“ไม่มีใครนั่งข้างคนขับเลยเหรอคะ คืนนี้ฉันว่างพอดี คุณเลี้ยงข้าวเย็นฉันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวพูดพลางส่งสายตาให้หานซานเฉียนหานซานเฉียนมองพิจารณาเธอรอบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ผมเป็นคนขับรถครับ”หญิงสาวได้ยินแบบนั้น สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปทันที เธอกัดฟันพูดว่า “เสียเวลาฉันจริง ๆ เป็นคนขับรถกระจอก ๆ ก็ไม่รีบบอก”“ผมเป็นคนขับรถ ต้องแขวนป้ายไว้ที่คอด้วยเหรอครับ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างจนปัญญาแต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจเขาแล้ว เธอหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด“เฮ้อ” หานซานเฉียนถอนหายใจ นี่คือสังคมในความเป็นจริงที่ไม่ปิดบัง ผู้หญิงบูชาเงินทองที่ดูเหมือนจะสูงส่งนั้น ความจริงช่างมีจิตใจที่อัปลักษณ์จนสุดจะทานทนได้ เพื่อเงินแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง“บัดซบ พี่ชาย! คุณเสียโอกาสดี ๆ ไปแล้ว ผู้หญิงประเภทนี้ที่ได้มาง่าย ๆ คุณก็ไม่เอา” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่พอใจข้างหูของหานซานเฉียนหานซานเฉียนหันกลับมา แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่หานซานเฉียนยังคงจำรูปร่างหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน“คุณน่ะเหรอ”“เจ้าบ้านี่! คุณเองเรอะ!” ชิงอวิ๋นมองไปที่หานซานเฉียนอย่างตื่นตระหนก“นายไม่ไปทำนายดวง
“หานซานเฉียน” เมื่อหานซานเฉียนพูดจบก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “นายยากจนจนไม่มีเงินกินข้าว แต่กล้ามาที่ร้านอาหารประเภทนี้งั้นเหรอ?”“พี่ซานเฉียน พี่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ผมออกไปหลอก...อะแฮ่ม ทำนายดวงชะตาให้คนอื่น มันก็หาเงินได้มาก ครึ่งปีได้มาสถานที่แบบนี้สักที ก็พอจะมีปัญญาอยู่บ้าง” ชิงอวิ๋นพูดหานซานเฉียนหมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าจะให้คำจำกัดความคนเสเพลในชุดนักบวชลัทธิเต๋าคนนี้อย่างไรชิงอวิ๋นสั่งอาหารทีเดียวนับสิบจาน มื้อนี้ต้องมีราคาอย่างน้อยห้าหลักเขากินอย่างตะกละตะกลามเหมือนไม่เคยกินข้าวมาก่อนในชีวิต หานซานเฉียนมองดูอย่างเงียบ ๆ เมื่อลูกค้าคนอื่น ๆ เห็นภาพนี้ก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันที“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็ให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองบ้าง” หานซานเฉียนเตือนชิงอวิ๋นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เราควรสนใจภาพลักษณ์ต่อหน้าผู้หญิงเท่านั้น จะมาสร้างภาพต่อหน้าอาหารอร่อย ๆ ทำไม”ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ชิงอวิ๋นก็อิ่มหนำสำราญ ก่อนจะเรอออกมาและพบว่าหานซานเฉียนไม่ได้แตะตะเกียบเลย จึงพูดว่า “กินสิ ทำไมพี่ถึงไม่กินล่ะ?”“กินอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนพูดพลาง
หานซานเฉียนไม่อยากก่อเรื่องทะเลาะวิวาท จึงคว้ามือชิงอวิ๋นจากไปแต่เห็นได้ชัดว่าชิงอวิ๋นยังไม่ยอมจบเรื่องด้วยดี เขายังตะโกนเอะอะไปตลอดทาง ทั้งเรื่องศัลยกรรม ดูดไขมันต้นขา คำพูดโจมตีทุกรูปแบบ จนเด็กสาวร่างสูงเพรียวโกรธจนแทบกระอักเลือด“พี่ใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะดีกับผมขนาดนี้ กลัวผมเกิดเรื่องเลยดึงผมออกมาใช่ไหม ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้หญิงประเภทนี้ดีแต่ปาก เก่งไม่จริงหรอก” ชิงอวิ๋นพูดอย่างยิ้มแย้มหานซานเฉียนมองชิงอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา ดีกับเขาเหรอ? ถ้าเจ้าหมอนี่ดึงเขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ ต่อให้เขาถูกคนตีจนตาย หานซานเฉียนก็จะไม่กะพริบตาเลยชิงอวิ๋นสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ส่งมาจากหานซานเฉียนแล้วรู้สึกสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดว่า “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไม่ชอบนิสัยชอบทำตัวโดดเด่นของผม วันหลังผมจะเจียมตัวให้มากขึ้นกว่านี้ดีไหมครับ?”หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ทำไมนายถึงอยากติดตามฉันนัก?”“กินข้าวอิ่ม” ชิงอวิ๋นพูดโดยไม่ลังเล“นอกเหนือจากนี้ล่ะ?” หานซานเฉียนถามต่อ“พี่ใหญ่ พี่ดูสิผมอายุมากแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยลิ้มรสผู้หญิงเลยว่าเป็นยังไง ถ้าพี่ใจดี ช่วยหาแฟนให้ผม
"หนิงอวี่ คุณคงไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ? หรือว่ายังมีใครที่คุณชายหนิงไม่กล้ายุ่งด้วย?” ชิวมู่พูดอย่างจงใจปลุกปั่นหนิงอวี่มองชิวมู่อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นังบ้า นี่คุณกำลังดูถูกผมเหรอ?”ชิวมู่หดหัวด้วยความตกใจ พลางพูดว่า “หนิงอวี่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณเก่งกาจขนาดนี้ จะมีใครที่ไม่กล้าแตะต้องได้ยังไง”“ไม่ใช่คนในพื้นที่ มันจะยุ่งยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่” หนิงอวี่กล่าวทันใดนั้นร่างกายของชิวมู่ก็สั่นสะท้านอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ริมเคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่าง ก็คือ ชายหนุ่มสองคนที่เจอวันนี้ไม่ใช่เหรอ?“หนิงอวี่ พวกเขานี่แหละ คู่แล้วต้องไม่แคล้วกัน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาถึงที่” ชิวมู่กล่าวพลางชี้ไปที่คนสองคนที่เคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่างหนิงอวี่ยืดตัวตรง แม้ว่าแสงไฟจะไม่สามารถทำให้เขาเห็นใบหน้าของทั้งสองคนได้ถนัด แต่เมื่อมองดูคร่าว ๆ แล้วก็รู้แปลกหน้า“ไปสิ ผมจะช่วยคุณแก้แค้น คืนนี้จะได้ถือโอกาสจัดการพี่สาวของคุณด้วย” หนิงอวี่พูดด้วยรอยยิ้มชิวมู่รีบลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น คิดหาวิธีรับมือหานซานเฉียนเรียบร้อยแล้วชิงอวิ๋นคนที่ด่าเธอจะต้องโดนจัดชุดใหญ่ ส่วนหานซานเฉียนคนที
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้หนิงอวี่ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ พลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคนบ้านนอกจากเมืองอื่นอย่างคุณจะรู้จักผมด้วย ในเมื่อคุณรู้จักก็น่าจะคิดได้ว่าจะมีจุดจบยังไงนะ?”“ก่อนจะพูดถึงจุดจบ ทำไมคุณไม่โทรหาหนิงซิ่งเผิง แล้วถามเขาว่าผมควรจะมีจุดจบยังไงล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าว เขามาที่เมืองหลงซื่อเพื่อช่วยเจียงหยิงหยิงแก้ปัญหาเท่านั้น ต่อไปก็รอดูเฉย ๆ เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาใด ๆ และไม่ต้องการสร้างความรำคาญให้หนิงซิ่งเผิง ถึงอย่างไรหนิงซิ่งเผิงก็เสนอตัวช่วยเหลือเจียงหยิงหยิงในเรื่องนี้เช่นกัน“โทรหาพ่อผมเหรอ?” หนิงอวี่ยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คนแบบคุณ ต้องการให้พ่อผมออกหน้าสั่งสอนบทเรียนคุณเองเหรอ แค่ผมก็พอแล้ว”“คุณชายหนิง คุณมีฐานะสูงศักดิ์ ให้ผมช่วยซ้อมเขาไหม?”“คุณชายหนิง ผมเอง จะทำให้เจ้าหนูนี่รับผลที่ก่อไว้อย่างสาสม”“ผมเอง ผมเอง เจ้าคนไร้ค่าแบบนี้ ผมจัดการได้ด้วยมือเดียว”ผู้คนที่ล้อมเข้ามามุงดูพากันพูดว่าพวกเขาต้องการลงมือแทนหนิงอวี่ไม่หยุด เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่พวกเขาจะได้เอาใจหนิงอวี่ หากได้เป็นบริวารคอยรับใช้หนิงอวี่ มันจะเป็นการเปลี่ยน
หนิงอวี่ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นใครแถมยังกล้าพูดแบบนี้ออกมา แสดงว่าคน ๆ นี้จะต้องมีสถานะบางอย่างแน่นอนแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่ใช่คนจากเมืองหลงชื่อ แต่หนิงอวี่ก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่การก่อปัญหาให้ตัวเองเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งนั้นไม่ใช่นิสัยของเขา ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็คุกเข่าขอโทษแล้ว นั่นแปลว่ายอมถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องมันร้ายแรงยิ่งขึ้น“พี่ชาย วันนี้ผมอารมณ์ดีเพราะอย่างนั้นเลยจะปล่อยพวกพี่ไป แต่ผมขอแนะนำว่าทางที่ดีพี่รีบไสหัวออกไปจากเมืองหลงชื่อให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคราวหน้าพี่อาจไม่ได้โชคดีแบบนี้”หนิงอวี่กล่าวยังไม่ทำให้หานซานเฉียนยอมขอโทษ ชิวมู่จึงยังไม่ได้รู้สึกถึงความเหนือกว่า เธอเลยพูดกับหนิงอวี่อย่างไม่ยอมว่า “หนิงอวี่ เขาทำให้ฉันไม่พอใจ ทำไมคุณถึง...”“ชิวมู่ ตกลงว่าผมเป็นใหญ่ หรือว่าคุณเป็นใหญ่กันแน่?” หนิงอวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเมื่อชิวมู่เห็นว่าหนิงอวี่เริ่มโมโห เธอจึงก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัวและพูดว่า “แน่นอนว่าคุณเป็นใหญ่ค่ะ”“ในเมื่อบอกว่าผมเป็นใหญ่ ถ้าคุณยังพูดจาเหลวไหลอีกคำผมจะจัดการคุณแน่”หนิงอวี่กล่าว“ค่ะ
ในทุก ๆ ปี ลู่หงกวางจะจัดงานเลี้ยงคนดังหนึ่งครั้ง นอกจากเพื่อการเพิ่มอิทธิพลของตัวเองในเมืองหลงชื่อแล้ว ยังสามารถกระชับความสัมพันธ์แบบเส้นสายของเขาอีกด้วยแม้ว่าภายนอกจะเห็นว่าสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการห้างสรรพสินค้าอย่างตระกูลลู่และตระกูลหนิงนั้นพัฒนาอย่างปรองดองกัน แต่ลับหลังนั้นทั้งสองแข่งขันกันอยู่ตลอด ต่างฝ่ายต่างก็อยากอยู่ในตำแหน่งผู้นำดั่งคำกล่าวที่ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ การช่วงชิงตำแหน่งของเสือยักษ์ทั้งสองนี้ นอกเสียจากใช้อิทธิพลของตัวเองยังจำเป็นต้องมีการรวมพรรครวมพวกด้วยเพราะสองคนนี้ทำให้โลกธุรกิจของเมืองหลงชื่อแบ่งออกเป็นสองขั้วอำนาจอย่างชัดเจน งานเลี้ยงชุมนุมจึงมีไว้เพื่อการกระชับความสัมพันธ์นี้นั่นเองแน่นอนว่าผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้นอกจากคนในแวดวงธุรกิจแล้วยังมีคนสำคัญจากรัฐบาล ซึ่งในจำนวนนี้ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้มากนัก ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะสูญเสียตำแหน่งทางราชการไปกันกี่คนเช้าวันต่อมาหลังจากที่หานซานเฉียนทานอาหารเช้ากับชิงอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวจะไปโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง แต่เมื่อเดินมาถึงรถ หานซานเฉียนก็ได้แต่ยิ้มอย่า
“แม้ว่าจะไม่มีเงินก็ต้องแสร้งทำเป็นมหาเศรษฐี ไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นดูถูกได้ง่ายครับ” ชิงอวิ๋นพูด“รูปลักษณ์ของนายแบบนี้ถึงจะให้เงินนายสิบล้าน ก็ไม่ได้เหมือนเศรษฐีขึ้นมาหรอก เสแสร้งไปจะมีประโยชน์อะไร?” หานซานเฉียนกล่าวดูถูกชิงอวิ๋นเสียความมั่นใจไปทันที เขาก้มหัวลงและพูดว่า “พี่ใหญ่ ขอบคุณที่พี่เจียดเวลาจากงานยุ่ง ๆ มาโจมตีผมนะครับ”“ไม่ต้องเกรงใจ ถ้านายต้องการอีกเมื่อไหร่ก็บอก” เมื่อพูดจบหานซานเฉียนก็รู้สึกตกใจ เขาเพิ่งจะใกล้ชิดกับชิงอวิ๋นได้เพียงวันเดียวเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะพูดแบบนั้นไป แต่ก็อย่างว่าคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ด้วยสำหรับหานซานเฉียน ในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก แต่ก็สามารถแน่ใจได้ว่าสถานะของคนพวกนี้ในเมืองหลงชื่อคงไม่ธรรมดาแน่ และตามสถานการณ์ปัจจุบันของหลงชื่อ คนพวกนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่หงกวาง และมีความสัมพัธ์ที่ไม่ดีกับหนิงซิ่งเผิงอย่างแน่นอน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้จริง ๆ หานซานเฉียนดูก็รู้ว่ายังมีการแข่งขันลับ ๆ อีกไม่น้อยหานซานเฉียนเข้าใจเรื่องของโลกธุรกิจอย่างถ่องแท้ เขาหมกมุ่นอยู่กับอยู่กับห้างสรรพส