สำหรับเซี่ยจิ่นเหยียนเขาคิดว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดในห้องนี้คือม่อหยาง ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจเฉพาะม่อหยางโดยอัตโนมัติ หลังจากได้ยินสิ่งที่ม่อหยางพูด เขาจึงเห็นหานซานเฉียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เซี่ยจิ่นเหยียนค่อนข้างคุ้นเคยกับหานซานเฉียนเป็นอย่างดี ในงานวันเกิดของเทียนฉางเฉิง เขาเองก็เห็นกับตาว่าหานซานเฉียนนั่งอยู่ข้างเทียนฉางเฉิงด้วยเมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือแพร่ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับหานซานเฉียนในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองหยุนเฉิง ข่าวลือมีหลากหลายรูปแบบโผล่ขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งผลลัพธ์มีแค่อย่างเดียวคือ ทุกคนรู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ในเมืองหยุนเฉิงอีกต่อไป แม้ในอดีตเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ แต่ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลเทียน แม้แต่กองโคลนก็ยังสามารถปีนข้ามกำแพงได้ “คุณหานซานเฉียน ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่ลูกสาวผมทำลงไปด้วยครับ” เซี่ยจิ่นเหยียนกล่าว “เธอทุบรถของผม แถมยังให้คนมาทำร้ายผมด้วย ลูกสาวคนนี้ของคุณเป็นคนหยาบคายมากเลยนะ” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา นิสัยเจ้าหญิงเอาแต่ใจของเซี่ยอวี๋ฟู๋นั้น เซี่ยจิ่นเหยียนเป็นคนเลี้ยงดูเธอมากับมือ เขาจะไม่รู้นิสัยลูกตัวเองได
หลังจากส่งหานซานเฉียนที่ประตูทางเข้าคลับเมจิกซิตี้แล้ว ม่อหยางก็ถามว่า “ฉันต้องช่วยหลิวฉีหรือเปล่า เกรงว่าด้วยศักยภาพของเขา มันคงไม่ง่ายที่จะให้เขาจัดการกับตระกูลเซี่ย” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอก ถ้าสุนัขฉันกัดไม่ได้ มันจะมีค่าอะไร?” ม่อหยางได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกตกตะลึง เขามองดูหานซานเฉียนอย่างเคร่งขรึม ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป “มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถามด้วยความสงสัย ม่อหยางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร รีบกลับบ้านเถอะ ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ฉันจะเป็นห่วงนายอีก” หลังจากหานซานเฉียนจากไปแล้ว ม่อหยางก็ถอนหายใจแล้วพูดกับตัวเองว่า “ฉันแค่อยากจะบอกว่า นายมีศักยภาพที่จะเป็นหัวหน้าใหญ่ได้เลย แต่ด้วยตัวตนของนาย ฉันไม่คิดว่านายจะใช้เส้นทางนี้ นี่คือ… ตระกูลหานสินะ”เมื่อพูดจบ ม่อหยางก็รู้สึกขนลุกทันที แม้เขาจะคาดเดาได้ว่าตัวตนของหานซานเฉียนนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียนจะทำให้เขารู้สึกตกใจมากขนาดนี้ แม้ตระกูลหานจะไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มชนชั้นนำในประเทศจีน แต่ก็อยู่ห่างจากยอดพีระมิดแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น! แลมโบกิ
ความสัมพันธ์จอมปลอมระหว่างสามีภรรยาเริ่มสร้างความคับข้องใจให้ซูหยิงเซี่ย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่และหัวเราะเยาะ มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว หานซานเฉียนไม่เคยคิดที่จะบังคับเธอให้ทำอะไรเลยแม้กระทั่งตอนนี้ ความคิดของหานซานเฉียนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง บางทีคงต้องรอให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจับหานซานเฉียนกดลงบนเตียงเท่านั้น เขาถึงจะได้สติกลับมา หกโมงเช้าวันถัดมา หานซานเฉียนตื่นขึ้นมาก่อน เขารู้สึกว่ามีต้นขากดทับหน้าอกเขา แต่ไม่มีความรู้สึกอึดอัดเลย ตรงกันข้ามเขากลับมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจอย่างน่าประหลาด เมื่อเสียงปลุกดังขึ้น ซูหยิงเซี่ยก็ยกขาออก แล้วลุกไปล้างหน้าด้วยสีหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเขินอายหลังจากทั้งสองคนทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ออกไปวิ่งตอนเช้าด้วยกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้พบกับคนที่ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจ นั่นก็คือ ข่งอู่เมื่อข่งอู่เห็นหานซานเฉียน ก็รีบเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยความกระตือรือร้น แล้วตะโกนว่า “พี่หาน พี่สะใภ้”“คุณมาวิ่งตอนเช้าด้วยเหรอ?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างงุนงง ข่งอู่ควรจะยุ่งอยู่กับเรื่องไนท์คลับ ทำไมเขาถึงมา
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนก็ได้รับโทรศัพท์จากข่งอู่ หลังจากทราบที่อยู่ของงานเลี้ยงแล้วจึงขับรถออดี้ออกไปช่วงนี้เขาไม่ได้ขับรถแลมโบกินีสุดล้ำแล้ว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากฝีมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋มาไม่น้อย จึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมแปลงโฉมใหม่ อีกอย่างมันยังใช้เงินไม่น้อยด้วย เขาได้ยินมาว่าพนักงานบริษัทประกันต่างพากันร้องไห้ยกใหญ่เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง หานซานเฉียนพบว่ามันเป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัว แล้วยังดูดีมีระดับมาก รถยนต์สุดหรูหลายคันจอดอยู่หน้าประตูจนแทบจะกลายเป็นงานแสดงรถหรูอยู่แล้ว แม้ออดี้ A6 ของหานซานเฉียนนั้นเป็นรถที่ดูดีแล้ว แต่มันก็มืดสลัวอยู่ที่หน้าประตูคลับเฮ้าส์ไม่มีใครแล เมื่อหานซานเฉียนหาที่จอดรถได้และกำลังจอดรถนั้น พนักงานบริการก็วิ่งเข้ามาเคาะหน้าต่างรถของหานซานเฉียนด้วยสีหน้าหงุดหงิดหานซานเฉียนเหยียบเบรกพร้อมกับลดกระจกลง ถามอย่างงุนงงว่า “มีอะไรเหรอครับ?” “ขออภัยครับ ที่นี่ไม่มีที่จอดรถแล้ว คุณเปลี่ยนไปจอดที่อื่นเถอะครับ” พนักงานบริการมองหานซานเฉียนแล้วพูดอย่างไม่แยแส“ที่นี่ไม่ใช่ที่จอดรถเหรอ?” หานซานเฉียนลงจากรถ แล้วชี้ไปที่ช่องจอดรถ พนัก
เมื่อรู้เท่าทันการกระทำของอีกฝ่าย หานซานเฉียนเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบสวนกลับไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ทำให้ชายหนุ่มล้มลงกับพื้นกลิ้งไปสองสามตลบกว่าจะหยุดลง“บ้าเอ๊ย แกเป็นใครกันวะถึงกล้าทำแบบนี้!?” ชายคนนั้นกัดฟันตะโกนลั่น “อย่าถามว่าผมเป็นใคร ผมเป็นคนที่คุณไม่สามารถยั่วยุได้ไงล่ะ” หานซานเฉียนยังคงเดินต่อไปทางคลับเฮ้าส์ พนักงานบริการตกตะลึง คนขับรถออดี้โทรม ๆ กล้าเตะคนขับรถปอร์เช่ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง? พนักงานบริการรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มสะบัดมือจากพนักงานบริการออก กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตายสิ แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!? บ้าเอ๊ย ไม่ยอมเลื่อนรถงั้นเหรอ เดี๋ยวฉันจะเล่นกับแกเอง” เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็ขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วพุ่งเช้าชนออดี้อย่างแรงจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็จอดรถปอร์เช่ด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนเป็นอีกโฉมหนึ่งระหว่างขับเข้าไปในช่องจอดรถ พนักงานบริการใจหายวาบ มันเป็นรถมูลค่านับหลายล้าน แต่กลับเอารถมาชนกันเล่น คนรวยเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญของเงินเลยสินะ อีกอย่าง
เจียงเทายิ้มขณะเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “โอโห เพิ่งดูรายการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างนายน่าจะเป็นขยะแห้ง แต่ตอนนี้ถูกไวน์สาดจนกลายเป็นขยะเปียกแล้วเหรอเนี่ย?”“เจียงเทา ขยะยังจะแบ่งแยกเป็นแห้งเปียกอะไรได้อีก มันก็แค่กองขยะเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?” ชายคนนั้นพูดเยาะเย้ย หานซานเฉียนเช็ดไวน์บนใบหน้าเขาออก พูดอย่างเรียบเฉยกับชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังเยาะเย้ยเขาว่า “ผมจะให้โอกาสพวกคุณ คุกเข่าขอโทษผมซะ”ทั้งสองหยุดหัวเราะ มองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ต้องการให้พวกเราขอโทษเหรอ? ฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?” เจียงเทาจงใจทำท่าแคะหู เขาสงสัยว่าตนเองหูแว่วไปหรือเปล่า“นายเป็นใครพวกเราถึงจะต้องขอโทษ นายคงไม่รู้จักแม้แต่เจ้าของงานด้วยซ้ำ ถึงได้ลอบเข้ามาใช่ไหม?” ชายคนนั้นตะโกนลั่น การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่ในงานรู้จักเจียงเทา ดังนั้นในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนเลวทรามต่ำช้า“ทุกวันนี้พวกไร้ชนชั้นเริ่มมีตาแต่ไร้แววมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกล้าเข้ามาในงานเลี้ยงระดับนี้ แล้วยังกล้าล่วงเกินเจียงเทาอีก นี
แต่เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่ง เสียงเอะอะก็กลับมาดำเนินต่อไป“เจียงเทา นายกำลังทำบ้าอะไร? ยังไม่รีบจัดการเจ้าคนไร้ค่านี่อีก”“นายคงเอาชนะคนขี้แพ้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นนายกลายเป็นเรื่องตลกแทนแน่”“มีใครเต็มใจยื่นมือเข้ามาช่วยคุณชายเจียงไหม ดูเหมือนว่าคุณชายเจียงของเราจะเอาชนะคนขี้แพ้คนนี้ไม่ได้แหละ”เมื่อเจียงเทาได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของก็ย่ำแย่อย่างที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มือของเขาก็ถูกคว้าไว้แน่นจนไม่สามารถชักมือออกได้เลย“เจ้าคนขี้แพ้ ปล่อยนะ!” เจียงเทากัดฟันพูด“ผมเคยพูดไปแล้วว่า โอกาสน่ะ… ให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” เมื่อหานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เตะเข้าไปที่หัวเข่าด้านซ้ายของเจียงเทาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน ขาซ้ายของเจียงเทางอกลับไปด้านหลังทันที แสดงให้เห็นส่วนโค้งที่น่าขนลุก“ซี้ด...”“นี่… นี่เขาหักขาของเจียงเทาหักไปแล้วเหรอ?”“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่เป็นใคร? ทำไมถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้?”สีหน้าของผู้คนที่มามุงดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเจียงเทารู้สึกขาอ่อนแรงทันที เพราะเขาได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจนท
“พี่ข่งมาแล้ว มาดูกันว่าเขาจะจัดการยังไง”“เจ้าหมอนี่กล้ามาก่อกวนในพื้นที่ของพี่ข่ง ตายแน่นอน”“บ้าเอ๊ย! ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพื้นที่ของพี่ข่งล่ะก็ ฉันคงสอนบทเรียนให้เขาไปนานแล้ว”“ใช่แล้ว คนไร้ค่าแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่ข่ง ฉันก็สอนบทเรียนให้เขาแล้วเหมือนกัน”ในเวลานี้คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าพูด กล้าอวดอ้างอย่างไร้ยางอาย ความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจบนใบหน้าเผยออกมาอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาสามารถเหยียบย่ำหานซานเฉียนเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของตนเองได้แต่คนเหล่านี้จะเข้าใจความรู้สึกอยากตายของข่งอู่ในเวลานี้ได้อย่างไร?มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเชิญหานซานเฉียนมาที่นี่ได้ แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะคนอวดเบ่งคนเดียว ถ้าข่งอู่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ต่อให้กลั้นฉี่จนตาย เขาก็จะไม่ไปห้องน้ำขณะที่ทุกคนกำลังรอให้ข่งอู่สั่งสอนบทเรียนแก่หานซานเฉียน ข่งอู่ก็เข้าไปยืนอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “พี่หาน ขอโทษด้วยนะครับ”“นี่คืองานเลี้ยงที่คุณเชิญผมมาใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาร่างกายของข่งอู่สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดแล้วพูด