“ฉันหวังว่าเขาจะเลิกต่อกรกับลู่ซุน ถ้าเขาประมูลสร้อยคอเส้นนี้ไปได้ เขาอาจจะตายได้” หยางเฉินกล่าว อีกด้านหนึ่ง หม่าเยี่ยนและพานหยุนหยุนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ราคา 200 ล้านหยวน ทำให้หม่าเยี่ยนตกใจจนแทบแย่ “เขาเป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินจริง ๆ เหรอ?” พานหยุนหยุนกล่าวอย่างสงสัย ถ้าเป็นแค่พวกที่ชอบเกาะผู้หญิงกิน ทำไมถึงได้ใช้เงินจำนวนมากในการประมูลสร้อยคอ และท่าทางที่เชื่อฟังของซูหยิงเซี่ยนั่นอีก ลำดับความสำคัญแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า เธอเชื่อฟังหานซานเฉียนหม่าเยี่ยนกัดฟันด้วยความโมโห เขาทำใจยอมรับได้เพียงแค่ว่าหานซานเฉียนเป็นแค่แมงดา เพราะเขาแสดงความมั่นใจต่อหน้าหานซานเฉียนไปอย่างอวดดี และพูดดูถูกหานซานเฉียนไปตั้งเยอะ หากว่าเขายอมรับว่าหานซานเฉียนมีอำนาจ นั่นไม่เท่ากับว่าเขาหน้าแตกอย่างนั้นเหรอ?“แม้ว่าเขาจะสามารถประมูลสร้อยคอไปได้ แต่คุณไม่ได้ยินหรือไงว่าคนพวกนี้พูดว่าอะไร ผู้ชายคนนี้ชื่อลู่ซุน เป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะจีเหยียน ถ้าหานซานเฉียนนั้นโง่เง่าจนไปทำให้เขาขุ่นเคืองจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร?หม่าเยี่ยนกล่าวพานหยุนหยุนพยักหน้า ดั่งคำพังเพยที่กล่าวไว้ว่า มังกรที่
เมื่อลู่ซุนมีท่าทีสงสัยในเรื่องนี้ คนอื่นๆ ในห้องประมูลนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน “ผู้ชายคนนี้คงจะไม่มาพูดเล่น ๆ หรอกนะ” “ก็เป็นไปได้ เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของเขาแล้ว เขาดูไม่เหมือนเศรษฐีเลย เขาจะเสนอราคาสร้อยคอสูงถึง 300 ล้าน ได้อย่างไร” “น่าสนใจนะ ชายหนุ่มคนนี้คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก คิดว่าที่นี่เป็นที่ที่เขาสามารถพูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้เช่นนั้นเหรอ?” “บ้าเอ้ย ถ้าเขานั้นไร้ศักยภาพจริง ๆ ฉันนี่ขายหน้าแทนเขาเลย”สภาพจิตใจของกลุ่มคนมีความคิดที่จะรอดูการแสดงดี ๆ รวมถึงหม่าเยี่ยน และพานหยุนหยุนนั้นก็มีความสุขมากขึ้น ถ้าหานซานเฉียนแค่ขี้โม้จริง เขาจะมีความสุขมาก ที่เขาถูกเปิดโปงเรื่องขี้โม้ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ และเขาก็จะมีโอกาสหัวเราเยาะหานซานเฉียน แต่โอกาสแบบนี้มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่ตกไปอยู่ในมือของหม่าเยี่ยน ทรัพย์สินของหานซานเฉียนได้รับการตรวจสอบมาก่อน และได้รับการยืนยันโดยผู้รับผิดชอบอย่างหลิวจาง สิ่งนี้จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร? “หลิวจางล่ะ ให้หลิวจางมาพบฉัน” ลู่ซุนโวยวาย หลิวจางออกมาจากหลังเวที เขาเป็นคนเดียวบนเกาะจีเหยียนที่ไม่กลัวลู่ซุน เพราะนายใหญ่ที่อยู่เบื้
“หานซานเฉียน ลู่ซุนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คุณควรออกจากเกาะจีเหยียนโดยเร็วที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นเขาต้องมาก่อความวุ่นวายให้คุณแน่นอน” เถ้าแก่เนี้ยแทบจะรอไม่ไหวที่จะบอกหานซานเฉียน หยางเฉินพยักหน้า และกล่าวว่า “คุณอาจไม่รู้จักชื่อเสียงของลู่ซุนบนเกาะจีเหยียน เขาเป็นคนหยิ่งผยอง หลังจากที่คุณไปทำให้เขาอาฆาตแล้ว เขาต้องหาวิธีมาจัดการคุณอย่างแน่นอน” หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมมีทางออก ถ้าพวกคุณกลัวที่จะเข้ามาเกี่ยวพันด้วย พวกคุณไปก่อนก็ได้” หยางเฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย หรือพูดได้ว่า ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่บนเกาะจีเหยียน แต่เขาไม่สนใจลู่ซุนเลยแม้แต่น้อย?บุคคลนี้มีสถานะแบบไหนกันแน่ และเหตุใดความเงียบสงบของเขานั้น ถึงได้ทำให้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ตกลง” หยางเฉินพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะพาซูหยิงเซี่ยกลับไปที่โรงแรมก่อน คุณเองก็ระวังตัวด้วย” ในสำนักงานของประธาน เมื่อหลิวจางพาหานซานเฉียนมาถึงตรงประตู หลิวจางก็เปิดประตูให้หานซานเฉียนและพูดว่า “คุณหาน เจ้านายรออยู่ด้านในครับ”หานซานเฉียนพยักหน้า และมุ่งตรงเข้าไปในห้อง สำนักงานมีขนา
“คุณหาน ถ้าคุณมีอะไรจะมอบหมายงานให้ผม ก็สั่งมาได้เลยครับ” คำเรียกของเหวินเหลียงที่เรียกหานซานเฉียนเปลี่ยนจากน้องชายเป็นคุณ นี่เป็นการแสดงถึงความเคารพและให้เกียรติของเขา บริษัทของเหวินเหลียงมีสาขาอยู่ในเมืองชั้นนำที่สำคัญทั้งหมดในประเทศจีน แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังอยู่ห่างจากชนชั้นสูงที่แท้จริงอยู่พอสมควร และการดำรงอยู่ของตระกูลหานนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่หานซานเฉียนใช้ชื่อเสียงของตระกูลหานเพื่อแอบอ้างบารมีมาใช้ อย่างไรเสีย เรื่องในเมืองหลงชื่อก็ให้ฉือจิงช่วยจัดการได้ แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะคราวนี้แค่ใช้บารมีของตระกูลหานมาข่มขู่อย่างเดียวไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาอยู่ที่เกาะจีเหยียนเพียงลำพัง เขายังสามารถไปเผชิญหน้ากับตระกูลลู่เองได้ แต่เขายังมีซูหยิงเซี่ยอยู่ด้วย เขาจึงต้องคิดหาวิธีอื่นที่รอบคอบมากกว่านี้ “เรื่องของตระกูลลู่ คุณช่วยจัดการให้ผมหน่อยนะ แต่อย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผม ผมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายมากเกินไปครับ” หานซานเฉียนกล่าว “ได้ครับ” เหวินเหลียงกล่าว “สำหรับเรื่องนี้ รอหลังจากผมกลับไปแล้ว ผมจะหาวิธีขอบคุณคุณ
แม้ว่าลู่เฟิงจะเคยเตือนลู่ซุนเอาไว้ว่าห้ามหาเรื่องคนในบริษัทประมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลู่เฟิงกลัวเหวินเหลียง และสถานะของตระกูลลู่บนเกาะจีเหยียนจะไม่มีใครดูหมินได้ แต่หากว่าเหวินเหลียงเอนเอียงไปทางคนอื่นจริง ๆ นี่ก็เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าตระกูลลู่ ความหมายของเรื่องทั้งหมดก็จะแปรเปลี่ยนไป“เหวินเหลียงก็อยู่ที่เกาะจีเหยียน?” ลู่เฟิงถาม “ผมได้ยินหลิวจางว่าอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก คุณปู่ ทำไมปู่ถึงกลัวเหวินเหลียงล่ะครับ?” ลู่ซุนถามอย่างสงสัย “กลัว?” ลู่เฟิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม และพูดว่า “ฉันจะไปกลัวหมอนั่นได้ยังไง ฉันกับเขาก็แค่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้นเอง ในเกาะจีเหยียนนี้ไม่ไม่ใครคู่ควรที่จะมาทำให้ตระกูลลู่ของเรากลัวทั้งนั้น” “คุณปู่ ปุ่ไม่กลัวที่จะไว้หน้าเขามากเกินไป จนเขาไม่สนใจเราเหรอ?” ลู่ซุนกล่าวยุยง ลู่เฟิงกัดฟันอย่างโมโห ความตั้งใจเดิมของเขาคือเขาไม่ได้จะยุ่งเรื่องนี้ เพื่อให้ลู่ซุนได้รู้สึกเสียเปรียบและได้รับบทเรียนเสียบ้าง เพื่อที่ในอนาคตเขาจะสามารถทำงานได้อย่างสงบมากขึ้น แต่ตอนนี้เหวินเหลียงมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เกาะจีเหยียนเป็นของ
คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยทำให้หยางเฉินหายใจเข้าลึกอย่างจริงจัง ความคุ้นเคยของเขาที่มีต่อเกาะจีเหยียน แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับเถ้าแก่เนี้ยที่เป็นคนในพื้นที่มาแต่กำเนิด เธอพูดเช่นนั้น โอกาสที่หานซานเฉียนจะสามารถจัดการกับตระกูลลู่ได้มีน้อยมาก แต่ลางสังหรณ์ของหยางเฉินบอกเขาว่า เขาควรจะอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นบางทีอาจพลาดโอกาสใหญ่ “คุณก็คิดว่าผมควรไปเหรอครับ?” หยางเฉินถาม“ไร้สาระ ยังมีอะไรต้องลังเลอีกเหรอคะ” เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างไม่ลังเล มองหยางเฉินด้วยความอยากรู้ทันที หลังจากนั้นก็ถามว่า “ทำไมคุณไม่ยอมไป หรือว่าคุณอยากถือโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ติตตัวไปงั้นเหรอ?” หยางเฉินส่ายศรีษะ การแสวงหาผลประโยชน์นั้นเขาไม่เคยคิด แต่เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของตัวเอง บางทีอาจสามารถใช้โอกาสในครั้งนี้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหานซานเฉียน ถ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาสามารถกลายเป็นลูกน้องของหานซานเฉียน และช่วยเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ บางทีการใช้ชีวิตที่คาดหวังก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ได้“คุณคิดว่าผมชอบการถ่ายรูปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นแค่การใช้ชีวิตที่บีบบังคับ ถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว
การซักไซ้ทำให้เถ้าแก่เนี้ยไปต่อไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอเองมั่นใจว่าเป็นแบบนี้ ทั้งตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าหานซานเฉียนไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ ไม่แน่ว่าเธอดูถูกหานซานเฉียนเกินไปจริง ๆ“แต่ที่นี่คือเป็นเกาะจีเหยียนนะ” เถ้าแก่เนี้ยพูด “บางทีสำหรับคนอย่างเขาที่ไม่เคยพูดเลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้างูตัวนี้ คืองูดินทั้งหมดที่มีในฮวาเซี่ยล่ะ?” หยางเฉินพูด เถ้าแก่เนี้ยที่ได้ยินคำพูดนั้นทั้งหมด เธอก็ก็กรอกตาอย่างช่วยไม่ได้ เธอยอมรับว่าหานซานเฉียนเก่ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเก่งจนเหลือเชื่อหรอกนะ“คุณน่ะ อยากเลื่อนตำแหน่งพรวดพราดจริง ๆ คิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว เขาต้องเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในระดับสูงจริง ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่คุณจะรู้จักได้ง่ายขนาดนั้น”“ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็น ผมก็ตัดสินใจอยู่ต่อ อย่างน้อยนี่ก็เป็นโอกาสหนึ่ง ผมไม่อยากลืมตามาเห็นการใช้ชีวิตในอนาคตทุกวันอีก” หยางเฉินกล่าวความคิดของหยางเฉินเป็นแบบนี้ ปรากฎการณ์ทั่วไปในสังคม เป็นชีวิตที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน มองอนาคต เห็นชีวิตที่สงบสุข ชีวิตธรรมดาที่ไม่มีขึ้นมีลง พูดไม่ได้ว่าสุขสบาย แต่ความเงียบสงบทำให้คนจืดชืดไม่มีชีวิตชีวา “คุณต้องการอ
“คุณลู่ เขาไม่ได้ชนะการประมูลมา คุณมาหาผมให้ผมอธิบาย นี่มันเป็นการรังแกคนเกินไปหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณยังไม่เข้าใจกฎของการประมูล ใครให้ราคาที่สูงคนนั้นก็ได้ไป นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล คุณจะให้ผมอธิบายอะไรครับ?” เหวินเหลียงพูดอย่างไม่พอใจ“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยเด็กที่ไร้ชื่อเสียงคนนั้น หลานของผมจะแย่งมาไม่ได้ได้อย่างไร” ลู่เฟิงน้ำเสียงเย็นชา เหวินเหลียงส่ายหัวอย่างจนใจ แล้วพูดว่า “สามร้อยล้านเป็นเงินสด เขาเป็นคนจ่ายเอง ผมจะช่วยเขาได้อย่างไร? คุณคิดว่าผมจ่ายเงินเองเหรอ ผมจ่ายสามร้อยล้านซื้อของที่ผมประมูลเองเอาไว้ คุณลู่ เรื่องนี้มีความหมายกับผมหรือไม่?” “เหวินเหลียง อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณคิดจะทำอะไร ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว อยากต่อต้านตระกูลลู่ของผมใช่ไหม บริษัทของคุณเป็นตระกูลลู่ผมที่ประคองขึ้นมา ผมลู่เฟิงต้องการทำลายคุณ คุณจะสามารถทำอะไรได้?” ลู่เฟิงพูด “ลู่เฟิง ฟังคำเตือนที่หวังดีสักคำ เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตระกูลลู่ หากยังยืนกรานที่จะจริงจัง ก็สายเกินไปที่จะเสียใจในภายหลัง” เหวินเหลียงพูด คำพูดนี้ทำให้ลู่เฟิงโกรธจนตัวสั่น ในเกาะจีเหยียนแห่งนี้ แ