มุมปากของลู่หงกวางยกขึ้นเล็กน้อย เขาคาดไว้แล้วว่าหนิงซิ่งเผิงต้องมีท่าทีแบบนี้ แม้ว่าหนิงอวี่จะพังโรงแรมลู่เฟิงของเขา แต่หนิงซิงเผิงก็คงจะไม่ใส่ใจมากนัก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะชมเชยหนิงอวี่ด้วยซ้ำ แต่วันนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนระดับสูง เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องปกติเหมือนทุกครั้ง“หนิงซิ่งเผิง นี่ฉันหวังดีกับนายนะ วันนี้ฉันเชิญคุณหานมาอย่างยากลำบาก แต่ลูกชายของนายกับกล้าสร้างปัญหากับเขา เรื่องนี้ฉันช่วยไม่ได้หรอกนะ” ลู่หงกวางกล่าว“คุณหานงั้นเหรอ? นายพูดว่าใครนะ!” หนิงซิ่งเผิงที่อยู่ปลายสายยืนขึ้นทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“นายจะให้ฉันหมายถึงใครได้อีกล่ะ? แค่นี้นะ” ลู่หงกวางพูดจบก็วางสายไปหนิงซิ่งเผิงวิญญาณหลุดออกจากร่างไปชั่วขนะ คุณหาน หานซานเฉียน!ถ้าไม่ใช่หานซานเฉียนแล้วจะเป็นใครได้อีกหนิงอวี่เจ้าลูกไม่รักดี กล้าไปล่วงเกินหานซานเฉียนอย่างนั้นเหรอ!มือของหนิงซิงเผิงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่าหานซานเฉียนเป็นใคร แต่พลังงานอำนาจของชายหนุ่มคนนี้ไม่มีใครในเมืองหลงชื่อที่สามารถเทียบได้ ไม่ต้องพูดถึงตระกูลหนิงเลย ถึงตระกูลหนิงกับตระกูลลู่จะร่วมมือกัน ก็เป็นได้เพียงแค่ขยะไร
ในสายตาของคนนอก นี่เป็นการต่อสู้ของระดับเทพเลยก็ว่าได้ เพราะความขัดแย้งนั้นเกิดจากสองยักษ์ใหญ่ในหลงชื่อ ตระกูลลู่ไม่ใช่ใครจะมีเรื่องได้ง่าย ๆ ตระกูลหนิงเองก็จะเช่นกันการที่หนิงซิ่งเผิงต่อยหน้าหนิงอวี่อาจจะเป็นเพียงแค่กลอุบาย หลังจากที่เขาต่อว่าหนิงอวี่แล้ว ก็หันมาหาลู่หงกวางด้วยท่าทีที่สงบขึ้นวิธีการควบคุมคนของตัวเองก่อน แล้วค่อยจัดการคนอื่นนี้ทำให้คนที่พบเห็นต่างก็รู้สึกเคารพชื่นชมไม่น้อย คงมีเพียงคนอย่างหนิงซิ่งเผิงเท่านั้นที่จะคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าหนิงซิ่งเผิงเดินไปหาหานซานเฉียน แทนที่จะเป็นลู่หงกวางพวกเขาต่างก็พึมพำกันในใจหรือว่าเขาตั้งใจจะสั่งสอนชายหนุ่มคนนี้ก่อน แล้วค่อยเอาเรื่องลู่หงกวาง?“หนิงซิ่งเผิงนี่สมกับที่เป็นคนที่เต็มไปด้วยแผนการจริง ๆ ฉันไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้เลย”“ถ้านายเข้าใจความคิดของเขา นายจะยังอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนี้อยู่ไหมล่ะ?”“การที่หนิงซิ่งเผิงสามารถพัฒนาตระกูลหนิงให้ใหญ่โตเช่นนี้ได้ล้วนมีเหตุผลอยู่แล้ว คอยดูกันเถอะ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร ไม่แน่ว่าวันนี้ลู่หงกวางอาจต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้เขาด้
“ไอ้ลูกไม่รักดี นี่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ รีบขอโทษคุณชายหานเดี๋ยวนี้” หนิงซิ่งเผิงกล่าวด้วยความโมโห“ไม่ ไม่มีทาง ผมไม่มีทางขอโทษไอ้ขยะนี่หรอก พ่อครับ พ่อเริ่มกลัวลู่หงกวางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หนิงอวี่พูดอย่างดูถูก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าที่พ่อของเขามีท่าทีแบบนี้เป็นเพราะลู่หงกวางแต่ในความคิดของเขา ลู่หงกวางมีอะไรน่ากลัวกัน? แล้วหนิงซิ่งเผิงเริ่มกลัวลู่หงกวางตั้งแต่เมื่อไหร่?หนิงซิ่งเผิงตบหน้าของหนิงอวี่ พร้อมคว้าผมของหนิงอวี่ด้วยความโมโห เขาพูดอย่างเดือดดาลว่า “คุกเข่าลงและขอโทษคุณชายหานเดี๋ยวนี้”ในตอนนี้สภาพจิตใจของหนิงซิ่งเผิงอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากเหมือนกับเดินอยู่บนน้ำแข็งบาง ๆ ที่ใต้น้ำแข็งนั้นเป็นเหวลึก หากลื่นตกลงไป ตระกูลหนิงทั้งหมดได้จบเห่แน่หนิงอวี่ไม่เข้าใจความรู้สึกของหนิงซิ่งเผิง เขายิ่งไม่เข้าใจว่าหนิงซิ่งเผิงกำลังกลัวอะไรกันแน่ เขารักศักดิ์ศรีตัวเองมากจะให้คุกเข่าให้ใครง่าย ๆ ได้อย่างไร?ท่าทีของหนิงอวี่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขายอมตายดีกว่าจะคุกเข่าขอโทษ!“พ่อ ผมไม่รู้ว่าวันนี้พ่อเป็นบ้าอะไรกัน แต่ถ้าจะให้ผมคุกเข่าให้คนไร้ค่าแบบนี้ ผมไม่มีทางท
คำพูดที่ดูเหมือนยอมรับชะตากรรมตัวเองของหนิงซิ่งเผิง ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในฝูงชนอีกครั้ง เขาไม่แม้แต่จะแสดงการต่อต้านออกมาเลย นั่นแสดงให้เห็นว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับคุณชายหาน ถึงทำให้เขาดูไร้พลังเช่นนี้ แต่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะคนที่มีอำนาจถึงขนาดที่สามารถทำให้เปาจิ่งจงและเฉินข่ายฮว๋าออกหน้าพร้อมกันได้แบบนี้ หนิงซิ่งเผิงจะมีโอกาสต่อต้านได้อย่างไร?ในเวลานี้ อยู่ ๆ หนิงอวี่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไป เขาตระหนักได้ว่าชีวิตทายาทเศรษฐีของเขาอาจเปลี่ยนไปอย่างจากเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดเป็นเพราะชิวมู่ ถ้าไม่ใช่เพราะชิวมู่ เมื่อวานเขาคงไม่มีเรื่องบาดหมางกับหานซานเฉียน ถ้าไม่ใช่เพราะชิวมู่ วันนี้เขาก็คงไม่ต้องออกหน้าในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้หนิงอวี่เดินไปข้าง ๆ ชิวมู่ พร้อมกับคว้าผมของเธอไว้และพูดว่า “นางตัวดี เพราะเธอที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะให้เธอชดใช้ด้วยชีวิต”ชิวมู่รู้สึกหวาดกลัวมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ตอนที่หนิงซิ่งเผิงกล่าวขอโทษ เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว ยิ่งตอนที่หนิงเซี่ยเผิงคุกเข่าขอโทษเธอ และเมื่อเปาจิ่งจงกับเฉินข่ายฮว๋าปรากฏตัวที่งา
ตระกูลหนิงกำลังจะถูกทำลาย ตระกูลลู่จะสามารถปกป้องได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าลู่หงกวางจะจัดการอย่างไรเมื่อตระกูลลู่กับตระกูลหนิงทั้งสองถูกทำลายลง ถ้าอย่างนั้นเค้กก้อนโตก้อนนี้ในเมืองหลงชื่อจะเกิดการแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง สถานการณ์ที่เห็นกับตานี้ทำให้ผู้คนเฝ้ารอจังหวะในการคว้าโอกาสสำคัญโดยไม่รีบร้อน พวกเขายังคงหวังว่าลู่หงกวางจะทำความผิดพลาดจนเกิดความยุ่งเหยิงสักครั้ง แล้วพวกเขาจะหาโอกาสแบ่งเค้กชิ้นนี้ออกเป็นชิ้น ๆ“พี่ใหญ่ พี่ก็ภูมิฐานเกินไป ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ กับพี่เป็นข้อตกลงที่ฉลาดที่สุดในชีวิตแล้ว” ขณะเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรม ชิงอวิ๋นพูดพลางตั้งท่าดีใจยกใหญ่หานซานเฉียนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะต้องมาลงมือที่เมืองหลงชื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเขาขี่หลังเสือแล้วก็ยากจะลงจากหลังเสือ ซึ่งเขาไม่มีทางเลือกตระกูลหนิงไม่ใช้งานเขาอย่างสุดความสามารถ ภายในเวลาหนึ่งเดือนจะล้มละลายได้ เมื่อเรื่องนี้แพร่หลายออกไป เส้นสายตระกูลหนิงเหล่านั้นต้องย้ายข้างแน่ ภายในสถานการณ์ขาดดุลยภาพของหลงชื่อ ใครไม่อยากดื่มเลือดเนื้อที่ติดตัวตระกูลหนิงบ้างล่ะ?ส่วนลู่หงกวาง เขาสามารถใช้โอกาสครั้งนี้กลายเป็น
ในสายตาคนนอก การกระทำของหานซานเฉียนยากจะเข้าใจ มีเพียงตัวเขาเองที่รู้ดีว่าทั้งหมดนี้สมควรเกิดขึ้นแล้ว ดั่งคนดื่มน้ำร้อนเย็นก็รู้สึกด้วยตัวเองความรู้สึกของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยที่มีต่อกันนั้น มีแค่พวกเขาสองคนที่สามารถรับรู้ด้วยตัวเอง ความพยายามและความอดทนต่อกันและกัน ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะรู้ได้อย่างไรว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นยังไงเมื่อหานซานเฉียนวางสายโทรศัพท์ ชิงอวิ๋นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้สวยไหมครับ?”หานซานเฉียนมองชิงอวิ๋นด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วตอบกลับ “ไม่ว่าเรื่องอะไรนายก็สามารถเอามาพูดเล่นได้หมดเลยนะ แต่ยกเว้นแค่เรื่องเธอเท่านั้นที่นายพูดเล่นด้วยไม่ได้”ชิงอวิ๋นพยักหน้าตอบรับ แต่สายตาและท่าทางของเขากลับดูแปลกไปเพียงครู่เดียวหานซานเฉียนก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นทันที เขาไม่รู้ว่าการที่ชิงอวิ๋นถามแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร การที่จะให้เขารู้ความสำคัญของซูหยิงเซี่ยมีความเป็นไปได้มากที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อซูหยิงเซี่ย“ใครกล้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายผม ฉันจะให้มันแค่ตายทั้งเป็น” หานซานเฉียนกล่าวชิงอวิ๋นพยายามปกปิดลักษณะท่าทางที่แปลก ๆ ของตัวเอง คำพู
“ชิงอวิ๋น ไม่นานนายก็กล้าตัดสินใจแทนฉันแล้วเหรอ?” หลังจากลู่หงกวางเดินออกไป หานซานเฉียนถามชิงอวิ๋นขึ้นเมื่อชิงอวิ๋นเห็นรอยยิ้มบนหน้าของหานซานเฉียน เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีอารมณืโกรธในน้ำเสียงราวกับซ่อนมีดอยู่ข้างหลัง จึงรีบพูดว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับ แค่รู้สึกว่า คมมีดไม่สามารถใช้ได้ตามใจ เรื่องเล็กแบบนี้ ผมที่เป็นถึงน้องชายก็ต้องช่วยทำแทนให้พี่อยู่แล้ว”ฝีปากของชิงอวิ๋นคล้ายกับหานจุนมาก ตอนนี้เขาเองไม่รู้ว่าหานจุนที่อยู่ในเมืองหยุนหลงสภาพการณ์เป็นอย่างไร แต่คิดว่าเขาอาจจะโดนกวานหยงเล่นงานไปแล้วเมื่อนึกถึงกวานหยง หานซานเฉียนอยากหาเวลาไปเยี่ยมสักครั้ง เขาจึงคิดหาวิธีเอากวานหยงออกจากเรือนจำหยุนหลง คนนี้เมื่อก่อนเป็นคนโหดเหี้ยม ซึ่งภายหลังเขาต้องเดินทางไปกับตี้สู่ เพื่อไปเรือนจำตี้ซินอย่างไม่มีทางเลือกหลังจากความวุ่นวายที่เมืองหลงซื่อสงบลง หานซานเฉียนพาชิงอวิ๋นกลับมาที่เมืองหยุนเฉิง รถแลมโบกินี่ถูกนำเข้าศูนย์ซ่อม ซึ่งเป็นการจากลาหานซานเฉียนอีกครั้ง แต่หานซานเฉียนไม่มีความต้องการใช้รถมากนัก สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวเองเลยแม้แต่น้อยเมื่อกลับมาถึงเม
เมื่อฟังเตาสือเอ้อร์พูดแบบนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่แค่รู้จักเรือนจำตี้ซิน แต่ยังรู้จักที่แห่งนี้เป็นอย่างดี สำหรับหานซานเฉียนแล้วนี่เป็นข่าวดีมาก อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าหานเทียนหยางจะถูกส่งตัวไปที่นั่น หลังจากตี้สู่เล่าเรื่องนี้ หานซานเฉียนคิดครุ่นทั้งวันทั้งคืน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้สถานการณ์ของเรือนจำตี้ซินเลย จึงไม่ได้ลงมือดำเนินแผนขั้นถัดไปตอนนี้เตาสือเอ้อร์กลับนำความหวังมาให้!“สือเอ้อร์ ในเมื่อนายรู้จักที่นั่น นายพอมีวิธีติดต่อคนที่อยู่ในเรือนจำตี้ซินไหม?” หานซานเฉียนถามอย่างรีบร้อน“พี่ซานเฉียนครับ มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะส่งเพื่อนเข้าไปที่นั่น ผมบอกพี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า เขาไม่มีโอกาสหนีออกมาได้แน่” เตาสือเอ้อร์กล่าว“ฉันมั่นใจ” เรื่องของหานเทียนหยาง หานซานเฉียนจะลังเลใจแทนไปเพื่ออะไร?เตาสือเอ้อร์ถอนใจหายและพูดว่า “ผมเคยติดต่อกับคนในเรือนจำตี้ซินจริง แต่จะติดต่อได้อีกไหมไม่รับรองครับ”เมื่อเตาสือเอ้อร์พูดจบ ม่อหยางมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเองแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเตาสือเอ้อร์เป็นแค่นักมวยธรรมดาที่สามารถชกต่อยได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถติดต่อกับคนในสถ