“ไม่ว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์แบบไหน แต่ในเมื่อกล้าพูดแบบนั้น เขาก็ต้องชดใช้” จงหมิงกั๋วขัดจังหวะเสียงหัวเราะของทุกคน แล้วหันไปมองหลาน ๆ ของเขาคนเหล่านี้รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือต่อหน้าจงหมิงกั๋ว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบพิสูจน์ความสามารถของตัวเองต่อหน้าจงหมิงกั๋ว เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดสำหรับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจง การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นรุนแรงมาก ถึงขนาดการเข่นฆ่าพี่น้องก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่มีใครอยากตกไปอยู่ในมือของคนอื่น แต่การเป็นผู้สืบทอดนั้นต้องได้รับการยอมรับจากจงหมิงกั๋วเสียก่อนในบรรดาหลาน ๆ หลายคน มีเพียงจงเทียนอีเท่านั้นที่นิ่งสงบ และดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลย“เทียนอี นายไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ?” จงหมิงกั๋วถามจงเทียนอีโดยเฉพาะ จากประโยคนี้จะเห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญจงเทียนอีมากจงเทียนอียิ้มเบา ๆ และพูดว่า "คุณปู่ ขยะแบบนี้คงไม่ต้องให้ผมลงมือเองหรอกมั้งครับ ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันก็พอ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งด้านบน จะสนใจเฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ ส่วนเรื่องเล็ก ๆ ก็ให้คนอื่นไปจัดการ ไม่งั้นต
“นั่นใช่จงเทียนหลีไหม เขาดูสูงส่งและทรงพลังมาก หล่อจริง ๆ”“ไม่คิดเลยว่าตัวจริงเขาจะหล่อขนาดนี้ เขาตรงกับภาพลักษณ์ของเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในอุดมคติของฉัน”“ถ้าได้แต่งงานกับตระกูลจงก็คงดี ชาตินี้ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อแบรนด์เนมไม่ได้”จงเทียนหลีมีชื่อเสียงมากในเหยียนจิง ดังนั้นหลังจากที่มีคนจำเขาได้ จึงดึงดูดสายตาที่หลงใหลของผู้หญิงหลายคนและจงเทียนหลีก็มีความสุขเมื่อถูกเป็นที่สนใจ มันทำให้เขารู้สึกเหนือกว่า หากไม่มีธุระที่ต้องทำล่ะก็ มีสาวหน้าตาดีสองสามคนที่อยากจะขอเบอร์ไว้ติดต่อแบบส่วนตัวแต่วันนี้เป็นวันที่จงเทียนหลีจะต้องพิสูจน์ตัวเอง เขาไม่อยากให้ความสวยงามมาทำให้เขาเสียเวลา ทันใดนั้น ผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่งเดินเข้าไปหาจงเทียนหลี เธอจงใจปลดเสื้อคลุมออก เงยหน้าขึ้นสูง และอวดหุ่นที่น่าภาคภูมิใจของเธอ“จงเทียนหลี คุณกล้าไปเล่นสนุกกับฉันที่โรงแรมไหม ฉันสามารถทำให้คุณลงจากเตียงไม่ได้ คุณเชื่อไหม” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวจงเทียนหลีพบเจอวิธีการจีบต่าง ๆ มากมาย ผู้หญิงเหล่านี้ต่างก็อยากแต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย แต่คนที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้ จงเทียนหลีเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกอีกอย่างผ
ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังพูดคุยกัน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง "ปล่อยเขา"หานซานเฉียนเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะเห็นคนที่คุ้นเคยตรงหน้าเขา ซึ่งทำให้เขาดูเหลือเชื่อเล็กน้อยมี่เฟยเอ๋อร์!เธอซึ่งครั้งหนึ่งไม่เคยพึ่งพาผู้ชาย และต้องการใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงสามารถครองโลกได้ เธอที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ กลับปรากฏตัวที่นี่เนี่ยนะ!แม้ว่าหานซานเฉียนและมี่เฟยเอ๋อร์จะมีความแค้นต่อกันไม่น้อย เพราะผู้หญิงคนนี้เคยคิดว่าหานซานเฉียนชอบเธอ แถมเธอยังดูถูกเหยียดหยามมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่หานซานเฉียนไม่ได้เกลียดชังเธอมากนัก แต่กลับชื่นชมเธอเสียมากกว่า มี่เฟยเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอ เธอสามารถมีชีวิตที่ดีได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่หาผู้ชายรวยโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ด้วยซ้ำ แต่มี่เฟยเอ๋อร์มีความแน่วแน่ในอาชีพการงาน เธอไม่เคยก้มหัวให้กับเงิน เป็นเรื่องที่ผู้หญิงจะมีความพากเพียรนี้แต่เธอปรากฏตัวในเหยียนจิง แถมยังรู้จักกับคนอย่างจงเทียนหลี ดูเหมือนว่ามี่เฟยเอ๋อร์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำงานหนักเพื่อตัวเองจะตกอับ และก
“ผมเป็นคนที่แม้แต่คนรับใช้ก็ยังหัวเราะและรังแกได้ หนานกงเชียนชิวเองก็ยุยงให้หานจุนทุบตีผม ในสายตาของเธอ ผมไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหานด้วยซ้ำ” หานซานเฉียนกล่าวต่อหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูหยิงเซี่ยก็เจ็บปวดใจจนหายใจแทบไม่ออก เธอนึกไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนในวัยเด็กจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนในฐานะสมาชิกของตระกูลหาน การได้รับการปฏิบัติระหว่างเขากับหานจุนนั้นแตกต่างกันมาก ไม่แปลกใจที่เขาจะเกลียดชังหนานกงเชียนชิวถึงขนาดนี้ เพราะหากเป็นเธอ เธอก็จะไม่มีวันให้อภัยหนานกงเชียนชิวเช่นกัน“คุณเคยถามผมว่าถูกเจี่ยงหลานตีแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรมไหม ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมผมถึงตอบว่า ไม่ เพราะผมเคยทนกับความเจ็บปวดที่มากกว่านั้น ความอัปยศอดสูที่เจี่ยงหลานนำมาให้ผมนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว" หานซานเฉียนกล่าวซูหยิงเซี่ยจับมือหานซานเฉียนไว้แน่นแล้วพูดว่า "ซานเฉียน ฉันขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหมคะ?"หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า "แน่นอน นี่คือบ้านของสามีคุณ และมันก็เป็นบ้านของคุณด้วย"พูดจบ หานซานเฉียนก็ดึงซูหยิงเซี่ยเข้าไปในห้องห้องนี้ดูโทรมมาก เพราะตระกูลหานไม่มีคนดูแลมานานแล้ว เฟอร์นิเจอร์โทรม
จงเทียนหลีมองจงเทียนอีอย่างประหม่า เขารู้ว่าถ้าจงเทียนอีตกลง จงหมิงกั๋วที่ลำเอียงจะต้องมอบเรื่องนี้ให้เขาจัดการอย่างแน่นอน และเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะพลิกฟื้นชะตาชีวิตอย่างสมบูรณ์ แต่คำตอบของจงเทียนอีนั้นกลับทำให้จงเทียนหลีประหลาดใจ“คุณปู่ ในเมื่อเขาคิดว่าเขาทำได้ ก็ให้เขาลองดูอีกครั้งเถอะครับ ช่วงนี้บริษัทของผมมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ และผมก็ปลีกเวลาออกมาได้ไม่มากนัก” จงเทียนอีกล่าวทันทีที่พูดจบ ไม่เพียงแต่จงเทียนหลีเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่อีกหลายคนก็ไม่คิดเช่นกันว่าจงเทียนอีจะให้โอกาสจงเทียนหลี เพราะเขาไม่ใช่คนใจดีอะไรจงหมิงกั๋วกระตุกเล็กน้อย นี่ไม่ใช่จงเทียนอีที่เขารู้จัก หรือเป็นเพราะว่าบริษัทของเขาประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่ต้องการแสดงฝีมือตัวเองแล้วอย่างนั้นเหรอ? หากเขาภาคภูมิใจเพียงเพราะความสำเร็จแค่นี้ จงหมิงกั๋วก็จะต้องทำให้เขาตระหนักถึงความโหดร้ายของความเป็นจริง เพราะหากจะต้องค้ำยันทั้งตระกูลจง เขาจะมีความคิดแบบนี้ไม่ได้ แต่จงเทียนอีได้พูดออกไปแล้วต่อหน้าผู้คนมากมาย จงหมิงกั๋วก็ทำได้เพียงเห็นด้วยเท่านั้น“เอาล่ะ จงเทียนหลี ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง หวังว่านายจะรักษาโอกาสนี
“แม่คะ ไม่คิดว่าทักษะการทำอาหารของแม่จะดีขนาดนี้” เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร เธอจึงพูดกับซือจิงด้วยความประหลาดใจและอิจฉาในฐานะภรรยาของตระกูลหาน ซือจิงเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะอธิบายว่าเธอไม่เคยทำงานบ้านเลย แต่ใครจะคิดว่าเธอจะมีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ซึ่งทำให้ซูหยิงเซี่ยอิจฉา หากเธอมีทักษะการทำอาหารแบบนี้ เธอก็จะสามารถทำอาหารให้หานซานเฉียนทานด้วยตัวเองได้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซือจิงก็เหลือบมองหานซานเฉียนอย่างไม่รู้ตัว เพราะเธอเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เพื่อหานซานเฉียน“ถ้าลูกอยากเรียนแม่จะสอนให้” ซือจิงกล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่กลัวความยุ่งยาก แต่เธอกลัวว่าหานซานเฉียนจะไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ ตราบใดที่เธอสามารถเรียนรู้ทักษะการทำอาหารได้ ซูหยิงเซี่ยก็สามารถเพิกเฉยต่อความยากลำบากได้ทุกอย่างแต่หานซานเฉียนกลับเทน้ำเย็นลงบนหัวของซูหยิงเซี่ย เพราะเขาไม่มีวันลืมฉากที่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยากำลังทำอาหารอยู่ที่บ้าน ควันโขมงอย่างกับทำสงคราม ถึงทักษะของซูหยิงเซี่ยจะไม่ได้แย่เท่ากับเฉินหลิงเหยา แต่พวกเธ
วันรุ่งขึ้น มีผู้คนมากมายอยู่ใกล้บริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหาน คนเหล่านี้คือลูกน้องของจงเทียนหลีที่จัดเตรียมมาเพื่อโจมตีซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนต้องบอกว่าจงเทียนหลีเป็นผู้ชายที่มีร่างกายกำยำแต่สมองกลวง เขาจัดกำลังคนอย่างโจ่งแจ้ง เพราะกลัวว่าหานซานเฉียนและคนอื่น ๆ จะมองไม่เห็น ผู้ที่มีสติปัญญาแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขามีเจตนาชั่วร้าย“ดูเหมือนว่าตระกูลจงจะใช้กลอุบายสกปรกจัดการกับหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนจริง ๆ มีคนอย่างน้อยยี่สิบคนที่เดินอยู่ด้านนอก” ในระหว่างอาหารเช้า เหยียนจุนก็พูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดหานซานเฉียนก็พูดไม่ออกเช่นกัน นี่คือคู่ต่อสู้ที่โง่ที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา ไม่คิดจะปกปิดคนเหล่านั้นสักหน่อยเลยด้วยซ้ำ“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จงเทียนหลีเป็นคนจัดการอีกแล้ว จงหมิงกั๋วคงไม่ได้เลอะเลือนไปแล้วหรอกนะ ถึงได้ให้คนโง่แบบนี้ออกหน้าอีกครั้ง” หานซานเฉียนพูดอย่างจนปัญญา เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ เขาไม่มีแรงจูงใจเลยจริง ๆ“ตามหลักแล้ว ความหวังสูงสุดของจงหมิงกั๋วอยู่ที่จงเทียนอี ดังนั้นให้เขาเป็นคนทำเรื่องนี้ถึงจะถูก” หานเทียนหยางกล่าวคนธรรมดาก็ยังคิดเรื่องนี้ได้ และเป็นการจัดการที่สมเหตุส
หลังจากที่อาจารย์หวังพูดคำเหล่านี้ด้วยความมั่นใจ จงเทียนหลีก็มีความมั่นใจและผยองมากขึ้นเขายืนขึ้นและพูดอย่างดุเดือด "อาจารย์หวัง อย่าปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป ผมจะหักขาเธอ"เจียงหยิงหยิงไม่ได้แสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกัน สายตากลับเต็มไปด้วยความดูถูก เนื่องจากเธอไม่คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าอาจารย์หวังคนนี้คู่ควรกับความสนใจของเธอ“ฉันอยากจะแนะนำว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองในฐานะอาจารย์ได้” เจียงหยิงหยิงกล่าวสีหน้าของอาจารย์หวังเปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่โง่เขลลาเท่านั้น แต่ยังหยิ่งผยองมากจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ“เหอะ” อาจารย์หวังสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อเธอโง่เขลานัก ก็อย่าโทษฉันที่ไร้ความปรานี”“อย่าออมมือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันคงจะน่าเบื่อเกินไป” เจียงหยิงหยิงพูดนิ่ง ๆท่าทางดูถูกเหยียดหยามของเจียงหยิงหยิงทำให้อาจารย์หวังโกรธมาก เขามีชื่อเสียงมากในแวดวงศิลปะการต่อสู้ของเหยียนจิง แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูหมิ่น ถ้าไม่สั่งสอนเธอให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อาจารย