“ผมเป็นคนที่แม้แต่คนรับใช้ก็ยังหัวเราะและรังแกได้ หนานกงเชียนชิวเองก็ยุยงให้หานจุนทุบตีผม ในสายตาของเธอ ผมไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหานด้วยซ้ำ” หานซานเฉียนกล่าวต่อหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูหยิงเซี่ยก็เจ็บปวดใจจนหายใจแทบไม่ออก เธอนึกไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนในวัยเด็กจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนในฐานะสมาชิกของตระกูลหาน การได้รับการปฏิบัติระหว่างเขากับหานจุนนั้นแตกต่างกันมาก ไม่แปลกใจที่เขาจะเกลียดชังหนานกงเชียนชิวถึงขนาดนี้ เพราะหากเป็นเธอ เธอก็จะไม่มีวันให้อภัยหนานกงเชียนชิวเช่นกัน“คุณเคยถามผมว่าถูกเจี่ยงหลานตีแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรมไหม ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมผมถึงตอบว่า ไม่ เพราะผมเคยทนกับความเจ็บปวดที่มากกว่านั้น ความอัปยศอดสูที่เจี่ยงหลานนำมาให้ผมนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว" หานซานเฉียนกล่าวซูหยิงเซี่ยจับมือหานซานเฉียนไว้แน่นแล้วพูดว่า "ซานเฉียน ฉันขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหมคะ?"หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า "แน่นอน นี่คือบ้านของสามีคุณ และมันก็เป็นบ้านของคุณด้วย"พูดจบ หานซานเฉียนก็ดึงซูหยิงเซี่ยเข้าไปในห้องห้องนี้ดูโทรมมาก เพราะตระกูลหานไม่มีคนดูแลมานานแล้ว เฟอร์นิเจอร์โทรม
จงเทียนหลีมองจงเทียนอีอย่างประหม่า เขารู้ว่าถ้าจงเทียนอีตกลง จงหมิงกั๋วที่ลำเอียงจะต้องมอบเรื่องนี้ให้เขาจัดการอย่างแน่นอน และเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะพลิกฟื้นชะตาชีวิตอย่างสมบูรณ์ แต่คำตอบของจงเทียนอีนั้นกลับทำให้จงเทียนหลีประหลาดใจ“คุณปู่ ในเมื่อเขาคิดว่าเขาทำได้ ก็ให้เขาลองดูอีกครั้งเถอะครับ ช่วงนี้บริษัทของผมมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ และผมก็ปลีกเวลาออกมาได้ไม่มากนัก” จงเทียนอีกล่าวทันทีที่พูดจบ ไม่เพียงแต่จงเทียนหลีเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่อีกหลายคนก็ไม่คิดเช่นกันว่าจงเทียนอีจะให้โอกาสจงเทียนหลี เพราะเขาไม่ใช่คนใจดีอะไรจงหมิงกั๋วกระตุกเล็กน้อย นี่ไม่ใช่จงเทียนอีที่เขารู้จัก หรือเป็นเพราะว่าบริษัทของเขาประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่ต้องการแสดงฝีมือตัวเองแล้วอย่างนั้นเหรอ? หากเขาภาคภูมิใจเพียงเพราะความสำเร็จแค่นี้ จงหมิงกั๋วก็จะต้องทำให้เขาตระหนักถึงความโหดร้ายของความเป็นจริง เพราะหากจะต้องค้ำยันทั้งตระกูลจง เขาจะมีความคิดแบบนี้ไม่ได้ แต่จงเทียนอีได้พูดออกไปแล้วต่อหน้าผู้คนมากมาย จงหมิงกั๋วก็ทำได้เพียงเห็นด้วยเท่านั้น“เอาล่ะ จงเทียนหลี ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง หวังว่านายจะรักษาโอกาสนี
“แม่คะ ไม่คิดว่าทักษะการทำอาหารของแม่จะดีขนาดนี้” เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร เธอจึงพูดกับซือจิงด้วยความประหลาดใจและอิจฉาในฐานะภรรยาของตระกูลหาน ซือจิงเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะอธิบายว่าเธอไม่เคยทำงานบ้านเลย แต่ใครจะคิดว่าเธอจะมีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ซึ่งทำให้ซูหยิงเซี่ยอิจฉา หากเธอมีทักษะการทำอาหารแบบนี้ เธอก็จะสามารถทำอาหารให้หานซานเฉียนทานด้วยตัวเองได้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซือจิงก็เหลือบมองหานซานเฉียนอย่างไม่รู้ตัว เพราะเธอเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เพื่อหานซานเฉียน“ถ้าลูกอยากเรียนแม่จะสอนให้” ซือจิงกล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่กลัวความยุ่งยาก แต่เธอกลัวว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ ตราบใดที่เธอสามารถเรียนรู้ทักษะการทำอาหารได้ ซูหยิงเซี่ยก็สามารถเพิกเฉยต่อความยากลำบากได้ทุกอย่างแต่หานซานเฉียนกลับเทน้ำเย็นลงบนหัวของซูหยิงเซี่ย เพราะเขาไม่มีวันลืมฉากที่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยากำลังทำอาหารอยู่ที่บ้าน ควันโขมงอย่างกับทำสงคราม ถึงทักษะของซูหยิงเซี่ยจะไม่ได้แย่เท่ากับเฉินหลิงเหยา แต่พวกเธ
วันรุ่งขึ้น มีผู้คนมากมายอยู่ใกล้บริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหาน คนเหล่านี้คือลูกน้องของจงเทียนหลีที่จัดเตรียมมาเพื่อโจมตีซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนต้องบอกว่าจงเทียนหลีเป็นผู้ชายที่มีร่างกายกำยำแต่สมองกลวง เขาจัดกำลังคนอย่างโจ่งแจ้ง เพราะกลัวว่าหานซานเฉียนและคนอื่น ๆ จะมองไม่เห็น ผู้ที่มีสติปัญญาแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขามีเจตนาชั่วร้าย“ดูเหมือนว่าตระกูลจงจะใช้กลอุบายสกปรกจัดการกับหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนจริง ๆ มีคนอย่างน้อยยี่สิบคนที่เดินอยู่ด้านนอก” ในระหว่างอาหารเช้า เหยียนจุนก็พูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดหานซานเฉียนก็พูดไม่ออกเช่นกัน นี่คือคู่ต่อสู้ที่โง่ที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา ไม่คิดจะปกปิดคนเหล่านั้นสักหน่อยเลยด้วยซ้ำ“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จงเทียนหลีเป็นคนจัดการอีกแล้ว จงหมิงกั๋วคงไม่ได้เลอะเลือนไปแล้วหรอกนะ ถึงได้ให้คนโง่แบบนี้ออกหน้าอีกครั้ง” หานซานเฉียนพูดอย่างจนปัญญา เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ เขาไม่มีแรงจูงใจเลยจริง ๆ“ตามหลักแล้ว ความหวังสูงสุดของจงหมิงกั๋วอยู่ที่จงเทียนอี ดังนั้นให้เขาเป็นคนทำเรื่องนี้ถึงจะถูก” หานเทียนหยางกล่าวคนธรรมดาก็ยังคิดเรื่องนี้ได้ และเป็นการจัดการที่สมเหตุส
หลังจากที่อาจารย์หวังพูดคำเหล่านี้ด้วยความมั่นใจ จงเทียนหลีก็มีความมั่นใจและผยองมากขึ้นเขายืนขึ้นและพูดอย่างดุเดือด "อาจารย์หวัง อย่าปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป ผมจะหักขาเธอ"เจียงหยิงหยิงไม่ได้แสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกัน สายตากลับเต็มไปด้วยความดูถูก เนื่องจากเธอไม่คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าอาจารย์หวังคนนี้คู่ควรกับความสนใจของเธอ“ฉันอยากจะแนะนำว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองในฐานะอาจารย์ได้” เจียงหยิงหยิงกล่าวสีหน้าของอาจารย์หวังเปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่โง่เขลลาเท่านั้น แต่ยังหยิ่งผยองมากจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ“เหอะ” อาจารย์หวังสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อเธอโง่เขลานัก ก็อย่าโทษฉันที่ไร้ความปรานี”“อย่าออมมือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันคงจะน่าเบื่อเกินไป” เจียงหยิงหยิงพูดนิ่ง ๆท่าทางดูถูกเหยียดหยามของเจียงหยิงหยิงทำให้อาจารย์หวังโกรธมาก เขามีชื่อเสียงมากในแวดวงศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูหมิ่น ถ้าไม่สั่งสอนเธอให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อาจารย
“แต่ฉันยังออกแรงไม่พอเลย ทำยังไงดีล่ะ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างอารมณ์ค้างอาจารย์หวังรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ หากเขาต่อสู้กับเจียงหยิงหยิง เขาก็อาจจะประสบปัญหาจริง ๆ แล้วถ้าเกิดเขาพิการขึ้นมา วันข้างหน้าจะทำอย่างไร ขณะที่กำลังคิดหาวิธีหลบหนี เขาก็คิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ และดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับเจียงหยิงหยิง "สาวน้อย อีกไม่กี่วันเหยียนจิงจะจัดงานประลองศิลปะการต่อสู้ ถ้าเธออยากเข้าร่วม ฉันสามารถช่วยเธอได้ รับรองว่าเธอจะได้ออกแรงอย่างสะใจแน่นอน"“งานประลองศิลปะการต่อสู้?” เจียงหยิงหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะมันกินเวลามากไป ขณะที่เธอกำลังจะปฏิเสธ จู่ ๆ เสียงของหานซานเฉียนก็ดังมาจากข้างหลังเธอ“หาโควต้าให้เธอหนึ่งที่ เธอจะเข้าร่วม” หานซานเฉียนล่าวเจียงหยิงหยิงหันหน้าไปมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนและพูดว่า "พี่ซานเฉียน พวกเราจะรีบกลับไปฉลองตรุษจีนไม่ใช่เหรอคะ?"“ทัน” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “โอกาสในการเข้าร่วมงานประลองศิลปะการต่อสู้มีไม่มากนัก เธอไม่อยากลองทดสอบความสามารถของตัวเองดูเหรอ?”เหตุผลหลักของเจียงหยิงหยิง คือเธอกลัวที่จ
กลอุบายของอาจารย์หวังมันแจ่มแจ้งมาก เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของเจียงหยิงหยิงเพิ่มชื่อเสียงให้กับสถานฝึกยุทธหลิงหยุน การประลองศิลปะการต่อสู้จัดขึ้นทุก ๆ สามปี นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับอาจารย์หวัง เขาไม่อยากพลาด และเขาก็มีเหตุผลที่ถูกต้องในการทำแบบนั้น เพราะหากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธของเขา ก็จะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการประลอง“อาจารย์หวัง คุณฉลาดมากจริง ๆ คิดจะหลอกใช้ฉันอย่างนั้นเหรอ?” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างเย็นชา ด้วยเจตนาฆ่าที่เห็นได้ชัดในน้ำเสียงของเธออาจารย์หวังตกใจมากจนรีบก้มศีรษะลงและอธิบายว่า "ถ้าคุณต้องเข้าร่วมการประลองก็ต้องทำแบบนี้เท่านั้น เพราะกฎของการประลองศิลปะการต่อสู้นั้นเข้มงวดมาก หากไม่มีโควต้าจากสถานฝึกยุทธ ผมก็ไม่สามารถเอาบัตรเชิญมาให้คุณได้”หานซานเฉียนเหลือบมองเจียงหยิงหยิง และส่งสายตาบอกเธอว่าอย่าเพิ่งโกรธ ยังไงซะนี่ก็เป็นเพียงการทดสอบของเจียงหยิงหยิงเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าเธอต่อสู้ในนามของใคร“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็พาพวกเราไปดูสถานฝึกยุทธหน่อย” หานซานเฉียนเกล่าว“ครับ” อาจารย์หวังตอบรับอย่างรวดเร็วเจียงหยิงหยิงตามหานซานเฉียนไป โดยยังคงรู้สึกไม่พอใ
เหลยเฮ่อหมิงเป็นมือใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนวัยเดียวกัน สถานฝึกยุทธจ้านเทียนออกอาละวาดบ่อยครั้ง สถานฝึกยุทธหลายที่ยุ่งเหยิง ทั้งหมดนี้เป็นล้วนเป็นผลงานของเหลยเฮ่อหมิง และก็เป็นเพราะเหลยเฮ่อหมิงด้วยที่ทำให้สถานฝึกยุทธจ้านเทียนกลายเป็นสถานฝึกยุทธอันดับหนึ่งในเหยียนจิงแต่มีข่าวลือว่าเหลยเฮ่อหมิงจะไม่ลงแข่งขันในงานประลองครั้งนี้ ดังนั้นหลายคนจึงโล่งใจ แต่อาจารย์หวังไม่คิดเลยว่าข่าวลือเหล่าพวกนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ!ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับคำพูดของฟางจ้านเทียนเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าผู้ชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับการตัดสินแล้วขนาดผู้นำของสถานฝึกยุทธมากมายยังพ่ายแพ้ให้กับเหลยเฮ่อหมิง คนอื่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อเห็นอาจารย์หวังรู้สึกหวาดกลัว ฟางจ้านเทียนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงสั่งให้เหลยเฮ่อหมิงไปอาละวาดในแต่ละโรงยิม เพราะเขาต้องการให้คนเหล่านี้หวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเหลยเฮ่อหมิง“กลัวหรือยัง? มันก็เป็นเรื่องปกติที่นายจะรู้สึกหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของเหลยเฮ่อหมิ