ฉีฮู่ฟังคำพูดของหานซานเฉียนด้วยสีหน้าจริงจัง แต่เขาไม่เข้าใจเหตุผลเลย สำหรับฉีฮู่ที่เพิ่งได้รู้จักความสุขของโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน คำพูดเหล่านี้จึงเหมือนกับการสีซอให้ควายฟัง เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าความรักคืออะไรหลังจากที่กลุ่มของหานซานเฉียนไปถึงร้านหม้อไฟ นอกจากพ่อครัวแล้ว ทั้งร้านก็มีเพียงเจ้าของร้านและผู้จัดการร้านเท่านั้น พนักงานคนอื่น ๆ ถูกเจ้านายสั่งให้กลับบ้านไปหมดแล้ว เมื่อคนใหญ่คนโตอย่างหานซานเฉียนมาถึงที่ เขาจึงต้องดูแลเองเป็นการส่วนตัวแม้ว่าเจ้าของร้านจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้เจอกับหานซานเฉียน เขาก็ยังรู้สึกเป็นกังวลและทำตัวไม่ถูก สำหรับเจ้าของร้านหม้อไฟเล็ก ๆ คนใหญ่คนโตอย่างหานซานเฉียนนั้นสำคัญมากเกินไป ทำให้เขาต้องระมัดระวังกับทุกสิ่งการที่หานซานเฉียนมาที่นี่นั้น สามารถทำให้ร้านหม้อไฟเปล่งประกายได้ และธุรกิจของเขาก็จะมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากการมาของหานซานเฉียน ทำให้เจ้าของร้านมีความหวัง เขาไม่อยากเสี่ยงต่อโอกาสนี้ด้วยความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงให้วันหยุดกับพนักงานเพื่อกลับบ้าน“ไม่ต้องกังวลไป ผมก็แค่มากินข้าวเท่านั้น” หานซานเฉียนพูดกับเจ
เวลาตีสาม นอกจากหานซานเฉียน อีกสามคนที่เหลือต่างก็เมากันมาก แต่หานซานเฉียนเพียงแค่เมานิดหน่อยเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนประหลาดใจในตัวเองมาก สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยดื่ม และดื่มได้ในระดับปานกลาง แต่วันนี้กลับทำได้ดีเป็นพิเศษ สิ่งนี้เตือนให้หานซานเฉียนคิดถึงพลังในร่างกายของเขาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นกับเขา หานซานเฉียนก็สามารถคิดไปในทิศทางนี้ได้เท่านั้น เนื่องจากมันไม่มีความเป็นไปได้อื่นแล้วในขณะที่หานซานเฉียนกำลังจะส่งทั้งสามคนกลับไปที่คลับเมจิกซิตี้ ชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านหม้อไฟ“ยังมีแรงดื่มกับฉันอีกสักแก้วไหม?”“คุณปู่เหยียน ทำไมปู่ถึงมาที่นี่ล่ะครับ” หานซานเฉียนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าวันนี้เขาจะแตกต่างออกไป แต่ความเคารพของหานซานเฉียนที่มีต่อเหยียนจุนก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ สำหรับเขา เหยียนจุนอยู่ข้างกายเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และมีเพียงเหยียนจุนเท่านั้นที่ห่วงใยเขา หากไม่ได้รับการฝึกอบรมและคำแนะนำของเหยียนจุน เขาก็คงไม่มีทางมาถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้“ก็แค่ไม่ได้ดื่มกับนายนานมากแล้ว เลยอยากจะดื่มกับน
เหยียนจุนก็เข้าใจความหมายนี้เช่นกัน ด้วยจุดประสงค์ของอี้เหล่า เขาจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว แสดงว่าเขาคงต้องความหวังไว้กับหานซานเฉียนแน่นอน และความหวังนี้ก็เผยให้เห็นข้อความบางอย่างด้วย นั่นก็คือการดำรงอยู่ของเทียนฉี ไม่ใช่แค่การกักขังปรมาจารย์เหล่านั้นไว้ในเทียนฉีเท่านั้น“ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้ ปู่เชื่อว่านายจะแก้ปัญหานี้ได้” พูดจบ เหยียนจุนก็เทเหล้าอีกแก้วให้หานซานเฉียนหลังจากที่ทั้งสองดื่มจนหมด หานซานเฉียนก็กล่าวว่า "คุณปู่เหยียน ในใจของปู่ ผมเกือบจะมีอำนาจทุกอย่างแล้วใช่ไหมครับ"พูดจบ หานซานเฉียนก็หัวเราะ มีอำนาจทุกอย่าง คำนี้มีน้ำหนักมาก ใครจะกล้าใช้คำนี้อธิบายความสามารถตัวเองกัน?แต่เหยียนจุนมีสีหน้าตรงไปตรงมา และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาตอบไปว่า "บางทีนายอาจยังห่างไกลจากคำเหล่านี้อยู่ แต่ปู่เชื่อว่าสักวันหนึ่งนายจะทำได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่นายจะสามารถปกป้องคนรอบตัวได้อย่างแท้จริง”ปกป้องคนรอบตัวงั้นเหรอห้าคำนี้กระตุ้นหัวใจของหานซานเฉียน หากการปกป้องคนรอบตัวต้องฝ่าฟันหนาม แม้จะรู้ว่าเขาจะต้องถูกปกคลุมไ
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน รีบไปรีบกลับ” หานเทียนหยางกล่าวรีบไปรีบกลับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหานซานเฉียน เพราะเหยียนจิงไม่ใช่สถานที่ที่หานซานเฉียนอยากกลับไปอีก รีบกลับไปทำสิ่งนี้ให้เสร็จ หานซานเฉียนจะได้ไม่มีปมอะไรในใจอีก แต่พรุ่งนี้ก็เร็วเกินไปหน่อย เพราะเขายังไม่ได้จัดการเรื่องของเหอถิงและเจียงหยิงหยิง สามีของเหอถิงเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลายปีมานี้เธอทำงานที่หยุนเฉิง แม้แต่ช่วงตรุษจีนเธอก็ไม่กล้ากลับบ้านเกิด เพราะกลัวว่าจะถูกคนนินทา ดังคำกล่าวที่ว่า หญิงที่สามีเสียชีวิตมักจะถูกผู้คนจับตามองและนินทา และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เหอถิงไม่ได้กลับไปฉลองตรุษจีนที่บ้านมาหลายปีแล้ว หานซานเฉียนจึงอยากจะใช้โอกาสนี้ช่วยเหอถิงให้ลองกลับไปดู“ป้าเหอ ตรุษจีนปีนี้ป้าจะกลับไปฉลองที่บ้านไหมครับ?” แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีแผนอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ต้องถามเหอถิงดูก่อนว่าเธอคิดยังไง กลับบ้านงั้นเหรอ?สองคนนี้ทำให้สีหน้าของเหอถิงมืดลงทันที เธอไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว และเธอก็คิดถึงสถานที่นั้นอยู่ในใจเสมอ แต่ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เธอไม่สามารถกลับไปได้ เพราะทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พูด
บ้านเกิดของเหอถิงตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในหยุนเฉิง ห่างจากตัวเมืองหยุนเฉิงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หากเดินทางโดยรถยนต์ แต่เนื่องจากขบวนรถหลายคัน จึงไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก จึงใช้เวลาการเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งกว่าจะมาถึงทางเข้าหมู่บ้านแน่นอนว่าการเดินทางมาในครั้งนี้มันดึงดูดสายตาผู้คนนับไม่ถ้วนตลอดทาง ขบวนรถยนต์หรูหราหลายสิบคันที่ต่อแถวยาวนั้นหาได้ยาก แม้แต่ในเมืองหลวงก็ตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองเล็ก ๆ อย่างหยุนเฉิงเลยมีชาวบ้านคุยกันมากมายที่ทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติในหมู่บ้าน ในช่วงวันหยุด คนที่ไม่ได้ออกไปทำงานก็จะจับกลุ่มรวมตัวกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน และพูดคุยกันเรื่องของคนอื่น พวกเขาถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความสุข และพวกเขาจะรู้สึกอึดอัดหากไม่ได้นินทาใครสักคนในวันนั้นและมีความพิเศษเกี่ยวกับหัวข้อพูดคุยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ใครที่ไม่อยู่คนนั้นก็จะถูกนินทาทันที โดยปกติเมื่อมีการจับกลุ่มพูดคุยกับแบบนี้ไม่มีใครเต็มใจที่จะกลับไปก่อน เพราะหากกลับไปก่อนเวลา หัวข้อต่อไปก็จะเกี่ยวกับคนที่จากไปทันที “ใช่แล้ว ช่วงนี้พวกเธอได้ข่าวเกี่ยวกับเหอถิงบ้างไหม?”“ผู้หญิงคนนี้ไม่ไ
“ได้ยินมาว่านายเคยลวนลามเธอ” หานซานเฉียนถามด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเห็นสีหน้าของหานซานเฉียน หลิวเวยก็ตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้เหอถิงตอนนั้นหลิวเวยทำไม่สำเร็จ เขายังแอบกระจายข่าวใส่ความเหอถิงด้วย จงใจบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขาไปบ้านเหอถิงตอนกลางดึก เพื่อทำลายชื่อเสียงของเหอถิง แต่เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผู้หญิงธรารมดาคนหนึ่งในหมู่บ้านจะได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้“ผม ผมเคยตามรังควานเธอก็จริง แต่ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอม ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ” หลิวเวยกล่าว“นายยอมรับว่าตัวเองเคยทำสินะ?” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาหลิวเวยทีละก้าวหลิวเวยตกใจมากจนเหงื่อแตก เขาพยามกระเถิบออกไปไม่หยุด เพื่อเว้นระยะห่างกับหานซานเฉียน“ผมเคยทำแต่ทำไม่สำเร็จ นี่เป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้โกหกคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อจะไปถามเหอถิงดูก็ได้” หลิวเวยอธิบายอย่างรวดเร็ว“หลังจากที่ทำไม่สำเร็จแล้วนายทำอะไรอีก?” หานซานเฉียนยังคงข่มขู่หลิวเวยต่อไปไม่หยุดเมื่อรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างตัวเขากับหานซานเฉียนใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หลิวเวยก็หวาดกลัวมากจนหัวใจสั่นสะท้าน เขารู้ดีว่าแม้ว่าห
หลังจากที่หนานกงป๋อหลิงพูดจบ เขาก็มองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง จากดวงตาของเขาจะเห็นได้ว่าเขาแทบทนรอไม่ไหวแล้ว สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนขมวดคิ้วมุ่นหนานกงป๋อหลิงน่าจะรู้ดีว่าเทียนฉีไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้ ทำไมเขาถึงอยากจะเข้าไปที่นั่นขนาดนี้? หรือว่าเขารู้ความลับบางอย่างของเทียนฉี หรือเทียนฉีมีบางอย่างที่เขาต้องการ?“หนานกงป๋อหลิง คุณน่าจะรู้ดีว่าเทียนฉีเป็นสถานที่แบบไหน ถ้าจะไปเทียนฉี คุณต้องได้รับการอนุมัติจากเทียนฉีก่อน และเกณฑ์เดียวในการอนุมัติเทียนฉีก็คือความแข็งแกร่ง คุณแก่ขนาดนี้แล้ว จะยังทำตามข้อกำหนดของเทียนฉีได้งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงป๋อหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า "แน่นอนว่าฉันไม่สามารถบรรลุข้อกำหนดนั้นได้ แต่นายทำได้ และฉันก็เชื่อในความสามารถของนายว่าจะต้องได้รับตำแหน่งที่ดีในเทียนฉีอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น หวังว่านายจะพาฉันไปที่นั่นได้”“หนานกงป๋อหลิง ทำไมคุณต้องไปเทียนฉีให้ได้แบบนี้?” หานซานเฉียนถาม เรื่องนี้แปลกมากสำหรับเขา เพราะคนอย่างเขาถึงจะได้ไปเทียนฉีแล้ว อย่างมากก็คงทำได้แค่เปิดหูเปิดตาเท่านั้น หนานกงป๋อหลิงจะอยากไปเทียนฉีเพร
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หานซานเฉียนก็รู้สึกปวดหัว เพราะตอนนี้เขาสับสนเกี่ยวกับจุดประสงค์ของหนานกงป๋อหลิง และจู่ ๆ การได้เป็นเจ้านายของหนานกงเยี่ยนทำให้เขาคิดหาเหตุผลไม่ออกเลย“ไปคุยกันในบ้านเถอะครับ” หานซานเฉียนถอนหายใจหานเทียนหยางเหลือบมองเหยียนจุน ท่าทีของหานซานเฉียนดูไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้เลยทั้งสองตามหานซานเฉียนเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว"เกิดอะไรขึ้น?" หานเทียนหยางถามอย่างร้อนใจ ขณะนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น“หนานกงป๋อหลิงเสนอเงื่อนไขกับผมข้อนึงครับ” หานซานเฉียนกล่าวหานเทียนหยางยิ้มอย่างเหยียดหยาม หนานกงป๋อหลิงขอร้องให้หานซานเฉียนเป็นผู้นำตระกูลหนานกงแล้วยังกล้าเสนอเงื่อนไขกับเขาอีก บ้าไปแล้วเหรอ เขามีสิทธิ์อะไรเรียกร้องเงื่อนไขกับหานซานเฉียนกัน“เขาบ้าไปแล้วเหรอไง ยังกล้ามาเรียกร้องแกอีก?” หานเทียนหยางถาม“เขาใช้อำนาจของตระกูลหนานกงเป็นตัวต่อรอง กับความปลอดภัยของซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยน” หานซานเฉียนกล่าวทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ หานเทียนหยางก็เข้าใจทันที แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีข้อได้เปรียบ แต่หนานกงป๋อหลิงก็กระตุ้นจุดอ่อนของหานซานเฉียน เพราะเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ