เหยียนจุนก็เข้าใจความหมายนี้เช่นกัน ด้วยจุดประสงค์ของอี้เหล่า เขาจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว แสดงว่าเขาคงต้องความหวังไว้กับหานซานเฉียนแน่นอน และความหวังนี้ก็เผยให้เห็นข้อความบางอย่างด้วย นั่นก็คือการดำรงอยู่ของเทียนฉี ไม่ใช่แค่การกักขังปรมาจารย์เหล่านั้นไว้ในเทียนฉีเท่านั้น“ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้ ปู่เชื่อว่านายจะแก้ปัญหานี้ได้” พูดจบ เหยียนจุนก็เทเหล้าอีกแก้วให้หานซานเฉียนหลังจากที่ทั้งสองดื่มจนหมด หานซานเฉียนก็กล่าวว่า "คุณปู่เหยียน ในใจของปู่ ผมเกือบจะมีอำนาจทุกอย่างแล้วใช่ไหมครับ"พูดจบ หานซานเฉียนก็หัวเราะ มีอำนาจทุกอย่าง คำนี้มีน้ำหนักมาก ใครจะกล้าใช้คำนี้อธิบายความสามารถตัวเองกัน?แต่เหยียนจุนมีสีหน้าตรงไปตรงมา และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาตอบไปว่า "บางทีนายอาจยังห่างไกลจากคำเหล่านี้อยู่ แต่ปู่เชื่อว่าสักวันหนึ่งนายจะทำได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่นายจะสามารถปกป้องคนรอบตัวได้อย่างแท้จริง”ปกป้องคนรอบตัวงั้นเหรอห้าคำนี้กระตุ้นหัวใจของหานซานเฉียน หากการปกป้องคนรอบตัวต้องฝ่าฟันหนาม แม้จะรู้ว่าเขาจะต้องถูกปกคลุมไ
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน รีบไปรีบกลับ” หานเทียนหยางกล่าวรีบไปรีบกลับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหานซานเฉียน เพราะเหยียนจิงไม่ใช่สถานที่ที่หานซานเฉียนอยากกลับไปอีก รีบกลับไปทำสิ่งนี้ให้เสร็จ หานซานเฉียนจะได้ไม่มีปมอะไรในใจอีก แต่พรุ่งนี้ก็เร็วเกินไปหน่อย เพราะเขายังไม่ได้จัดการเรื่องของเหอถิงและเจียงหยิงหยิง สามีของเหอถิงเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลายปีมานี้เธอทำงานที่หยุนเฉิง แม้แต่ช่วงตรุษจีนเธอก็ไม่กล้ากลับบ้านเกิด เพราะกลัวว่าจะถูกคนนินทา ดังคำกล่าวที่ว่า หญิงที่สามีเสียชีวิตมักจะถูกผู้คนจับตามองและนินทา และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เหอถิงไม่ได้กลับไปฉลองตรุษจีนที่บ้านมาหลายปีแล้ว หานซานเฉียนจึงอยากจะใช้โอกาสนี้ช่วยเหอถิงให้ลองกลับไปดู“ป้าเหอ ตรุษจีนปีนี้ป้าจะกลับไปฉลองที่บ้านไหมครับ?” แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีแผนอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ต้องถามเหอถิงดูก่อนว่าเธอคิดยังไง กลับบ้านงั้นเหรอ?สองคนนี้ทำให้สีหน้าของเหอถิงมืดลงทันที เธอไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว และเธอก็คิดถึงสถานที่นั้นอยู่ในใจเสมอ แต่ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เธอไม่สามารถกลับไปได้ เพราะทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พูด
บ้านเกิดของเหอถิงตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในหยุนเฉิง ห่างจากตัวเมืองหยุนเฉิงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หากเดินทางโดยรถยนต์ แต่เนื่องจากขบวนรถหลายคัน จึงไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก จึงใช้เวลาการเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งกว่าจะมาถึงทางเข้าหมู่บ้านแน่นอนว่าการเดินทางมาในครั้งนี้มันดึงดูดสายตาผู้คนนับไม่ถ้วนตลอดทาง ขบวนรถยนต์หรูหราหลายสิบคันที่ต่อแถวยาวนั้นหาได้ยาก แม้แต่ในเมืองหลวงก็ตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองเล็ก ๆ อย่างหยุนเฉิงเลยมีชาวบ้านคุยกันมากมายที่ทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติในหมู่บ้าน ในช่วงวันหยุด คนที่ไม่ได้ออกไปทำงานก็จะจับกลุ่มรวมตัวกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน และพูดคุยกันเรื่องของคนอื่น พวกเขาถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความสุข และพวกเขาจะรู้สึกอึดอัดหากไม่ได้นินทาใครสักคนในวันนั้นและมีความพิเศษเกี่ยวกับหัวข้อพูดคุยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ใครที่ไม่อยู่คนนั้นก็จะถูกนินทาทันที โดยปกติเมื่อมีการจับกลุ่มพูดคุยกับแบบนี้ไม่มีใครเต็มใจที่จะกลับไปก่อน เพราะหากกลับไปก่อนเวลา หัวข้อต่อไปก็จะเกี่ยวกับคนที่จากไปทันที “ใช่แล้ว ช่วงนี้พวกเธอได้ข่าวเกี่ยวกับเหอถิงบ้างไหม?”“ผู้หญิงคนนี้ไม่ไ
“ได้ยินมาว่านายเคยลวนลามเธอ” หานซานเฉียนถามด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเห็นสีหน้าของหานซานเฉียน หลิวเวยก็ตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้เหอถิงตอนนั้นหลิวเวยทำไม่สำเร็จ เขายังแอบกระจายข่าวใส่ความเหอถิงด้วย จงใจบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขาไปบ้านเหอถิงตอนกลางดึก เพื่อทำลายชื่อเสียงของเหอถิง แต่เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผู้หญิงธรารมดาคนหนึ่งในหมู่บ้านจะได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้“ผม ผมเคยตามรังควานเธอก็จริง แต่ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอม ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ” หลิวเวยกล่าว“นายยอมรับว่าตัวเองเคยทำสินะ?” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาหลิวเวยทีละก้าวหลิวเวยตกใจมากจนเหงื่อแตก เขาพยามกระเถิบออกไปไม่หยุด เพื่อเว้นระยะห่างกับหานซานเฉียน“ผมเคยทำแต่ทำไม่สำเร็จ นี่เป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้โกหกคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อจะไปถามเหอถิงดูก็ได้” หลิวเวยอธิบายอย่างรวดเร็ว“หลังจากที่ทำไม่สำเร็จแล้วนายทำอะไรอีก?” หานซานเฉียนยังคงข่มขู่หลิวเวยต่อไปไม่หยุดเมื่อรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างตัวเขากับหานซานเฉียนใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หลิวเวยก็หวาดกลัวมากจนหัวใจสั่นสะท้าน เขารู้ดีว่าแม้ว่าห
หลังจากที่หนานกงป๋อหลิงพูดจบ เขาก็มองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง จากดวงตาของเขาจะเห็นได้ว่าเขาแทบทนรอไม่ไหวแล้ว สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนขมวดคิ้วมุ่นหนานกงป๋อหลิงน่าจะรู้ดีว่าเทียนฉีไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้ ทำไมเขาถึงอยากจะเข้าไปที่นั่นขนาดนี้? หรือว่าเขารู้ความลับบางอย่างของเทียนฉี หรือเทียนฉีมีบางอย่างที่เขาต้องการ?“หนานกงป๋อหลิง คุณน่าจะรู้ดีว่าเทียนฉีเป็นสถานที่แบบไหน ถ้าจะไปเทียนฉี คุณต้องได้รับการอนุมัติจากเทียนฉีก่อน และเกณฑ์เดียวในการอนุมัติเทียนฉีก็คือความแข็งแกร่ง คุณแก่ขนาดนี้แล้ว จะยังทำตามข้อกำหนดของเทียนฉีได้งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงป๋อหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า "แน่นอนว่าฉันไม่สามารถบรรลุข้อกำหนดนั้นได้ แต่นายทำได้ และฉันก็เชื่อในความสามารถของนายว่าจะต้องได้รับตำแหน่งที่ดีในเทียนฉีอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น หวังว่านายจะพาฉันไปที่นั่นได้”“หนานกงป๋อหลิง ทำไมคุณต้องไปเทียนฉีให้ได้แบบนี้?” หานซานเฉียนถาม เรื่องนี้แปลกมากสำหรับเขา เพราะคนอย่างเขาถึงจะได้ไปเทียนฉีแล้ว อย่างมากก็คงทำได้แค่เปิดหูเปิดตาเท่านั้น หนานกงป๋อหลิงจะอยากไปเทียนฉีเพร
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หานซานเฉียนก็รู้สึกปวดหัว เพราะตอนนี้เขาสับสนเกี่ยวกับจุดประสงค์ของหนานกงป๋อหลิง และจู่ ๆ การได้เป็นเจ้านายของหนานกงเยี่ยนทำให้เขาคิดหาเหตุผลไม่ออกเลย“ไปคุยกันในบ้านเถอะครับ” หานซานเฉียนถอนหายใจหานเทียนหยางเหลือบมองเหยียนจุน ท่าทีของหานซานเฉียนดูไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้เลยทั้งสองตามหานซานเฉียนเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว"เกิดอะไรขึ้น?" หานเทียนหยางถามอย่างร้อนใจ ขณะนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น“หนานกงป๋อหลิงเสนอเงื่อนไขกับผมข้อนึงครับ” หานซานเฉียนกล่าวหานเทียนหยางยิ้มอย่างเหยียดหยาม หนานกงป๋อหลิงขอร้องให้หานซานเฉียนเป็นผู้นำตระกูลหนานกงแล้วยังกล้าเสนอเงื่อนไขกับเขาอีก บ้าไปแล้วเหรอ เขามีสิทธิ์อะไรเรียกร้องเงื่อนไขกับหานซานเฉียนกัน“เขาบ้าไปแล้วเหรอไง ยังกล้ามาเรียกร้องแกอีก?” หานเทียนหยางถาม“เขาใช้อำนาจของตระกูลหนานกงเป็นตัวต่อรอง กับความปลอดภัยของซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยน” หานซานเฉียนกล่าวทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ หานเทียนหยางก็เข้าใจทันที แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีข้อได้เปรียบ แต่หนานกงป๋อหลิงก็กระตุ้นจุดอ่อนของหานซานเฉียน เพราะเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
“ไม่ว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์แบบไหน แต่ในเมื่อกล้าพูดแบบนั้น เขาก็ต้องชดใช้” จงหมิงกั๋วขัดจังหวะเสียงหัวเราะของทุกคน แล้วหันไปมองหลาน ๆ ของเขาคนเหล่านี้รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือต่อหน้าจงหมิงกั๋ว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบพิสูจน์ความสามารถของตัวเองต่อหน้าจงหมิงกั๋ว เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดสำหรับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจง การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นรุนแรงมาก ถึงขนาดการเข่นฆ่าพี่น้องก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่มีใครอยากตกไปอยู่ในมือของคนอื่น แต่การเป็นผู้สืบทอดนั้นต้องได้รับการยอมรับจากจงหมิงกั๋วเสียก่อนในบรรดาหลาน ๆ หลายคน มีเพียงจงเทียนอีเท่านั้นที่นิ่งสงบ และดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลย“เทียนอี นายไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ?” จงหมิงกั๋วถามจงเทียนอีโดยเฉพาะ จากประโยคนี้จะเห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญจงเทียนอีมากจงเทียนอียิ้มเบา ๆ และพูดว่า "คุณปู่ ขยะแบบนี้คงไม่ต้องให้ผมลงมือเองหรอกมั้งครับ ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันก็พอ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งด้านบน จะสนใจเฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ ส่วนเรื่องเล็ก ๆ ก็ให้คนอื่นไปจัดการ ไม่งั้นต
“นั่นใช่จงเทียนหลีไหม เขาดูสูงส่งและทรงพลังมาก หล่อจริง ๆ”“ไม่คิดเลยว่าตัวจริงเขาจะหล่อขนาดนี้ เขาตรงกับภาพลักษณ์ของเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในอุดมคติของฉัน”“ถ้าได้แต่งงานกับตระกูลจงก็คงดี ชาตินี้ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อแบรนด์เนมไม่ได้”จงเทียนหลีมีชื่อเสียงมากในเหยียนจิง ดังนั้นหลังจากที่มีคนจำเขาได้ จึงดึงดูดสายตาที่หลงใหลของผู้หญิงหลายคนและจงเทียนหลีก็มีความสุขเมื่อถูกเป็นที่สนใจ มันทำให้เขารู้สึกเหนือกว่า หากไม่มีธุระที่ต้องทำล่ะก็ มีสาวหน้าตาดีสองสามคนที่อยากจะขอเบอร์ไว้ติดต่อแบบส่วนตัวแต่วันนี้เป็นวันที่จงเทียนหลีจะต้องพิสูจน์ตัวเอง เขาไม่อยากให้ความสวยงามมาทำให้เขาเสียเวลา ทันใดนั้น ผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่งเดินเข้าไปหาจงเทียนหลี เธอจงใจปลดเสื้อคลุมออก เงยหน้าขึ้นสูง และอวดหุ่นที่น่าภาคภูมิใจของเธอ“จงเทียนหลี คุณกล้าไปเล่นสนุกกับฉันที่โรงแรมไหม ฉันสามารถทำให้คุณลงจากเตียงไม่ได้ คุณเชื่อไหม” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวจงเทียนหลีพบเจอวิธีการจีบต่าง ๆ มากมาย ผู้หญิงเหล่านี้ต่างก็อยากแต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย แต่คนที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้ จงเทียนหลีเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกอีกอย่างผ