“ตามหาหานซานเฉียน หักขาของมันซะ แล้วพากลับไปที่จวนของตระกูลเฉิน”นี่คือสิ่งที่เฉินเถี่ยซินพูดกับคนรับใช้ทุกคน เขาแน่ใจแล้วว่าหานซานเฉียนทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้าย ดังนั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยหานซานเฉียนไปอย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพบหานซานเฉียน เพราะหานซานเฉียนและฮวงเซียวหย่งอยู่ระหว่างทางไปยังเมืองเซียวหลิงแล้วเมืองเซียวหลิงเป็นสถานที่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้ชาย ทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำเยียนจือสามารถทำให้ผู้ชายส่วนใหญ่หลงใหลได้ มีข่าวลือว่าครั้งหนึ่งมีเศรษฐีคนหนึ่งที่สูญเสียความมั่งคั่งในแม่น้ำเยียนจือ ก่อนจะสียชีวิตด้วยน้ำมือของผู้หญิงคนหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าเขาทุ่มเทกำลังสุดท้ายให้กับสาเหตุนี้ฮวงเซียวหย่งมีประสบการณ์ในการแอบไปที่เมืองเซียวหลิงหลายครั้ง และเขาก็เคยเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำเยียนจือหลายครั้ง มันเป็นสถานที่ที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นจากตัวเองได้การที่หานซานเฉียนเสนอให้ไปที่เมืองเซียวหลิงในครั้งนี้ ตามความเห็นของฮวงเซียวหย่ง หานซานเฉียนต้องมีความคิดในทางนั้นแน่ ดังนั้นเขาจึงแนะนำหานซานเฉียนให้กับร้านค้าชื่อดังหลายแห่งในแม่น้ำ
ฮวงเซียวหย่งน้ำลายไหลแล้วแต่หานซานเฉียนรู้สึกอึดอัดใจมากที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้เพราะของแบบนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายบนโลก จะเห็นการชักชวนลูกค้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ที่ได้ไหน?แต่ความงามของผู้หญิงเหล่านั้นก็ทำให้หานซานเฉียนประหลาดใจทั้งสองฟากฝั่งของแม่น้ำเยียนจือ สุ่มเข้าไปรับผู้หญิงคนไหนก็ได้ พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นสาวงาม และมีรูปร่างต่างกัน หากพวกนางไปที่โลก ไม่รู้ว่าจะมีผู้ชายกี่คนที่ต้องตกตะลึง“อาจารย์ ผู้หญิงเหล่านี้สวยงามมากใช่ไหมขอรับ” ฮวงเซียวหย่งพูดกับหานซานเฉียนด้วยริมฝีปากแห้งผาด“ในเมื่อมีผู้หญิงจำนวนมากที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงหมกมุ่นอยู่กับเฉินเหยียนหรันมาตั้งหลายปี?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม“ท่านอาจารย์ ยังไงที่นี่ก็เป็นซ่องโสเภณี มันเป็นเรื่องปกติที่จะเล่นกับพวกนางเป็นครั้งคราว แต่จะให้พาพวกนางกลับบ้านไปเป็นภรรยาได้อย่างไร” ฮวงเซียวหย่งกล่าว“สุดท้ายแล้วชะตากรรมของคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยฮวงเซียวหย่งไม่เคยเห็นใครสนใจผู้หญิงในซ่อง และเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงเหล่านี้ในอนาคตแต่ถ้าลองคิดดูก็พอจะรู้ได้ว่า พวกนางคงจะถูกไล
“อะไรน่ะ เหตุใดถึงได้เร็วขนาดนั้น”“อสูร! เขาคือปรมาจารย์อสูร”“เหตุใดคนหนุ่มเช่นนี้ถึงเป็นปรมาจารย์อสูรได้ เขาเป็นใครกันแน่ หรือว่าเขาจะมาจากราชสำนัก!”เมื่อพยัคฆ์ปรากฏตัวข้าง ๆ ฮวงเซียวหย่ง ผู้ที่เฝ้าดูความตื่นเต้นก็ส่งเสียงอุทานปรมาจารย์อสูรเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในราชสำนัก และตัวตนของฮวงเซียวหย่งดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับในทันทีสำหรับชายชรา แม้ว่าเขายังคงแสร้งทำเป็นสงบ แต่มือของเขาก็สั่นเล็กน้อยแล้วเพราะเขารู้ดีว่าพยัคฆ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นสัตว์ร้ายเจ็ดดาว และในฐานะบุคคลระดับโคมห้า เขาจะเทียบกับสัตว์ร้ายเจ็ดดาวได้อย่างไร!คราวนี้ถึงทางตันแล้วจริง ๆชายหนุ่มคนนั้นมีสีหน้าน่าเกลียดมาก ชื่อเสียงของเขาดังมากในแม่น้ำเยียนจือ รวมถึงทั่วทั้งเมืองเซียวหลิงด้วย เขาใช้คำพูดที่รุนแรง และแสดงเจตนาฆ่าฮวงเซียวหย่ง แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะฆ่าฮวงเซียวหย่ง แม้แต่ชีวิตของเขาเองก็ตกอยู่ในอันตรายแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมปรมาจารย์อสูรเจ็ดดาวถึงปรากฏตัวในเมืองเซียวหลิง เหตุใดบุคคลเช่นนี้ถึงมาท
“เหลิ่งเอ๋อร์จะไม่มีวันยอมให้ข้าตามเช็ดก้นให้เขา ข้าเชื่อว่าเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง” เซียวจ้านยังคงดูไม่กังวล เมื่อเทียบกับคนธรรมดาแล้ว ปรมาจารย์อสูรนั้นจัดการยากกว่าอย่างแน่นอน แต่ในความคิดของเซียวจ้าน แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์อสูร ก็คงระดับไม่สูงนัก ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเซียวเหลิ่งที่จะจัดการกับเรื่องนี้“นายท่าน อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์อสูรเจ็ดดาวขอรับ” คนรับใช้พูดอย่างจนปัญญาเซียวจ้านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าหวาดกลัวแล้วพูดว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ เขาเป็นปรมาจารย์อสูรเจ็ดดาวอย่างนั้นหรือ”“ขอรับ อสูรของเขาคือพยัคฆ์ ที่เป็นสัตว์ร้ายเจ็ดดาวไม่ผิดแน่ขอรับ และเขาก็เกี่ยวข้องกับราชสำนักด้วยขอรับ” คนรับใช้กล่าวเซียวจ้านรู้สึกหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง เมืองเซียวหลิงเป็นของตระกูลเซียว ในอีกแง่หนึ่งสามารถพูดได้ว่าทั้งเมืองเซียวหลิงมีนามสกุลเซียวแต่ในฐานะปรมาจารย์อสูรเจ็ดดาว และยังเกี่ยวข้องกับราชสำนักอีก นี่คือสิ่งที่ตระกูลเซียวไม่สามารถชดใช้ได้“ปรมาจารย์อสูรเจ็ดดาวมาที่เมืองเซียวหลิงเมื่อใด เหตุใดตระกูลเซียวจึงไม่ได้รับข่าวใด ๆ เลย?” เซ
“คุกเข่าลงแล้ว เขาคุกเข่าลงจริง ๆ”“เซียวเหลิ่งก็มีวันที่คุกเข่าให้คนอื่นด้วยเช่นกันสินะ สะใจจริง ๆ”“เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริง ๆ ที่ตระกูลเซียวที่ยิ่งใหญ่จะยอมประนีประนอม ดูเหมือนว่าตระกูลเซียวก็ไม่ได้เก่งกาจเท่าไหร่นัก”มีเสียงกระซิบมากมายในฝูงชน และบางคนเคยเสียเปรียบให้เซียวเหลิ่งมาก่อน เมื่อก่อนพวกเขาไม่กล้าแสดงความโกรธ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งสั่งให้เซียวเหลิ่งคุกเข่า ซึ่งก็ถือว่าช่วยให้พวกเขาได้ระบายความคับข้องใจออกมาบ้างแต่คนเหล่านี้ไม่กล้าพูดเสียงดังเกินไป เพราะกลัวว่าเซียวเหลิ่งจะได้ยิน แล้วจะกลับมาแก้แค้นพวกเขาในอนาคต“พวกเราไปได้หรือยัง?” เซียวจ้านถามฮวงเซียวหย่ง“ข้าอยากจะแนะนำตระกูลเซียวสักหน่อย ว่าอาณาเขตของราชสำนักก็คืออาณาเขตของราชสำนัก แม้แต่เมืองเซียวหลิงนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเซียวสามารถครอบครองได้ตามใจชอบ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าเหนือหัวที่นี่ หากเจ้ากล้าผยองอีก ข้า ฮวงเซียวหย่งจะไม่ปล่อยตระกูลเซียวไปแน่” ฮวงเซียวหย่งกล่าวหากมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเซียวจ้าน คงได้ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้เซียวจ้านทำได้แค่กลืนความโกรธของเขาไว้เท่านั้น"ขอบคุณที่เตือน ตระกูลเซียวจะจำประ
หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากความกังวลของฮวงเซียวหย่ง ดูเหมือนว่านามสกุลไป๋หลิงจะมีความเป็นมาอะไรบางอย่าง แม้ว่าไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังตอบคำถามของฮวงเซียวหย่ง แต่นางก็มองไปที่หานซานเฉียน“หว่านเอ๋อร์เกิดมาพร้อมกับนามสกุลไป๋หลิง แต่ไม่เคยบอกชื่อจริงให้ใครฟังเลยเจ้าค่ะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าวฮวงเซียวหย่งแสดงร่องรอยความตกใจอย่างชัดเจน หานซานเฉียนไม่ได้ถามเหตุผลที่ทำให้เขาประหลาดใจ แต่ถามไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ว่า “ในเมื่อเจ้าไม่เคยบอกใคร แล้วเหตุใดถึงบอกข้าล่ะ”“เพราะหว่านเอ๋อร์คิดว่าคุณชายเป็นคนดีเจ้าค่ะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เป็นคนดีอย่างนั้นเหรอฟังดูไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าอยู่บนโลกมันจะมีความหมายอื่น“ฮวงเซียวหย่ง หาโรงเตี๊ยมพักผ่อน” หานซานเฉียนพูดกับฮวงเซียวหย่งฮวงเซียวหย่งพยักหน้า และสั่งให้คนพายเรือไปจอด และทั้งสามคนก็ขึ้นฝั่งด้วยกันในเวลานี้ ในตระกูลเซียว นอกเหนือจากเซียวเหลิ่งและพ่อของเขาแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย เขาเป็นเจ้าเมืองคนปัจจุบันของเมืองเซียวหลิง ซึ่งก็คือเซียวโต่ว น้องชายของเซียวจ้าน“ท
“เจ้าล้อเล่นกับข้ารึ? เมื่อก่อนตระกูลไป๋หลิงเคยแข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลยหรือ?”ในโรงแรม หานซานเฉียนพูดด้วยความไม่อยากเชื่อหลังจากฟังสิ่งที่ฮวงเซียวหย่งเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตระกูลไป๋หลิง“ท่านอาจารย์ ข้าจะล้อเล่นกับท่านได้อย่างไร แม้ว่าหลายคนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ข้ายังจำมันได้ขึ้นใจ ด้วยเหตุนี้ พ่อของข้าจึงมักจะบอกให้ข้าถ่อมตัวเข้าไว้” ฮวงเซียวหย่งกล่าว ฮวงโหวอี้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเมื่อตอนที่เขายังเด็กมาก จากนั้นเป็นต้นมาฮวงโหวอี้ก็มักจะใช้เรื่องนี้เป็นพื้นฐานในการเตือนเขาว่าอย่าหยิ่งผยองเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย“ในเมื่อเจ้าบอกว่าตระกูลไป๋หลิงถูกกำจัดไปแล้ว แล้วเหตุใดยังเหลือไป่หลิงหว่านเอ๋อร์อยู่อีกล่ะ บางทีนางอาจจะไม่ได้มาจากตระกูลไป๋หลิงก็ได้” หานซานเฉียนเดา“ข้าก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรื่องการทำลายล้างตระกูลไป๋หลิงนั้นได้รับการบอกกล่าวโดยราชสำนัก และราชสำนักก็ดำเนินการหลายอย่าง และสังหารไปหมดทุกคนอย่างแน่นอน แต่สำหรับตระกูลใหญ่เช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่บางคนจะรอดพ้นจากการถูกตรวจพบ” ฮวงเซียวหย่งกล่าว จริง ๆ แล้วการปรากฏตัวของเด็กกำพร้าของตระกูลไป๋หลิงไม่ได้ท
หานซานเฉียนพูดไม่ออกเมื่อมองดูรอยยิ้มอันภาคภูมิใจของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็รู้ดีว่า แม้ว่าเขาจะอธิบายให้นางฟัง มันก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะนางยังไม่เข้าใจความรัก และไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของหานซานเฉียนได้เมื่อพูดถึงการแก้แค้น ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ดูเหมือนผู้ใหญ่มาก แต่ในเรื่องอื่น นางก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ“รีบพักผ่อนเถิด” หานซานเฉียนยืนขึ้นขณะที่พูดแต่จู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นตรงหน้าหานซานเฉียน และยื่นมือออกไปขวางไม่ให้เขาออกไป“เจ้าจะทำอะไร” หานซานเฉียนถามด้วยความสับสน“รับข้าเป็นศิษย์ หรือจะรับข้าเป็นภรรยาของท่าน” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าว“นี่เจ้าบังคับให้ข้าเลือกอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่งไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ไม่ตอบ แต่ท่าทางของนางมั่นคงมากสำหรับนาง การได้พบกับปรมาจารย์อย่างหานซานเฉียนถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก นางไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป เพราะนางไม่แน่ใจว่านางยังสามารถพบเจอโอกาสดังกล่าวได้อีกหรือไม่“เชื่อหรือไม่ว่าพรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าให้กับเซียวเหลิ่ง คิดว่าเขาน่าจะเต็มใจมากด้วย” หานซานเฉียนกล่าวสีหน้าของไป๋หลิง