ซูหยิงเซี่ยเข้าใจคำถามของหานซานเฉียนเป็นอย่างดีว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร นี่คือการถามเกี่ยวกับแผนการใช้ชีวิตของเธอในอนาคต แต่ซูหยิงเซี่ยกลับยังไม่เคยคิดถึงชีวิตในช่วงวัยเกษียณเลย“เมื่อถึงเวลานั้นแล้วค่อยคิดแล้วกัน” ซูหยิงเซี่ยกล่าวหานซานเฉียนทำปากขมุบขมิบและส่งเสียงอยู่ในลำคอ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขารู้สึกลังเลใจอยู่นานมาก ก่อนจะถามว่า “ลิป… ลิปสติกของคุณครั้งที่แล้วเป็นของแบรนด์อะไรเหรอ? มันอร่อยมากเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมซื้อมาให้คุณอีกดีไหม?”เมื่อซูหยิงเซี่ยได้ยินดังนั้นแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที จากนั้นเธอสะบัดมือหานซานเฉียนออก พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดันแล้วพูดว่า “อร่อยบ้าอะไรล่ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้กินอะไรแล้ว”เมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยกำลังวิ่งลงภูเขาอย่างสุดกำลัง หานซานเฉียนจึงไม่รีบร้อนตามเธอไป เขาเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมาและพูดพึมพำกับตัวเองว่า “เมื่อไหร่ผมจะสามารถกินจนอิ่มท้องได้นะ”เมื่อกลับถึงบ้าน หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ว่าซูหยิงเซี่ยไม่ได้กินอาหารเช้าแล้วออกไปทำงานแล้ว วันอาทิตย์ยังต้องเร่งรีบไปทำงานถึงขนาดน
ไม่สนสถานะงั้นเหรอ?สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจมาก หรือว่าเจ้าของเรือนจำตี้ซินไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนก่อเหตุร้ายงั้นเหรอ?บนโลกนี้น่าจะมีผู้คนหลายคนที่อยากรู้ความลับของเรือนจำตี้ซิน ถ้าพวกเขาไม่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดก็มีความเป็นไปได้ว่าในที่แห่งนั้นจะต้องมีกลุ่มคนเลวแน่นอนความลึกลับนี้ราวกับว่าเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่ที่มีเงินทุนเยอะที่สุดในโลก ถ้าเสียตรงจุดนี้ไป เรือนจำตี้ซินจะเสียผลประโยชน์จำนวนมหาศาล แล้วเจ้าของจะไม่กังวลในด้านนี้จริง ๆ เหรอ?“พี่ซานเฉียน ผมรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่พี่ลืมที่ผมเคยบอกไปแล้วเหรอว่าเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่เข้าไปแล้วกลับออกมาไม่ได้” เตาสือเอ้อร์พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีกี่คนที่ต้องการจะล่วงรู้ความลับของเรือนจำตี้ซิน และเข้าใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ผู้คนเหล่านั้นไม่ว่าจะเข้าไปก่อนหรือหลังต่างกระโจนเข้าไปพบเจอเรื่องท้าทายอย่างไม่ขาดสาย นอกจากการส่งเงินส่งไปตายก็ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีค่ามากแค่ไหน แค่ถูกส่งเข้าไปแล้วก็อย่าคิดว่าจะสามารถออกมาได้อีก“แล้วรับประกันเรื่องนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไห
“หานซานเฉียนค่ะ”หานซานเฉียน!เมื่อได้ยินชื่อนี้ พลังของเทียนฉางเฉิงก็ลดลงไปครึ่งทันที พลางเหลือบมองเทียนหลิงเอ๋อร์อย่างลำบากใจ“คุณปู่คะ คุณปู่จะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถาม“หลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนเป็นอาจารย์ของปู่นะ ถ้าแก้แค้นเขา ปู่ก็เป็นลูกศิษย์ทรยศสิ” เทียนฉางเฉิงพูด สถานะของเขาตอนนี้เป็นลูกศิษย์ของหานซานเฉียน เขารู้อยู่เต็มอกว่าต่อให้ไม่มีการคงอยู่ของความสัมพันธ์นี้ เขาก็ไม่กล้าไปแก้แค้นหานซานเฉียน เพราะสถานะของเจ้าหมอนี่ ร้ายกาจกว่าตระกูลเทียนมาก“คุณปู่คะ” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดพลางร้องไห้ออกมาเทียนฉางเฉิงรู้สึกลำบากใจ หานซานเฉียนทำให้เธอร้องไห้เป็นคนแรก แต่เรื่องนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ อีกทั้งเขาเองก็รู้ดีว่า การที่เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธหานซานเฉียน เป็นเพราะความรู้สึกเธอที่มีต่อหานซานเฉียน แต่ว่าเธอจะรู้สึกโกรธเขาจริง ๆ ได้อย่างไรกัน“เอาล่ะ ๆ หลิงเอ๋อร์ หนูไม่ได้โกรธหานซานเฉียนจริง ๆ ซะหน่อย แล้วทำไมหนูต้องรู้สึกโกรธเขาด้วยล่ะ?” เทียนฉางเฉิงพูดเทียนหลิงเอ๋อร์เช็ดคราบน้ำตาที่หางตาเธอ ก่อนเธอตอบกลับว่า “ใครว่าหนูไม่โกรธเขาจริง ๆ ล่ะ หนูเกลียดเขาจะตาย”เทีย
เมื่อเทียนหลิงเอ๋อร์กลับเข้าห้องของตัวเองเพื่อแต่งหน้า และกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าที่สวยงาม หานซานเฉียนก็กลับไปแล้ว เจ้าหญิงแห่งตระกูลเทียนจึงร้องไห้อีกครั้งเมื่อเทียนฉางเฉิงเห็นว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนหายใจบางครั้งเทียนฉางเฉิงก็เคยคิดอยากเตือนเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะหลังจากที่เขาสามารถคาดเดาสถานะที่แท้จริงของหานซานเฉียนได้ เทียนฉางเฉิงคิดว่าระหว่างเทียนหลิงเอ๋อร์กับหานซานเฉียนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย เขากล้ำกลืนความอัปยศอดสูเพื่อที่จะดำเนินการให้ภารกิจที่หนักอึ้งสำเร็จเพื่อซูหยิงเซี่ย ความรู้สึกนี้ไม่มีใครสามารถทำลายลงได้แต่เขารู้ว่านิสัยดื้อรั้นของเทียนหลิงเอ๋อร์ ถ้าหัวไม่แตกก็ไม่มีทางหันหลังกลับ เทียนฉางเฉิงจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง และหวังว่าความรู้สึกเจ็บปวดของเทียนหลิงเอ๋อร์ครั้งนี้จะทำให้เธอโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างไรก็ตาม คนที่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่ไม่มีทางราบรื่นไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง จึงต้องให้เทียนหลิงเอ๋อร์ได้รับบทเรียนจะได้จำเอาไว้เทียนฉางเฉิงปล่อยให้เทียนหลิงเอ๋อร์ร้องไห้อยู่คนเดียวและไม่ได้เข้าไปรบกวน จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านท
“ทุกคนใจเย็น ๆ การแข่งขันยังไม่เริ่ม ฉันยังมีโอกาสโน้มน้าวใจเขาอยู่” หวางเม่ากล่าว“หัวหน้าหวาง ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้เลยนี่ครับ ถ้าเขากล้าไม่ฟัง เราก็แค่หาวิธีจัดการกับเขาซะ”“ใช่ พวกเราก็เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองหยุนเฉิงด้วย ถ้าเราจัดการแค่กับลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลผู้หญิง ไม่ได้มันจะไม่ดูเป็นเรื่องตลกหรือไง”ทุกคนต่างพากันหัวเราะด้วยท่าทางที่มั่นใจเป็นอย่างมากหวางเม่ามองไปที่เทียนฉางเฉิง เขาไม่รู้ว่าชายชราคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้พูดว่าไม่สนใจเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะขนาดนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขากำลังรู้สึกกลัวหานซานเฉียนอยู่หรอกเหรอ?ถึงเขาจะทำลายบริษัทตระกูลซูได้แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าหานซานเฉียนไม่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ก็ถือว่าเรื่องทั้งหมดเขาก็แค่คุยโวโอ้อวดไปเรื่อยเท่านั้น“นายใหญ่ตระกูลเทียน คุณช่วยนัดพบหานซานเฉียนให้ผมหน่อยสิ ผมอยากเจอเขาสักครั้ง” หวางเม่าพูดกับเทียนฉางเฉิงเทียนฉางเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่าว่า “นี่ตาเฒ่า เรื่องนี้นายเลิกคิดไปได้เลย สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้วไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น อันที่จริงแล้วเรื่องนี้พวกนายไม่รอบคอบกันเอง เขาไม่ได้สม
ณ บริษัทตระกูลซูในห้องทำงานของประธานบริษัท ซูหยิงเซี่ยกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการร่วมทุนในช่วงนี้รวมถึงการฟื้นฟูบริษัทด้วย โดยต้องสร้างความร่วมมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย อย่างไรเสีย ตอนแรกเพื่อที่จะทุ่มเทสร้างโครงการเฉิงซีขึ้นมา คุณย่าตระกูลซูจึงตัดหุ้นส่วนเดิมทั้งหมดออก ถึงคำพังเพยจะกล่าวไว้ว่าม้าที่ดีจะไม่กลับไปกินหญ้าต้นเก่า แต่ในสถานการณ์แบบตอนนี้ ซูหยิงเซี่ยจำเป็นต้องติดต่อคนพวกนั้นอีกครั้ง การตัดขาดความร่วมมือนั้นง่ายมาก แต่การจะต่อขึ้นมาอีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทันใดนั้นผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้ามาในห้องทำงานและพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านประธาน เกิดเรื่องแล้ว”“เรื่องอะไรกันทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“เจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทหลายแห่งต้องการพบคุณ ดูท่าแล้วจะไม่ได้มาดีเป็นแน่” ผู้ช่วยกล่าวเจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทงั้นเหรอ?เมื่อได้ยินประโยคนี้ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกสับสนมาก คนเหล่านี้น่าจะไม่มีบทบาทเกี่ยวกับบริษัทแล้วนี่ พวกเขาควรจะมีความสุขกับวัยชรา แล้วทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงได้มาหาเธอ?ในขณะที่ซูหยิงเซี่
แต่หากคนพวกนี้คิดจะรังแกหานซานเฉียนล่ะก็ ถึงแม้ว่าจะต้องทอดทิ้งตระกูลซูทั้งหมด ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่มีวันประนีประนอมเด็ดขาดหานซานเฉียนไม่ยอมให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วเธอจะยอมให้หานซานเฉียนไม่ได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร?หลังกลับจากที่ทำงาน ซูหยิงเซี่ยก็ถอดรองเท้าส้นสูงออก นี่เป็นเวลาที่สบายที่สุดของวัน ขอแค่ได้เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เธอเอนตัวลงบนโซฟา หานซานเฉียนจึงเดินเข้ามาหาและนวดไหล่ของซูหยิงเซี่ยพลางเอ่ยถามว่า “เหนื่อยขนาดนี้หยุดพักสักวันไหมครับ”ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวและพูดว่า “ค่อยคุยหลังจากบริษัทผ่านพ้นวิกฤตแล้วกัน ไว้พวกเราไปฮันนีมูนกับถ่ายพรีเวดดิ้งกันใหม่กันเถอะค่ะ”ซูหยิงเซี่ยเคยพูดถึงเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อนานมาแล้ว แต่ช่วงนี้มีเรื่องมากมายให้จัดการ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ดำเนินการเสียที หานซานเฉียนคิดว่าเธอจะลืมไปแล้วเสียอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซูหยิงเซี่ยจะยังจำได้“จริงสิ วันนี้มีคนมาหาฉันตั้งหลายคน บอกว่าคุณไปล่วงเกินพวกเขา พรุ่งนี้พวกเขาอยากได้คำตอบ ไม่อย่างนั้นจะมุ่งเป้ามาที่บริษัทเรา นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดก
คำพูดของซูหยิงเซี่ยทำให้หานซานเฉียนรู้สึกคึกคัก พลังแห่งการต่อสู้ของเขาก็ระเบิดออกในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าซ่างกวนเฮยไป๋จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาก็จะมุ่งมั่นเอาชนะให้ไม่เหลือซากเลย“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” หานซานเฉียนย้ำเมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของหานซานเฉียน ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเขาไม่ได้โม้จริง ๆ? เขาเก่งมากเลยเหรอ?ทั้งเล่นเปียโนได้ แถมยังเล่นหมากล้อมได้อีก อะไรจะมีความสามารถรอบด้านขนาดนี้?“ชนะให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดจบก็รีบเดินกลับห้องสำหรับหานซานเฉียนแล้ว โดยพื้นฐานเรื่องนี้ย่อมสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอ อยากให้เพื่อนของซูหยิงเซี่ยปรากฎตัวออกมาเร็ว ๆ เขาจะได้ลิ้มรสชาติลิปสติกของเธออีกวันต่อมา หานซานเฉียนไปที่สมาคมหมากล้อม สมาชิกทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด เพราะหลังจากที่เมื่อวานพวกเขาไปหาซูหยิงเซี่ย วันนี้พวกเขาจึงตั้งใจมารอคำตอบของหานซานเฉียนกันตั้งแต่เช้าตรู่พวกเขาเชื่อว่าหลังจากที่เธอถูกพวกเขาคุกคามไปขนาดนั้น หานซานเฉียนไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนหมอนั่นเป็นแค่ลูกเขยตระกูลซู ไม่ได้มีสถานะใด ๆ ในตระกูลซ