หานซานเฉียนไม่อยากก่อเรื่องทะเลาะวิวาท จึงคว้ามือชิงอวิ๋นจากไปแต่เห็นได้ชัดว่าชิงอวิ๋นยังไม่ยอมจบเรื่องด้วยดี เขายังตะโกนเอะอะไปตลอดทาง ทั้งเรื่องศัลยกรรม ดูดไขมันต้นขา คำพูดโจมตีทุกรูปแบบ จนเด็กสาวร่างสูงเพรียวโกรธจนแทบกระอักเลือด“พี่ใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะดีกับผมขนาดนี้ กลัวผมเกิดเรื่องเลยดึงผมออกมาใช่ไหม ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้หญิงประเภทนี้ดีแต่ปาก เก่งไม่จริงหรอก” ชิงอวิ๋นพูดอย่างยิ้มแย้มหานซานเฉียนมองชิงอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา ดีกับเขาเหรอ? ถ้าเจ้าหมอนี่ดึงเขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ ต่อให้เขาถูกคนตีจนตาย หานซานเฉียนก็จะไม่กะพริบตาเลยชิงอวิ๋นสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ส่งมาจากหานซานเฉียนแล้วรู้สึกสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดว่า “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไม่ชอบนิสัยชอบทำตัวโดดเด่นของผม วันหลังผมจะเจียมตัวให้มากขึ้นกว่านี้ดีไหมครับ?”หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ทำไมนายถึงอยากติดตามฉันนัก?”“กินข้าวอิ่ม” ชิงอวิ๋นพูดโดยไม่ลังเล“นอกเหนือจากนี้ล่ะ?” หานซานเฉียนถามต่อ“พี่ใหญ่ พี่ดูสิผมอายุมากแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยลิ้มรสผู้หญิงเลยว่าเป็นยังไง ถ้าพี่ใจดี ช่วยหาแฟนให้ผม
"หนิงอวี่ คุณคงไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ? หรือว่ายังมีใครที่คุณชายหนิงไม่กล้ายุ่งด้วย?” ชิวมู่พูดอย่างจงใจปลุกปั่นหนิงอวี่มองชิวมู่อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นังบ้า นี่คุณกำลังดูถูกผมเหรอ?”ชิวมู่หดหัวด้วยความตกใจ พลางพูดว่า “หนิงอวี่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณเก่งกาจขนาดนี้ จะมีใครที่ไม่กล้าแตะต้องได้ยังไง”“ไม่ใช่คนในพื้นที่ มันจะยุ่งยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่” หนิงอวี่กล่าวทันใดนั้นร่างกายของชิวมู่ก็สั่นสะท้านอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ริมเคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่าง ก็คือ ชายหนุ่มสองคนที่เจอวันนี้ไม่ใช่เหรอ?“หนิงอวี่ พวกเขานี่แหละ คู่แล้วต้องไม่แคล้วกัน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาถึงที่” ชิวมู่กล่าวพลางชี้ไปที่คนสองคนที่เคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่างหนิงอวี่ยืดตัวตรง แม้ว่าแสงไฟจะไม่สามารถทำให้เขาเห็นใบหน้าของทั้งสองคนได้ถนัด แต่เมื่อมองดูคร่าว ๆ แล้วก็รู้แปลกหน้า“ไปสิ ผมจะช่วยคุณแก้แค้น คืนนี้จะได้ถือโอกาสจัดการพี่สาวของคุณด้วย” หนิงอวี่พูดด้วยรอยยิ้มชิวมู่รีบลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น คิดหาวิธีรับมือหานซานเฉียนเรียบร้อยแล้วชิงอวิ๋นคนที่ด่าเธอจะต้องโดนจัดชุดใหญ่ ส่วนหานซานเฉียนคนที
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้หนิงอวี่ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ พลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคนบ้านนอกจากเมืองอื่นอย่างคุณจะรู้จักผมด้วย ในเมื่อคุณรู้จักก็น่าจะคิดได้ว่าจะมีจุดจบยังไงนะ?”“ก่อนจะพูดถึงจุดจบ ทำไมคุณไม่โทรหาหนิงซิ่งเผิง แล้วถามเขาว่าผมควรจะมีจุดจบยังไงล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าว เขามาที่เมืองหลงซื่อเพื่อช่วยเจียงหยิงหยิงแก้ปัญหาเท่านั้น ต่อไปก็รอดูเฉย ๆ เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาใด ๆ และไม่ต้องการสร้างความรำคาญให้หนิงซิ่งเผิง ถึงอย่างไรหนิงซิ่งเผิงก็เสนอตัวช่วยเหลือเจียงหยิงหยิงในเรื่องนี้เช่นกัน“โทรหาพ่อผมเหรอ?” หนิงอวี่ยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คนแบบคุณ ต้องการให้พ่อผมออกหน้าสั่งสอนบทเรียนคุณเองเหรอ แค่ผมก็พอแล้ว”“คุณชายหนิง คุณมีฐานะสูงศักดิ์ ให้ผมช่วยซ้อมเขาไหม?”“คุณชายหนิง ผมเอง จะทำให้เจ้าหนูนี่รับผลที่ก่อไว้อย่างสาสม”“ผมเอง ผมเอง เจ้าคนไร้ค่าแบบนี้ ผมจัดการได้ด้วยมือเดียว”ผู้คนที่ล้อมเข้ามามุงดูพากันพูดว่าพวกเขาต้องการลงมือแทนหนิงอวี่ไม่หยุด เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่พวกเขาจะได้เอาใจหนิงอวี่ หากได้เป็นบริวารคอยรับใช้หนิงอวี่ มันจะเป็นการเปลี่ยน
หนิงอวี่ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นใครแถมยังกล้าพูดแบบนี้ออกมา แสดงว่าคน ๆ นี้จะต้องมีสถานะบางอย่างแน่นอนแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่ใช่คนจากเมืองหลงชื่อ แต่หนิงอวี่ก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่การก่อปัญหาให้ตัวเองเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งนั้นไม่ใช่นิสัยของเขา ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็คุกเข่าขอโทษแล้ว นั่นแปลว่ายอมถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องมันร้ายแรงยิ่งขึ้น“พี่ชาย วันนี้ผมอารมณ์ดีเพราะอย่างนั้นเลยจะปล่อยพวกพี่ไป แต่ผมขอแนะนำว่าทางที่ดีพี่รีบไสหัวออกไปจากเมืองหลงชื่อให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคราวหน้าพี่อาจไม่ได้โชคดีแบบนี้”หนิงอวี่กล่าวยังไม่ทำให้หานซานเฉียนยอมขอโทษ ชิวมู่จึงยังไม่ได้รู้สึกถึงความเหนือกว่า เธอเลยพูดกับหนิงอวี่อย่างไม่ยอมว่า “หนิงอวี่ เขาทำให้ฉันไม่พอใจ ทำไมคุณถึง...”“ชิวมู่ ตกลงว่าผมเป็นใหญ่ หรือว่าคุณเป็นใหญ่กันแน่?” หนิงอวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเมื่อชิวมู่เห็นว่าหนิงอวี่เริ่มโมโห เธอจึงก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัวและพูดว่า “แน่นอนว่าคุณเป็นใหญ่ค่ะ”“ในเมื่อบอกว่าผมเป็นใหญ่ ถ้าคุณยังพูดจาเหลวไหลอีกคำผมจะจัดการคุณแน่”หนิงอวี่กล่าว“ค่ะ
ในทุก ๆ ปี ลู่หงกวางจะจัดงานเลี้ยงคนดังหนึ่งครั้ง นอกจากเพื่อการเพิ่มอิทธิพลของตัวเองในเมืองหลงชื่อแล้ว ยังสามารถกระชับความสัมพันธ์แบบเส้นสายของเขาอีกด้วยแม้ว่าภายนอกจะเห็นว่าสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการห้างสรรพสินค้าอย่างตระกูลลู่และตระกูลหนิงนั้นพัฒนาอย่างปรองดองกัน แต่ลับหลังนั้นทั้งสองแข่งขันกันอยู่ตลอด ต่างฝ่ายต่างก็อยากอยู่ในตำแหน่งผู้นำดั่งคำกล่าวที่ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ การช่วงชิงตำแหน่งของเสือยักษ์ทั้งสองนี้ นอกเสียจากใช้อิทธิพลของตัวเองยังจำเป็นต้องมีการรวมพรรครวมพวกด้วยเพราะสองคนนี้ทำให้โลกธุรกิจของเมืองหลงชื่อแบ่งออกเป็นสองขั้วอำนาจอย่างชัดเจน งานเลี้ยงชุมนุมจึงมีไว้เพื่อการกระชับความสัมพันธ์นี้นั่นเองแน่นอนว่าผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้นอกจากคนในแวดวงธุรกิจแล้วยังมีคนสำคัญจากรัฐบาล ซึ่งในจำนวนนี้ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้มากนัก ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะสูญเสียตำแหน่งทางราชการไปกันกี่คนเช้าวันต่อมาหลังจากที่หานซานเฉียนทานอาหารเช้ากับชิงอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวจะไปโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง แต่เมื่อเดินมาถึงรถ หานซานเฉียนก็ได้แต่ยิ้มอย่า
“แม้ว่าจะไม่มีเงินก็ต้องแสร้งทำเป็นมหาเศรษฐี ไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นดูถูกได้ง่ายครับ” ชิงอวิ๋นพูด“รูปลักษณ์ของนายแบบนี้ถึงจะให้เงินนายสิบล้าน ก็ไม่ได้เหมือนเศรษฐีขึ้นมาหรอก เสแสร้งไปจะมีประโยชน์อะไร?” หานซานเฉียนกล่าวดูถูกชิงอวิ๋นเสียความมั่นใจไปทันที เขาก้มหัวลงและพูดว่า “พี่ใหญ่ ขอบคุณที่พี่เจียดเวลาจากงานยุ่ง ๆ มาโจมตีผมนะครับ”“ไม่ต้องเกรงใจ ถ้านายต้องการอีกเมื่อไหร่ก็บอก” เมื่อพูดจบหานซานเฉียนก็รู้สึกตกใจ เขาเพิ่งจะใกล้ชิดกับชิงอวิ๋นได้เพียงวันเดียวเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะพูดแบบนั้นไป แต่ก็อย่างว่าคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ด้วยสำหรับหานซานเฉียน ในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก แต่ก็สามารถแน่ใจได้ว่าสถานะของคนพวกนี้ในเมืองหลงชื่อคงไม่ธรรมดาแน่ และตามสถานการณ์ปัจจุบันของหลงชื่อ คนพวกนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่หงกวาง และมีความสัมพัธ์ที่ไม่ดีกับหนิงซิ่งเผิงอย่างแน่นอน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้จริง ๆ หานซานเฉียนดูก็รู้ว่ายังมีการแข่งขันลับ ๆ อีกไม่น้อยหานซานเฉียนเข้าใจเรื่องของโลกธุรกิจอย่างถ่องแท้ เขาหมกมุ่นอยู่กับอยู่กับห้างสรรพส
“คุณผู้ชายครับ โปรดแสดงบัตรเชิญของคุณด้วยครับ” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพูดกับหานซานเฉียน“ไม่มี” หานซานเฉียนพูดพลางแบมือ“ไม่มีงั้นเหรอ?” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม บัตรเชิญของลู่หงกวางนั้นมีค่ามาก ต่อให้ใช้แล้วก็ยังมีมูลค่าในการเก็บสะสมอยู่ดี เพราะว่าบัตรเชิญนี้เทียบเท่ากับเกียรติยศในเมืองหลงชื่อ การที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ลู่หงกวางจัดขึ้นได้นั้น สามารถกระตุ้นความสนใจของผู้คนได้ ดังนั้นหลายคนจึงเก็บบัตรเชิญไว้อย่างดี แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับบอกว่าไม่มีนั่น ก็แสดงว่าเขาไม่ได้รับบัตรเชิญตั้งแต่แรก“เขาแอบปะปนเข้ามา ไล่เขาออกไปเลยค่ะ” ชิวมู่พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเหลือบมองชิวมู่ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ตอนนี้คนในห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดจะมองมาที่นี่เป็นจุดเดียวได้อย่างไร ถ้าลู่หงกวางรู้เรื่องนี้ เขาไม่เพียงแต่จะตกงานเท่านั้น แต่ในอนาคตก็จะอยู่เมืองหลงชื่อยากขึ้นด้วย“คุณสองคนอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่ ตามผมออกมาดีเถอะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่รับรองว่าพวกคุณจะไม่เจ็บตัว” หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวหานซานเฉ
ผู้ช่วยรู้สึกงุนงง ลู่หงกวางปฏิบัติต่อชายหนุ่มคนนี้ในฐานะแขกวีไอพีไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่ช่วยเขาแก้ปัญหาล่ะ?ความคิดของลู่หงกวางนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนแบบผู้ช่วยจะสามารถเข้าใจได้อยู่แล้วแข่งขันกับหนิงซิ่งเผิงมาหลายปี ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาโดยตลอด ไม่เคยได้ครองชัยชนะแบบขาดลอยเลย และลู่หงกวางก็ยังไม่เจอช่วงโหว่ที่จะทำให้เขาชนะได้แต่เรื่องวันนี้ถือเป็นช่องโหว่สำหรับลู่หงกวางเขาไม่รู้สถานะที่แท้จริงของหานซานเฉียน แต่เขารู้ว่าพลังอำนาจของหานซานเฉียนนั้นน่าทึ่งมาก หากหนิงอวี่ทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจ มันก็เหมือนกับหนิงซิ่งเผิงทำให้ชายที่มีอำนาจคนนี้ไม่พอใจไปด้วยไม่ใช่เหรอ?นี่เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้ แล้วคนเฉลียวฉลาดอย่างลู่หงกวางจะพลาดได้อย่างไร?“มีคุณชายหนิงเป็นพยาน ฉันคงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตัวตนของพวกนายสองคนแล้ว จะออกไปเองหรือต้องให้ฉันกำลัง?” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนมองไปที่หนิงอวี่ และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “หนิงอวี่ ระหว่างนายกับฉันไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาย”“แน่นอนว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ฉันก็แค่ไม่
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ