ตอนนี้เจียงหยิงหยิงรู้สึกทรมานใจมาก เพราะเธอกังวลมากว่าจะทำให้หานซานเฉียนเดือดร้อนไปด้วยเพราะเรื่องของตัวเอง ในสายตาของเธอ การลาออกจากโรงเรียนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่หานซานเฉียนไม่เดือดร้อน ส่วนหานซานเฉียนจะช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้หรือไม่ เธอไม่กล้าที่จะคาดหวังมากนัก สมาชิกคณะกรรมการบริหารหลายคนของโรงเรียนล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่เจียงหยิงหยิงล่วงเกินไม่ได้ ดูท่าทางหานซานเฉียนจะร่ำรวย แต่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณเงินทองแล้ว“อย่าทำให้ต้องปวดหัวเลย บอกเพื่อนของคุณว่าเขาทำให้หลินเส้าฮุยขุ่นเคือง มาดูกันว่าเขาจะกล้าแสดงตัวไหม” หลินเส้าฮุยกล่าวขณะที่หานซานเฉียนเคาะโต๊ะประชุม ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากนอกห้องประชุม เขายิ้มพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้อง มาถึงแล้วล่ะ”หลินเส้าฮุยขยับคอเสื้อแล้วพูดว่า “มาแล้วก็ดี ผมก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร”หลินเส้าฮุยทำท่าทำทางเสแสร้ง พอเห็นบุคคลแรกที่เดินเข้ามาก็มีสีหน้าตกตะลึง เพราะคณะกรรมการบริหารโรงเรียนคนนี้เป็นผู้หนุนหลังของเขา ส่วนคนที่ทยอยตามเข้ามาทีละคนทำให้หลินเส้าฮุยตกใจจนถึงกับพูดไม่ออกนอกจากคณะกรรมการบริหารทุกคนแล้ว ยังมีลู
“ยังมัวลังเลอะไรอยู่อีก รีบคิดหาวิธีแก้ไขเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นก็อย่าเป็นอธิการบดีเลย” เปาจิ่งจงตำหนิเสียงดัง“ครับ ๆ ๆ” อธิการบดีเช็ดเหงื่ออันเย็นเยียบบนหน้าผาก เหลือบมองหานซานเฉียนแล้วลองถามหยั่งเชิง “ถ้าอย่างนั้น ให้หลินเส้าฮุยขอโทษเจียงหยิงหยิงดีไหมครับ?”เมื่อได้ยินแบบนี้เปาจิ่งจงก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเดินเข้าไปหาอธิการบดีแล้วเตะโดยไม่สนใจอายุ พลางพูดอย่างเย็นชา “นี่คือแผนการที่คุณคิดไว้เหรอ? ขอโทษ แค่ขอโทษคำเดียวก็จบแล้วเหรอ?”อธิการบดีปฏิเสธซ้ำ ๆ ด้วยความกลัวในเวลานี้เฉินข่ายฮว๋าก็เดินเข้ามาหา แล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษก็ได้ ต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียน ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเสียหน้าหรือเปล่า ถ้าทำให้เจียงหยิงหยิงพอใจไม่ได้ คุณก็เตรียมตัวม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย”พี่ใหญ่ทั้งสองก็ลุกขึ้นพูดแล้ว อธิการบดีจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร ส่วนหลินเส้าฮุยในเวลานี้นั้นเตรียมตัวรอถูกเชือดเขามีผู้หนุนหลังที่มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นคนส่วนใหญ่ในเมืองหลงซื่ออยู่ในสายตา แต่เขารู้ว่าครั้งนี้เจอของแข็งเกินไป แข็งจนแม้แต่คนใหญ่โตสองคนอย่างเปาจิ่งจงและเฉินข่ายฮว๋ายังต้องทำงานใ
“เจียงหยิงหยิง เธอทำให้โรงเรียนของเราขายหน้าจริง ๆ ออกไปซะ” นักเรียนหญิงคนก่อนหน้านี้ตะโกนนำขึ้นมา นักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ก็ทำตาม พวกเธอดุด่าเจียงหยิงหยิงที่ไร้ยางอาย สถานการณ์เช่นนี้กระตุ้นนักเรียนคนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว เจียงหยิงหยิงถูกผู้คนประณาม บางคนเหลวไหลถึงขั้นบอกให้จับเธอใส่ชะลอมหมูไปถ่วงน้ำเจียงหยิงหยิงได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกคับข้องใจมาก เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะหานซานเฉียนออกหน้าช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้เธอ เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นรอยมลทินที่แยกไม่ออกไปจากชีวิต“พวกเธอพูดพอแล้วหรือยัง?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย“ยังไม่พอ เธอทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ ด่าจนเธอตายก็ไม่มากเกินไปหรอก ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ฉันรู้สึกละอายใจมาก” นักเรียนหญิงคนนั้นกล่าวหานซานเฉียนยิ้มเยาะ ในเวลานี้ทางโรงเรียนรวมถึงคนที่หานซานเฉียนเรียกมาต่างก็พากันทยอยขึ้นไปบนเวทีเมื่อบรรดานักเรียนเห็นคู่กรณีอย่างหลินเส้าฮุยก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะสีหน้าท่าทางของหลินเส้าฮุยย่ำแย่มาก เขาดูไม่มีทีท่าว่าจะลงโทษเจียงหยิงหยิงเลย ยิ่งไปกว่านั้นลูหนิงเปาเฉินทั้งสี่คนรว
“ลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้ฟ้าถล่ม พ่อก็ช่วยลูกจัดการได้ ไม่ต้องห่วง” เสียงที่ปลายสายนั้นใจเย็นมาก ไม่เอาใจใส่เรื่องที่ลูกสาวทำผิดเลย“แต่ว่า แต่ว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากมาก คนที่หนูล่วงเกินมีผู้หนุนหลังเป็นคนใหญ่โตแห่งเมืองหลงซื่ออย่างลู่หนิงเปาเฉินค่ะ”“อะ...อะไรนะ! ลูกบอกว่าใครนะ?” ชายที่อยู่ปลายสายตกตะลึงขึ้นมาทันที “ลู่หงกวาง หนิงซิ่งเผิง เปาจิ่งจง เฉินข่ายฮว๋าค่ะ” “เฉินตัน นี่ลูกไปทำอะไรมา!” ปลายสายแผดเสียงใส่อย่างโกรธจัด เขาตามใจลูกสาว โอ๋มาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่คิดว่าเฉินตันจะสร้างปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ลู่หนิงเปาเฉิน ล่วงเกินแค่คนเดียวตระกูลเฉินก็แบกรับไม่ไหวแล้ว แต่ตอนนี้เธอไปหาเรื่องทั้งสี่คนในคราวเดียว เท่ากับเร่งให้ตระกูลเฉินต้องพบกับจุดจบ“พ่อคะ หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่รู้ว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนี้” เฉินตันพูดสะอึกสะอื้นบนแท่นเชิญธงชาติ เมื่อเรื่องทุกอย่างถูกเปิดเผย ความจริงเป็นที่รู้กันทั่ว ในช่วงเวลานี้ข่าวลือเกี่ยวกับเจียงหยิงหยิงก็ไม่น่าเชื่อถืออีก กลุ่มนักเรียนต่างรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง และไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีการแก้ปัญหาของอธิการบดีในเรื่องนี้ โชคดีที่เขา
“หล่อนบังคับเธอ เธอก็ต้องทำร้ายฉันงั้นเหรอ? ฉันเห็นเธอเป็นเหมือนพี่น้องของฉัน แต่เธอทำแบบนี้กับฉัน กล้าสู้หน้าฉันได้ไหม?” เจียงหยิงหยิงโกรธยิ่งกว่าถูกใส่ร้ายเสียอีก เพราะเธอสนิทสนมกับเหลียงหงมากที่สุดในหอพัก ทั้งสองเกิดในเวลาใกล้เคียงกัน มาจากครอบครัวเดี่ยวเหมือนกัน มีเห็นอกเห็นใจต่อกันเสมอมา เจียงหยิงหยิงปฏิบัติกับเหลียงหงเหมือนเป็นพี่น้องแท้ ๆ ของเธอเอง เวลาเธอมีปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลัง เจียงหยิงหยิงก็ช่วยเธอ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเหลียงหงจะทำร้ายเธอได้เหลียงหงรู้ว่าตนเองละอายใจต่อเจียงหยิงหยิงมากแค่ไหนที่ทำแบบนี้ เธอร้องไห้แล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ หยิงหยิง ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”“เธอไปได้แล้ว ต่อไปเราไม่ใช่เพื่อนกันอีก” เจียงหยิงหยิงกล่าว “หยิงหยิง...ฉัน...” เหลียงหงจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยั้งคำพูดไว้ ติดอยู่ในลำคอไม่พูดออกมา เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ขอให้เจียงหยิงหยิงยกโทษให้เธอทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามาในร้านอาหาร เขาดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อออกเต็มหน้า ข้างกายของเขายังมีเฉินตันด้วย เขาก็คือเฉินปิน พ่อของเฉินตันหลังจากมาถึงโรงเรียน เฉินตันเล่าให้เฉินปินฟังว่าเกิดอะ
เฉินปินตะลึงงัน ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “พ่อรู้ว่าลูกอยากแต่งงานกับตระกูลที่มีฐานะและอิทธิพล แต่คนประเภทนี้อยู่สูงกว่าตระกูลเฉินมาก ลูกไม่คู่ควรกับเขาและเขาก็ดูถูกลูก เลิกล้มความคิดนี้เสียดีกว่า”เฉินตันคอตกอย่างหมดแรง คำพูดเมื่อครู่ เธอพูดออกไปด้วยความวู่วามไปชั่วขณะ หลังจากคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร? เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วการที่เธอเป็นลูกคุณหนู แต่จะเทียบกับหานซานเฉียนได้อย่างไร?หลังจากเดินออกจากร้านอาหารหานซานเฉียนก็ส่งเจียงหยิงหยิงที่ประตูโรงเรียน ก่อนจะพูดกับเจียงหยิงหยิงว่า “ถ้าในอนาคตเธอต้องการทำงานพิเศษก็สามารถไปที่บริษัทของเฉินปินได้ เขาจะไม่ทำให้เธอลำบากใจแน่นอน”“พี่ซานเฉียน ขอบคุณที่พี่ช่วยฉันมากมายขนาดนี้นะคะ” เจียงหยิงหยิงกล่าว“พูดขอบคุณมากี่ครั้งแล้ว เธอไม่เบื่อ แต่หูของฉันรู้สึกเบื่อแล้ว อย่าพูดคำพวกนั้นอีกล่ะ” หานซานเฉียนกล่าวนอกจากพูดขอบคุณ เจียงหยิงหยิงก็ไม่รู้จะตอบแทนหานซานเฉียนอย่างไร เธอจึงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อได้ยินคำพูดของหานซานเฉียน เธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าฉันมีวันหยุดเมื่อไหร่ ฉันจะทำงานอย่างหนัก แล้วเลี้ยงอาหารมื้
“ไม่มีใครนั่งข้างคนขับเลยเหรอคะ คืนนี้ฉันว่างพอดี คุณเลี้ยงข้าวเย็นฉันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวพูดพลางส่งสายตาให้หานซานเฉียนหานซานเฉียนมองพิจารณาเธอรอบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ผมเป็นคนขับรถครับ”หญิงสาวได้ยินแบบนั้น สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปทันที เธอกัดฟันพูดว่า “เสียเวลาฉันจริง ๆ เป็นคนขับรถกระจอก ๆ ก็ไม่รีบบอก”“ผมเป็นคนขับรถ ต้องแขวนป้ายไว้ที่คอด้วยเหรอครับ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างจนปัญญาแต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจเขาแล้ว เธอหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด“เฮ้อ” หานซานเฉียนถอนหายใจ นี่คือสังคมในความเป็นจริงที่ไม่ปิดบัง ผู้หญิงบูชาเงินทองที่ดูเหมือนจะสูงส่งนั้น ความจริงช่างมีจิตใจที่อัปลักษณ์จนสุดจะทานทนได้ เพื่อเงินแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง“บัดซบ พี่ชาย! คุณเสียโอกาสดี ๆ ไปแล้ว ผู้หญิงประเภทนี้ที่ได้มาง่าย ๆ คุณก็ไม่เอา” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่พอใจข้างหูของหานซานเฉียนหานซานเฉียนหันกลับมา แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่หานซานเฉียนยังคงจำรูปร่างหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน“คุณน่ะเหรอ”“เจ้าบ้านี่! คุณเองเรอะ!” ชิงอวิ๋นมองไปที่หานซานเฉียนอย่างตื่นตระหนก“นายไม่ไปทำนายดวง
“หานซานเฉียน” เมื่อหานซานเฉียนพูดจบก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “นายยากจนจนไม่มีเงินกินข้าว แต่กล้ามาที่ร้านอาหารประเภทนี้งั้นเหรอ?”“พี่ซานเฉียน พี่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ผมออกไปหลอก...อะแฮ่ม ทำนายดวงชะตาให้คนอื่น มันก็หาเงินได้มาก ครึ่งปีได้มาสถานที่แบบนี้สักที ก็พอจะมีปัญญาอยู่บ้าง” ชิงอวิ๋นพูดหานซานเฉียนหมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าจะให้คำจำกัดความคนเสเพลในชุดนักบวชลัทธิเต๋าคนนี้อย่างไรชิงอวิ๋นสั่งอาหารทีเดียวนับสิบจาน มื้อนี้ต้องมีราคาอย่างน้อยห้าหลักเขากินอย่างตะกละตะกลามเหมือนไม่เคยกินข้าวมาก่อนในชีวิต หานซานเฉียนมองดูอย่างเงียบ ๆ เมื่อลูกค้าคนอื่น ๆ เห็นภาพนี้ก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันที“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็ให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองบ้าง” หานซานเฉียนเตือนชิงอวิ๋นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เราควรสนใจภาพลักษณ์ต่อหน้าผู้หญิงเท่านั้น จะมาสร้างภาพต่อหน้าอาหารอร่อย ๆ ทำไม”ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ชิงอวิ๋นก็อิ่มหนำสำราญ ก่อนจะเรอออกมาและพบว่าหานซานเฉียนไม่ได้แตะตะเกียบเลย จึงพูดว่า “กินสิ ทำไมพี่ถึงไม่กินล่ะ?”“กินอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนพูดพลาง