หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากความกังวลของฮวงเซียวหย่ง ดูเหมือนว่านามสกุลไป๋หลิงจะมีความเป็นมาอะไรบางอย่าง แม้ว่าไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังตอบคำถามของฮวงเซียวหย่ง แต่นางก็มองไปที่หานซานเฉียน“หว่านเอ๋อร์เกิดมาพร้อมกับนามสกุลไป๋หลิง แต่ไม่เคยบอกชื่อจริงให้ใครฟังเลยเจ้าค่ะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าวฮวงเซียวหย่งแสดงร่องรอยความตกใจอย่างชัดเจน หานซานเฉียนไม่ได้ถามเหตุผลที่ทำให้เขาประหลาดใจ แต่ถามไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ว่า “ในเมื่อเจ้าไม่เคยบอกใคร แล้วเหตุใดถึงบอกข้าล่ะ”“เพราะหว่านเอ๋อร์คิดว่าคุณชายเป็นคนดีเจ้าค่ะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เป็นคนดีอย่างนั้นเหรอฟังดูไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าอยู่บนโลกมันจะมีความหมายอื่น“ฮวงเซียวหย่ง หาโรงเตี๊ยมพักผ่อน” หานซานเฉียนพูดกับฮวงเซียวหย่งฮวงเซียวหย่งพยักหน้า และสั่งให้คนพายเรือไปจอด และทั้งสามคนก็ขึ้นฝั่งด้วยกันในเวลานี้ ในตระกูลเซียว นอกเหนือจากเซียวเหลิ่งและพ่อของเขาแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย เขาเป็นเจ้าเมืองคนปัจจุบันของเมืองเซียวหลิง ซึ่งก็คือเซียวโต่ว น้องชายของเซียวจ้าน“ท
“เจ้าล้อเล่นกับข้ารึ? เมื่อก่อนตระกูลไป๋หลิงเคยแข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลยหรือ?”ในโรงแรม หานซานเฉียนพูดด้วยความไม่อยากเชื่อหลังจากฟังสิ่งที่ฮวงเซียวหย่งเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตระกูลไป๋หลิง“ท่านอาจารย์ ข้าจะล้อเล่นกับท่านได้อย่างไร แม้ว่าหลายคนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ข้ายังจำมันได้ขึ้นใจ ด้วยเหตุนี้ พ่อของข้าจึงมักจะบอกให้ข้าถ่อมตัวเข้าไว้” ฮวงเซียวหย่งกล่าว ฮวงโหวอี้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเมื่อตอนที่เขายังเด็กมาก จากนั้นเป็นต้นมาฮวงโหวอี้ก็มักจะใช้เรื่องนี้เป็นพื้นฐานในการเตือนเขาว่าอย่าหยิ่งผยองเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย“ในเมื่อเจ้าบอกว่าตระกูลไป๋หลิงถูกกำจัดไปแล้ว แล้วเหตุใดยังเหลือไป่หลิงหว่านเอ๋อร์อยู่อีกล่ะ บางทีนางอาจจะไม่ได้มาจากตระกูลไป๋หลิงก็ได้” หานซานเฉียนเดา“ข้าก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรื่องการทำลายล้างตระกูลไป๋หลิงนั้นได้รับการบอกกล่าวโดยราชสำนัก และราชสำนักก็ดำเนินการหลายอย่าง และสังหารไปหมดทุกคนอย่างแน่นอน แต่สำหรับตระกูลใหญ่เช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่บางคนจะรอดพ้นจากการถูกตรวจพบ” ฮวงเซียวหย่งกล่าว จริง ๆ แล้วการปรากฏตัวของเด็กกำพร้าของตระกูลไป๋หลิงไม่ได้ท
หานซานเฉียนพูดไม่ออกเมื่อมองดูรอยยิ้มอันภาคภูมิใจของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็รู้ดีว่า แม้ว่าเขาจะอธิบายให้นางฟัง มันก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะนางยังไม่เข้าใจความรัก และไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของหานซานเฉียนได้เมื่อพูดถึงการแก้แค้น ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ดูเหมือนผู้ใหญ่มาก แต่ในเรื่องอื่น นางก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ“รีบพักผ่อนเถิด” หานซานเฉียนยืนขึ้นขณะที่พูดแต่จู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นตรงหน้าหานซานเฉียน และยื่นมือออกไปขวางไม่ให้เขาออกไป“เจ้าจะทำอะไร” หานซานเฉียนถามด้วยความสับสน“รับข้าเป็นศิษย์ หรือจะรับข้าเป็นภรรยาของท่าน” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กล่าว“นี่เจ้าบังคับให้ข้าเลือกอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่งไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ไม่ตอบ แต่ท่าทางของนางมั่นคงมากสำหรับนาง การได้พบกับปรมาจารย์อย่างหานซานเฉียนถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก นางไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป เพราะนางไม่แน่ใจว่านางยังสามารถพบเจอโอกาสดังกล่าวได้อีกหรือไม่“เชื่อหรือไม่ว่าพรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าให้กับเซียวเหลิ่ง คิดว่าเขาน่าจะเต็มใจมากด้วย” หานซานเฉียนกล่าวสีหน้าของไป๋หลิง
“ท่านเจ้าเมืองเซียว หากท่านมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรง ๆ เถิด อย่ามัวแต่อ้อมค้อม” ฮวงเซียวหย่งไม่สนใจที่จะเดาว่าเซียวโต่วต้องการทำอะไรจึงถามออกไปตามตรง“นายน้อยฮวง ครึ่งปีที่ผ่านมาหอเฟิงหลิงถูกครอบครองโดยคนโหดเหี้ยม ใครก็ตามที่ท้าทายเขาจะต้องตายบนสังเวียน ดังนั้นข้าหวังว่านายน้อยฮวงจะสามารถช่วยข้าจัดการกับบุคคลนี้” เซียวโต่วกล่าว“เจ้าเมืองเซียว หอเฟิงหลิงเป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งเป็นราชาไม่ใช่หรือ เนื่องจากเขาสามารถจัดการกับทุกคนที่ท้าทายเขาได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่ง เหตุใดเจ้าเมืองเซียวจึงต่อต้านเขาล่ะ?” ฮวงเซียวหย่งถามด้วยความสับสน“นายน้อยฮวงอาจไม่รู้ว่าหอเฟิงหลิงเป็นสถานที่สำคัญอันดับสองของเมืองเซียวหลิง เมื่อก่อนมันเคยเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา และดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาท้าทาย แต่ตั้งแต่ที่เขากลายเป็นนักสู้ เนื่องจากความแข็งแกร่งและวิธีการอันโหดร้ายของเขา ผู้ท้าชิงก็น้อยลงเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หอเฟิงหลิงอาจสูญเสียคุณค่าดั้งเดิมของมันไป” เซียวโต่วไม่ได้ปิดบังและบอกจุดประสงค์ของเขาโดยตรงหอเฟิงหลิงเคยดึงดูดผู้คนได้มากมาย เมื่อมาที่เมืองเซียวหลิง มันจะเป็นสถานที่
หานซานเฉียนพยักหน้า เขารู้ถึงประสิทธิภาพของผลไม้สีแดงดีกว่าใคร ๆ มันไม่ได้แค่สามารถช่วยให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนได้เพียงสองระดับเท่านั้น แม้แต่การพัฒนาระดับของจวงถางและกงเทียนในเทียนฉีด้วย ดังนั้นฮวงเซียวหย่งจึงสามารถเลื่อนระดับได้อีก เพียงแต่ยังขาดโอกาสบางอย่างเท่านั้นสำหรับฮวงเซียวหย่งที่เชื่อมั่นในตัวหานซานเฉียน ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับคำยืนยันของเขา ซึ่งทำให้ฮวงเซียวหย่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นหากเขาสามารถเลื่อนไปถึงระดับโคมห้าได้จริงในช่วงเวลาสั้น ๆ สิ่งนี้จะทำให้ทั้งเมืองหลงหยุนต้องตกตะลึงอีกครั้ง!จวนของเจ้าเมืองเซียวจ้านและเซียวเหลิ่งสองพ่อลูกต่างก็ชัดเจนเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเซียวโต่ว ที่จะขอให้ฮวงเซียวหย่งช่วย แต่ในมุมมองของเซียวเหลิ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่ฮวงเซียวหย่งจะยอมตกลง เห็นได้ชัดว่าเซียวโต่วกำลังหลอกใช้เขา เว้นเสียแต่ฮวงเซียวหย่งจะโง่เขลาจริง ๆ ถึงจะรับปากเรื่องนี้“ท่านลุง ท่านคิดว่าฮวงเซียวหย่งมีแนวโน้มที่จะตกลงหรือไม่ขอรับ?” เซียวเหลิ่งถามอย่างสงสัย“ไม่ใช่แค่มีแนวโน้ม แต่เขาจะตกลงอย่างแน่นอน” เซียวโต่วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจเซียวเหลิ่งมองเซียวจ้านด้วยความสับสน
“ระดับโคมสี่แต่มีอสูรเจ็ดดาว เจ้าทำได้อย่างไร?” ในที่สุดชายในสังเวียนก็ลืมตาขึ้น เห็นได้ชัดว่าฮวงเซียวหย่งทำให้เขาประหลาดใจ“ข้ามาที่นี่เพื่อต่อสู้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระให้มากมาย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวอย่างสงบดวงตาของชายคนนั้นจับจ้องไปที่อสูรเจ็ดดาว โดยไม่เหลือบมองฮวงเซียวหย่งเลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จริงจังกับฮวงเซียวหย่ง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชีวิตของปรมาจารย์อสูรและอสูรนั้นเชื่อมโยงกัน หากเจ้าตาย มันก็จะตายด้วยเช่นกัน ช่างน่าเสียดายจริง ๆ” ชายคนนั้นพูดฮวงเซียวหย่งขมวดคิ้ว น้ำเสียงของชายที่ดูเหมือนขอทานคนนี้จริงจังมาก เขาตัดสินใจเรื่องชีวิตและความตายของเขาแล้วแต่ฮวงเซียวหย่งก็ตระหนักรู้ในตนเอง เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้คนนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องอย่างลับ ๆ ของหานซานเฉียน เขาก็คงไม่มีความกล้าที่จะขึ้นมาบนสังเวียนนี้ด้วยซ้ำ“เรายังไม่ได้สู้กันเลย แต่เจ้ากลับคิดว่าข้าจะตาย ไม่ผยองเกินไปหน่อยหรือ?” ฮวงเซียวหย่งกล่าวชายคนนั้นมีรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับกำลังคิดว่าคำพูดของฮวงเซียวหย่งเป็นเรื่องตลกและกล่าวว่า “ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าก้าว
การปรากฏตัวของชายสวมหน้ากากทำให้ผู้พบเห็นเกิดความสงสัยและสับสน โดยเฉพาะสมาชิกสามคนของตระกูลเซียวที่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขามาก“คนนี้...” เซียวโต่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็แสดงความหวาดกลัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หรือว่าเขาคืออาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง?”แม้ว่าฮวงเซียวหย่งจะไม่เคยเปิดเผยว่าเขามีอาจารย์ แต่เขาก็ได้เลื่อนระดับและพิชิตอสูรเจ็ดดาวได้ ใครก็ตามที่มีสมองก็พอจะเดาได้ ว่าจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังฮวงเซียวหย่งแน่ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ความลับอะไร “ท่านลุง คน ๆ นี้มีพลังมากหรือ?” เซียวเหลิ่งอดไม่ได้ที่จะถามเซียวโต่วไม่รู้ว่าเขาทรงพลังมากหรือไม่ เพราะชายสวมหน้ากากยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แต่ด้วยการแสดงออกของนักสู้ก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่าชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนนักสู้มีเจตนาฆ่าอย่างชัดเจนต่อฮวงเซียวหย่ง แต่หลังจากที่ชายสวมหน้ากากปรากฏตัว เขาก็หยุดกะทันหัน มีเพียงคำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้ นั่นก็คือความกลัวที่มีต่อชายสวมหน้ากาก“ข้าอาจทำอะไรผิดในเรื่องนี้” เซียวโต่วกัดฟันพูด เขาเพียงต้องการใช้นักสู้ฆ่าฮวงเซียวหย่ง แต่เขาลืมไปว่านอกเหนือจากควา
การเลื่อนระดับของฮวงเซียวหย่งดูจะเป็นเรื่องปกติสำหรับหานซานเฉียน เพราะเขาได้กินผลไม้สีแดง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่สามารถเลื่อนระดับของตัวเองได้ นั่นก็หมายความว่าฮวงเซียวหย่งนั้นไร้ประโยชน์เกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพียงระดับโคมห้าเท่านั้น การที่ฮวงเซียวหย่งจะมีความสุขขนาดนี้มันยังเร็วเกินไป“แค่ระดับโคมห้าก็ทำให้เจ้าตื่นเต้นงั้นหรือ เจ้าพอใจแล้วอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนพูดกับฮวงเซียวหย่งอย่างสงบคำพูดเหล่านี้เหมือนกับน้ำเย็นที่เทลงบนหน้าฮวงเซียวหย่ง ทำให้ฮวงเซียวหย่งสงบลงทันที เขาก้มหัวต่ำและพูดว่า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ควรพึงพอใจในตนเอง”สมาชิกทั้งสามของตระกูลเซียวดูหมดหนทางอย่างมากเมื่อได้ยินการสนทนานี้ ระดับโคมห้า! สำหรับคนธรรมดานี่เป็นดินแดนที่ไม่สามารถบรรลุได้อยู่แล้ว แต่สำหรับปรมาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ มันดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องที่เปล่าประโยชน์ นี่คือท่าทีของผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง“ข้าฝากที่เหลือด้วย ขอตัวก่อน” จู่ ๆ หานซานเฉียนก็พูดกับฮวงเซียวหย่งแล้วรีบออกจากสังเวียนไปฮวงเซียวหย่งแค่คิดว่าหานซานเฉียนพบข้ออ้างที่จะจากไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรเหตุผลที
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ