของหานเหยียน หานเฟิงจะตายได้อย่างไร และพวกเขาก็ไม่ต้องมากังวลว่าจะอธิบายกับหานลี่อย่างไรอยู่แบบนี้ทั้งหมดนี้เกิดจากความคิดของหานเหยียนทั้งนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับมาโยนความผิดใส่เขา!"ตี้หยาง ฉันขอเตือนคุณ แม้ว่าคุณจะตาย แต่ฉันจะตายไม่ได้" หานเหยียนเดินไปด้านหน้าของตี้หยาง และพูดด้วยใบหน้าขรึมตี้หยางยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า "คุณหนูหมายความว่า จะให้ผมเป็นแพะรับบาปแทนอย่างงั้นเหรอ? คุณคิดว่าท่านผู้นำจะเชื่อว่าการตายของหานเฟิงเกี่ยวข้องกับผมเพียงคนเด
หานเฟิงตายแล้ว สายนี้จึงไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้นเมื่อหานเหยียนขมวดคิ้ว นั่นคือการแสดงของเธอได้เริ่มขึ้นแล้ว“พ่อคะ ปิดเครื่องค่ะ” หานเหยียนพูดในขณะที่หานลี่กำลังจะโมโห หานเหยียนก็พูดแทนหานเฟิงว่า "พ่อคะ อย่าโกรธไปเลยนะคะ กลับไปที่โรงแรมกันก่อน เดี๋ยวลูกจะส่งคนไปสืบที่อยู่ของเขาให้ทันทีเลยค่ะ""ลูกนี่นะ ช่วยพูดแทนน้องตั้งแต่เขายังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะลูกตามใจเขามากไป เขาจะกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ไหม?" หานลี่พูดอย่างช่วยไม่ได้หานเหยียนยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ก็เขาเป็นน้องชายคนเดียวของลูกนี่คะ ถ้าลูกไม่ตามใจเขา แล้วลูกจะไปตามใจใคร"หลังจากกลับถึงโรงแรม หานเหยียนก็แสร้งทำเป็นสั่งให้คนออกไปตามหาหานเฟิง และหานลี่ก็ถามหานเหยียนเกี่ยวกับหานซานเชียนหานลี่ไม่ได้สนใจกับตัวละครเล็ก ๆ แบบนี้มากนัก เพราะหานซานเฉียนก็แค่มดตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถขยี้ให้ตายได้ทุกเมื่อ “พ่อคะ ในเมื่อพ่อไม่ให้หนูฆ่าเขา หนูจึงต้องจัดการเขาด้วยวิธีอื่น แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้หนูควบคุมโลกธุรกิจในหยุนเฉิงไปกว่าครึ่งแล้ว หานซานเฉียนไม่มีทางให้เดินแล้ว เพียงแค่ให้เวลาหนูอีกหน่อย เขาจะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนหนูอย่างแน่นอน” หา
"ฉันทุ่มเทให้กับตระกูลหานมาหลายปี แต่สุดท้ายก็ยังคงเป็นได้แค่เครื่องมือ! ทำไม ทำไมฉันถึงต้องถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมแบบนี้ด้วย" หลังจากกลับมาที่ห้อง หานเหยียนก็คำรามด้วยท่าทางดุร้ายเธอไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก หานเฟิงเป็นเพียงแค่กองโคลนเท่านั้น แต่เขากลับได้รับความสำคัญจากหานลี่ และเธอผู้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองมาโดยตลอด แต่ในสายตาของหานลี่ เธอกลับเป็นได้แค่เครื่องมือในการแต่งงานเท่านั้น"คุณหนู ใจเย็น ๆ ก่อน อย่าได้เปิดเผยความคิดที่แท้จริงของคุณหนูเพียงเพราะเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น หากท่านผู้นำรู้เรื่องเข้า พวกเราจะตกอยู่ในอันตราย" ตี้หยางพยายามเกลี้ยกล่อมหานเหยียนหานเหยียนพูดด้วยใบหน้ามืดมน "คุณรู้ไหมว่าฉันพยายามมากแค่ไหนกับเรื่องนี้ ฉันฆ่าลูกนอกสมรสของเขาไปจนหมด เพียงเพราะฉันไม่ต้องการให้ใครมาคุกคามการสืบทอดตำแหน่งผู้นำของฉัน และในวันนี้แม้แต่น้องชายแท้ ๆ ฉันก็ยังไม่ยอมปล่อยไป แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นคุณค่าของฉัน หรือว่าชีวิตของฉันถูกกำหนดมาให้ถูกโซ่ตรวนมัดไว้ เพียงเพราะเกิดมาเป็นผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?”ตี้หยางหรี่ตาลง หานลี่อาจไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องลูกนอกสมรสของเขาด้วยซ้ำ และ
"คุณกลับมาทำไม!" หลังจากอึ้งอยู่นาน หานซานเฉียนก็ยืนขึ้นและถามฉี๋อีหยุน “ฉันช้อปปิ้งเหนื่อยแล้ว ไม่กลับบ้านแล้วจะให้ไปนอนข้างถนนหรือไง?” ฉี๋อีหยุนทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะลากกระเป๋าของเธอกลับห้องไปหานซานเฉียนยืนอยู่หน้าประตูอย่างช่วยไม่ได้ เขามองฉี๋อีหยุนแขวนเสื้อผ้ากลับเข้าตู้ทีละตัว"คุณรู้ไหมว่าสถานการณ์ของผมตอนนี้เป็นแบบไหน? การอยู่ข้างผมรังแต่จะทำให้คุณเป็นอันตรายมากขึ้น" หานซานเฉียนกล่าวฉี๋อีหยุนดูไม่แยแสและพูดว่า "ฉันรู้ว่าชีวิตนี้มันเป้นไปไม่ได้ที่จะได้คบกับคุณ และคุณก็ไม่มีทางที่จะชอบฉัน แต่ถ้าได้ตายไปพร้อมกับคุณ มันก็ดีไม่ใช่เหรอ? บางทีเราอาจได้พบกันใหม่ ในชาติหน้าที่ไม่มีซูหยิงเซี่ย ฉันจะพยายามทำให้คุณตกหลุมรักฉันให้ได้"คำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี เขาเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า และไม่เคยเชื่อว่าชาติหน้าจะมีอยู่จริงชีวิตนี้ หากคุณไม่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะมีชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาว แล้วชาติหน้าจะมีประโยชน์อะไรและฝากความหวังไว้กับความคิดไร้สาระในเรื่องชาติหน้านั้นโง่ยิ่งกว่า“ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ฉันจะตามไปจนถึงที่สุด ดังนั้น
ระหว่างรับประทานอาหาร หานซานเฉียนก็ได้รับสายจากม่อหยาง"ซานเฉียน เพื่อนนายคนนั้นเป็นสุนัขที่กินแล้วถ่ายไม่เปลี่ยนจริง ๆ ฉันได้ยินมาว่าเขามีปัญหาอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นเพราะผู้หญิง นายจะไปดูหน่อยไหม" ม่อหยางทำอะไรไม่ถูกมาก ในสังคมปัจจุบัน มีวิธีเล่นกับผู้หญิงนับหมื่นวิธี แต่ชิงอวิ๋นเลือกที่จะลวนลามตระกูลผู้ดี เขาถูกจับไปหลายครั้งแล้วก็ยังไม่กลับตัวกลับใจอีกหานซานเฉียนไม่ได้สนใจชิงอวิ๋นมานานแล้ว เพราะหางจิ้งจอกของเขาซ่อนอยู่ลึกมาก หานซานเฉียนเพียงแค่ปล่อยให้เวลาพิสูจน์เขาอย่างช้า ๆ แต่หานซานเฉียนไม่คิดเลยว่า นี่มันก็หลายครั้งแล้ว แต่ชิงอวิ๋นยังไม่จำเป็นบทเรียนอีก!“ฉันกินข้าวอยู่ ไว้เดี๋ยวไปดูทีหลัง” หานซานเฉียนพูดหลังจากวางสาย ฉี๋อีหยุนก็ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"“เรื่องเล็กน้อยน่ะ เพื่อนคนนึงถูกตำรวจจับอีกแล้ว ในข้อหาลวนลามผู้หญิง” หานซานเฉียนกล่าว“อีกแล้ว?” ฉี๋อีหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูเหมือนว่าเพื่อนของคุณคนนี้จะดื้อไม่ใช่เล่นเลยนะ”หานซานเฉียนก็แปลกใจเช่นกัน ชิงอวิ๋นแน่วแน่ในเรื่องนี้มาก"น่าจะเป็นอย่างนั้น"หลังจากกินข้าวเสร็จ หานซานเฉียนก็ออกจากบ้านและขับรถไปที่สำนักงาน
เมื่อมองไปที่ชิงอวิ๋นที่สวมชุดเครื่องแบบของศูนย์กักกัน หานซานเฉียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "รอเดี๋ยว"พอออกมาจากห้องกักกัน หานซานเฉียนก็โทรหม่อหยาง จากนั้นไม่นานชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหานซานเฉียนด้วยท่าทางเคารพ"ไม่ทราบว่าคุณคือ คุณหานหรือเปล่าครับ?" ชายวัยกลางคนถามหานซานเฉียน เมื่อครู่เขาได้คุยกับม่อหยาง และม่อหยางบอกให้เขาทำตามคำขอของหานซานเฉียน และเขาก็ไม่กล้าละเลยกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ได้"สวัสดี ผมต้องการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวของชิงอวิ๋นได้ไหมครับ?" หานซานเฉียนไม่ได้ยกตนขึ้นสูง และเขาไม่เคยใช้สถานะรังแกผู้อื่น ยิ่งตอนนี้เขามีเรื่องที่รบกวนขอร้องให้คนอื่นช่วย เขายิ่งไม่วางมาด“ไม่มีปัญหาครับ โปรดตามผมมาได้เลย” ชายวัยกลางคนกล่าวเมื่อมาถึงห้องเก็บของทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ถูกคุมขัง ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในถุงใสที่มีป้ายชื่อติดอยู่ หลังจากที่ชายวัยกลางคนพบทรัพย์สินของชิงอวิ๋น เขาก็มอบมันให้กับหานซานเฉียน"คุณหาน นี่คือทรัพย์สินของชิงอวิ๋น ผมจะไปรออยู่ที่ประตู ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมก็เรียกผมได้ตลอดเวลา" ชายวัยกลางคนกล่าว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนนอกจะเข้ามาได้ แต่เขากล
เจตนาฆ่าฉายในดวงตาของชิงอวิ๋น เมื่อหานซานเฉียนยึดสิ่งสำคัญนี้ไป!"พี่ใหญ่ ของชิ้นนี้ไม่มีค่าอะไร พี่จะเอามันไปทำไม คืนมาให้ผมเถอะครับ" ชิงอวิ๋นกล่าว“นายให้ความสำคัญกับของที่เก็บได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ ดูเหมือนว่าของที่อยู่ข้างในจะไม่ใช่ของธรรมดาสินะ ถ้านายอยากได้คืน ก็มาแย่งกลับไปสิ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ชิงอวิ๋นอดทนที่จะไม่ลงมือ เพราะนี่ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยตัวตนของเขา และเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานซานเฉียนด้วยซ้ำชิงอวิ๋นหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า "พี่ใหญ่ ที่จริงแล้ว สิ่งนี้เป็นของที่ระลึกที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ผม ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าข้างในมีอะไร ผมไม่เคยเปิดมันออกมาเลย"“อาจารย์ของนาย? เป็นนักบวชลัทธิเต๋าที่หลอกลวงผู้คนเหรอ” หานซานเฉียนถาม เขาค่อนข้างอ่อนไหวกับนักบวชเต๋า เพราะถ้าตอนนั้นนักบวชเต๋าไม่พูดจาไร้สาระ วัยเด็กของเขาในตระกูลหานก็จะไม่กลับตาลปัดแบบนี้หานซานเฉียนพยายามอย่างหนักเพื่อสืบสวนเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่พบเบาะแสใด และเขาก็ไม่รู้ว่านักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นคือใคร และร่วมมือกับใครชิงอวิ๋นส่ายหัวซ้ำ ๆ และพูดว่า "อาจารย์ของผมมีทักษะอย่างแท้จริง เขาแตกต่างจากผม"