การเลื่อนระดับของฮวงเซียวหย่งดูจะเป็นเรื่องปกติสำหรับหานซานเฉียน เพราะเขาได้กินผลไม้สีแดง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่สามารถเลื่อนระดับของตัวเองได้ นั่นก็หมายความว่าฮวงเซียวหย่งนั้นไร้ประโยชน์เกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพียงระดับโคมห้าเท่านั้น การที่ฮวงเซียวหย่งจะมีความสุขขนาดนี้มันยังเร็วเกินไป“แค่ระดับโคมห้าก็ทำให้เจ้าตื่นเต้นงั้นหรือ เจ้าพอใจแล้วอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนพูดกับฮวงเซียวหย่งอย่างสงบคำพูดเหล่านี้เหมือนกับน้ำเย็นที่เทลงบนหน้าฮวงเซียวหย่ง ทำให้ฮวงเซียวหย่งสงบลงทันที เขาก้มหัวต่ำและพูดว่า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ควรพึงพอใจในตนเอง”สมาชิกทั้งสามของตระกูลเซียวดูหมดหนทางอย่างมากเมื่อได้ยินการสนทนานี้ ระดับโคมห้า! สำหรับคนธรรมดานี่เป็นดินแดนที่ไม่สามารถบรรลุได้อยู่แล้ว แต่สำหรับปรมาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ มันดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องที่เปล่าประโยชน์ นี่คือท่าทีของผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง“ข้าฝากที่เหลือด้วย ขอตัวก่อน” จู่ ๆ หานซานเฉียนก็พูดกับฮวงเซียวหย่งแล้วรีบออกจากสังเวียนไปฮวงเซียวหย่งแค่คิดว่าหานซานเฉียนพบข้ออ้างที่จะจากไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรเหตุผลที
ดูเหมือนว่าจ้าวอี้ตั้งใจจะติดตามเขา ซึ่งหานซานเฉียนไม่สามารถยอมรับได้ เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าจ้าวอี้คือปรมาจารย์โคมเจ็ด หากให้ยอมให้เขาติดตามไปด้วย การอยู่อย่างถ่อมตัวของหานซานเฉียนก็คงเป็นเรื่องยาก“คุณจะตามผมไปไม่ได้” หานซานเฉียนกล่าว“ทำไมล่ะ?” จ้าวอี้ถามอย่างงุนงง“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้สวมหน้ากาก?” หานซานเฉียนกล่าวคำถามนี้อธิบายได้ง่าย จ้าวอี้ไม่ใช่คนโง่ เหตุผลที่เขาปิดบังตัวเองก็เพื่อซ่อนตัวเองไม่ใช่เหรอ?“คุณคงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าคุณเก่งสินะ” จ้าวอี้กล่าวหานซานเฉียนพยักหน้าและพูดต่อ “ในเมื่อคุณรู้แล้ว ดังนั้นคงไม่ต้องให้ผมบอกเหตุผลกับคุณหรอกใช่ไหมว่าทำไมถึงติดตามผมไปไม่ได้”“แต่กว่าจะพบเพื่อนร่วมโลก เรามาสำรวจโลกเชวียนหยวนไปด้วยกันไม่ได้เหรอ?” จ้าวอี้กล่าวอย่างไม่เต็มใจ ที่เขาอยากอยู่กับหานซานเฉียน นอกจากการมีคนมาดูแลแล้ว เขายังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวอื่นอีกด้วยสิ่งแรกคือ เขาหวังว่าหานซานเฉียนจะสามารถช่วยให้เขาเลื่อนระดับได้ และอย่างที่สองคือ หากหานซานเฉียนพบหนทางที่จะกลับสู่โลก เขาก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้เป็นเวลายี่สิบปีแล้วที่จ้าวอี้ไม่พบสิ่งใดเลย เขาไม่คิดว่า
หานซานเฉียนไม่เคยสนใจคำว่าเงิน ท่าทีตื่นเต้นของฮวงเซียวหย่ง ทำให้เขารู้สึกพูดไม่ออกเป็นอย่างมากหานซานเฉียนมองไปที่ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ และถามฮวงเซียวหย่งตรงหน้านาง “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับห้องนิรภัยลับของตระกูลไป๋หลิงหรือไม่?”“คลังสมบัติลับ?” ฮวงเซียวหย่งเหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองไปที่ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ และพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านอาจารย์ ถ้าตระกูลไป๋หลิงมีคลังสมบัติลับจริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถรู้ได้นะขอรับ”“ถ้ามีห้องนิรภัยลับอยู่จริง เจ้าคิดว่ามันจะเป็นอย่างไร” หานซานเฉียนพูดโดยไม่ลังเลฮวงเซียวหย่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตระกูลไป๋หลิงปกครองหลายเมืองในสมัยนั้น และอำนาจของมันก็เกือบจะทรงพลังเท่ากับราชสำนัก หากการดำรงอยู่สูงสุดเช่นนี้มีคลังสมบัติลับจริง ก็คงจะมั่งคั่งเป็นอย่างมาก“ท่านอาจารย์” ฮวงเซียวหย่งกระซิบ “ถ้าตระกูลไป๋หลิงมีคลังสมบัติลับจริง มันคงร่ำรวยเทียบเท่าประเทศได้เลยล่ะขอรับ”หานซานเฉียนขมวดคิ้ว ร่ำรวยเทียบเท่าประเทศ นี่เป็นแค่เงินไม่ใช่เหรอ? แต่เขาไม่มีความจะสนใจในเรื่องเงินตอนอยู่บนโลก หลังจากที่หานซานเฉียนเข้าควบคุมตระกูลหนานกง ทรัพยากรทางกา
เมืองหลงหยุนในห้องหนังสือของเฉินเยวียนไห่ เฉินเถี่ยซินก้าวเข้ามาด้วยอารมณ์ที่ไม่มั่นคงหลังจากเดินไปถึงด้านหน้าเฉินเยวียนไห่ เฉินเถี่ยซินก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านตามหาข้าหรือขอรับ”เฉินเยวียนไห่หันหน้าไปมองดูลูกชายที่เก่งกาจของเขา เขาวิ่งวุ่นมาหลายปีเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น เขาไม่เคยยอมแพ้แม้จะต้องพบกับความพ่ายแพ้มากมาย แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้รับอะไรเลย ส่วนฮวงเซียวหย่ง ขยะไร้ประโยชน์ที่ไม่ได้ทำอะไรกลับมีอาจารย์ ซึ่งนั่นทำให้เฉินเยวียนไห่รู้สึกไม่ยุติธรรมกับเฉินเถี่ยซินเล็กน้อยเหตุใดพระเจ้าจึงตาบอด คนที่ทำงานหนักกลับไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ ส่วนคนไร้ประโยชน์กลับได้รับโอกาสที่ไม่ควรได้รับ?“เจ้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเซียวหลิงแล้วหรือยัง” เฉินเยวียนไห่ถามเฉินเถี่ยซินพยักหน้า สาเหตุที่ทำให้เขามีอารมณ์ไม่มั่นคงก็มาจากเหตุนี้ข่าวที่ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นระดับโคมห้ารายงานกลับมายังเมืองหลงหยุน ซึ่งทำให้หลายคนต่างก็ตกตะลึง แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คืออาจารย์ของฮวงเซียวหย่งปรากฏตัว ซึ่งยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านั้นของพวกเขายิ่งไปกว่านั้น เฉินเถี่ยซินรู้จักนักสู้ในเมืองเ
เดิมทีหานซานเฉียนวางแผนที่จะไปที่เมืองเซียวหลิงเพื่อดูโลก และดูว่าเจียงหยิงหยิงอาจอยู่ในเมืองเซียวหลิงหรือไม่ แม้ว่าเขาจะได้เห็นโลกแต่ก็ไม่มีร่องรอยของเจียงหยิงหยิงแม้แต่น้อย แถมยังพาปัญหากลับมาด้วยอีก นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนไม่คาดคิดแต่หานซานเฉียนก็ไม่ได้ทิ้งไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขายังลังเลว่าจะรับนางรับลูกศิษย์หรือไม่ เพราะคลังสมบัติลับของตระกูลไป๋หลิงก็มีสิ่งที่ล่อลวงเขาอยู่ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์รู้ว่าตราบใดที่นางไม่ถูกหานซานเฉียนทอดทิ้ง นางก็จะยังคงมีโอกาส ดังนั้นนางจึงไม่กังวลมากเกินไปไม่ไกลจากเมืองหลงหยุน หานซานเฉียนและฮวงเซียวหย่งแยกทางกัน และเข้าไปในเมืองเป็นสองกลุ่ม เพราะถ้าเขาเข้าใกล้ฮวงเซียวหย่งมากเกินไปในตอนนี้ มันจะทำให้ผู้คนสงสัยในตัวตนของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ที่นี่เทียบกับเมืองเซียวหลิงไม่ได้เลย เหตุใดท่านถึงยังอยู่ที่นี่?” หลังจากเข้ามาในเมือง ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็พบว่าความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลงหยุนนั้นเทียบไม่ได้กับเมืองเซียวหลิง ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญต่อหานซานเฉียนอย่างไรหานซานเฉียนไม่ได้ต้องการอยู่ที่นี่ แต
เฉินเถี่ยซินดูลำบากใจ ในอดีตเขาไม่สนใจฮวงเซียวหย่ง แต่ตอนนี้ตระกูลเฉินไม่สามารถต่อต้านจวนของเจ้าเมืองได้อีกต่อไป และความแข็งแกร่งส่วนตัวของฮวงเซียวหย่งก็เหนือกว่าเขามาก ซึ่งทำให้เขาไม่มีคุณสมบัติทำตามอำเภอใจต่อหน้าฮวงเซียวหย่งได้“ฮวงเซียวหย่ง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า” เฉินเถี่ยซินกล่าวฮวงเซียวหย่งขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เดินไปหาเฉินเถี่ยซินและพูดด้วยดวงตาที่ลุกโชน “ข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมือง และเจ้าต้องการฆ่าผู้คนในเมืองหลงหยุนของข้า เจ้าบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับข้าอย่างนั้นหรือ เฉินเถี่ยซิน เจ้าช่างกล้ามาก เมืองหลงหยุนเป็นสถานที่ที่เจ้าสามารถตามอำเภอใจได้หรือไม่?”เฉินเถี่ยซินพูดไม่ออก การฆ่าคนเป็นเรื่องต้องห้าม เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการลับหลัง แต่ต่อหน้าฮวงเซียวหย่ง บุตรชายของเจ้าเมือง หากเขาทำเช่นนั้น จะเป็นการก่ออาชญากรรม และต้องถูกจับเข้าไปอยู่ในเรือนจำ“ฮวงเซียวหย่ง เจ้าไม่อยากให้หมอนี่ตายหรือ?” เฉินเถี่ยซินถาม ในอดีตฮวงเซียวหย่งเกลียดหานซานเฉียนมาก เพราะหานซานเฉียนแย่งชิงเฉินเหยียนหรันไป ดังนั้นเฉินเถี่ยซินจึงหวังที่จะใช้สิ่งนี้ชักชวนฮวงเซียวหย่ง แต่การต้องกา
ฮวงเซียวหย่งรู้สึกสับสนและแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่ตามเขามาคือเฉินเถี่ยซินหมอนี่เพิ่งจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ตามเขามารนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเป็นเพราะสิ้นหวังที่ไม่อาจเลื่อนระดับได้ จึงอยากฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้?“เฉินเถี่ยซิน เจ้าตามข้ามาเพื่อแก้แค้นงั้นหรือ?” ฮวงเซียวหย่งยิ้มเบา ๆ เขาไม่กลัวเฉินเถี่ยซิน ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา หากผู้ชายคนนี้มีเจตนาอื่นสำหรับเขาจริง ๆ ฮวงเซียวหย่งก็สามารถปราบเฉินเถี่ยซินได้ด้วยกำลังของเขาเอง“ด้วยความแข็งแกร่งของข้า จะตอบโต้เจ้าได้อย่างไร ข้าแค่มีเรื่องอยากจะขอร้อง” เฉินเถี่ยซินกล่าว“ขอร้อง?” ฮวงเซียวหย่งหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคงไม่คิดจะให้ข้าแนะนำเจ้ากับอาจารย์ของข้าหรอกใช่ไหม?”ในเมืองเซียวหลิง หานซานเฉียนปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยฮวงเซียวหย่ง ดังนั้นเรื่องที่ฮวงเซียวหย่งมีอาจารย์จึงไม่ใช่ความลับ และก็ไม่แปลกใจที่เฉินเถี่ยซินจะรู้เรื่องนี้“ใช่ ข้าหวังว่าจะใช้โอกาสนี้เป็นศิษย์น้องของเจ้า” เฉินเถี่ยซินกล่าวฮวงเซียวหย่งหัวเราะเบา ๆ โดยคิดว่าตอนที่หานซานเฉียนอยู่ในจวนของตระกูลเฉิน เขาถูกเฉินเถี่ยซิน
เฉินเถี่ยซินแตะหน้าผากเฉินเหยียนหรัน เพราะเขารู้สึกว่าเฉินเหยียนหรันป่วยถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา ไม่อย่างนั้น นางจะคิดว่าหานซานเฉียนเป็นเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?“น้องพี่ ข้ารู้ว่าช่วงนี้เจ้าอยู่ในภาวะมึนงง พักผ่อนเยอะ ๆ เถิด” เฉินเถี่ยซินกล่าวเฉินเหยียนหรันผลักมือของเฉินเถี่ยซินออกแล้วพูดว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องพัก ท่านพี่ ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง พาข้าไปพบเขา ข้าอยากจะยืนยันเรื่องนี้”“เอาล่ะ เลิกงอแงได้แล้ว อยู่บ้านและอย่าออกไปไหน ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” หลังจากที่เฉินเถี่ยซินพูดจบ เขาก็กำลังจะจากไปทันทีที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ เฉินเหยียนหรันก็รีบจับมือของเฉินเถี่ยซินแล้วพูดว่า "ท่านพี่ ท่านเชื่อข้าเถิด สัญชาตญาณของข้าไม่ผิดแน่ ย้อนกลับไปตอนนั้นที่ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยพาปรมาจารย์โคมสี่มาข่มขู่ข้า หานซานเฉียนคือคนที่พาเขาออกไป แล้วเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย”“ยังมีฮวงเซียวหย่งเขาพาปรมาจารย์โคมสองมากกว่าสิบคนไปนอกเมืองเพื่อฆ่าหานซานเฉียน แต่ไม่มีปรมาจารย์คนไหนกลับมาเลย”“ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในเทือกเขาหลงเหยียน ข้างกายข้ามีเพียงหานซานเฉียนและฮวงเซียวหย่งเท่านั้น