เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนยังมีอารมณ์มาพูดล้อเล่น ฉี๋อีหยุนก็ปัดมือของหานซานเฉียนออกด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้ว เธอก็รีบดึงมือเขากลับมาอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า "ขอโทษ ฉันทำให้คุณเจ็บใช่ไหม"หานซานเฉียนส่ายหัว ถอนมือออกจากฉี๋อีหยุน แล้วพูดว่า "แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องของหมู่บ้านเฉิงจง ดูเหมือนว่าจะจัดการไม่ได้ง่าย ๆ"เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนถอนมือกลับ ดวงตาของฉี๋อีหยุนก็ฉายความความโศกเศร้า แต่เธอก็ปกปิดมันอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะพูดว่า "ฉันสามารถช่วยคุณทำในเรื่องที่คุณไม่อยากทำได้ ฉันไม่มีข้อห้ามอะไรมากมาย ขอเพียงแค่ช่วยตระกูลฉี๋ได้ ไม่ว่าอะไรฉันก็ทำได้ทั้งนั้น""ผมเป็นเป็นผู้ชายนะ จะขอความช่วยเหลือจากคุณได้ยังไง อีกอย่างที่คุณให้เงินมานั่นก็มากพอแล้ว เรื่องที่เหลือ ผมจะจัดการเอง" หานซานเฉียนกล่าว"เมื่อเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉิน คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัด เพราะคู่ต่อสู้ของคุณก็ไม่มีขีดจำกัดนี้เช่นกัน" ฉี๋อีหยุนกล่าว"แล้วคนทุกคนในโลกจะต้องกลายไปคนเลวกันหมดทุกคนเลยงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่มาตรฐานของตัวเองที่คงที่"
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หานซานเฉียนตื่นขึ้นมา เขาพบว่าฉี๋อีหยุนยังคงนอนขดตัวอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน“ผมนอนหลับสนิทมาก แล้วคุณล่ะ?” หานซานเฉียนถามอย่างจงใจฉี๋อีหยุนมองไปที่หานซานเฉียนอย่างตำหนิ เธอกลัวตลอดทั้งคืน เธอคิดว่าหานซานเฉียนจะออกมาปลอบเธอบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าชายใจแข็งคนนี้จะไม่ปรากฏตัวจริง ๆ มิหนำซ้ำฉี๋อีหยุนยังได้ยินเสียงกรนของเขาอีกด้วย!“คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า” ฉี๋อีหยุนกัดฟันพูด"ผมเป็นผู้ชายหรือเปล่า? มีเพียงหยิงเซี่ยเท่านั้นที่จะได้เห็น สิ่งที่มีค่าแบบนี้จะแสดงให้คุณเห็นง่าย ๆ ได้ยังไง" หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำฉี๋อีหยุนรู้สึกขมขื่นในใจ รอจนเมื่อหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ เธอก็พูดกับหานซานเฉียนเพื่อชดเชยหัวใจที่บอบช้ำว่า "ฉันอยากกินน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋"“ถ้าผมกลับมา ผมจะซื้อมาให้คุณก็แล้วกัน แต่ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็กินของที่เหลือไปก่อนนะ” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดลง ดวงตาที่เศร้าโศกของฉี๋อีหยุนก็เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อน แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเ
ฉีหลานไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังพูดถึงใคร และเธอก็ไม่สนใจอะไร วันนี้ที่เธอจงใจมาเร็วกว่าปกติก็เพื่อที่จะขอบคุณหานซานเฉียนสำหรับความช่วยเหลือของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอก็คงไม่ได้พบกับจงเหลียงและแน่นอนว่าแค่อาหารเช้าแทนคำขอบคุณนั้นมันยังไม่เพียงพอ ฉีหลานถามขึ้น "คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอคะ? ถ้าตอนเย็นคุณพอจะมีเวลา มาทานอาหารด้วยกันไหมคะ"หานซานเฉียนส่ายหัว เขาชูน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ในมือแล้วพูดว่า "แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ฉันยังมีอะไรต้องทำ ขอตัวก่อนนะ"หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็หันหลังกลับและจากไปทันที ฉีหลานไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยคำขอบคุณด้วยซ้ำ เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหานซานเฉียน ฉีหลานก็รู้สึกสงสัยมากว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่ายของเขาถึงได้ให้ความรู้สึกที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ และแม้แต่คนอย่างจงเหลียงก็ยังต้องให้เกียรติเขา หรือว่า…!จู่ ๆ ฉีหลานก็เกิดความคิดที่น่าตกใจ อย่างที่ทราบกันดีว่าจงเหลียงเป็นเพียงสมาชิกอาวุโสของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเท่านั้น และเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือเจ้าของบริษัทอสังหาริม
"ถ้าคุณยังต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียนล่ะก็ ผมแนะนำให้คุณยับยั้งตัวเองหน่อย อย่าทำให้หยิงเซี่ยโกรธขึ้นมาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราจะถูกไล่ออกจากบ้าน จนไม่มีแม้แต่ที่อยู่กันแน่" ซู่กั๋วเย่าเตือน“เธอกล้าเหรอ!” เจี่ยงหลานตาเขียวและพูดว่า “เธอเป็นลูกสาวของฉัน คือเศษเนื้อที่ออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะกล้าขับไล่ฉันได้ยังไง และทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อเธอทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้เธอได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ฉันจะต้องมาเสียแรงเสียเวลาแบบนี้เหรอ?”“แต่คุณก็รู้ว่ามันเสียเวลาเปล่า แล้วทำไมยังต้องทำมันอยู่อีก?” ซูกั๋วเย่าไม่เข้าใจความคิดของเจี่ยงหลานถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ซูหยิงเซี่ยก็ยังมั่นคงและชัดเจน แล้วทำไมเจี่ยงหลานถึงไม่ยอมแพ้สักที "สักวันหนึ่งเธอจะต้องขอบคุณฉัน แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ" เจี่ยงหลานกล่าวซูกั๋วเย่าส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ซูหยิงเซี่ยโตแล้ว และเธอก็ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ เธอจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งต่าง ๆ อย่างความรู้สึกนั้นไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล หานซานเฉียนท
“ต้องเพิ่มอีกเท่าไหร่?” เจี่ยงหลานถามเสียงทุ้มชายหัวโล้นยิ้มและพูดว่า "สำหรับคุณ เงินไม่ใช่ปัญหาหรอก การจัดการปัญหาต่างหากเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงไหม?"เจี่ยงหลานเป็นผู้หญิงที่รักเงินเท่าชีวิต เงินเป็นเหมือนเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของเธอ แม้ว่าเธออยากจะฆ่าหานซานเฉียนจริง แต่หากชายหัวโล้นเรียกร้องมากเกินไปเธอก็ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน“อย่าได้คิดรีดไถฉัน หากต้องการจะฆ่าเขา ฉันสามารถหาคนได้ตลอดเวลา ถ้าราคาของนายไม่สมเหตุสมผล ฉันจะหาคนอื่นมาทำแทน” เจี่ยงหลานกล่าวชายหัวโล้นยื่นมือขวาออกมา ก่อนจะกางนิ้วแล้วพูดว่า "ห้าแสน ถ้าคุณไว้ใจคนอื่นจะลองดูก็ได้ แต่ผมสามารถรับรองได้เลยว่า คุณจะไม่สามารถหาคนที่จัดการได้สะอาดเท่ากับพวกเราอีกแล้วในหยุนเฉิง มีเพียงเราเท่านั้นที่จะเก็บความลับได้”ห้าแสน!สำหรับตระกูลซูในปัจจุบัน มันไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจี่ยงหลานที่จะนำเงินจำนวนนี้ออกมาแต่เจี่ยงหลานที่เคยชินกับการต่อราคาผัก เมื่อเจอกับตัวเลขจำนวนมากเช่นนี้จึงต่อราคาออกไปโดยธรรมชาติ"สี่แสน มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว" เจี่ยงหลานกล่าวอย่างหนักแน่นชายหัวโล้นส่ายหัวและพูดว่า "คุณ
"ให้ตายเถอะ ใจฉันมันคันยิบ ๆ ถึงรู้ว่าจะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังอยากจะถามอยู่ดี แกรีบห้ามฉันดิ ทำไงก็ได้ให้ฉันสงบลง" ม่อหยางพูดกับหลินหย่งด้วยท่าทางกระวนกระวายใจหลินหย่งหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ม่อหยางก็เป็นคนแปลกแบบนี้แหละ บางครั้งเขาก็ดูเหมือนเด็ก ซึ่งไม่เข้ากับอายุที่แท้จริงของเขา และไม่หลงเหลือความเป็นพี่ใหญ่เอาซะเลย"ช่างเถอะ แกไม่ต้องห้ามฉันแล้ว วันนี้ไม่ว่าใครก็ขวางฉันไม่ได้" ก่อนที่หลินหย่งจะได้พูดอะไร ม่อหยางก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาหานซานเฉียนม่อหยางเดินไปนั่งบนที่วางแขนของโซฟาที่หานซานเฉียนนั่งอยู่ ก่อนจะวางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่ของหานซานเฉียนแล้วถามว่า "มีข่าวดีอะไร แบ่งปันกับพี่ชายบ้างสิ?"หานซานเฉียนเหล่ตามองม่อหยางแล้วพูดว่า "เกี่ยวอะไรกับนาย"“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี่ฉันกำลังเป็นห่วงนายนะ” ม่อหยางพูดพลางหยิบซองบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้หานซานเฉียนหานซานเฉียนมองม่อหยางอย่างประหลาดใจ ชายปี่เซียะคนนี้ที่เป็นฝ่ายรับเท่านั้น รู้จักกันมาหลายปีให้บุหรี่เขาน้อยจนนับครั้งได้ “อยากรู้จนยอมจ่ายเลยนะนายน่ะ” หานซานเฉียนพูดติดตลกม่อหยางไม่ได้รู้สึกอายอะไร เขาคุ้นเคยกับวิธีนี้มานาน
หลังจากได้ยินคำถามของม่อหยาง หลินหย่งก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อน พี่ใหญ่ทั้งสองกำลังล้อเล่น เขาไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมสงครามนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นหลินหย่งทำได้เพียงก้มหน้าลง และทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น "ม่อหยาง ฉันว่าพักนี้นายไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ" หานซานเฉียนพูด"ซานเฉียน นายไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันไม่ได้เพิ่งจะเป็น แต่เป็นแบบนี้มานานแล้วต่างหาก เพราะงั้นไม่ว่าฉันจะยืมเงินนายหรือไม่ก็ตาม ลืม ๆ มันไปซะ" ม่อหยางกล่าว เมื่อเจอความหน้าด้านของม่อหยาง หานซานเฉียนก็ไม่รู้จะไปต่ออย่างไรแล้ว และเขาก็ไม่เคยคิดที่จะขอให้ม่อหยางคืนเงิน แม้ว่าสองร้อยล้านจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ แต่เงินแค่สองร้อยล้านก็ไม่พอใช้จัดการหานกรุ๊ปได้อยู่ดี เขาดูเวลา ตอนนี้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว หานซานเฉียนพูดขึ้น "ถ้าไม่คืนเงิน ก็เลี้ยงข้าวเที่ยงฉัน คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?""ได้สิ อาหารพนักงาน นายอยากกินเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ เดี๋ยวฉันจะขอให้ป้าในครัวเตรียมข้าวเปล่าเพิ่มให้นายอีกสักสองชาม" ม่อหยางพูดอย่างใจกว้าง“นายนี่มันขี้เหนียวจริง ๆ” หานซานเฉียนกัดฟันพูดณ โรงแรมเพนนินซูล่า
"เท่าที่ผมรู้มา ตงฮ้าวเป็นบอดี้การ์ดของลูกสาวของฉี๋ตงหลิน ในเมื่อตงฮ้าวอยู่ในหยุนเฉิง งั้นก็แสดงว่าฉี๋อีหยุนก็ต้องอยู่ในหยุนเฉิงเช่นกัน ตอนนี้คุณหนูมีโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว คุณหนูสามารถจัดการกับหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนไปพร้อมกันได้ หากเกิดเรื่องอะไรกับฉี๋อีหยุนในหยุนเฉิง ฉี๋ตงหลินจะต้องกระวนกระวายใจแน่นอน” อู๋เฟิงกล่าว"ฉี๋อีหยุน?" หานเหยียนขมวดคิ้วแน่น เธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ดี เธอปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อเธอ และขโมยความโดดเด่นของเธอไป หานเฟิงเองก็เคยหลงใหลเธออย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่ง ถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม แต่หลังจากนั้นฉี๋อีหยุนก็กลับประเทศจีนไป หานเฟิงจึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเธอ และหานเหยียนก็ยังไม่มีโอกาสสั่งสอนฉี๋อีหยุนเช่นกัน"อ้อใช่!" จู่ ๆ หานเหยียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ผู้หญิงที่เข็นรถเข็นครั้งก่อน ฉันก็ว่าทำไมถึงได้คุนหน้าเธอนัก แต่เธอเอาแต่ก้มหน้าฉันเลยเห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง ดูเหมือนว่าเธอจะคือฉี๋อีหยุน หึ กลัวจนหัวหด ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะแสดงหน้าต่อหน้าฉัน"“คุณหนูพูดถูก ผมตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคื
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ