“คุณหาน ถ้าคุณมีอะไรจะมอบหมายงานให้ผม ก็สั่งมาได้เลยครับ” คำเรียกของเหวินเหลียงที่เรียกหานซานเฉียนเปลี่ยนจากน้องชายเป็นคุณ นี่เป็นการแสดงถึงความเคารพและให้เกียรติของเขา บริษัทของเหวินเหลียงมีสาขาอยู่ในเมืองชั้นนำที่สำคัญทั้งหมดในประเทศจีน แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังอยู่ห่างจากชนชั้นสูงที่แท้จริงอยู่พอสมควร และการดำรงอยู่ของตระกูลหานนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่หานซานเฉียนใช้ชื่อเสียงของตระกูลหานเพื่อแอบอ้างบารมีมาใช้ อย่างไรเสีย เรื่องในเมืองหลงชื่อก็ให้ฉือจิงช่วยจัดการได้ แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะคราวนี้แค่ใช้บารมีของตระกูลหานมาข่มขู่อย่างเดียวไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาอยู่ที่เกาะจีเหยียนเพียงลำพัง เขายังสามารถไปเผชิญหน้ากับตระกูลลู่เองได้ แต่เขายังมีซูหยิงเซี่ยอยู่ด้วย เขาจึงต้องคิดหาวิธีอื่นที่รอบคอบมากกว่านี้ “เรื่องของตระกูลลู่ คุณช่วยจัดการให้ผมหน่อยนะ แต่อย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผม ผมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายมากเกินไปครับ” หานซานเฉียนกล่าว “ได้ครับ” เหวินเหลียงกล่าว “สำหรับเรื่องนี้ รอหลังจากผมกลับไปแล้ว ผมจะหาวิธีขอบคุณคุณ
แม้ว่าลู่เฟิงจะเคยเตือนลู่ซุนเอาไว้ว่าห้ามหาเรื่องคนในบริษัทประมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลู่เฟิงกลัวเหวินเหลียง และสถานะของตระกูลลู่บนเกาะจีเหยียนจะไม่มีใครดูหมินได้ แต่หากว่าเหวินเหลียงเอนเอียงไปทางคนอื่นจริง ๆ นี่ก็เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าตระกูลลู่ ความหมายของเรื่องทั้งหมดก็จะแปรเปลี่ยนไป“เหวินเหลียงก็อยู่ที่เกาะจีเหยียน?” ลู่เฟิงถาม “ผมได้ยินหลิวจางว่าอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก คุณปู่ ทำไมปู่ถึงกลัวเหวินเหลียงล่ะครับ?” ลู่ซุนถามอย่างสงสัย “กลัว?” ลู่เฟิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม และพูดว่า “ฉันจะไปกลัวหมอนั่นได้ยังไง ฉันกับเขาก็แค่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้นเอง ในเกาะจีเหยียนนี้ไม่ไม่ใครคู่ควรที่จะมาทำให้ตระกูลลู่ของเรากลัวทั้งนั้น” “คุณปู่ ปุ่ไม่กลัวที่จะไว้หน้าเขามากเกินไป จนเขาไม่สนใจเราเหรอ?” ลู่ซุนกล่าวยุยง ลู่เฟิงกัดฟันอย่างโมโห ความตั้งใจเดิมของเขาคือเขาไม่ได้จะยุ่งเรื่องนี้ เพื่อให้ลู่ซุนได้รู้สึกเสียเปรียบและได้รับบทเรียนเสียบ้าง เพื่อที่ในอนาคตเขาจะสามารถทำงานได้อย่างสงบมากขึ้น แต่ตอนนี้เหวินเหลียงมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เกาะจีเหยียนเป็นของ
คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยทำให้หยางเฉินหายใจเข้าลึกอย่างจริงจัง ความคุ้นเคยของเขาที่มีต่อเกาะจีเหยียน แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับเถ้าแก่เนี้ยที่เป็นคนในพื้นที่มาแต่กำเนิด เธอพูดเช่นนั้น โอกาสที่หานซานเฉียนจะสามารถจัดการกับตระกูลลู่ได้มีน้อยมาก แต่ลางสังหรณ์ของหยางเฉินบอกเขาว่า เขาควรจะอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นบางทีอาจพลาดโอกาสใหญ่ “คุณก็คิดว่าผมควรไปเหรอครับ?” หยางเฉินถาม“ไร้สาระ ยังมีอะไรต้องลังเลอีกเหรอคะ” เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างไม่ลังเล มองหยางเฉินด้วยความอยากรู้ทันที หลังจากนั้นก็ถามว่า “ทำไมคุณไม่ยอมไป หรือว่าคุณอยากถือโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ติตตัวไปงั้นเหรอ?” หยางเฉินส่ายศรีษะ การแสวงหาผลประโยชน์นั้นเขาไม่เคยคิด แต่เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของตัวเอง บางทีอาจสามารถใช้โอกาสในครั้งนี้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหานซานเฉียน ถ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาสามารถกลายเป็นลูกน้องของหานซานเฉียน และช่วยเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ บางทีการใช้ชีวิตที่คาดหวังก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ได้“คุณคิดว่าผมชอบการถ่ายรูปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นแค่การใช้ชีวิตที่บีบบังคับ ถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว
การซักไซ้ทำให้เถ้าแก่เนี้ยไปต่อไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอเองมั่นใจว่าเป็นแบบนี้ ทั้งตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าหานซานเฉียนไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ ไม่แน่ว่าเธอดูถูกหานซานเฉียนเกินไปจริง ๆ“แต่ที่นี่คือเป็นเกาะจีเหยียนนะ” เถ้าแก่เนี้ยพูด “บางทีสำหรับคนอย่างเขาที่ไม่เคยพูดเลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้างูตัวนี้ คืองูดินทั้งหมดที่มีในฮวาเซี่ยล่ะ?” หยางเฉินพูด เถ้าแก่เนี้ยที่ได้ยินคำพูดนั้นทั้งหมด เธอก็ก็กรอกตาอย่างช่วยไม่ได้ เธอยอมรับว่าหานซานเฉียนเก่ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเก่งจนเหลือเชื่อหรอกนะ“คุณน่ะ อยากเลื่อนตำแหน่งพรวดพราดจริง ๆ คิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว เขาต้องเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในระดับสูงจริง ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่คุณจะรู้จักได้ง่ายขนาดนั้น”“ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็น ผมก็ตัดสินใจอยู่ต่อ อย่างน้อยนี่ก็เป็นโอกาสหนึ่ง ผมไม่อยากลืมตามาเห็นการใช้ชีวิตในอนาคตทุกวันอีก” หยางเฉินกล่าวความคิดของหยางเฉินเป็นแบบนี้ ปรากฎการณ์ทั่วไปในสังคม เป็นชีวิตที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน มองอนาคต เห็นชีวิตที่สงบสุข ชีวิตธรรมดาที่ไม่มีขึ้นมีลง พูดไม่ได้ว่าสุขสบาย แต่ความเงียบสงบทำให้คนจืดชืดไม่มีชีวิตชีวา “คุณต้องการอ
“คุณลู่ เขาไม่ได้ชนะการประมูลมา คุณมาหาผมให้ผมอธิบาย นี่มันเป็นการรังแกคนเกินไปหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณยังไม่เข้าใจกฎของการประมูล ใครให้ราคาที่สูงคนนั้นก็ได้ไป นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล คุณจะให้ผมอธิบายอะไรครับ?” เหวินเหลียงพูดอย่างไม่พอใจ“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยเด็กที่ไร้ชื่อเสียงคนนั้น หลานของผมจะแย่งมาไม่ได้ได้อย่างไร” ลู่เฟิงน้ำเสียงเย็นชา เหวินเหลียงส่ายหัวอย่างจนใจ แล้วพูดว่า “สามร้อยล้านเป็นเงินสด เขาเป็นคนจ่ายเอง ผมจะช่วยเขาได้อย่างไร? คุณคิดว่าผมจ่ายเงินเองเหรอ ผมจ่ายสามร้อยล้านซื้อของที่ผมประมูลเองเอาไว้ คุณลู่ เรื่องนี้มีความหมายกับผมหรือไม่?” “เหวินเหลียง อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณคิดจะทำอะไร ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว อยากต่อต้านตระกูลลู่ของผมใช่ไหม บริษัทของคุณเป็นตระกูลลู่ผมที่ประคองขึ้นมา ผมลู่เฟิงต้องการทำลายคุณ คุณจะสามารถทำอะไรได้?” ลู่เฟิงพูด “ลู่เฟิง ฟังคำเตือนที่หวังดีสักคำ เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตระกูลลู่ หากยังยืนกรานที่จะจริงจัง ก็สายเกินไปที่จะเสียใจในภายหลัง” เหวินเหลียงพูด คำพูดนี้ทำให้ลู่เฟิงโกรธจนตัวสั่น ในเกาะจีเหยียนแห่งนี้ แ
“ผมจะได้อะไร?” เหวินเหลียงถาม “ความชื่นชมของหานจุน เขามีคุณสมบัติที่จะรับมรดกตระกูลหานมากกว่าหานซานเฉียนคนไร้ค่าคนนี้ เสาหลักของตระกูลหานในอนาคต แน่นอนว่าต้องเป็นหานจุน ไม่ใช่เจ้าคนไร้ค่านั่น” หานจุนติดคุก แต่สถานะของเขาในตระกูลหาน แน่นอนว่าสูงกว่าหานซานเฉียน นี่ทำให้เหวินเหลียงตกลงไปสู่สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การเลือกยืนทางฝั่งนี้ พอไม่ระมัดระวังหน่อย ก็จะไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่เลย“ถ้าคุณไม่ยอม ในอีกสองวันผมจะทำให้คุณเห็นความสามารถของผม หานซานเฉียนก็ช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ” คนในปลายสายขู่ “ได้” เมื่อคิดอยู่นาน เหวินเหลียงก็ตอบตกลงไป หานซานเฉียนสำหรับเขาแล้ว เท่ากับลงทุนแค่ครั้งเดียว ผลประโยชน์จะเห็นก็ต่อเมื่อหานซานเฉียนมีชื่อเสียง แต่คนที่โทรมาสามารถจัดการกับบริษัทของเขาได้ทันที ถ้าบริษัทหายไป จะมีประโยชน์อะไรในการลงทุน? ดังนั้นเหวินเหลียงจึงต้องตอบตกลงเขาไป “คุณเป็นคนฉลาด ในอนาคตคุณจะได้รู้ว่าการเลือกของคุณฉลาดแค่ไหน” คนปลายสายหัวเราะ หลังจากวางสายโทรศัพท์ เหวินเหลียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขานึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ คนที่โทรศัพท์มา
“คุณหานครับ ผมนัดกับตระกูลลู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ตอนกลางคืนคุณว่างไหมครับ ผมจะพาคุณไปเจอลู่ซุนครับ” ตอนที่หานซานเฉียนกำลังถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอยู่ เขาได้รับสายของเหวินเหลียง สำหรับข้อเสนอของเหวินเหลียง เขาจึงตอบตกลงไป เพราะอยากเที่ยวพักผ่อนที่เกาะจีเหยียนอย่างสบายใจ เรื่องนี้จำเป็นต้องไปแก้ไข เหวินเหลียงเห็นหานซานเฉียนตอบตกลง ในใจก็โล่งอกไปที แต่หลังจากวางสายไป มือกลับสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สำหรับเขา นี่เป็นก้าวแรกของการทรยศหานซานเฉียน หลังจากเดินออกไปจากจุดนี้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาไม่อาจคาดการณ์ได้เลย ดังนั้นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่ไม่รู้ ในใจเหวินเหลียงรู้สึกกลัวเล็กน้อยผู้นำตระกูลคนนี้สามารถบังคับให้หนานกงเชียนชิวตายได้ วิธีการของเขาไม่เหมือนคนธรรมดา แต่คนในความลับนั้นเห็นเขาเป็นคนไร้ค่า จุดนี้เองเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจเกี่ยวกับหานซานเฉียน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบริษัทของตัวเองที่ได้รับการขู่ เหวินเหลียงกลับต้องทำอย่างนี้“อย่าโทษผมนะ ผมไม่มีโอกาสเลือก” เหวินเหลียงพูดด้วยสีหน้าทอดถอนใจ หลังจากถ่ายรูปสุดท้ายเสร็จ การถ่ายพรีเวดดิ้งอีกครั้งถือว่าประสบความสำเร็จ
ได้ยินคำพูดของหานซานเฉียน ภายในใจของซูหยิงเซี่ยก็เกิดความประทับใจ แล้วจึงพูดว่า “คุณเห็นฉันเป็นคนในครอบครัวมาตั้งนานแล้ว แต่ฉันกลับไม่สนใจคุณมาโดยตลอด คุณคงไม่โทษฉันนะคะ”“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้วครับ” หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วพูดว่า “การที่ผมแต่งเข้ามา นำพาความเจ็บปวดมาให้คุณมากมาย คุณไม่เคยพูดไล่ผมสักคำ เพียงแค่นั้นผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้วครับ”แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ภายในใจของซูหยิงเซี่ยก็ยังคงรู้สึกผิดต่อหานซานเฉียน โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ท่าทีของเจี่ยงหลานที่ปฎิบัติต่อหานซานเฉียนมาทั้งหมดนั้น ก็คือแม่ยายใจร้าย ความอัปยศอดสูเช่นนี้ แม้แต่ตัวซูหยิงเซี่ยเองบางครั้งก็ทนไม่ไหว“ความเจ็บปวดของพวกเราสองคน ไม่มีใครมากน้อยไปกว่าใคร สามารถเดินมาถึงวันนี้ได้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ” ซูหยิงเซี่ยทอดถอนใจหานซานเฉียนพยักหน้าเห็นด้วย ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว และแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย แต่น่าเสียดายตอนนี้ยังไม่ถึงตอนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจริง ๆ ถ้าไม่มีเรื่องของหานเทียนหยางเข้ามา หลังจากที่หานซานเฉียนสามารถที่จะแทนที่ตระกูลหาน บางทีก็อาจจะใช้ชีวิตเสพสุขกับซูหยิงเซี่ย แต่ตอนนี้ชีวิตของเขาเห็นไ