“ผมเป็นคนที่แม้แต่คนรับใช้ก็ยังหัวเราะและรังแกได้ หนานกงเชียนชิวเองก็ยุยงให้หานจุนทุบตีผม ในสายตาของเธอ ผมไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหานด้วยซ้ำ” หานซานเฉียนกล่าวต่อหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูหยิงเซี่ยก็เจ็บปวดใจจนหายใจแทบไม่ออก เธอนึกไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนในวัยเด็กจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนในฐานะสมาชิกของตระกูลหาน การได้รับการปฏิบัติระหว่างเขากับหานจุนนั้นแตกต่างกันมาก ไม่แปลกใจที่เขาจะเกลียดชังหนานกงเชียนชิวถึงขนาดนี้ เพราะหากเป็นเธอ เธอก็จะไม่มีวันให้อภัยหนานกงเชียนชิวเช่นกัน“คุณเคยถามผมว่าถูกเจี่ยงหลานตีแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรมไหม ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมผมถึงตอบว่า ไม่ เพราะผมเคยทนกับความเจ็บปวดที่มากกว่านั้น ความอัปยศอดสูที่เจี่ยงหลานนำมาให้ผมนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว" หานซานเฉียนกล่าวซูหยิงเซี่ยจับมือหานซานเฉียนไว้แน่นแล้วพูดว่า "ซานเฉียน ฉันขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหมคะ?"หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า "แน่นอน นี่คือบ้านของสามีคุณ และมันก็เป็นบ้านของคุณด้วย"พูดจบ หานซานเฉียนก็ดึงซูหยิงเซี่ยเข้าไปในห้องห้องนี้ดูโทรมมาก เพราะตระกูลหานไม่มีคนดูแลมานานแล้ว เฟอร์นิเจอร์โทรม
จงเทียนหลีมองจงเทียนอีอย่างประหม่า เขารู้ว่าถ้าจงเทียนอีตกลง จงหมิงกั๋วที่ลำเอียงจะต้องมอบเรื่องนี้ให้เขาจัดการอย่างแน่นอน และเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะพลิกฟื้นชะตาชีวิตอย่างสมบูรณ์ แต่คำตอบของจงเทียนอีนั้นกลับทำให้จงเทียนหลีประหลาดใจ“คุณปู่ ในเมื่อเขาคิดว่าเขาทำได้ ก็ให้เขาลองดูอีกครั้งเถอะครับ ช่วงนี้บริษัทของผมมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ และผมก็ปลีกเวลาออกมาได้ไม่มากนัก” จงเทียนอีกล่าวทันทีที่พูดจบ ไม่เพียงแต่จงเทียนหลีเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่อีกหลายคนก็ไม่คิดเช่นกันว่าจงเทียนอีจะให้โอกาสจงเทียนหลี เพราะเขาไม่ใช่คนใจดีอะไรจงหมิงกั๋วกระตุกเล็กน้อย นี่ไม่ใช่จงเทียนอีที่เขารู้จัก หรือเป็นเพราะว่าบริษัทของเขาประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่ต้องการแสดงฝีมือตัวเองแล้วอย่างนั้นเหรอ? หากเขาภาคภูมิใจเพียงเพราะความสำเร็จแค่นี้ จงหมิงกั๋วก็จะต้องทำให้เขาตระหนักถึงความโหดร้ายของความเป็นจริง เพราะหากจะต้องค้ำยันทั้งตระกูลจง เขาจะมีความคิดแบบนี้ไม่ได้ แต่จงเทียนอีได้พูดออกไปแล้วต่อหน้าผู้คนมากมาย จงหมิงกั๋วก็ทำได้เพียงเห็นด้วยเท่านั้น“เอาล่ะ จงเทียนหลี ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง หวังว่านายจะรักษาโอกาสนี
“แม่คะ ไม่คิดว่าทักษะการทำอาหารของแม่จะดีขนาดนี้” เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร เธอจึงพูดกับซือจิงด้วยความประหลาดใจและอิจฉาในฐานะภรรยาของตระกูลหาน ซือจิงเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะอธิบายว่าเธอไม่เคยทำงานบ้านเลย แต่ใครจะคิดว่าเธอจะมีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ซึ่งทำให้ซูหยิงเซี่ยอิจฉา หากเธอมีทักษะการทำอาหารแบบนี้ เธอก็จะสามารถทำอาหารให้หานซานเฉียนทานด้วยตัวเองได้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซือจิงก็เหลือบมองหานซานเฉียนอย่างไม่รู้ตัว เพราะเธอเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เพื่อหานซานเฉียน“ถ้าลูกอยากเรียนแม่จะสอนให้” ซือจิงกล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่กลัวความยุ่งยาก แต่เธอกลัวว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ ตราบใดที่เธอสามารถเรียนรู้ทักษะการทำอาหารได้ ซูหยิงเซี่ยก็สามารถเพิกเฉยต่อความยากลำบากได้ทุกอย่างแต่หานซานเฉียนกลับเทน้ำเย็นลงบนหัวของซูหยิงเซี่ย เพราะเขาไม่มีวันลืมฉากที่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยากำลังทำอาหารอยู่ที่บ้าน ควันโขมงอย่างกับทำสงคราม ถึงทักษะของซูหยิงเซี่ยจะไม่ได้แย่เท่ากับเฉินหลิงเหยา แต่พวกเธ
วันรุ่งขึ้น มีผู้คนมากมายอยู่ใกล้บริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหาน คนเหล่านี้คือลูกน้องของจงเทียนหลีที่จัดเตรียมมาเพื่อโจมตีซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนต้องบอกว่าจงเทียนหลีเป็นผู้ชายที่มีร่างกายกำยำแต่สมองกลวง เขาจัดกำลังคนอย่างโจ่งแจ้ง เพราะกลัวว่าหานซานเฉียนและคนอื่น ๆ จะมองไม่เห็น ผู้ที่มีสติปัญญาแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขามีเจตนาชั่วร้าย“ดูเหมือนว่าตระกูลจงจะใช้กลอุบายสกปรกจัดการกับหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนจริง ๆ มีคนอย่างน้อยยี่สิบคนที่เดินอยู่ด้านนอก” ในระหว่างอาหารเช้า เหยียนจุนก็พูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดหานซานเฉียนก็พูดไม่ออกเช่นกัน นี่คือคู่ต่อสู้ที่โง่ที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา ไม่คิดจะปกปิดคนเหล่านั้นสักหน่อยเลยด้วยซ้ำ“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จงเทียนหลีเป็นคนจัดการอีกแล้ว จงหมิงกั๋วคงไม่ได้เลอะเลือนไปแล้วหรอกนะ ถึงได้ให้คนโง่แบบนี้ออกหน้าอีกครั้ง” หานซานเฉียนพูดอย่างจนปัญญา เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ เขาไม่มีแรงจูงใจเลยจริง ๆ“ตามหลักแล้ว ความหวังสูงสุดของจงหมิงกั๋วอยู่ที่จงเทียนอี ดังนั้นให้เขาเป็นคนทำเรื่องนี้ถึงจะถูก” หานเทียนหยางกล่าวคนธรรมดาก็ยังคิดเรื่องนี้ได้ และเป็นการจัดการที่สมเหตุส
หลังจากที่อาจารย์หวังพูดคำเหล่านี้ด้วยความมั่นใจ จงเทียนหลีก็มีความมั่นใจและผยองมากขึ้นเขายืนขึ้นและพูดอย่างดุเดือด "อาจารย์หวัง อย่าปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป ผมจะหักขาเธอ"เจียงหยิงหยิงไม่ได้แสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกัน สายตากลับเต็มไปด้วยความดูถูก เนื่องจากเธอไม่คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าอาจารย์หวังคนนี้คู่ควรกับความสนใจของเธอ“ฉันอยากจะแนะนำว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองในฐานะอาจารย์ได้” เจียงหยิงหยิงกล่าวสีหน้าของอาจารย์หวังเปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่โง่เขลลาเท่านั้น แต่ยังหยิ่งผยองมากจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ“เหอะ” อาจารย์หวังสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อเธอโง่เขลานัก ก็อย่าโทษฉันที่ไร้ความปรานี”“อย่าออมมือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันคงจะน่าเบื่อเกินไป” เจียงหยิงหยิงพูดนิ่ง ๆท่าทางดูถูกเหยียดหยามของเจียงหยิงหยิงทำให้อาจารย์หวังโกรธมาก เขามีชื่อเสียงมากในแวดวงศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูหมิ่น ถ้าไม่สั่งสอนเธอให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อาจารย
“แต่ฉันยังออกแรงไม่พอเลย ทำยังไงดีล่ะ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างอารมณ์ค้างอาจารย์หวังรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ หากเขาต่อสู้กับเจียงหยิงหยิง เขาก็อาจจะประสบปัญหาจริง ๆ แล้วถ้าเกิดเขาพิการขึ้นมา วันข้างหน้าจะทำอย่างไร ขณะที่กำลังคิดหาวิธีหลบหนี เขาก็คิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ และดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับเจียงหยิงหยิง "สาวน้อย อีกไม่กี่วันเหยียนจิงจะจัดงานประลองศิลปะการต่อสู้ ถ้าเธออยากเข้าร่วม ฉันสามารถช่วยเธอได้ รับรองว่าเธอจะได้ออกแรงอย่างสะใจแน่นอน"“งานประลองศิลปะการต่อสู้?” เจียงหยิงหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะมันกินเวลามากไป ขณะที่เธอกำลังจะปฏิเสธ จู่ ๆ เสียงของหานซานเฉียนก็ดังมาจากข้างหลังเธอ“หาโควต้าให้เธอหนึ่งที่ เธอจะเข้าร่วม” หานซานเฉียนล่าวเจียงหยิงหยิงหันหน้าไปมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนและพูดว่า "พี่ซานเฉียน พวกเราจะรีบกลับไปฉลองตรุษจีนไม่ใช่เหรอคะ?"“ทัน” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “โอกาสในการเข้าร่วมงานประลองศิลปะการต่อสู้มีไม่มากนัก เธอไม่อยากลองทดสอบความสามารถของตัวเองดูเหรอ?”เหตุผลหลักของเจียงหยิงหยิง คือเธอกลัวที่จ
กลอุบายของอาจารย์หวังมันแจ่มแจ้งมาก เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของเจียงหยิงหยิงเพิ่มชื่อเสียงให้กับสถานฝึกยุทธหลิงหยุน การประลองศิลปะการต่อสู้จัดขึ้นทุก ๆ สามปี นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับอาจารย์หวัง เขาไม่อยากพลาด และเขาก็มีเหตุผลที่ถูกต้องในการทำแบบนั้น เพราะหากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธของเขา ก็จะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการประลอง“อาจารย์หวัง คุณฉลาดมากจริง ๆ คิดจะหลอกใช้ฉันอย่างนั้นเหรอ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างเย็นชา ด้วยเจตนาฆ่าที่เห็นได้ชัดในน้ำเสียงของเธออาจารย์หวังตกใจมากจนรีบก้มศีรษะลงและอธิบายว่า "ถ้าคุณต้องเข้าร่วมการประลองก็ต้องทำแบบนี้เท่านั้น เพราะกฎของการประลองศิลปะการต่อสู้นั้นเข้มงวดมาก หากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธ ผมก็ไม่สามารถเอาบัตรเชิญมาให้คุณได้”หานซานเฉียนเหลือบมองเจียงหยิงหยิง และส่งสายตาบอกเธอว่าอย่าเพิ่งโกรธ ยังไงซะนี่ก็เป็นเพียงการทดสอบของเจียงหยิงหยิงเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าเธอต่อสู้ในนามของใคร“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็พาพวกเราไปดูสถานฝึกยุทธหน่อย” หานซานเฉียนเกล่าว“ครับ” อาจารย์หวังตอบรับอย่างรวดเร็วเจียงหยิงหยิงตามหานซานเฉียนไป โดยยังคงรู้สึกไม่พอใ
เหลยเฮ่อหมิงเป็นมือใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนวัยเดียวกัน สถานฝึกยุทธจ้านเทียนออกอาละวาดบ่อยครั้ง สถานฝึกยุทธหลายที่ยุ่งเหยิง ทั้งหมดนี้เป็นล้วนเป็นผลงานของเหลยเฮ่อหมิง และก็เป็นเพราะเหลยเฮ่อหมิงด้วยที่ทำให้สถานฝึกยุทธจ้านเทียนกลายเป็นสถานฝึกยุทธอันดับหนึ่งในเหยียนจิงแต่มีข่าวลือว่าเหลยเฮ่อหมิงจะไม่ลงแข่งขันในงานประลองครั้งนี้ ดังนั้นหลายคนจึงโล่งใจ แต่อาจารย์หวังไม่คิดเลยว่าข่าวลือเหล่าพวกนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ!ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับคำพูดของฟางจ้านเทียนเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าผู้ชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับการตัดสินแล้วขนาดผู้นำของสถานฝึกยุทธมากมายยังพ่ายแพ้ให้กับเหลยเฮ่อหมิง คนอื่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อเห็นอาจารย์หวังรู้สึกหวาดกลัว ฟางจ้านเทียนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงสั่งให้เหลยเฮ่อหมิงไปอาละวาดในแต่ละโรงยิม เพราะเขาต้องการให้คนเหล่านี้หวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเหลยเฮ่อหมิง“กลัวหรือยัง? มันก็เป็นเรื่องปกติที่นายจะรู้สึกหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ