"กั๋วเย่าได้โปรด แต่งงานกับฉันใหม่เถอะนะ ฉันอยากกลับเข้าตระกูลซู ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอโอกาสให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำไปได้ไหม" เจี่ยงหลานกล่าวกับซูกั๋วเย่า น้ำหูน้ำตาไหลซูกั๋วเย่าเกลียดเจี่ยงหลานลึกไปถึงกระดูกดำ เนื่องจากการกดขี่ที่เขาได้รับจากเจี่ยงหลาน ทำให้เขารู้สึกว่าตั้งแต่เขาแต่งงานกับเจี่ยงหลานเขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเลยสักวัน เรื่องในวันวานยังคงฝังลึกอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ และในที่สุดเขาก็กำจัดผู้หญิงคนนี้ได้สักทีแล้วเขาจะกลับไปแต่งงานใหม่กับเธอทำไม?"เหอะ" ซูกั๋วเย่าพ่นเสียงเย็นชาอย่างไม่เห็นอกเห็นใจเจี่ยงหลานเลย และพูดว่า "ฝันไปเถอะ ผมไม่ทางแต่งงานกับคุณอีกแน่นอน ผมโดนคุณดูถูกมามากพอแล้ว ยังให้โอกาสคุณอีกอย่างนั้นเหรอ?"เจี่ยงหลานเช็ดน้ำตาและพูดด้วยท่าทางที่น่าสงสาร "คุณจะใจร้ายได้ลงคอจริง ๆ เหรอ เราเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี คุณไม่คิดถึงความรักครั้งเก่าของเราเลยหรือไง?"ดังคำกล่าวที่ว่า คนที่น่าสงสารต้องมีบางสิ่งที่สมควรถูกเกลียดชัง ไม่ต้องพูดถึงว่าเจี่ยงหลานไม่ได้น่าสงสารจริง ๆ เธอต้องการกลับมาตระกูลซู ไม่ใช่แค่เพื่อแ
กลางดึก ซูหยิงเซี่ยซึ่งนอนหลับสนิทได้รับโทรศัพท์ว่าซูกั๋วเย่าประสบอุบัติเหตุถูกรถชน และตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน ข่าวนี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดสำหรับซูหยิงเซี่ยตอนนี้หานซานเฉียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และซูกั๋วเย่าก็ถือได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวของเธอ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมันยังไงกลางดึก ซูหยิงเซี่ยมาโรงพยาบาลพร้อมกับเหอถิงม่อหยางและหลินหย่งที่ได้รับข่าวก็รีบไปที่เกิดเหตุทันทีแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจความเป็นความตายของซูกั๋วเย่า แต่เป็นเพราะซูหยิงเซี่ยไปที่โรงพยาบาลในตอนดึก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจะได้คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ได้แน่นอนว่าสำหรับม่อหยาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือซูหยิงเซี่ย ไม่สำคัญว่าซูกั๋วเย่าจะเป็นหรือตาย แต่ซูหยิงเซี่ยต้องห้ามตากลมจนเป็นหวัดหลายคนรออยู่ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินจนรุ่งสาง"น้องสะใภ้ เธอกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะเฝ้าอยู่ที่นี่เอง ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์พิเศษ จะเหนื่อยเกินไปไม่ได้" ม่อหยางพูดกับซูหยิงเซี่ย การนอนดึกเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ม่อหยางจึงไม่อยากให้ซูหยิงเซ
ครึ่งเดือนต่อมา อาการบาดเจ็บของซูกั๋วเย่าทรงตัว แต่เขายังไม่ฟื้นขึ้นมา ตามคำขอของเจี่ยงหลาน ซูกั๋วเย่าจึงได้รับอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาล และกลับมาพักที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา และเจี่ยงหลานก็กลับไปคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเพื่อดูแลซูกั๋วเย่าเช่นกันวันนี้เป็นวันที่เจี่ยงหลานรอคอยมานานคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่หรูหราที่สุดในหยุนเฉิง เป็นสถานที่ที่เจี่ยงหลานภาคภูมิใจตั้งแต่วันที่เธอจากไป เจี่ยงหลานก็คิดถึงวันที่จะได้กลับมาที่นี่ตลอดเวลาที่นี่เท่านั้นที่คู่ควรกับการใช้ชีวิตของเธอเจี่ยงหลานรู้สึกว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นี่ได้นอกจากเธอเมื่อมองไปที่ซูกั๋วเย่าที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เจี่ยงหลานก็ยกยิ้ม แม้ว่าวิธีนี้จะโหดเหี้ยมไปหน่อย แต่ก็ได้ผลตามที่เธอต้องการ และมันก็คุ้มค่าสำหรับความรู้สึกของเธอที่มีต่อซูกั๋วเย่า?มันเป็นเรื่องตลกเท่านั้นเธอไม่เคยตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งของตระกูลซู เธอจะแต่งงานกับซูกั๋วเย่าได้อย่างไร?"ซูกั๋วเย่า คุณนอนไปตลอดชีวิตเถอะนะ ต่อจากนี้ไป ตระกูลซูต้องฟังคำพูดฉันเท่านั้น" เจี่ยงหลานพูดด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ แ
สำหรับเตาสือเอ้อร์ ตั้งแต่วินาทีที่เขาตัดสินใจมาที่เรือนจำตี้ซินก็เท่ากับเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแล้วถางชิงหว่านมีม่อหยางคอยดูแล เขาก็สามารถวางใจได้และเตาสือเอ้อร์ก็รู้ด้วยว่าถ้าเขาตายในเรือนจำตี้ซินจริง ๆ ถางชิงหว่านจะถูกกุมไว้ในมือของม่อหยางราวกับเป็นลูกสาวของเขาอย่างแน่นอนดังนั้นเตาสือเอ้อร์จึงไม่สนใจชีวิตนี้อีกต่อไปขอแค่มันแลกกับการได้ทราบข่าวหานซานเฉียนได้ เพื่อให้เขารู้สึกสบายใจ เขาก็ไม่กลัวตายเมื่อเห็นท่าทางดึงดันของเตาสือเอ้อร์ ตี้สู่ก็รู้สึกปวดหัว พวกนี้เป็นคนแบบไหนกันถึงได้ไม่เกรงกลัวความตายกันเลย“แต่นายเคยคิดไหมว่าต่อให้นายตายไปก็อาจไม่ได้ข่าวของพี่ซานเฉียน? ถ้าพี่ซานเฉียนต้องการความช่วยเหลือจากนายเพื่อออกไปจากที่นี่ล่ะ? ถ้าต้องตายนายก็เลือกเวลาที่มีค่าหน่อยดีกว่าไหม จะตายโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ได้ยังไง" ตี้สู่เกลี้ยกล่อมเขาอย่างจริงจังเตาสือเอ้อร์ขมวดคิ้ว เวลาที่มีค่าอย่างนั้นเหรอ!ถ้าหานซานเฉียนสามารถคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่ได้จริง เขาก็สามารถตายในเวลาที่มีค่ามากกว่านี้ แถมยังสามารถช่วยเหลือหานซานเฉียนได้อีกด้วยถ้าเขาตายตอนนี้ เขามีแต่จะทำลายชีวิตตัวเองโดยเปล่
ในช่วงเวลาพักของวันถัดมา เมื่อตี้สู่ไม่เห็นกวานหยง เขาก็รู้ว่ากวานหยงถูกเรือนจำตี้ซินประหารชีวิตอย่างลับ ๆ ไปแล้วแม้ว่าจะมีการกล่าวว่าการฆ่าคนเป็นสิ่งต้องห้ามในเรือนจำตี้ซิน แต่พวกเขาจะไม่มีทางทนกับภัยคุกคามนี้ที่อาจเปิดเผยตำแหน่งของเรือนจำตี้ซินอย่างแน่นอนเหตุผลที่เรือนจำตี้ซินสามารถมีสถานะสูงได้แบบนี้ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสถานที่คุมขังที่ทรงพลังที่สุดในโลกความลึกลับของมันคือจุดที่สำคัญที่สุด และจุดนี้ก็เป็นจุดที่ไม่สามารถละเมิดได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดอยากจะเปิดเผยสถานที่ตั้งของที่นี่ เรือนจำตี้ซินจะไม่ออมมือกับคน ๆ นั้น“กวานหยงตายแล้ว”ตี้สู่พูดกับเตาสือเอ้อร์เตาสือเอ้อร์ไม่ได้สนใจ ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินทลายก็ไม่เกี่ยวกับเขา ฟ้าถล่มอย่างมากก็แค่ตายเท่านั้นสำหรับเขา สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการหาวิธีหาข่าวของหานซานเฉียนเวลาคลอดของซูหยิงเซี่ยใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าหานซานเฉียนจะไม่สามารถกลับไปที่หยุนเฉิงและคอยอยู่เคียงข้างซูหยิงเซี่ยก่อนเวลานั้นได้ แต่เตาสือเอ้อร์ก็ยังคงหวังว่ามันจะมีโอกาสการคลอดลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิง ในเวลานี้เธอต้องการให้หานซ
หานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ถ้าอยู่ใจกลางโลกจริง ๆ อาจเป็นข่าวดีก็ได้"ประโยคนี้ทำให้เตาสือเอ้อร์และตี้สู่แสดงสีหน้างงงวยพร้อมกัน พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจว่าข่าวดีที่ว่าหมายถึงอะไรถ้ามันอยู่ใจกลางโลกจริง ๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบต้องปิดสนิท ในกรณีนี้ ถึงจะติดปีกก็บินหนีไปไม่รอด แล้วจะเป็นข่าวดีได้อย่างไร?“พี่ซานเฉียน พี่หมายถึงอะไร?” ตี้สู่ถามอย่างงงงวยหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า "หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่จะรุนแรงยิ่งกว่านี้"เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่ยอมพูด ทั้งสองจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ เพราะหมดเวลาพักแล้ว และพวกเขาต้องรีบกลับไปที่ห้องขังโดยเร็วแต่วันนี้แปลกไปจากทุกวัน ทุกคนถูกพาตัวไป และดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ“เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ให้กลับห้องขังหรอกเหรอ ยังมีเรื่องอะไรอีก?” ตี้สู่พูดอย่างงุนงง"พวกนายวางใจได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็พุ่งเป้ามาที่ฉัน" หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งผยอง แต่เป็นเพราะช่วงนี้เรือนจำตี้ซินพุ่งเป้ามาที่เขาอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ถ้าไม่ได้พุ่งเป
ในห้องใหญ่ห้องนั้นคนของเรือนจำทำความสะอาดกันอย่างยากลำบากกว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม กลิ่นคาวของเลือดยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้หากเป็นคนธรรมดาคงอกสั่นขวัญหายกันไปหมดแล้วแต่หานซานเฉียนกลับมีสีหน้าเฉยเมยตรงหน้าเขามีชายคนหนึ่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่มือของชายคนนี้เคยย้อมเลือดของผู้คนมาแล้วร้อยกว่าชีวิต และก่อนที่เขาจะถูกจับมาที่เรือนจำตี้ซิน เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะคนคลั่งไคล้การฆาตกรรมอีกด้วยเขาอ้างว่าเคยเดินอยู่ในนรกบนโลก และได้เห็นความโหดร้ายมาแล้วทุกรูปแบบ แถมยังรู้สึกภูมิใจที่เรือนจำตี้ซินขังเขาไว้ในพื้นที่เขต A แต่ในขณะนี้ เขาหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำเดียวกระทั่งได้มาพบกับหานซานเฉียน เขาถึงได้รู้ว่าภาพปีศาจของตัวเองเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้นปีศาจคืออะไร?คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ต่างหากที่สามารถเรียกได้ว่าปีศาจตัวจริงนอกจากเขาแล้ว คนที่เหลือต่างเสียชีวิตในท่าทางที่บิดเบี้ยวเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าศีรษะของชายคนหนึ่งถูกต่อยจนระเบิด และเลือดสดก็พุ่งออกมาราวกับน้ำพุเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีคนที่ท้องถูกควักไส้ออกมา เขาถืออวัยวะของตัวเองไว้ในม
"เกิดอะไรขึ้นกับพี่ซานเฉียน!" ตี้สู่ที่เห็นฉากนี้ตกใจมากและอดไม่ได้ที่จะถามเตาสือเอ้อร์ เมื่อก่อนหานซานเฉียนสามารถจัดการกับคนยอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย อีกอย่างชายคนนี้เป็นแค่ชายชราเท่านั้น ทำไมเขาต้องคุกเข่าลงด้วยล่ะ?“ตี้สู่ ดูเหมือนว่าสมองของนายยังทำงานไม่ดีสินะ ทำไมพี่ซานเฉียนถึงต้องมาที่เรือนจำตี้ซินนายลืมไปแล้วเหรอ?” เตาสือเอ้อร์พูดนิ่ง ๆ"เพราะปู่ของเขา..." ตี้สู่ตกตะลึงก่อนจะกลืนประโยคที่เหลือลงคอ และมองไปที่หานเทียนหยางด้วยแววตากึ่งตกใจกึ่งมีความสุข"นี่คือคุณปู่ของพี่ซานเฉียนอย่างงั้นเหรอ?" ตี้สู่พูดเตาสือเอ้อร์พยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหานเทียนหยางมาก่อน แต่เขาก็มั่นใจว่าคนนั้นคือหานเทียนหยางได้ เพราะนอกจากสิ่งนี้ หานซานเฉียนก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องคุกเข่าลงแบบนั้นตี้สู่สูดหายใจลึกและพูดต่อ "เขายังมีชีวิตอยู่ หมายความว่าการเดินทางของพี่ซานเฉียนไม่ได้สูญเปล่า ตอนนี้เราแค่ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่เท่านั้น"หานซานเฉียนซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาโขกหัวลงอย่างหนักและพูดว่า "คุณปู่ ผมขอโทษ ผมมาช้าเกินไปเลยทำให้ปู่ต้องลำบาก"หานเทียนหยางดูซีดเซียวและแก่ลงมาก แต่สีหน้าของเขามีควา