“ก็เพราะคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงไม่เดือดร้อนหรอก!” หลิวฉีเองก็โหดร้ายเช่นกัน เมื่อเขาพูดจบก็ต่อยหน้าเซี่ยอวี๋ฟู๋ไปหนึ่งครั้ง เซี่ยอวี๋ฟู๋เห็นหลิวฉีเป็นสุนัขขี้ประจบมาโดยตลอด จะให้เขาทำอะไร เขาก็ต้องทำทุกอย่างแต่โดยดี เธอวางตัวอยู่เหนือกว่าหลิวฉีเสมอมา หลิวฉีเอาชนะเธอได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? “หลิวฉี คุณไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ?” เซี่ยอวี๋ฟู๋เอ่ยถาม หลิวฉียิ้มเยาะแล้วพูดว่า “โสเภณีอย่างคุณ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณหลอกใช้ผมเพื่อช่วยคุณจัดการเรื่องต่าง ๆ ใช่ไหมล่ะ? ผมรู้เสมอว่าคุณดูถูกผม ผมไม่อยากเสียเวลากับคุณอีกต่อไปแล้ว ผู้หญิงสวย ๆ แบบคุณ ผมแค่จ่ายเงินก็มีมาให้เลือกมากมาย คุณถือว่าตัวเองเป็นราชินี ต้องการให้ผมปรนนิบัติคุณงั้นเหรอ?” เมื่อเซี่ยอวี๋ฟู๋ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ซีดเผือด เป็นเพราะการมีตัวตนอยู่ของหลิวฉีที่สร้างความมั่นใจให้เซี่ยอวี๋ฟู๋ ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองสูงส่งดั่งราชินี และคำพูดของหลิวฉีก็ทำให้เธอตกลงในหุบเขาน้ำแข็งอย่างไม่ต้องสงสัย “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คุณยังกล้าที่จะล่วงเกินเพื่อนของพี่ใหญ่ม่ออีกด้วย ถ้าผมไม่สั่งสอนบทเรียนคุณ แล้ว
เมื่อเซี่ยจิ่นเหยียนได้รับโทรศัพท์ ขณะนั้นเขากำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนในแวดวงธุรกิจห้างสรรพสินค้า ขณะนี้ตระกูลซูกำลังมีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีเพราะโครงการเฉิงซี เขาย่อมหวังอยู่แล้วว่าตระกูลเซี่ยจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เขาจึงประจบสอพลอคนใหญ่คนโตในแวดวงธุรกิจมากมาย ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย เพื่อให้ตระกูลเซี่ยมีตำแหน่งที่สูงขึ้นในเมืองหยุนเฉิง เรื่องที่เซี่ยอวี๋ฟู๋ไปล่วงเกินม่อหยางจนเกือบทำลายตระกูลเซี่ยนั้นโชคดีที่ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น เซี่ยจิ่นเหยียนได้สั่งสอนบทเรียนให้เซี่ยอวี๋ฟู๋อย่างเต็มที่ เขาเชื่อว่าลูกสาวของเขาจะได้รับบทเรียนมากพอแล้ว แต่เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา สีหน้าของเซี่ยจิ่นเหยียนซีดเผือดลงทันที แม้ในโทรศัพท์เซี่ยอวี๋ฟู๋จะไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำให้เขาต้องไปที่คลับเมจิกซิตี้โดยเร็ว นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าเกิดเรื่องขึ้น! นอกจากนี้คลับเมจิกซิตี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของม่อหยาง เธอคงไม่ได้ไปล่วงเกินม่อหยางอีกหรอกนะ “หัวหน้าเซี่ย คุณเป็นอะไรไป? ทำไมสีหน้าคุณดูแย่จัง” “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” “ถ้ามีเรื่องอะไรบอกพวกเราได้เลย ถ้าพวกเ
สำหรับเซี่ยจิ่นเหยียนเขาคิดว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดในห้องนี้คือม่อหยาง ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจเฉพาะม่อหยางโดยอัตโนมัติ หลังจากได้ยินสิ่งที่ม่อหยางพูด เขาจึงเห็นหานซานเฉียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เซี่ยจิ่นเหยียนค่อนข้างคุ้นเคยกับหานซานเฉียนเป็นอย่างดี ในงานวันเกิดของเทียนฉางเฉิง เขาเองก็เห็นกับตาว่าหานซานเฉียนนั่งอยู่ข้างเทียนฉางเฉิงด้วยเมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือแพร่ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับหานซานเฉียนในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองหยุนเฉิง ข่าวลือมีหลากหลายรูปแบบโผล่ขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งผลลัพธ์มีแค่อย่างเดียวคือ ทุกคนรู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ในเมืองหยุนเฉิงอีกต่อไป แม้ในอดีตเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ แต่ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลเทียน แม้แต่กองโคลนก็ยังสามารถปีนข้ามกำแพงได้ “คุณหานซานเฉียน ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่ลูกสาวผมทำลงไปด้วยครับ” เซี่ยจิ่นเหยียนกล่าว “เธอทุบรถของผม แถมยังให้คนมาทำร้ายผมด้วย ลูกสาวคนนี้ของคุณเป็นคนหยาบคายมากเลยนะ” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา นิสัยเจ้าหญิงเอาแต่ใจของเซี่ยอวี๋ฟู๋นั้น เซี่ยจิ่นเหยียนเป็นคนเลี้ยงดูเธอมากับมือ เขาจะไม่รู้นิสัยลูกตัวเองได
หลังจากส่งหานซานเฉียนที่ประตูทางเข้าคลับเมจิกซิตี้แล้ว ม่อหยางก็ถามว่า “ฉันต้องช่วยหลิวฉีหรือเปล่า เกรงว่าด้วยศักยภาพของเขา มันคงไม่ง่ายที่จะให้เขาจัดการกับตระกูลเซี่ย” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอก ถ้าสุนัขฉันกัดไม่ได้ มันจะมีค่าอะไร?” ม่อหยางได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกตกตะลึง เขามองดูหานซานเฉียนอย่างเคร่งขรึม ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป “มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถามด้วยความสงสัย ม่อหยางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร รีบกลับบ้านเถอะ ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ฉันจะเป็นห่วงนายอีก” หลังจากหานซานเฉียนจากไปแล้ว ม่อหยางก็ถอนหายใจแล้วพูดกับตัวเองว่า “ฉันแค่อยากจะบอกว่า นายมีศักยภาพที่จะเป็นหัวหน้าใหญ่ได้เลย แต่ด้วยตัวตนของนาย ฉันไม่คิดว่านายจะใช้เส้นทางนี้ นี่คือ… ตระกูลหานสินะ”เมื่อพูดจบ ม่อหยางก็รู้สึกขนลุกทันที แม้เขาจะคาดเดาได้ว่าตัวตนของหานซานเฉียนนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียนจะทำให้เขารู้สึกตกใจมากขนาดนี้ แม้ตระกูลหานจะไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มชนชั้นนำในประเทศจีน แต่ก็อยู่ห่างจากยอดพีระมิดแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น! แลมโบกิ
ความสัมพันธ์จอมปลอมระหว่างสามีภรรยาเริ่มสร้างความคับข้องใจให้ซูหยิงเซี่ย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่และหัวเราะเยาะ มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว หานซานเฉียนไม่เคยคิดที่จะบังคับเธอให้ทำอะไรเลยแม้กระทั่งตอนนี้ ความคิดของหานซานเฉียนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง บางทีคงต้องรอให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจับหานซานเฉียนกดลงบนเตียงเท่านั้น เขาถึงจะได้สติกลับมา หกโมงเช้าวันถัดมา หานซานเฉียนตื่นขึ้นมาก่อน เขารู้สึกว่ามีต้นขากดทับหน้าอกเขา แต่ไม่มีความรู้สึกอึดอัดเลย ตรงกันข้ามเขากลับมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจอย่างน่าประหลาด เมื่อเสียงปลุกดังขึ้น ซูหยิงเซี่ยก็ยกขาออก แล้วลุกไปล้างหน้าด้วยสีหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเขินอายหลังจากทั้งสองคนทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ออกไปวิ่งตอนเช้าด้วยกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้พบกับคนที่ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจ นั่นก็คือ ข่งอู่เมื่อข่งอู่เห็นหานซานเฉียน ก็รีบเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยความกระตือรือร้น แล้วตะโกนว่า “พี่หาน พี่สะใภ้”“คุณมาวิ่งตอนเช้าด้วยเหรอ?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างงุนงง ข่งอู่ควรจะยุ่งอยู่กับเรื่องไนท์คลับ ทำไมเขาถึงมา
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนก็ได้รับโทรศัพท์จากข่งอู่ หลังจากทราบที่อยู่ของงานเลี้ยงแล้วจึงขับรถออดี้ออกไปช่วงนี้เขาไม่ได้ขับรถแลมโบกินีสุดล้ำแล้ว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากฝีมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋มาไม่น้อย จึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมแปลงโฉมใหม่ อีกอย่างมันยังใช้เงินไม่น้อยด้วย เขาได้ยินมาว่าพนักงานบริษัทประกันต่างพากันร้องไห้ยกใหญ่เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง หานซานเฉียนพบว่ามันเป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัว แล้วยังดูดีมีระดับมาก รถยนต์สุดหรูหลายคันจอดอยู่หน้าประตูจนแทบจะกลายเป็นงานแสดงรถหรูอยู่แล้ว แม้ออดี้ A6 ของหานซานเฉียนนั้นเป็นรถที่ดูดีแล้ว แต่มันก็มืดสลัวอยู่ที่หน้าประตูคลับเฮ้าส์ไม่มีใครแล เมื่อหานซานเฉียนหาที่จอดรถได้และกำลังจอดรถนั้น พนักงานบริการก็วิ่งเข้ามาเคาะหน้าต่างรถของหานซานเฉียนด้วยสีหน้าหงุดหงิดหานซานเฉียนเหยียบเบรกพร้อมกับลดกระจกลง ถามอย่างงุนงงว่า “มีอะไรเหรอครับ?” “ขออภัยครับ ที่นี่ไม่มีที่จอดรถแล้ว คุณเปลี่ยนไปจอดที่อื่นเถอะครับ” พนักงานบริการมองหานซานเฉียนแล้วพูดอย่างไม่แยแส“ที่นี่ไม่ใช่ที่จอดรถเหรอ?” หานซานเฉียนลงจากรถ แล้วชี้ไปที่ช่องจอดรถ พนัก
เมื่อรู้เท่าทันการกระทำของอีกฝ่าย หานซานเฉียนเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบสวนกลับไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ทำให้ชายหนุ่มล้มลงกับพื้นกลิ้งไปสองสามตลบกว่าจะหยุดลง“บ้าเอ๊ย แกเป็นใครกันวะถึงกล้าทำแบบนี้!?” ชายคนนั้นกัดฟันตะโกนลั่น “อย่าถามว่าผมเป็นใคร ผมเป็นคนที่คุณไม่สามารถยั่วยุได้ไงล่ะ” หานซานเฉียนยังคงเดินต่อไปทางคลับเฮ้าส์ พนักงานบริการตกตะลึง คนขับรถออดี้โทรม ๆ กล้าเตะคนขับรถปอร์เช่ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง? พนักงานบริการรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มสะบัดมือจากพนักงานบริการออก กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตายสิ แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!? บ้าเอ๊ย ไม่ยอมเลื่อนรถงั้นเหรอ เดี๋ยวฉันจะเล่นกับแกเอง” เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็ขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วพุ่งเช้าชนออดี้อย่างแรงจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็จอดรถปอร์เช่ด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนเป็นอีกโฉมหนึ่งระหว่างขับเข้าไปในช่องจอดรถ พนักงานบริการใจหายวาบ มันเป็นรถมูลค่านับหลายล้าน แต่กลับเอารถมาชนกันเล่น คนรวยเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญของเงินเลยสินะ อีกอย่าง
เจียงเทายิ้มขณะเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “โอโห เพิ่งดูรายการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างนายน่าจะเป็นขยะแห้ง แต่ตอนนี้ถูกไวน์สาดจนกลายเป็นขยะเปียกแล้วเหรอเนี่ย?”“เจียงเทา ขยะยังจะแบ่งแยกเป็นแห้งเปียกอะไรได้อีก มันก็แค่กองขยะเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?” ชายคนนั้นพูดเยาะเย้ย หานซานเฉียนเช็ดไวน์บนใบหน้าเขาออก พูดอย่างเรียบเฉยกับชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังเยาะเย้ยเขาว่า “ผมจะให้โอกาสพวกคุณ คุกเข่าขอโทษผมซะ”ทั้งสองหยุดหัวเราะ มองหานซานเฉียนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ต้องการให้พวกเราขอโทษเหรอ? ฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?” เจียงเทาจงใจทำท่าแคะหู เขาสงสัยว่าตนเองหูแว่วไปหรือเปล่า“นายเป็นใครพวกเราถึงจะต้องขอโทษ นายคงไม่รู้จักแม้แต่เจ้าของงานด้วยซ้ำ ถึงได้ลอบเข้ามาใช่ไหม?” ชายคนนั้นตะโกนลั่น การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่ในงานรู้จักเจียงเทา ดังนั้นในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนเลวทรามต่ำช้า“ทุกวันนี้พวกไร้ชนชั้นเริ่มมีตาแต่ไร้แววมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกล้าเข้ามาในงานเลี้ยงระดับนี้ แล้วยังกล้าล่วงเกินเจียงเทาอีก นี
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ