ตระกูลหนิงกำลังจะถูกทำลาย ตระกูลลู่จะสามารถปกป้องได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าลู่หงกวางจะจัดการอย่างไรเมื่อตระกูลลู่กับตระกูลหนิงทั้งสองถูกทำลายลง ถ้าอย่างนั้นเค้กก้อนโตก้อนนี้ในเมืองหลงชื่อจะเกิดการแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง สถานการณ์ที่เห็นกับตานี้ทำให้ผู้คนเฝ้ารอจังหวะในการคว้าโอกาสสำคัญโดยไม่รีบร้อน พวกเขายังคงหวังว่าลู่หงกวางจะทำความผิดพลาดจนเกิดความยุ่งเหยิงสักครั้ง แล้วพวกเขาจะหาโอกาสแบ่งเค้กชิ้นนี้ออกเป็นชิ้น ๆ“พี่ใหญ่ พี่ก็ภูมิฐานเกินไป ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ กับพี่เป็นข้อตกลงที่ฉลาดที่สุดในชีวิตแล้ว” ขณะเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรม ชิงอวิ๋นพูดพลางตั้งท่าดีใจยกใหญ่หานซานเฉียนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะต้องมาลงมือที่เมืองหลงชื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเขาขี่หลังเสือแล้วก็ยากจะลงจากหลังเสือ ซึ่งเขาไม่มีทางเลือกตระกูลหนิงไม่ใช้งานเขาอย่างสุดความสามารถ ภายในเวลาหนึ่งเดือนจะล้มละลายได้ เมื่อเรื่องนี้แพร่หลายออกไป เส้นสายตระกูลหนิงเหล่านั้นต้องย้ายข้างแน่ ภายในสถานการณ์ขาดดุลยภาพของหลงชื่อ ใครไม่อยากดื่มเลือดเนื้อที่ติดตัวตระกูลหนิงบ้างล่ะ?ส่วนลู่หงกวาง เขาสามารถใช้โอกาสครั้งนี้กลายเป็น
ในสายตาคนนอก การกระทำของหานซานเฉียนยากจะเข้าใจ มีเพียงตัวเขาเองที่รู้ดีว่าทั้งหมดนี้สมควรเกิดขึ้นแล้ว ดั่งคนดื่มน้ำร้อนเย็นก็รู้สึกด้วยตัวเองความรู้สึกของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยที่มีต่อกันนั้น มีแค่พวกเขาสองคนที่สามารถรับรู้ด้วยตัวเอง ความพยายามและความอดทนต่อกันและกัน ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะรู้ได้อย่างไรว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นยังไงเมื่อหานซานเฉียนวางสายโทรศัพท์ ชิงอวิ๋นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้สวยไหมครับ?”หานซานเฉียนมองชิงอวิ๋นด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วตอบกลับ “ไม่ว่าเรื่องอะไรนายก็สามารถเอามาพูดเล่นได้หมดเลยนะ แต่ยกเว้นแค่เรื่องเธอเท่านั้นที่นายพูดเล่นด้วยไม่ได้”ชิงอวิ๋นพยักหน้าตอบรับ แต่สายตาและท่าทางของเขากลับดูแปลกไปเพียงครู่เดียวหานซานเฉียนก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นทันที เขาไม่รู้ว่าการที่ชิงอวิ๋นถามแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร การที่จะให้เขารู้ความสำคัญของซูหยิงเซี่ยมีความเป็นไปได้มากที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อซูหยิงเซี่ย“ใครกล้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายผม ฉันจะให้มันแค่ตายทั้งเป็น” หานซานเฉียนกล่าวชิงอวิ๋นพยายามปกปิดลักษณะท่าทางที่แปลก ๆ ของตัวเอง คำพู
“ชิงอวิ๋น ไม่นานนายก็กล้าตัดสินใจแทนฉันแล้วเหรอ?” หลังจากลู่หงกวางเดินออกไป หานซานเฉียนถามชิงอวิ๋นขึ้นเมื่อชิงอวิ๋นเห็นรอยยิ้มบนหน้าของหานซานเฉียน เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีอารมณืโกรธในน้ำเสียงราวกับซ่อนมีดอยู่ข้างหลัง จึงรีบพูดว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับ แค่รู้สึกว่า คมมีดไม่สามารถใช้ได้ตามใจ เรื่องเล็กแบบนี้ ผมที่เป็นถึงน้องชายก็ต้องช่วยทำแทนให้พี่อยู่แล้ว”ฝีปากของชิงอวิ๋นคล้ายกับหานจุนมาก ตอนนี้เขาเองไม่รู้ว่าหานจุนที่อยู่ในเมืองหยุนหลงสภาพการณ์เป็นอย่างไร แต่คิดว่าเขาอาจจะโดนกวานหยงเล่นงานไปแล้วเมื่อนึกถึงกวานหยง หานซานเฉียนอยากหาเวลาไปเยี่ยมสักครั้ง เขาจึงคิดหาวิธีเอากวานหยงออกจากเรือนจำหยุนหลง คนนี้เมื่อก่อนเป็นคนโหดเหี้ยม ซึ่งภายหลังเขาต้องเดินทางไปกับตี้สู่ เพื่อไปเรือนจำตี้ซินอย่างไม่มีทางเลือกหลังจากความวุ่นวายที่เมืองหลงซื่อสงบลง หานซานเฉียนพาชิงอวิ๋นกลับมาที่เมืองหยุนเฉิง รถแลมโบกินี่ถูกนำเข้าศูนย์ซ่อม ซึ่งเป็นการจากลาหานซานเฉียนอีกครั้ง แต่หานซานเฉียนไม่มีความต้องการใช้รถมากนัก สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวเองเลยแม้แต่น้อยเมื่อกลับมาถึงเม
เมื่อฟังเตาสือเอ้อร์พูดแบบนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่แค่รู้จักเรือนจำตี้ซิน แต่ยังรู้จักที่แห่งนี้เป็นอย่างดี สำหรับหานซานเฉียนแล้วนี่เป็นข่าวดีมาก อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าหานเทียนหยางจะถูกส่งตัวไปที่นั่น หลังจากตี้สู่เล่าเรื่องนี้ หานซานเฉียนคิดครุ่นทั้งวันทั้งคืน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้สถานการณ์ของเรือนจำตี้ซินเลย จึงไม่ได้ลงมือดำเนินแผนขั้นถัดไปตอนนี้เตาสือเอ้อร์กลับนำความหวังมาให้!“สือเอ้อร์ ในเมื่อนายรู้จักที่นั่น นายพอมีวิธีติดต่อคนที่อยู่ในเรือนจำตี้ซินไหม?” หานซานเฉียนถามอย่างรีบร้อน“พี่ซานเฉียนครับ มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะส่งเพื่อนเข้าไปที่นั่น ผมบอกพี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า เขาไม่มีโอกาสหนีออกมาได้แน่” เตาสือเอ้อร์กล่าว“ฉันมั่นใจ” เรื่องของหานเทียนหยาง หานซานเฉียนจะลังเลใจแทนไปเพื่ออะไร?เตาสือเอ้อร์ถอนใจหายและพูดว่า “ผมเคยติดต่อกับคนในเรือนจำตี้ซินจริง แต่จะติดต่อได้อีกไหมไม่รับรองครับ”เมื่อเตาสือเอ้อร์พูดจบ ม่อหยางมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเองแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเตาสือเอ้อร์เป็นแค่นักมวยธรรมดาที่สามารถชกต่อยได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถติดต่อกับคนในสถ
ออกจากที่นี่!กวานหยงวางแผนแก่ตายในเรือนจำมานานแล้ว ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นโลกภายนอกอีก การเพ้อฝันอย่างนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อน เมื่อถูกกระตุ้นความปรารถนาที่จะได้มาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วสถานการณ์แบบนี้ กวานหยงเคยเห็นมามากแล้ว ความไม่จริงใจของพวกที่อยากออกไปแต่ไม่ได้ออก ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถออกไปได้แค่คำพูดต่าง ๆ นา ๆแต่ตอนนี้เป็นการปรากฎตัวของหานซานเฉียน กวานหยงรู้ว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ!“ทำไมพี่ถึงต้องการช่วยผมเหรอครับ?” กวานหยงถาม“แน่นอนว่านายมีประโยชน์และคุ้มค่าที่จะให้ออกมา ฉันต้องการให้นายช่วยทำเรื่องเรื่องหนึ่งให้” หานซานเฉียนพูด“ได้เลยครับ” กวานหยงตบคำรับปาก “พี่อย่าเอาแต่พูดเลย ต่อให้ช่วยเป็นสิบเรื่องร้อยเรื่องก็ไม่มีปัญหา ขอแค่ให้ผมออกไปจากที่นี่”กวานหยงตอบรับตามความคาดหมาย เว้นเสียแต่ว่าเขาอยากแก่ตายในเรือนจำหยุนหลง คนธรรมดาจะไม่เลือกมากอย่างแน่นอน“รอดูเถอะ ฉันจะทำให้นายออกมาอย่างสง่าผ่าเผย” หานซานเฉียนพูดพลางหัวเราะกวานหยงรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นเร็วอย่างรุนแรง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคิดถึ
กวานหยงใช้เวลาอยู่ในเรือนจำนานมานานแล้ว อีกทั้งความวุ่นวายในปีนั้นสงบลงไปนานแล้วเช่นกัน หานซานเฉียนต้องใช้ประโยชน์เส้นสายของตัวเองพาเขาออกมาซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาแค่ต้องจ่ายเงินทองจำนวนมหาศาลเท่านั้นเองแต่สำหรับหานซานเฉียนเงินแทบไม่มีค่าอะไรเลย ต่อให้เขาต้องทิ้งทรัพย์สินของตระกูลจนหมดสิ้นเพื่อแลกกับการรับรู้ข่าวคราวของหานเทียนหยาง หานซานเฉียนไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อยสามวันต่อมาตี้สู่มาหาหานซานเฉียน เขาถือว่าเป็นนักโทษหลบหนีที่สามารถไปที่ไหนก็ได้ ความสามารถนี้ยังคงทำให้หานซานเฉียนรู้สึกชื่นชม“ผมเคยเห็นกวานหยงคนนี้ด้วย เมื่อก่อนเขาเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งเลยล่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง คุณคิดว่าเขาพึ่งพาได้ไหม?” ตี้สู่เอ่ย“พึ่งพาไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวตี้สู่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นผมรู้แล้วว่าควรทำยังไง ตอนบ่ายไปรับเขาและเตรียมของขวัญให้สักชิ้น แค่ทำให้เขาปิดปากได้ก็พอแล้ว”หานซานเฉียนไม่ได้เสนอความเห็นอะไร กวานหยงเป็นคนที่จะใช้ประโยชน์ในฐานะอุปกรณ์เท่านั้น เขาจะมีจุดจบอย่างไรหานซานเฉียนไม่สนใจในตอนเย็นที่ประตูด้านข้างเรือนจำ กวานหยงเดินมาถึงกำแพงสูง เขาหายใจลึกจน
ซูหยิงเซี่ยเข้าใจคำถามของหานซานเฉียนเป็นอย่างดีว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร นี่คือการถามเกี่ยวกับแผนการใช้ชีวิตของเธอในอนาคต แต่ซูหยิงเซี่ยกลับยังไม่เคยคิดถึงชีวิตในช่วงวัยเกษียณเลย“เมื่อถึงเวลานั้นแล้วค่อยคิดแล้วกัน” ซูหยิงเซี่ยกล่าวหานซานเฉียนทำปากขมุบขมิบและส่งเสียงอยู่ในลำคอ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขารู้สึกลังเลใจอยู่นานมาก ก่อนจะถามว่า “ลิป… ลิปสติกของคุณครั้งที่แล้วเป็นของแบรนด์อะไรเหรอ? มันอร่อยมากเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมซื้อมาให้คุณอีกดีไหม?”เมื่อซูหยิงเซี่ยได้ยินดังนั้นแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที จากนั้นเธอสะบัดมือหานซานเฉียนออก พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดันแล้วพูดว่า “อร่อยบ้าอะไรล่ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้กินอะไรแล้ว”เมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยกำลังวิ่งลงภูเขาอย่างสุดกำลัง หานซานเฉียนจึงไม่รีบร้อนตามเธอไป เขาเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมาและพูดพึมพำกับตัวเองว่า “เมื่อไหร่ผมจะสามารถกินจนอิ่มท้องได้นะ”เมื่อกลับถึงบ้าน หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ว่าซูหยิงเซี่ยไม่ได้กินอาหารเช้าแล้วออกไปทำงานแล้ว วันอาทิตย์ยังต้องเร่งรีบไปทำงานถึงขนาดน
ไม่สนสถานะงั้นเหรอ?สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจมาก หรือว่าเจ้าของเรือนจำตี้ซินไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนก่อเหตุร้ายงั้นเหรอ?บนโลกนี้น่าจะมีผู้คนหลายคนที่อยากรู้ความลับของเรือนจำตี้ซิน ถ้าพวกเขาไม่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดก็มีความเป็นไปได้ว่าในที่แห่งนั้นจะต้องมีกลุ่มคนเลวแน่นอนความลึกลับนี้ราวกับว่าเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่ที่มีเงินทุนเยอะที่สุดในโลก ถ้าเสียตรงจุดนี้ไป เรือนจำตี้ซินจะเสียผลประโยชน์จำนวนมหาศาล แล้วเจ้าของจะไม่กังวลในด้านนี้จริง ๆ เหรอ?“พี่ซานเฉียน ผมรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่พี่ลืมที่ผมเคยบอกไปแล้วเหรอว่าเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่เข้าไปแล้วกลับออกมาไม่ได้” เตาสือเอ้อร์พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีกี่คนที่ต้องการจะล่วงรู้ความลับของเรือนจำตี้ซิน และเข้าใจสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ผู้คนเหล่านั้นไม่ว่าจะเข้าไปก่อนหรือหลังต่างกระโจนเข้าไปพบเจอเรื่องท้าทายอย่างไม่ขาดสาย นอกจากการส่งเงินส่งไปตายก็ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีค่ามากแค่ไหน แค่ถูกส่งเข้าไปแล้วก็อย่าคิดว่าจะสามารถออกมาได้อีก“แล้วรับประกันเรื่องนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไห
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ