จงเหลียงตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดด้วยความลนลานว่า “นายน้อยครับ ผมขอโทษครับ ผมปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง หวังว่าคุณจะให้อภัยผม จากนี้ไปผมจะฟังคำสั่งของคุณครับ”หานซานเฉียนลุกขึ้นยืน เขาเดินไปตรงหน้าจงเหลียง แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณที่มีต่อผมดี เพราะในสายตาคุณผมก็เป็นแค่จุดแวะพักชั่วคราวเท่านั้น ภายในใจของคุณเจ้าของที่แท้จริงยังคงเป็นหานจุนใช่ไหมล่ะ”หน้าผากของจงเหลียงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดออกและไหลลงหยดบนพื้นติ๋ง ๆแน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขามีความคิดเช่นนั้นจริง เพราะไม่ว่าตระกูลหานจะให้โอกาสกับหานซานเฉียนมากแค่ไหน แต่ในสายตาของจงเหลียง หานซานเฉียนไม่มีทางแข่งขันชนะหานจุนได้ เพราะอย่างไรซะหานจุนก็คือคนที่หนานกงเฉียนชิวโปรดปราน ไม่ว่าหานซานเฉียนจะประสบความสำเร็จมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถขัดคำพูดประโยคของหนานกงเฉียนชิวได้ดังนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องใด ๆ ก็ตาม จงเหลียงจะเหลือเส้นทางเอาไว้ให้ตัวเองได้เดินอีกหนึ่งเส้นทาเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงหลังจากกลับไปหาหานจุนแล้วจะไม่ถูกเขาให้ความสำคัญ ดังเช่นกรณีของจางหลิงฮวา เริ่มตั้งแต่วันที่จงเหลียงเห็นจางหลิงฮวาก้าวเข้ามาในบริษัท
“พวกเธอคิดว่าคนขี้โม้คนนั้นมาจากไหนกัน?” “ใครจะรู้ล่ะ ดูจากลักษณะท่าทางกระจอกนั่นแล้ว น่าจะเป็นพวกโรคประสาทหลอนน่ะสิ”“พวกเธอคิดว่าคุณจงเหลียงจะจัดการกับถังหลงยังไงบ้าง?”“จะจัดการยังไงได้อีกล่ะ ก็คงลงโทษแบบเบา ๆ พอเป็นพิธีนั่นแหละ เขาจะไล่ถังหลงออกเพราะจางหลิงฮวาได้ยังไง”หลายคนหัวเราะและพูดคุยกันเรื่องนี้ จนกระทั่งถังหลงออกมาจากห้องทำงานของจงเหลียงด้วยใบหน้าซีดเซียว พวกเขาถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถังหลงถึงมีสีหน้าแบบนั้น คงไม่ใช่ว่าถูกไล่ออกจริง ๆ หรอกนะ” “จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเขาถูกไล่ออก จางหลิงฮวาก็คงกลายเป็นคนที่ไม่มีใครกล้ามีปัญหาด้วยเลยน่ะสิ”“ให้ตายเถอะ ฉันจะไปถามดู”มีใครบางคนเดินเข้าไปหาถังหลง แล้วถามออกไปว่า “ถังหลง เป็นยังไงบ้าง พี่จงเหลียงไล่จางหลิงฮวาออกหรือยัง?”ถังหลงรู้สึกสิ้นหวัง ตัวของเขาไร้เรี่ยวแรงราวกับศพเดินได้ ไม่หลงเหลือจิตวิญญาณอีกแล้ว เขาผลักคนตรงหน้าออก แล้วเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองประตูห้องทำงานไม่ได้ปิดสนิท ขณะที่ถังหลงกำลังเก็บข้าวของส่วนตัวของตัวเองอยู่นั้น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านนอกต่างพากันมุงดูด้วยความตกต
ซูไห่เฉาเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “ถ้าแกต้องการที่จะขอบคุณฉัน ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ฉันเป็นประธานของตระกูลซู ขี้เกียจจะเสวนากับคนอย่างแก ถือว่าฉันให้โอกาสแกสักครั้งเพื่อให้แกได้กินอาหารหรู ๆ ก็แล้วกัน”ซูไห่เฉาเชิญหานซานเฉียนอย่างจริงใจเหรอ?แน่นอนว่าไม่ใช่ เขากับซูอี้หานวางแผนกันไว้แล้วว่าจะไม่ให้หานซานเฉียนเข้ามาร่วมงานเลี้ยงในวันครอบครัว ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเมื่อหานซานเฉียนมาถึงที่งานเลี้ยงแล้วค่อยไล่เขากลับไปเขามีความสุขกับการกลั่นแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคน ๆ นั้นคือหานซานเฉียน เขาก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีกการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหานซานเฉียนให้จมดินอย่างโหดร้ายนั้นเป็นเรื่องที่ซูไห่เฉาทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย ใครใช้ให้หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่ากันล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ซูไห่เฉายังไม่ลืมเรื่องที่ถูกต่อยไปสามครั้งนั่น เขาจะต้องแก้แค้นให้ได้“ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉ้นจะไปดูการแสดงก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะติดตลก“ถ้าอย่างนั้น แกก็มาให้เร็วหน่อยก็แล้วกัน” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับหัวเราะเมื่อซูไห่เฉากลับขึ้นมาบนรถ และเห็นภาพหลังของหานซานเฉียนที่ค
เมื่อเซี่ยอวี๋ฟู๋สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเทียนหลิงเอ๋อร์ เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ผู้ใหญ่ในตระกูลสั่งเสมอว่า ต้องสานสัมพันธ์กับเทียนหลิงเอ๋อร์ไว้ให้ดี เพราะว่าทุกอย่างของตระกูลเซี่ยล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตระกูลเทียน ความสัมพันธ์ของเธอนั้นมากพอที่จะนำเพื่อนสนิทของเธอนำผลประโยชน์มากมายมาให้ตระกูลเซี่ย แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าไม่รักษาให้ดีมันก็จะนำปัญหามาสู่ตระกูลเซี่ยด้วยเช่นกันและทัศนคติของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็คือตัวกำหนดชะตากรรมของตระกูลเซี่ย“หรือว่าจะไปด้วยกันไหมล่ะคะ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูดกับหานซานเฉียน แม้ว่าภายในใจจะดูถูกหานซานเฉียนมากสักแค่ไหน แต่เธอก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่อีกเดี๋ยวเธอมีนัดกับผู้ชายที่เธอชอบ ถ้าเขามาเห็นว่าเธอไปดื่มชานมกับคนไร้ค่าคนนี้ เธอจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้ามากแน่ ๆ หานซานเฉียนแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซี่ยอวี๋ฟู๋อย่างกะทันหัน ดูเหมือนเพื่อนสนิทสองคนนี้น่าจะไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทธรรมดา ๆ เสียแล้ว แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเทียนหลิงเอ๋อร์คือคนของตระกูลเทียน การยอมให้เธอก็สมเหตุสมผลแล้ว หญิงสาวกระโปร
แต่หัวเราะเยาะก็อีกเรื่องหนึ่ง ผู้จัดที่มีตาเป็นประกายไฟนั้นรู้ว่าหานซานเฉียนไม่เหมือนคนอื่นเทียนหลิงเอ๋อร์ถามแค่ผู้ชายคนนี้ว่าจะดื่มอะไร แต่กลับไม่ได้ถามเพื่อนสนิทของตัวเอง หรือว่าชายหนุ่มผู้ดูกระจอกคนนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตอย่างงั้นเหรอ?หลังจากที่เซี่ยอวี๋ฟู๋สั่งเครื่องดื่มของตัวเองเสร็จแล้ว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น“ฉันขอตัวไปรับเพื่อนก่อนนะ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูดกับเทียนหลิงเออร์ ก่อนจะรีบร้อนลงไปด้านล่างด้านนอกร้านกาแฟ มีรถเฟอรารี่คันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน เซี่ยอวี๋ฟู๋เดินตรงไปด้านข้างของรถ และมองผู้ชายที่อยู่ด้านในด้วยความดีใจอย่างเก็บอาการไม่อยู่ นี่คือผู้ชายที่เธอแอบชอบมาเนิ่นนาน ข่งอู่“ข่งอู่ คุณขึ้นไปนั่งพักข้างบนก่อนสิ” เซี่ยอวี๋ฟู๋พูด“เธอมีเรื่องสำคัญจะบอกไม่ใช่เหรอ รีบพูดมาสิ ฉันยังมีธุระอย่างอื่นอีก” ข่งอู่พูดด้วยท่าทางติดรำคาญ แม้ว่าเซี่ยอวี๋ฟูจะเป็นผู้หญิงสวย แต่ว่ากำลังทางธุรกิจของตระกูลเซี่ยกับตระกูลข่งนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก สำหรับข่งอู่ เซี่ยอวี๋ฟู๋ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่จะเล่นสนุกตามอำเภอใจแล้วโยนทิ้งได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลากับเธอ สำหรับข่งอู่ เขาไม่ส
“พี่หาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพี่จริง ๆ ผมกำลังอยากหาโอกาสขอบคุณพี่เรื่องคราวก่อนมาตลอดเลยครับ” เมื่อข่งอู่เห็นหานซานเฉียน เขาก็รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างกระตือรือร้น ในขณะเดียวกันก็สลัดมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋ออกเซี่ยอวี๋ฟู๋รู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ที่เทียนหลิงเอ๋อร์ทำดีกับคนไร้ค่าคนนี้ก็เพราะว่าเธอให้ความสำคัญกับเขา แต่แล้วข่งอู่ล่ะ ทำไมถึงได้ทำดีกับเขาแบบนี้?หรือแม้แต่คนที่เก่งกาจอย่างข่งอู่ก็ต้องประจบประแจงหานซานเฉียนด้วยอย่างงั้นเหรอ?อิทธิพลของเทียนฉางเฉิงนั้นมหาศาลจริง ๆ แค่เขาพูดประโยคเดียว ก็ทำให้เกิดผลกระทบมากมายขนาดนี้ถ้าแม้แต่ข่งอู่ก็ยังให้ความสำคัญกับเขาแบบนี้ เกรงว่าคนในหยุนเฉิงทุกคนอาจต้องประจบประแจงคนไร้ค่าคนนี้แล้วล่ะเซี่ยอวี๋ฟู๋รู้สึกไม่เข้าใจ และคิดว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลมาก ๆ ทำไมแค่คำพูดเดียวของเทียนฉางเฉินก็ทำให้คนไร้ค่าคนนี้พลิกชีวิตดีขึ้นได้ แต่เธอกลับต้องปรนนิบัติกับเทียนหลิงเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังต้องแสร้งทำเป็นเพื่อนที่แสนดีอีกด้วย อันที่จริงเธอแอบซ่อนความไม่พอใจต่อเทียนหลิงเอ๋อร์เอาไว้มากมาย เพียงแต่ไม่กล้าระบายออกมาเท่านั้นเอง“ไม่คิดว่าจะได
เขาเดินโซซัดโซเซไปขวางทางข้างหน้าเซี่ยอวี๋ฟู๋ แล้วพูดต่อว่า “เมื่อกี้เธอตบหน้าฉันหนึ่งทีแรงดีใช้ได้เลยนี่ ฉันชอบนิสัยที่รุนแรงของเธอนะ ไม่รู้ว่าตอนอยู่บนเตียงเธอจะรุนแรงแบบเมื่อกี้ไหม”พูดจบชายคนนั้นก็ดึงมือของเซี่ยอวี๋ฟู๋ไว้ ขณะนั้นเซี่ยอวี๋ฟู๋ก็รู้สึกตกใจมาก เธอรีบสลัดมือเขาเป็นพัลวันแล้วพูดว่า “อย่ามายั่วโมโหฉันนะ ฉันเป็นแฟนของข่งอู่ นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”นี่คือแผนของเซี่ยอวี๋ฟู๋ เธอหาโอกาสให้ข่งอู่เป็นฮีโร่มาช่วยผู้หญิงอย่างเธอ เธอจะได้แสดงความอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา และถ้าข่งอู่แสดงความห่วงใยออกมามันจะดียิ่งขึ้นไปอีก“ข่งอู่? อะไรวะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เมื่อกี้เธอตีฉัน ถ้าคืนนี้ไม่ไปกับฉัน เรื่องนี้ไม่จบแน่” ชายคนนั้นพูดทันใดนั้นหานซานเฉียนที่มาเข้าห้องน้ำก็บังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี เขาค่อนข้างรู้สึกคุ้นหน้าชายคนที่ขวางเซี่ยอวี๋ฟู๋อยู่ เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“เป็นอะไรไหม?” หานซานเฉียนเดินตรงเข้าไปถามเซี่ยอวี๋ฟู๋สร้างโอกาสนี้ให้ข่งอู่ ไม่ใช่ให้หานซานเฉียนเข้ามาทำลาย เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกี่ยวอะไรกับนาย ไสหัวไปซะ อย่ามายุ่ง”ขณะที่เซี
ข่งอู่สลัดมือออกจากเซี่ยอวี๋ฟู๋ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เธอไม่ใช่แฟนของฉัน เรื่องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” เมื่อเซี่ยอวี๋ฟู๋ได้ยินประโยคนี้ก็หน้าซีดทันที เธอจงใจสร้างโอกาสนี้ขึ้นมาให้ข่งอู่เป็นฮีโร่ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไร้น้ำใจขนาดนี้!“ข่งอู่ คุณหมายความว่ายังไง ฉันชอบคุณมาตั้งนาน แต่คุณจะไร้น้ำใจกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ” เซี่ยอวี๋ฟู๋กัดฟันด้วยความเจ็บใจ“เซี่ยอวี๋ฟู๋ ทำบุญให้ตัวเองเยอะ ๆ หน่อยนะ ชายคนนี้เป็นลูกน้องของพี่ใหญ่ม่อ เธอรีบโทรหาพ่อเธอสิ ให้พ่อเธอมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถ้าเธอดวงดี พ่อเธอก็อาจจะช่วยได้ แต่ถ้าดวงไม่ดี เธอก็ต้องชดใช้ด้วยร่างกาย” ข่งอู่พูด เซี่ยอวี๋ฟู๋รู้สึกช็อกด้วยความตกใจ ชายคนนี้เป็นลูกน้องของพี่ใหญ่ม่ออย่างงั้นเหรอเธอแค่มองหาแพะรับบาปเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะลามไปถึงม่อหยาง!ต่อให้เป็นพ่อของเธอก็ยังต้องให้ความเคารพต่อม่อหยาง หากเธอใส่ความลูกน้องของเขา ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรกันล่ะ?“สาวน้อย ดวงซวยแล้วสินะ?” ชายคนนั้นพูดไปหัวเราะไปเซี่ยอวี๋ฟู๋เข่าอ่อน ในใจรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เป็นไปได้อย่างไร ทำไมฉันถึงไปยั่วโมโหคนของพี่ใหญ่ม่อนะ?