เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนยังมีอารมณ์มาพูดล้อเล่น ฉี๋อีหยุนก็ปัดมือของหานซานเฉียนออกด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้ว เธอก็รีบดึงมือเขากลับมาอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า "ขอโทษ ฉันทำให้คุณเจ็บใช่ไหม"หานซานเฉียนส่ายหัว ถอนมือออกจากฉี๋อีหยุน แล้วพูดว่า "แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องของหมู่บ้านเฉิงจง ดูเหมือนว่าจะจัดการไม่ได้ง่าย ๆ"เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนถอนมือกลับ ดวงตาของฉี๋อีหยุนก็ฉายความความโศกเศร้า แต่เธอก็ปกปิดมันอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะพูดว่า "ฉันสามารถช่วยคุณทำในเรื่องที่คุณไม่อยากทำได้ ฉันไม่มีข้อห้ามอะไรมากมาย ขอเพียงแค่ช่วยตระกูลฉี๋ได้ ไม่ว่าอะไรฉันก็ทำได้ทั้งนั้น""ผมเป็นเป็นผู้ชายนะ จะขอความช่วยเหลือจากคุณได้ยังไง อีกอย่างที่คุณให้เงินมานั่นก็มากพอแล้ว เรื่องที่เหลือ ผมจะจัดการเอง" หานซานเฉียนกล่าว"เมื่อเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉิน คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัด เพราะคู่ต่อสู้ของคุณก็ไม่มีขีดจำกัดนี้เช่นกัน" ฉี๋อีหยุนกล่าว"แล้วคนทุกคนในโลกจะต้องกลายไปคนเลวกันหมดทุกคนเลยงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่มาตรฐานของตัวเองที่คงที่"
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หานซานเฉียนตื่นขึ้นมา เขาพบว่าฉี๋อีหยุนยังคงนอนขดตัวอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน“ผมนอนหลับสนิทมาก แล้วคุณล่ะ?” หานซานเฉียนถามอย่างจงใจฉี๋อีหยุนมองไปที่หานซานเฉียนอย่างตำหนิ เธอกลัวตลอดทั้งคืน เธอคิดว่าหานซานเฉียนจะออกมาปลอบเธอบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าชายใจแข็งคนนี้จะไม่ปรากฏตัวจริง ๆ มิหนำซ้ำฉี๋อีหยุนยังได้ยินเสียงกรนของเขาอีกด้วย!“คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า” ฉี๋อีหยุนกัดฟันพูด"ผมเป็นผู้ชายหรือเปล่า? มีเพียงหยิงเซี่ยเท่านั้นที่จะได้เห็น สิ่งที่มีค่าแบบนี้จะแสดงให้คุณเห็นง่าย ๆ ได้ยังไง" หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำฉี๋อีหยุนรู้สึกขมขื่นในใจ รอจนเมื่อหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ เธอก็พูดกับหานซานเฉียนเพื่อชดเชยหัวใจที่บอบช้ำว่า "ฉันอยากกินน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋"“ถ้าผมกลับมา ผมจะซื้อมาให้คุณก็แล้วกัน แต่ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็กินของที่เหลือไปก่อนนะ” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดลง ดวงตาที่เศร้าโศกของฉี๋อีหยุนก็เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อน แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเ
ฉีหลานไม่รู้ว่าหานซานเฉียนกำลังพูดถึงใคร และเธอก็ไม่สนใจอะไร วันนี้ที่เธอจงใจมาเร็วกว่าปกติก็เพื่อที่จะขอบคุณหานซานเฉียนสำหรับความช่วยเหลือของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอก็คงไม่ได้พบกับจงเหลียงและแน่นอนว่าแค่อาหารเช้าแทนคำขอบคุณนั้นมันยังไม่เพียงพอ ฉีหลานถามขึ้น "คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอคะ? ถ้าตอนเย็นคุณพอจะมีเวลา มาทานอาหารด้วยกันไหมคะ"หานซานเฉียนส่ายหัว เขาชูน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ในมือแล้วพูดว่า "แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ฉันยังมีอะไรต้องทำ ขอตัวก่อนนะ"หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็หันหลังกลับและจากไปทันที ฉีหลานไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยคำขอบคุณด้วยซ้ำ เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหานซานเฉียน ฉีหลานก็รู้สึกสงสัยมากว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่ายของเขาถึงได้ให้ความรู้สึกที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ และแม้แต่คนอย่างจงเหลียงก็ยังต้องให้เกียรติเขา หรือว่า…!จู่ ๆ ฉีหลานก็เกิดความคิดที่น่าตกใจ อย่างที่ทราบกันดีว่าจงเหลียงเป็นเพียงสมาชิกอาวุโสของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเท่านั้น และเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือเจ้าของบริษัทอสังหาริม
"ถ้าคุณยังต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียนล่ะก็ ผมแนะนำให้คุณยับยั้งตัวเองหน่อย อย่าทำให้หยิงเซี่ยโกรธขึ้นมาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราจะถูกไล่ออกจากบ้าน จนไม่มีแม้แต่ที่อยู่กันแน่" ซู่กั๋วเย่าเตือน“เธอกล้าเหรอ!” เจี่ยงหลานตาเขียวและพูดว่า “เธอเป็นลูกสาวของฉัน คือเศษเนื้อที่ออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะกล้าขับไล่ฉันได้ยังไง และทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อเธอทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้เธอได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ฉันจะต้องมาเสียแรงเสียเวลาแบบนี้เหรอ?”“แต่คุณก็รู้ว่ามันเสียเวลาเปล่า แล้วทำไมยังต้องทำมันอยู่อีก?” ซูกั๋วเย่าไม่เข้าใจความคิดของเจี่ยงหลานถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ซูหยิงเซี่ยก็ยังมั่นคงและชัดเจน แล้วทำไมเจี่ยงหลานถึงไม่ยอมแพ้สักที "สักวันหนึ่งเธอจะต้องขอบคุณฉัน แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ" เจี่ยงหลานกล่าวซูกั๋วเย่าส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ซูหยิงเซี่ยโตแล้ว และเธอก็ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ เธอจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งต่าง ๆ อย่างความรู้สึกนั้นไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล หานซานเฉียนท
“ต้องเพิ่มอีกเท่าไหร่?” เจี่ยงหลานถามเสียงทุ้มชายหัวโล้นยิ้มและพูดว่า "สำหรับคุณ เงินไม่ใช่ปัญหาหรอก การจัดการปัญหาต่างหากเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงไหม?"เจี่ยงหลานเป็นผู้หญิงที่รักเงินเท่าชีวิต เงินเป็นเหมือนเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของเธอ แม้ว่าเธออยากจะฆ่าหานซานเฉียนจริง แต่หากชายหัวโล้นเรียกร้องมากเกินไปเธอก็ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน“อย่าได้คิดรีดไถฉัน หากต้องการจะฆ่าเขา ฉันสามารถหาคนได้ตลอดเวลา ถ้าราคาของนายไม่สมเหตุสมผล ฉันจะหาคนอื่นมาทำแทน” เจี่ยงหลานกล่าวชายหัวโล้นยื่นมือขวาออกมา ก่อนจะกางนิ้วแล้วพูดว่า "ห้าแสน ถ้าคุณไว้ใจคนอื่นจะลองดูก็ได้ แต่ผมสามารถรับรองได้เลยว่า คุณจะไม่สามารถหาคนที่จัดการได้สะอาดเท่ากับพวกเราอีกแล้วในหยุนเฉิง มีเพียงเราเท่านั้นที่จะเก็บความลับได้”ห้าแสน!สำหรับตระกูลซูในปัจจุบัน มันไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจี่ยงหลานที่จะนำเงินจำนวนนี้ออกมาแต่เจี่ยงหลานที่เคยชินกับการต่อราคาผัก เมื่อเจอกับตัวเลขจำนวนมากเช่นนี้จึงต่อราคาออกไปโดยธรรมชาติ"สี่แสน มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว" เจี่ยงหลานกล่าวอย่างหนักแน่นชายหัวโล้นส่ายหัวและพูดว่า "คุณ
"ให้ตายเถอะ ใจฉันมันคันยิบ ๆ ถึงรู้ว่าจะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังอยากจะถามอยู่ดี แกรีบห้ามฉันดิ ทำไงก็ได้ให้ฉันสงบลง" ม่อหยางพูดกับหลินหย่งด้วยท่าทางกระวนกระวายใจหลินหย่งหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ม่อหยางก็เป็นคนแปลกแบบนี้แหละ บางครั้งเขาก็ดูเหมือนเด็ก ซึ่งไม่เข้ากับอายุที่แท้จริงของเขา และไม่หลงเหลือความเป็นพี่ใหญ่เอาซะเลย"ช่างเถอะ แกไม่ต้องห้ามฉันแล้ว วันนี้ไม่ว่าใครก็ขวางฉันไม่ได้" ก่อนที่หลินหย่งจะได้พูดอะไร ม่อหยางก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาหานซานเฉียนม่อหยางเดินไปนั่งบนที่วางแขนของโซฟาที่หานซานเฉียนนั่งอยู่ ก่อนจะวางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่ของหานซานเฉียนแล้วถามว่า "มีข่าวดีอะไร แบ่งปันกับพี่ชายบ้างสิ?"หานซานเฉียนเหล่ตามองม่อหยางแล้วพูดว่า "เกี่ยวอะไรกับนาย"“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี่ฉันกำลังเป็นห่วงนายนะ” ม่อหยางพูดพลางหยิบซองบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้หานซานเฉียนหานซานเฉียนมองม่อหยางอย่างประหลาดใจ ชายปี่เซียะคนนี้ที่เป็นฝ่ายรับเท่านั้น รู้จักกันมาหลายปีให้บุหรี่เขาน้อยจนนับครั้งได้ “อยากรู้จนยอมจ่ายเลยนะนายน่ะ” หานซานเฉียนพูดติดตลกม่อหยางไม่ได้รู้สึกอายอะไร เขาคุ้นเคยกับวิธีนี้มานาน
หลังจากได้ยินคำถามของม่อหยาง หลินหย่งก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อน พี่ใหญ่ทั้งสองกำลังล้อเล่น เขาไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมสงครามนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นหลินหย่งทำได้เพียงก้มหน้าลง และทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น "ม่อหยาง ฉันว่าพักนี้นายไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ" หานซานเฉียนพูด"ซานเฉียน นายไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันไม่ได้เพิ่งจะเป็น แต่เป็นแบบนี้มานานแล้วต่างหาก เพราะงั้นไม่ว่าฉันจะยืมเงินนายหรือไม่ก็ตาม ลืม ๆ มันไปซะ" ม่อหยางกล่าว เมื่อเจอความหน้าด้านของม่อหยาง หานซานเฉียนก็ไม่รู้จะไปต่ออย่างไรแล้ว และเขาก็ไม่เคยคิดที่จะขอให้ม่อหยางคืนเงิน แม้ว่าสองร้อยล้านจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ แต่เงินแค่สองร้อยล้านก็ไม่พอใช้จัดการหานกรุ๊ปได้อยู่ดี เขาดูเวลา ตอนนี้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว หานซานเฉียนพูดขึ้น "ถ้าไม่คืนเงิน ก็เลี้ยงข้าวเที่ยงฉัน คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?""ได้สิ อาหารพนักงาน นายอยากกินเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ เดี๋ยวฉันจะขอให้ป้าในครัวเตรียมข้าวเปล่าเพิ่มให้นายอีกสักสองชาม" ม่อหยางพูดอย่างใจกว้าง“นายนี่มันขี้เหนียวจริง ๆ” หานซานเฉียนกัดฟันพูดณ โรงแรมเพนนินซูล่า
"เท่าที่ผมรู้มา ตงฮ้าวเป็นบอดี้การ์ดของลูกสาวของฉี๋ตงหลิน ในเมื่อตงฮ้าวอยู่ในหยุนเฉิง งั้นก็แสดงว่าฉี๋อีหยุนก็ต้องอยู่ในหยุนเฉิงเช่นกัน ตอนนี้คุณหนูมีโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว คุณหนูสามารถจัดการกับหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนไปพร้อมกันได้ หากเกิดเรื่องอะไรกับฉี๋อีหยุนในหยุนเฉิง ฉี๋ตงหลินจะต้องกระวนกระวายใจแน่นอน” อู๋เฟิงกล่าว"ฉี๋อีหยุน?" หานเหยียนขมวดคิ้วแน่น เธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ดี เธอปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อเธอ และขโมยความโดดเด่นของเธอไป หานเฟิงเองก็เคยหลงใหลเธออย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่ง ถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม แต่หลังจากนั้นฉี๋อีหยุนก็กลับประเทศจีนไป หานเฟิงจึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเธอ และหานเหยียนก็ยังไม่มีโอกาสสั่งสอนฉี๋อีหยุนเช่นกัน"อ้อใช่!" จู่ ๆ หานเหยียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ผู้หญิงที่เข็นรถเข็นครั้งก่อน ฉันก็ว่าทำไมถึงได้คุนหน้าเธอนัก แต่เธอเอาแต่ก้มหน้าฉันเลยเห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง ดูเหมือนว่าเธอจะคือฉี๋อีหยุน หึ กลัวจนหัวหด ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะแสดงหน้าต่อหน้าฉัน"“คุณหนูพูดถูก ผมตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคื