หานซานเฉียนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวความขัดแย้งภายในคฤหาสน์กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ใต้ร่มไม้ หลังจากที่ฉือจิงเดินออกมาก็พูดกับเขาว่า “สูบบุหรี่ไม่ดีต่อร่างกายนะ เลิกเสียเถอะ”หานซานเฉียนอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพูดว่า “ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ผมยังไม่ถึงวัยที่ต้องถนอมร่างกายตัวเองเสียหน่อย ถ้าไม่สูบตอนนี้จะให้สูบตอนแก่เหรอครับ?”เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ที่ยกขึ้นมาเถียงนี้ทำเอาฉือจิงรู้สึกอึ้ง เธอจึงพูดว่า “ร่างกายเป็นต้นทุนที่มีค่ามากที่สุด ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงแล้วจะทำในสิ่งที่อยากทำได้ยังไง”หานซานเฉียนคิ้วกระตุก ฉือจิงพูดเหมือนกับว่าเธอรู้อะไรบางอย่าง “สิ่งที่ผมคิดจะทำจะสำเร็จหรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะว่าผมไม่ได้คิดจะทำเพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น ผมแค่อยากทดสอบความสามารถของตัวเองก็เท่านั้น” หานซานเฉียนพูดด้วยเสียงเรียบเฉย“แต่เรื่องบางเรื่อง ลูกก็ต้องทำให้สำเร็จนะ” ฉือจิงกล่าวพลางหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาให้หานซานเฉียนเมื่อเห็นคนที่อยู่ในรูป หานซานเฉียนก็ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “นี่ใครเหรอครับ?”“ตอนนั้นเป็นเพราะเขา ลูกก็เลยไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
“แต่หลังจากที่คุณปู่จากไป สถานะของผมในบ้านตระกูลหาน แม่เองก็รู้ดีนี่ครับ แล้วแม่ยังคิดจะเอาเรื่องคุณปู่มาโน้มน้าวผมอีก คิดว่าจะได้ผลหรือไง?” หานซานเฉียนยิ้มเย้ยหยัน“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพของหานเทียนหย่างเลย โลงศพของเขาในสุสานยังว่างเปล่ามาจนถึงตอนนี้” ฉือจิงกล่าวพอได้ยินเช่นนั้น หานซานเฉียนรู้สึกตื่นตัวทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “หมายความว่ายังไงครับ ที่แม่พูดเมื่อกี้นี้มันหมายความว่ายังไง!”ข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของหานเทียนหย่างแพร่กระจายจนถึงหูคนตระกูลหาน ในตอนนั้นหานซานเฉียนยังเป็นแค่เด็ก เมื่อเขารู้ข่าวก็เอาแต่ร้องไห้จนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ฉือจิงกลับมาบอกเขาว่าไม่มีใครเคยพบศพของหานเทียนหย่งเลยอย่างนั้นเหรอ“แม่ก็แค่ตั้งคำถามเท่านั้น แต่ว่าจะจริงหรือไม่นั้นลูกคงต้องไปตรวจสอบเอาเอง บางทีถ้าสืบรู้ถึงภูมิหลังของนักบุญลัทธิเต๋าคนนั้นแล้ว เรื่องทั้งหมดอาจจะกระจ่างขึ้นก็ได้” ฉือจิงพูดจบเธอก็กลับทันทีราวกับมีอะไรจุกอยู่ที่อกของเขา คุณปู่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?เป็นไปได้ไหมว่าที่จริงแล้วคุณปู่ยังไม่ตาย แต่ถูกใครบางคนจับตัวไปแล้วถ้ามันเป็นแบบนั
ฉือจิงเพิ่งเดินออกจากเขตคฤหาสน์ จู่ ๆ เหยียนจุนก็มาปรากฏตัวข้างเธอราวกับวาร์ปมา“คุณไม่เพียงแต่ผลักภาระให้เขา คุณยังไปให้ความหวังเขาโดยไม่จำเป็นอีกด้วย” เหยียนจุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น แม้ว่าหน้าที่ของเขามีแค่ปกป้องตระกูลหาน ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในตระกูล แต่ว่าเขาก็ทนดูพฤติกรรมของฉือจิงไม่ไหวเอารูปถ่ายให้หานซานเฉียนโดยเจตนาให้เขาไปตรวจสอบเบื้องหลังที่ปกปิดไว้ของนักบวชลัทธิเต๋า เรื่องนี้มันอันตรายมาก แถมเขาคาดไม่ถึงเลยว่าฉือจิงยังขุดเอาเรื่องของหานเทียนหยางมาเพื่อมัดมือชกหานซานเฉียน เขาไม่มีทางเลือกเลยสักนิด“ตระกูลหานทุกคนหรือแม้แต่ตัวฉันเองไม่เคยให้ความรักความเป็นครอบครัวกับเขา มีแค่คุณปู่หานเทียนหยางเท่านั้นที่เอาใจใส่เขามากที่สุด มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะกระตุ้นให้หานซานเทียนพยายามตามสืบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ได้” ฉือจิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์“แต่ว่าคุณก็ไม่ควรให้ความหวังกับเขาแบบนี้ สำหรับเขาแล้วเรื่องหานเทียนหยางเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่มีวันลืม เขาร้องไห้เสียใจหนักขนาดไหน คุณลืมไปแล้วหรือไง?” เหยียนจุนพูดอย่างโกรธเคือง“แน่นอนว่าฉันรู้ แต่ความรู้
“เธอทำอะไรของเธอเนี่ย บ้าไปแล้วหรือไง?” ซูไห่เฉาที่เห็นฉากเมื่อครู่รีบห้ามซูอี้หาน“ฉันไม่ได้บ้า ฉันแค่อยากให้ของพัง ๆ กับมัน” ซูอี้หานตอบอย่างโกรธแค้นซูไห่เฉารู้ดีว่าเธอไม่พอใจมากกับเรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้จะทำอะไรได้นอกจากยอมรับชะตากรรมเสีย ถ้าเกิดทำลายทรัพย์สินพวกนี้จนหมดแล้วฉือจิงรู้เข้าแล้วกล่าวโทษอีก คราวนี้ตระกูลซูคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่“ยัยบ้า ฉันบอกให้เธอหยุดเดี๋ยวนี้ ยังคิดจะสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซูอีกเหรอ” ซูไห่เฉาต่อว่าอย่างเย็นชาซูอี้หานเงยหน้ามองซูไห่เฉาอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ไห่เฉา ท่าทีของนายที่มีต่อฉันนี่มันหมายความว่ายังไง ถึงจะไม่ใช่ตระกูลหาน แต่ในอนาคตฉันก็จะได้แต่งงานเข้าตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นอยู่ดี และสามารถให้พวกเขาเข้ามาร่วมลงทุนกับตระกูลซูของเรา นายทำกับฉันอย่างนี้แล้วยังคิดจะหาประโยชน์จากฉันในอนาคตอีกเหรอ?”ซูไห่เฉาแสยะยิ้ม ที่เขาทำดีกับซูอี้หานทั้งหมดก็เพราะตระกูลหาน ตอนนี้ในเมื่อเธอหมดสิทธิ์ที่จะแต่งงานเข้าตระกูลหานแล้ว เธอก็ไร้ค่าส่วนเรื่องในวันข้างหน้าเธอจะได้แต่งงานกับคุณชายตระกูลใหญ่หรือไม่นั้น ซูไห่เฉาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย“ซูอี้หาน เธอยังไม่เข
เมื่อเห็นหานซานเฉียน ซูไห่เฉาก็ยิ้มเยาะแล้วพูดแซะว่า “พวกหนูตกถังข้าวสารนี่ดีจริง ๆ นะ สายจนป่านนี้ก็เพิ่งจะตื่นนอน ชีวิตดีชะมัด ทำไมฉันถึงไม่โชคดีอย่างนี้บ้างนะ?”หานซานเฉียนรู้ว่าซูไห่เฉากำลังพูดจาถากถางเขา แต่สำหรับเขาแล้วคำพูดพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเอ่ยกลับไปว่า “ถ้านายหน้าตาเหมือนกับฉัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้หญิงมารับอุปถัมภ์ก็ได้ แต่พอดีนายหน้าตาไม่ดีมาตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นชีวิตนี้นายคงเป็นเหมือนฉันไม่ได้หรอก”ประโยคเมื่อครู่นี้ทำให้ซูไห่เฉาโมโหมาก หานซานเฉียน เจ้าหมอนี่หาว่าเขาหน้าตาขี้เหร่อย่างนั้นเหรอ?“หานซานเฉียน นายนี่เป็นคนไร้ยางอายจริง ๆ นายนี่ทำให้ฉันตาสว่างเลยว่านายเป็นผู้ชายที่ไร้อนาคตแถมยังหลงตัวเอง” ซูไห่เฉากล่าวอย่างเย็นชา“นายไม่มีปัญญาเป็นอย่างฉัน แล้วทำมาเป็นพูดแดกดันอย่างนั้นเหรอ? ฉันรู้จักคนแบบนายดี ว่าวัน ๆ นายน่ะไม่ทำอะไรหรอกนอกจากคอยอิจฉาคนอื่น”ซูไห่เฉาโกรธจนหน้าเขียว ทะเลาะกับคนหน้าหนาแบบนี้เขาไม่มีวันชนะหรอก“ป้าเจี่ยง ลูกเขยไร้ประโยชน์ของคุณนี่ ช่างเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคุณจริง ๆ เลยนะ” ซูไห่เฉาเปลี่ยนเรื่องหันไปพูดกับเจี่ยงห
ในคฤหาสน์ เจี่ยงหลานยังคงดื่มด่ำอยู่กับรสชาติที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากของหมั้นที่เธอนำมา สำหรับเธอ ในสายตามีแต่เรื่องเงิน ในตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้สิ่งอื่นใดอีกแล้ว “เอ๊ะ?” ทันใดนั้นเจี่ยงหลานก็เห็นปิ่นปักผมสีทองมีรอยขีดข่วนอยู่มากมาย เธอมีสีหน้าตกตะลึงในทันที พลางตะโกนบอกหานซานเฉียนว่า “หานซานเฉียน นายมาดูนี่เร็วสิ” หานซานเฉียนเดินเข้าไปหาเจี่ยงหลานด้วยความงุนงง แล้วถามว่า “มีอะไรเหรอครับ?” “ดูปิ่นปักผมนี่สิ มีคนจงใจถูมันจนเป็นรอยหรือเปล่า” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ ดูเหมือนว่ารอยขีดข่วนนั้นเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง ซูอี้หานน่าจะเป็นคนตั้งใจทำให้เกิดรอยขีดข่วนนี้ขึ้นมาแน่นอน “ดูจากสภาพแล้วน่าจะใช่นะครับ” หานซานเฉียนเอ่ย “ต้องเป็นฝีมือยัยนั่นแน่ ๆ ฉันจะไปคิดบัญชีกับเธอ” เจี่ยงหลานพูดอย่างโกรธเคือง “เรื่องเล็กน้อย ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนั้นเลย ขอแค่น้ำหนักไม่ขาดไปก็พอแล้วครับ” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย ด้วยนิสัยของเจี่ยงหลาน เธอจะต้องไปคิดบัญชีกับซูอี้หานอย่างแน่นอน ปิ่นปักผมดี ๆ ถูกทำลายอย่างมีเจตนาร้าย เธอจะยอมทนได้อย่างไร แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหานซานเฉียน ความ
คุกเข่าขอโทษอย่างนั้นเหรอ? เซี่ยอวี๋ฟู๋จะไม่คิดเรื่องนี้ได้อย่างไร เธออยากเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นแม้แต่ในความฝัน หานซานเฉียนทำลายแผนการของเธอ และยังทำให้เธอถูกเซี่ยจิ่นเหยียนด่าทอจนเกือบทำให้เธอยุติเรื่องราวไม่ได้เพราะไปล่วงเกินตาแก่ม่อหยางเข้า ความแค้นนี้ฝังอยู่ในใจของเซี่ยอวี๋ฟู๋ ถ้าไม่แก้แค้นก็จะอยู่ไม่เป็นสุข อันที่จริงหลิวฉีเป็นฝ่ายตามจีบเธอ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะขอให้สุนัขขี้ประจบคนนี้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเธอ “หลิวฉี ถ้าคุณสามารถทำให้เขาคุกเข่าขอโทษฉันได้ ฉันจะยอมไปกินข้าวกับคุณ” เซี่ยอวี๋ฟู๋กล่าว หลิวฉีมีความสุขมากที่ได้ยินประโยคนี้ เมื่อเขาชวนเซี่ยอวี๋ฟู๋ไปกินข้าว เขากลับถูกปฏิเสธไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการให้ทันที ไม่เพียงแค่ให้เขาคุกเข่าขอโทษคุณเท่านั้น แต่ผมยังทำให้เขาเห่าเหมือนสุนัขได้ด้วย” หลิวฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาคือหานซานเฉียน คุณน่าจะรู้ว่าเขาเป็นใครใช่ไหม” เซี่ยอวี๋ฟู๋กล่าว หานซานเฉียนอย่างนั้นเหรอ? เมื่อได้ยินชื่อนี้ หลิวฉีก็รู้สึกตกตะลึง นั่นไม่ใช่คนไร้ประโยชน์แห่งตระกูลซูหรอกหรือ?
“หลิวฉี ที่นี่คือพื้นที่ของม่อหยาง ถ้าเราก่อเรื่องที่นี่ มันจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาใช่ไหม?” ใครบางคนถามหลิวฉีอย่างเป็นกังวล หลิวฉีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “แค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่พวกเราไม่ทำให้เรื่องใหญ่จนเกินไป ม่อหยางจะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เหรอ ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลิวฉีจะปกป้องพวกคุณเอง” หลิวฉีจงใจแสร้งทำเป็นกล้าหาญต่อหน้าเซี่ยอวี๋ฟู๋ แต่อันที่จริงแล้วเขาก็มีความกังวลอยู่บ้างเช่นกัน ถึงอย่างไรตอนนี้ม่อหยางก็เป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิง ถ้าก่อเรื่องในพื้นที่ของเขานั้นก็เท่ากับเป็นการสร้างปัญหาให้ม่อหยาง หากม่อหยางรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องมีจุดจบที่น่าสังเวชแน่นอน แต่เพื่อแลกกับรอยยิ้มของของเซี่ยอวี๋ฟู๋คนสวย หลิวฉีก็ยินดีเดิมพัน ขอเพียงแค่เขาจัดการกับหานซานเฉียนได้โดยที่ม่อหยางไม่รู้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวฉี คนอื่น ๆ ก็พากันรู้สึกโล่งใจ ยิ่งไปกว่านั้น การมีเรื่องกับบุคคลที่ไม่เป็นที่รู้จัก ก็คงไม่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่อะไร “อวี๋ฟู๋ คุณรอให้คนไร้ประโยชน์คนนั้นมาคุกเข่าขอโทษคุณเถอะ” หลิวฉีพ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ