“ฉันหวังว่าเขาจะเลิกต่อกรกับลู่ซุน ถ้าเขาประมูลสร้อยคอเส้นนี้ไปได้ เขาอาจจะตายได้” หยางเฉินกล่าว อีกด้านหนึ่ง หม่าเยี่ยนและพานหยุนหยุนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ราคา 200 ล้านหยวน ทำให้หม่าเยี่ยนตกใจจนแทบแย่ “เขาเป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินจริง ๆ เหรอ?” พานหยุนหยุนกล่าวอย่างสงสัย ถ้าเป็นแค่พวกที่ชอบเกาะผู้หญิงกิน ทำไมถึงได้ใช้เงินจำนวนมากในการประมูลสร้อยคอ และท่าทางที่เชื่อฟังของซูหยิงเซี่ยนั่นอีก ลำดับความสำคัญแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า เธอเชื่อฟังหานซานเฉียนหม่าเยี่ยนกัดฟันด้วยความโมโห เขาทำใจยอมรับได้เพียงแค่ว่าหานซานเฉียนเป็นแค่แมงดา เพราะเขาแสดงความมั่นใจต่อหน้าหานซานเฉียนไปอย่างอวดดี และพูดดูถูกหานซานเฉียนไปตั้งเยอะ หากว่าเขายอมรับว่าหานซานเฉียนมีอำนาจ นั่นไม่เท่ากับว่าเขาหน้าแตกอย่างนั้นเหรอ?“แม้ว่าเขาจะสามารถประมูลสร้อยคอไปได้ แต่คุณไม่ได้ยินหรือไงว่าคนพวกนี้พูดว่าอะไร ผู้ชายคนนี้ชื่อลู่ซุน เป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะจีเหยียน ถ้าหานซานเฉียนนั้นโง่เง่าจนไปทำให้เขาขุ่นเคืองจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร?หม่าเยี่ยนกล่าวพานหยุนหยุนพยักหน้า ดั่งคำพังเพยที่กล่าวไว้ว่า มังกรที่
เมื่อลู่ซุนมีท่าทีสงสัยในเรื่องนี้ คนอื่นๆ ในห้องประมูลนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน “ผู้ชายคนนี้คงจะไม่มาพูดเล่น ๆ หรอกนะ” “ก็เป็นไปได้ เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของเขาแล้ว เขาดูไม่เหมือนเศรษฐีเลย เขาจะเสนอราคาสร้อยคอสูงถึง 300 ล้าน ได้อย่างไร” “น่าสนใจนะ ชายหนุ่มคนนี้คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก คิดว่าที่นี่เป็นที่ที่เขาสามารถพูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้เช่นนั้นเหรอ?” “บ้าเอ้ย ถ้าเขานั้นไร้ศักยภาพจริง ๆ ฉันนี่ขายหน้าแทนเขาเลย”สภาพจิตใจของกลุ่มคนมีความคิดที่จะรอดูการแสดงดี ๆ รวมถึงหม่าเยี่ยน และพานหยุนหยุนนั้นก็มีความสุขมากขึ้น ถ้าหานซานเฉียนแค่ขี้โม้จริง เขาจะมีความสุขมาก ที่เขาถูกเปิดโปงเรื่องขี้โม้ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ และเขาก็จะมีโอกาสหัวเราเยาะหานซานเฉียน แต่โอกาสแบบนี้มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่ตกไปอยู่ในมือของหม่าเยี่ยน ทรัพย์สินของหานซานเฉียนได้รับการตรวจสอบมาก่อน และได้รับการยืนยันโดยผู้รับผิดชอบอย่างหลิวจาง สิ่งนี้จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร? “หลิวจางล่ะ ให้หลิวจางมาพบฉัน” ลู่ซุนโวยวาย หลิวจางออกมาจากหลังเวที เขาเป็นคนเดียวบนเกาะจีเหยียนที่ไม่กลัวลู่ซุน เพราะนายใหญ่ที่อยู่เบื้
“หานซานเฉียน ลู่ซุนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คุณควรออกจากเกาะจีเหยียนโดยเร็วที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นเขาต้องมาก่อความวุ่นวายให้คุณแน่นอน” เถ้าแก่เนี้ยแทบจะรอไม่ไหวที่จะบอกหานซานเฉียน หยางเฉินพยักหน้า และกล่าวว่า “คุณอาจไม่รู้จักชื่อเสียงของลู่ซุนบนเกาะจีเหยียน เขาเป็นคนหยิ่งผยอง หลังจากที่คุณไปทำให้เขาอาฆาตแล้ว เขาต้องหาวิธีมาจัดการคุณอย่างแน่นอน” หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมมีทางออก ถ้าพวกคุณกลัวที่จะเข้ามาเกี่ยวพันด้วย พวกคุณไปก่อนก็ได้” หยางเฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย หรือพูดได้ว่า ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่บนเกาะจีเหยียน แต่เขาไม่สนใจลู่ซุนเลยแม้แต่น้อย?บุคคลนี้มีสถานะแบบไหนกันแน่ และเหตุใดความเงียบสงบของเขานั้น ถึงได้ทำให้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ตกลง” หยางเฉินพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะพาซูหยิงเซี่ยกลับไปที่โรงแรมก่อน คุณเองก็ระวังตัวด้วย” ในสำนักงานของประธาน เมื่อหลิวจางพาหานซานเฉียนมาถึงตรงประตู หลิวจางก็เปิดประตูให้หานซานเฉียนและพูดว่า “คุณหาน เจ้านายรออยู่ด้านในครับ”หานซานเฉียนพยักหน้า และมุ่งตรงเข้าไปในห้อง สำนักงานมีขนา
“คุณหาน ถ้าคุณมีอะไรจะมอบหมายงานให้ผม ก็สั่งมาได้เลยครับ” คำเรียกของเหวินเหลียงที่เรียกหานซานเฉียนเปลี่ยนจากน้องชายเป็นคุณ นี่เป็นการแสดงถึงความเคารพและให้เกียรติของเขา บริษัทของเหวินเหลียงมีสาขาอยู่ในเมืองชั้นนำที่สำคัญทั้งหมดในประเทศจีน แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังอยู่ห่างจากชนชั้นสูงที่แท้จริงอยู่พอสมควร และการดำรงอยู่ของตระกูลหานนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่หานซานเฉียนใช้ชื่อเสียงของตระกูลหานเพื่อแอบอ้างบารมีมาใช้ อย่างไรเสีย เรื่องในเมืองหลงชื่อก็ให้ฉือจิงช่วยจัดการได้ แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะคราวนี้แค่ใช้บารมีของตระกูลหานมาข่มขู่อย่างเดียวไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาอยู่ที่เกาะจีเหยียนเพียงลำพัง เขายังสามารถไปเผชิญหน้ากับตระกูลลู่เองได้ แต่เขายังมีซูหยิงเซี่ยอยู่ด้วย เขาจึงต้องคิดหาวิธีอื่นที่รอบคอบมากกว่านี้ “เรื่องของตระกูลลู่ คุณช่วยจัดการให้ผมหน่อยนะ แต่อย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผม ผมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายมากเกินไปครับ” หานซานเฉียนกล่าว “ได้ครับ” เหวินเหลียงกล่าว “สำหรับเรื่องนี้ รอหลังจากผมกลับไปแล้ว ผมจะหาวิธีขอบคุณคุณ
แม้ว่าลู่เฟิงจะเคยเตือนลู่ซุนเอาไว้ว่าห้ามหาเรื่องคนในบริษัทประมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลู่เฟิงกลัวเหวินเหลียง และสถานะของตระกูลลู่บนเกาะจีเหยียนจะไม่มีใครดูหมินได้ แต่หากว่าเหวินเหลียงเอนเอียงไปทางคนอื่นจริง ๆ นี่ก็เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าตระกูลลู่ ความหมายของเรื่องทั้งหมดก็จะแปรเปลี่ยนไป“เหวินเหลียงก็อยู่ที่เกาะจีเหยียน?” ลู่เฟิงถาม “ผมได้ยินหลิวจางว่าอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก คุณปู่ ทำไมปู่ถึงกลัวเหวินเหลียงล่ะครับ?” ลู่ซุนถามอย่างสงสัย “กลัว?” ลู่เฟิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม และพูดว่า “ฉันจะไปกลัวหมอนั่นได้ยังไง ฉันกับเขาก็แค่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้นเอง ในเกาะจีเหยียนนี้ไม่ไม่ใครคู่ควรที่จะมาทำให้ตระกูลลู่ของเรากลัวทั้งนั้น” “คุณปู่ ปุ่ไม่กลัวที่จะไว้หน้าเขามากเกินไป จนเขาไม่สนใจเราเหรอ?” ลู่ซุนกล่าวยุยง ลู่เฟิงกัดฟันอย่างโมโห ความตั้งใจเดิมของเขาคือเขาไม่ได้จะยุ่งเรื่องนี้ เพื่อให้ลู่ซุนได้รู้สึกเสียเปรียบและได้รับบทเรียนเสียบ้าง เพื่อที่ในอนาคตเขาจะสามารถทำงานได้อย่างสงบมากขึ้น แต่ตอนนี้เหวินเหลียงมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เกาะจีเหยียนเป็นของ
คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยทำให้หยางเฉินหายใจเข้าลึกอย่างจริงจัง ความคุ้นเคยของเขาที่มีต่อเกาะจีเหยียน แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับเถ้าแก่เนี้ยที่เป็นคนในพื้นที่มาแต่กำเนิด เธอพูดเช่นนั้น โอกาสที่หานซานเฉียนจะสามารถจัดการกับตระกูลลู่ได้มีน้อยมาก แต่ลางสังหรณ์ของหยางเฉินบอกเขาว่า เขาควรจะอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นบางทีอาจพลาดโอกาสใหญ่ “คุณก็คิดว่าผมควรไปเหรอครับ?” หยางเฉินถาม“ไร้สาระ ยังมีอะไรต้องลังเลอีกเหรอคะ” เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างไม่ลังเล มองหยางเฉินด้วยความอยากรู้ทันที หลังจากนั้นก็ถามว่า “ทำไมคุณไม่ยอมไป หรือว่าคุณอยากถือโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ติตตัวไปงั้นเหรอ?” หยางเฉินส่ายศรีษะ การแสวงหาผลประโยชน์นั้นเขาไม่เคยคิด แต่เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของตัวเอง บางทีอาจสามารถใช้โอกาสในครั้งนี้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหานซานเฉียน ถ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาสามารถกลายเป็นลูกน้องของหานซานเฉียน และช่วยเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ บางทีการใช้ชีวิตที่คาดหวังก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ได้“คุณคิดว่าผมชอบการถ่ายรูปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นแค่การใช้ชีวิตที่บีบบังคับ ถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว
การซักไซ้ทำให้เถ้าแก่เนี้ยไปต่อไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอเองมั่นใจว่าเป็นแบบนี้ ทั้งตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าหานซานเฉียนไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ ไม่แน่ว่าเธอดูถูกหานซานเฉียนเกินไปจริง ๆ“แต่ที่นี่คือเป็นเกาะจีเหยียนนะ” เถ้าแก่เนี้ยพูด “บางทีสำหรับคนอย่างเขาที่ไม่เคยพูดเลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้างูตัวนี้ คืองูดินทั้งหมดที่มีในฮวาเซี่ยล่ะ?” หยางเฉินพูด เถ้าแก่เนี้ยที่ได้ยินคำพูดนั้นทั้งหมด เธอก็ก็กรอกตาอย่างช่วยไม่ได้ เธอยอมรับว่าหานซานเฉียนเก่ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเก่งจนเหลือเชื่อหรอกนะ“คุณน่ะ อยากเลื่อนตำแหน่งพรวดพราดจริง ๆ คิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว เขาต้องเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในระดับสูงจริง ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่คุณจะรู้จักได้ง่ายขนาดนั้น”“ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็น ผมก็ตัดสินใจอยู่ต่อ อย่างน้อยนี่ก็เป็นโอกาสหนึ่ง ผมไม่อยากลืมตามาเห็นการใช้ชีวิตในอนาคตทุกวันอีก” หยางเฉินกล่าวความคิดของหยางเฉินเป็นแบบนี้ ปรากฎการณ์ทั่วไปในสังคม เป็นชีวิตที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน มองอนาคต เห็นชีวิตที่สงบสุข ชีวิตธรรมดาที่ไม่มีขึ้นมีลง พูดไม่ได้ว่าสุขสบาย แต่ความเงียบสงบทำให้คนจืดชืดไม่มีชีวิตชีวา “คุณต้องการอ
“คุณลู่ เขาไม่ได้ชนะการประมูลมา คุณมาหาผมให้ผมอธิบาย นี่มันเป็นการรังแกคนเกินไปหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณยังไม่เข้าใจกฎของการประมูล ใครให้ราคาที่สูงคนนั้นก็ได้ไป นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล คุณจะให้ผมอธิบายอะไรครับ?” เหวินเหลียงพูดอย่างไม่พอใจ“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยเด็กที่ไร้ชื่อเสียงคนนั้น หลานของผมจะแย่งมาไม่ได้ได้อย่างไร” ลู่เฟิงน้ำเสียงเย็นชา เหวินเหลียงส่ายหัวอย่างจนใจ แล้วพูดว่า “สามร้อยล้านเป็นเงินสด เขาเป็นคนจ่ายเอง ผมจะช่วยเขาได้อย่างไร? คุณคิดว่าผมจ่ายเงินเองเหรอ ผมจ่ายสามร้อยล้านซื้อของที่ผมประมูลเองเอาไว้ คุณลู่ เรื่องนี้มีความหมายกับผมหรือไม่?” “เหวินเหลียง อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณคิดจะทำอะไร ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว อยากต่อต้านตระกูลลู่ของผมใช่ไหม บริษัทของคุณเป็นตระกูลลู่ผมที่ประคองขึ้นมา ผมลู่เฟิงต้องการทำลายคุณ คุณจะสามารถทำอะไรได้?” ลู่เฟิงพูด “ลู่เฟิง ฟังคำเตือนที่หวังดีสักคำ เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตระกูลลู่ หากยังยืนกรานที่จะจริงจัง ก็สายเกินไปที่จะเสียใจในภายหลัง” เหวินเหลียงพูด คำพูดนี้ทำให้ลู่เฟิงโกรธจนตัวสั่น ในเกาะจีเหยียนแห่งนี้ แ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ