เสียงดังของถังหลงทำให้จางเทียนซินตกใจจนตัวสั่น เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจางหลิงฮวา และไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่เรื่องนี้หานซานเฉียนรู้อย่างละเอียดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นฟ่านเสวี่ยที่เป็นคนเริ่มต้น แต่ถังหลงต่างหากที่เป็นคนเริ่มวางแผนอย่างแท้จริง เขาเห็นจางเทียนซินขัดหูขัดตา ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีสกปรกพูดจาใส่ร้ายเพื่อไล่จางหลิงฮวาออกไป คราวที่แล้วเขาก็ให้โอกาสชายผู้นี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังคงใช้อำนาจบาตรใหญ่ก่อความวุ่นวายในบริษัทอยู่อีก ทันใดนั้น จงเหลียงก็มาถึงหน้าประตูบริษัท ข้างกายของเขาคือซูไห่เฉาที่คอยทำใจดีสู้เสืออยู่ตลอดเวลา เนื่องจากซูไห่เฉาเป็นประธานของตระกูลซู เขาคิดมาหลากหลายวิธีเพื่อเข้าหาจงเหลียง ตอนนี้โครงการเฉิงซีแทบจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ของตระกูลซู ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับซูไห่เฉาถ้าความร่วมมือนี้จะอยู่ในมือของซูหยิงเซี่ย ดังนั้นเขาจึงหวังว่าหลังจากเขาได้เข้าใกล้จงเหลียงแล้ว เขาจะสามารถดูแลโครงการเฉิงซีได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ซูไห่เฉาไม่กล้าทำอะไรอย่างโจ่งแจ้ง เขาทำได้เพียงใช้หลายวิธีเพื่อเอาใจจงเหลียง แต่น่าเสีย
หานซานเฉียนบอกกับจางหลิงฮวาว่า “คุณป้าพาจางเทียนซินไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนประมาณสองวัน แล้วค่อยกลับมาทำงาน” กลับมาทำงานอย่างนั้นเหรอ? จางหลิงฮวาพูดด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “ซานเฉียน ฉันไม่อยากรบกวนคุณอีกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหลงสร้างปัญหาให้กับเรา แต่มันจะต้องมีครั้งที่สองแน่นอน” หานซานเฉียนยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงครับ ถังหลงจะถูกไล่ออกจากบริษัทในไม่ช้า ต่อไปถ้ามีใครกล้าสร้างปัญหาให้ป้าอีก ก็จะไล่ออกไปเลยครับ” จางหลิงฮวารู้สึกตกตะลึง ไล่ออกไปเลย? เขามีความสามารถในการทำเช่นนั้นด้วยหรือ? เพื่อนร่วมงานเหล่านั้นต่างรู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าหัวเราะเยาะ เจ้าหมอนี่โผล่มาจากที่ไหนกันถึงกล้าอวดอ้างเช่นนี้ ทุกคนในบริษัทลั่วเฉวต่างรู้กันดีว่าถังหลงได้รับการว่าจ้างจากจงเหลียงด้วยเงินจำนวนมาก แล้วถังหลงจะถูกไล่ออกเพราะจางหลิงฮวาได้อย่างไร? เขาเป็นดาวโรงเรียนเลยนะ “พี่ชาย คุณขี้โม้อะไรเนี่ย รู้ไหมว่าถังหลงเข้ามาที่บริษัทของเราได้ยังไง” “เขาเป็นคนที่พี่จงจ้างมาด้วยเงินมหาศาล การจะไล่ถังหลงออกเพราะจางหลิงฮวา คุณล้อพวกเราเล่นหรือเปล่า?” “
“หานซานเฉียน นี่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ คุณมาทำอะไรที่นี่?” ถังหลงพูดอย่างไม่พอใจ หานซานเฉียนเดินไปที่โต๊ะ แล้วนั่งลงบนที่นั่งของจงเหลียง การกระทำนี้ยิ่งทำให้ถังหลงรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก! เจ้าลูกหมา กล้าดีอย่างไรมานั่งแทนที่ของพี่จงเหลียง พี่จงเหลียงปฏิบัติกับคุณอย่างเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะมาลูบจมูกของเขา เขาเป็นคนของตระกูลหาน ส่วนคุณก็เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ในเมืองหยุนเฉิงเท่านั้น “หานซานเฉียน คุณช่างหน้าไม่อาย โชคดีเท่าไหร่แล้วที่พี่จงเหลียงเห็นคุณเป็นเพื่อน กล้าดียังไงมานั่งตำแหน่งของพี่จงเหลียงตามใจชอบแบบนี้” ถังหลงพูดตำหนิอย่างเย็นชา “เพื่อนงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มแล้วถามจงเหลียงว่า “เราเป็นเพื่อนกันเหรอ?” จงเหลียงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที ทำไมถึงรนหาที่ตายแบบนี้ ทำไมต้องลากฉันลงน้ำไปด้วย! เขาจึงรีบพูดกับหานซานเฉียนว่า “ผมไม่คู่ควรหรอกครับ” หานซานเฉียนมองไปที่ถังหลงแล้วยักไหล่พูดว่า “ได้ยินแล้วใช่ไหม เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนกับผม” ถังหลงรู้สึกงุนงงเหมือนหมุนรอบตัวสามร้อยหกสิบองศา พี่จงเหลียงไม่คู่ควร...ไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนกับหานซานเฉียนอ
จงเหลียงตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดด้วยความลนลานว่า “นายน้อยครับ ผมขอโทษครับ ผมปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง หวังว่าคุณจะให้อภัยผม จากนี้ไปผมจะฟังคำสั่งของคุณครับ”หานซานเฉียนลุกขึ้นยืน เขาเดินไปตรงหน้าจงเหลียง แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณที่มีต่อผมดี เพราะในสายตาคุณผมก็เป็นแค่จุดแวะพักชั่วคราวเท่านั้น ภายในใจของคุณเจ้าของที่แท้จริงยังคงเป็นหานจุนใช่ไหมล่ะ”หน้าผากของจงเหลียงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดออกและไหลลงหยดบนพื้นติ๋ง ๆแน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขามีความคิดเช่นนั้นจริง เพราะไม่ว่าตระกูลหานจะให้โอกาสกับหานซานเฉียนมากแค่ไหน แต่ในสายตาของจงเหลียง หานซานเฉียนไม่มีทางแข่งขันชนะหานจุนได้ เพราะอย่างไรซะหานจุนก็คือคนที่หนานกงเฉียนชิวโปรดปราน ไม่ว่าหานซานเฉียนจะประสบความสำเร็จมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถขัดคำพูดประโยคของหนานกงเฉียนชิวได้ดังนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องใด ๆ ก็ตาม จงเหลียงจะเหลือเส้นทางเอาไว้ให้ตัวเองได้เดินอีกหนึ่งเส้นทาเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงหลังจากกลับไปหาหานจุนแล้วจะไม่ถูกเขาให้ความสำคัญ ดังเช่นกรณีของจางหลิงฮวา เริ่มตั้งแต่วันที่จงเหลียงเห็นจางหลิงฮวาก้าวเข้ามาในบริษัท
“พวกเธอคิดว่าคนขี้โม้คนนั้นมาจากไหนกัน?” “ใครจะรู้ล่ะ ดูจากลักษณะท่าทางกระจอกนั่นแล้ว น่าจะเป็นพวกโรคประสาทหลอนน่ะสิ”“พวกเธอคิดว่าคุณจงเหลียงจะจัดการกับถังหลงยังไงบ้าง?”“จะจัดการยังไงได้อีกล่ะ ก็คงลงโทษแบบเบา ๆ พอเป็นพิธีนั่นแหละ เขาจะไล่ถังหลงออกเพราะจางหลิงฮวาได้ยังไง”หลายคนหัวเราะและพูดคุยกันเรื่องนี้ จนกระทั่งถังหลงออกมาจากห้องทำงานของจงเหลียงด้วยใบหน้าซีดเซียว พวกเขาถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถังหลงถึงมีสีหน้าแบบนั้น คงไม่ใช่ว่าถูกไล่ออกจริง ๆ หรอกนะ” “จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเขาถูกไล่ออก จางหลิงฮวาก็คงกลายเป็นคนที่ไม่มีใครกล้ามีปัญหาด้วยเลยน่ะสิ”“ให้ตายเถอะ ฉันจะไปถามดู”มีใครบางคนเดินเข้าไปหาถังหลง แล้วถามออกไปว่า “ถังหลง เป็นยังไงบ้าง พี่จงเหลียงไล่จางหลิงฮวาออกหรือยัง?”ถังหลงรู้สึกสิ้นหวัง ตัวของเขาไร้เรี่ยวแรงราวกับศพเดินได้ ไม่หลงเหลือจิตวิญญาณอีกแล้ว เขาผลักคนตรงหน้าออก แล้วเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองประตูห้องทำงานไม่ได้ปิดสนิท ขณะที่ถังหลงกำลังเก็บข้าวของส่วนตัวของตัวเองอยู่นั้น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านนอกต่างพากันมุงดูด้วยความตกต
ซูไห่เฉาเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “ถ้าแกต้องการที่จะขอบคุณฉัน ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ฉันเป็นประธานของตระกูลซู ขี้เกียจจะเสวนากับคนอย่างแก ถือว่าฉันให้โอกาสแกสักครั้งเพื่อให้แกได้กินอาหารหรู ๆ ก็แล้วกัน”ซูไห่เฉาเชิญหานซานเฉียนอย่างจริงใจเหรอ?แน่นอนว่าไม่ใช่ เขากับซูอี้หานวางแผนกันไว้แล้วว่าจะไม่ให้หานซานเฉียนเข้ามาร่วมงานเลี้ยงในวันครอบครัว ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเมื่อหานซานเฉียนมาถึงที่งานเลี้ยงแล้วค่อยไล่เขากลับไปเขามีความสุขกับการกลั่นแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคน ๆ นั้นคือหานซานเฉียน เขาก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีกการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหานซานเฉียนให้จมดินอย่างโหดร้ายนั้นเป็นเรื่องที่ซูไห่เฉาทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย ใครใช้ให้หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่ากันล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ซูไห่เฉายังไม่ลืมเรื่องที่ถูกต่อยไปสามครั้งนั่น เขาจะต้องแก้แค้นให้ได้“ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉ้นจะไปดูการแสดงก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะติดตลก“ถ้าอย่างนั้น แกก็มาให้เร็วหน่อยก็แล้วกัน” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับหัวเราะเมื่อซูไห่เฉากลับขึ้นมาบนรถ และเห็นภาพหลังของหานซานเฉียนที่ค
เมื่อเซี่ยอวี๋ฟู๋สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเทียนหลิงเอ๋อร์ เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ผู้ใหญ่ในตระกูลสั่งเสมอว่า ต้องสานสัมพันธ์กับเทียนหลิงเอ๋อร์ไว้ให้ดี เพราะว่าทุกอย่างของตระกูลเซี่ยล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตระกูลเทียน ความสัมพันธ์ของเธอนั้นมากพอที่จะนำเพื่อนสนิทของเธอนำผลประโยชน์มากมายมาให้ตระกูลเซี่ย แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าไม่รักษาให้ดีมันก็จะนำปัญหามาสู่ตระกูลเซี่ยด้วยเช่นกันและทัศนคติของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็คือตัวกำหนดชะตากรรมของตระกูลเซี่ย“หรือว่าจะไปด้วยกันไหมล่ะคะ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูดกับหานซานเฉียน แม้ว่าภายในใจจะดูถูกหานซานเฉียนมากสักแค่ไหน แต่เธอก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่อีกเดี๋ยวเธอมีนัดกับผู้ชายที่เธอชอบ ถ้าเขามาเห็นว่าเธอไปดื่มชานมกับคนไร้ค่าคนนี้ เธอจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้ามากแน่ ๆ หานซานเฉียนแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซี่ยอวี๋ฟู๋อย่างกะทันหัน ดูเหมือนเพื่อนสนิทสองคนนี้น่าจะไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทธรรมดา ๆ เสียแล้ว แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเทียนหลิงเอ๋อร์คือคนของตระกูลเทียน การยอมให้เธอก็สมเหตุสมผลแล้ว หญิงสาวกระโปร
แต่หัวเราะเยาะก็อีกเรื่องหนึ่ง ผู้จัดที่มีตาเป็นประกายไฟนั้นรู้ว่าหานซานเฉียนไม่เหมือนคนอื่นเทียนหลิงเอ๋อร์ถามแค่ผู้ชายคนนี้ว่าจะดื่มอะไร แต่กลับไม่ได้ถามเพื่อนสนิทของตัวเอง หรือว่าชายหนุ่มผู้ดูกระจอกคนนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตอย่างงั้นเหรอ?หลังจากที่เซี่ยอวี๋ฟู๋สั่งเครื่องดื่มของตัวเองเสร็จแล้ว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น“ฉันขอตัวไปรับเพื่อนก่อนนะ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูดกับเทียนหลิงเออร์ ก่อนจะรีบร้อนลงไปด้านล่างด้านนอกร้านกาแฟ มีรถเฟอรารี่คันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน เซี่ยอวี๋ฟู๋เดินตรงไปด้านข้างของรถ และมองผู้ชายที่อยู่ด้านในด้วยความดีใจอย่างเก็บอาการไม่อยู่ นี่คือผู้ชายที่เธอแอบชอบมาเนิ่นนาน ข่งอู่“ข่งอู่ คุณขึ้นไปนั่งพักข้างบนก่อนสิ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูด“เธอมีเรื่องสำคัญจะบอกไม่ใช่เหรอ รีบพูดมาสิ ฉันยังมีธุระอย่างอื่นอีก” ข่งอู่พูดด้วยท่าทางติดรำคาญ แม้ว่าเซี่ยอวี๋ฟูจะเป็นผู้หญิงสวย แต่ว่ากำลังทางธุรกิจของตระกูลเซี่ยกับตระกูลข่งนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก สำหรับข่งอู่ เซี่ยอวี๋ฟู๋ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่จะเล่นสนุกตามอำเภอใจแล้วโยนทิ้งได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลากับเธอ สำหรับข่งอู่ เขาไม่ส
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ