คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ซูหยิงเซี่ยได้แต่พักผ่อนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากทำอะไร แต่เธอถูกเหอถิงห้ามไว้ทุกอย่างเหอถิงทำหน้าที่ทุกอย่าง แม้แต่ซูหยิงเซียจะเข้าห้องน้ำเธอก็ยังอยากตามเข้าไปด้วยหานซานเฉียนไม่อยู่บ้าน และซูกั๋วเย่าก็มักจะออกไปเล่นไพ่และดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ ดังนั้นตอนนี้ เหอถิงจึงดูแลซูหยิงเซี่ยเหมือนลูกสาวของเธอเอง เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปหานซานเฉียนเปลี่ยนชีวิตของเหอถิง หากไม่มีหานซานเฉียน เหอถิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นเธอจึงนึกขอบคุณหานซานเฉียนมาก จนไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ เธอจึงอยากตอบแทนเขาด้วยการดูแลซูหยิงเซี่ยให้ดี ซูหยิงเซี่ยกำลังดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นเธอก็ยืนขึ้น เหอถิงรีบวิ่งไปด้านข้างของซูหยิงเซี่ยและถามว่า "คุณจะเอาอะไรคะ? เดี๋ยวป้าไปช่วยหยิบให้"“ป้าเหอ หมอบอกฉันว่าอย่านั่งเฉย ๆ ต้องออกกำลังกายบ้าง ป้าให้ฉันได้ขยับหน่อยนะคะ” ซูหยิงเซียยิ้มอย่างช่วยไม่ได้“ออกกำลังกายได้ค่ะ แต่ถ้าคุณอยากได้อะไร ก็บอกป้านะคะ” เหอถิงกล่าว"ฉันไม่ได้จะเอาอะไรค่ะ แค่อยากยืนขึ้นและเดินไปรอบ ๆ เฉย ๆ ป้าไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเ
ในพื้นที่พิเศษของเรือนจำตี้ซิน ผู้ชายหน้าตางดงามคนนั้นถือเอกสารอยู่ในมือเอกสารนี้คือข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเตาสือเอ้อร์ ซึ่งเป็นการบันทึกเกือบทั้งชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้แต่เขาไม่ได้สนใจว่าเตาสือเอ้อร์จะเคยทำอะไรมาก่อน สิ่งที่เขาสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่างเตาสือเอ้อร์กับหานซานเฉียน "ช่วงนี้กำลังคิดหนักเรื่องจัดหาคู่ต่อสู้ให้เขาอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะมีคนเสนอตัวที่หน้าประตูแบบนี้ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าพวกเขาจะเป็นยังไงเมื่อปรากฏตัวบนสังเวียนเดียวกัน"“นายจะฆ่าเขาไหม?”ชายหน้าตางดงามหายใจเข้าลึก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์อันชั่วร้าย เขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะเห็นสองคนนี้ฆ่ากันเอง มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการแข่งขันครั้งไหน ๆ เสียอีก"ส่งคนไปรับตัวเตาสือเอ้อร์ที่หยุนเฉิง" ชายหน้าตางดงามกล่าวณ เมืองหยุนเฉิง หลังจากที่เตาสือเอ้อร์ได้รับข่าวว่าเรือนจำตี้ซินกำลังส่งคนมารับ เขาก็แจ้งให้ม่อหยางทราบทันทีหลังจากที่เขาจากไป เรื่องทั้งหมดในในหยุนเฉิงจะตกอยู่ที่ม่อหยาง รวมถึงการดูแลจัดการสนามมวยใต้ดินด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องมอบหมายงานนี้อย่างชัดเจนเมื่อม่อหยางมาพบเตาสือเอ้อร์ เตาสือเ
เตาสือเอ้อร์ก็ตกตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นหานซานเฉียนแม้ว่าหานซานเฉียนจะสวมหน้ากาก แต่ด้วยความคุ้นเคย เตาสือเอ้อร์ก็สามารถจำเขาได้เพียงแค่มองรูปร่างก่อนที่จะมาถึงเรือนจำตี้ซิน เตาสือเอ้อร์จินตนาการหลายวิธีที่จะพบกับหานซานเฉียน เขาไม่คิดว่าจะได้พบกับหานซานเฉียนอย่างรวดเร็วแบบนี้ใครจะคิดว่าหลังจากตื่นจากฤทธิ์ยาสลบ เรือนจำตี้ซินก็เตรียมการแข่งขันแบบถึงแก่ชีวิตไว้ให้พวกเขาสองคนซะแล้ว"และขอเตือนพวกนายอย่างหนึ่งว่า เวลาของเกมการแข่งขันมีจำกัด หากไม่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้ จะมีการทรมานอันเจ็บปวดรอพวกนายอยู่"เสียงนั้นมาอีกแล้วกำปั้นของหานซานเฉียนปูดขึ้นเห็นได้ชัดว่าเรือนจำตี้ซินจงใจจัดการแข่งขันนี้ และบางทีผู้ดูแลเรือนจำตี้ซินอาจรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับเตาสือเอ้อร์ เลยจงใจต้องการให้พวกเขาฆ่ากันเองแบบนี้ฆ่าเตาสือเอ้อร์อย่างนั้นเหรอ?หานซานเฉียนไม่สามารถทำได้ และเขาจะไม่มีวันทำ!"ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!" หานซานเฉียนกัดฟันและพูดกับเตาสือเอ้อร์ เตาสือเอ้อร์เดินหน้าไปหาหานซานเฉียนจนระยะห่างระหว่างพวกเขาน้อยกว่าหนึ่งเมตร และคนอื่นจะไม่ได้ยินคำพูดของเตาสือเอ้อร์“พี่สะใภ้กำลังตั้งครร
ทุกคนเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนกำลังดูการแสดง แต่ตี้สู่กำลังจับลูกกรงเหล็กด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความกระวนกระวายใจตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าชายที่สวมหน้ากากคือหานซานเฉียน เขาจึงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของหานซานเฉียนเป็นธรรมดา และเขารู้ว่าหานซานเฉียนจะไม่มีทางฆ่าเตาสือเอ้อร์ เมื่อเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาต้องฝ่าฝืนคำสั่งของเรือนจำตี้ซิน สำหรับการลงโทษที่เรือนจำตี้ซินจะนำมาให้หานซานเฉียนนั้นมากน้อยเพียงใด สิ่งนี้ตี้สู่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย"มันไม่เกี่ยวกับนาย จะประหม่าไปทำไม" กวานหยงมองดูท่าทางตึงเครียดของตี้สู่จากระยะไกล และพูดอย่างเหยียดหยาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แค่รับชมอย่างสนุกก็พอแล้ว จะเครียดไปทำไมกัน"ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังมีอารมณ์ไปเป็นห่วงเรื่องของคนอื่นอีก ทำไมเรือนจำตี้ซินไม่โยนนายขึ้นไปบนสังเวียนกันนะ" แม้ว่าความหวังของกวานหยงจะฝากไว้ที่ตี้สู่ทั้งหมด แต่ในเวลานี้เขากลับอยากให้ตี้สู่ตายไปซะในสนามประลองกรงเหล็กบุคคลากรของเจือนจำตี้ซินพวกนั้นเข้าใกล้หานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง และยังคงปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าหาเขาไม่หยุดความรู้สึกถูกช็อตจากไฟฟ้านี้เพิ่มขึ้น แ
ณ เมืองหยุนเฉิงอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งเจี่ยงหลานอาศัยอยู่กับคนขับรถคนนั้น แต่เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างขนาดใหญ่ระหว่างสถานะของทั้งสอง ในตระกูลซู เจี่ยงหลานซึ่งไม่ค่อยทำงานบ้าน ในเวลานี้กำลังกวาดฝุ่นและถูพื้นอย่างชำนาญ และทำความสะอาดบ้านอย่างไม่มีที่ติ แม้แต่ในมุมที่มองไม่เห็น เธอก็ไม่กล้าทำเลอะเทอะแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับการปฏิบัติตัวของเจี่ยงหลานในตระกูลซู นี่คือโลกแห่งความแตกต่างโดยสิ้นเชิงก่อนที่หานซานเฉียนจะแต่งงานเข้าสู่ตระกูลซู ซูกั๋วเย่าเป็นคนทำงานบ้านทั้งหมด แม้ว่าเจี่ยงหลานจะทำส้วมตัน ก็สั่งให้ซูกั๋วเย่าเป้นคนกำจัดสิ่งอุดตันและกลิ่นเหม็นเน่านั้น เธอไม่เคยสนใจเรื่องดังกล่าว นับประสาอะไรกับการปัดฝุ่นถูพื้นหลังจากหานซานเฉียนแต่งงานเข้ามา เจี่ยงหลานก็สบายขึ้น งานบ้านทั้งหมดรวมถึงการทำอาหารตกเป็นของหานซานเฉียนหลายปีมานี้ แม้เจี่ยงหลานจะไม่ค่อยพอใจในชีวิตบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยตกต่ำถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คนขับนั่งบนโซฟาและดูทีวี เจี่ยงหลานดูเหมือนคนรับใช้ และไม่เหลือเค้าโครงของคุณนายเลยสักนิด ที่สำคัญกว่านั้น เจี่ยงหลานดูระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวว่าจะทำ
"กั๋วเย่าได้โปรด แต่งงานกับฉันใหม่เถอะนะ ฉันอยากกลับเข้าตระกูลซู ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอโอกาสให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำไปได้ไหม" เจี่ยงหลานกล่าวกับซูกั๋วเย่า น้ำหูน้ำตาไหลซูกั๋วเย่าเกลียดเจี่ยงหลานลึกไปถึงกระดูกดำ เนื่องจากการกดขี่ที่เขาได้รับจากเจี่ยงหลาน ทำให้เขารู้สึกว่าตั้งแต่เขาแต่งงานกับเจี่ยงหลานเขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเลยสักวัน เรื่องในวันวานยังคงฝังลึกอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ และในที่สุดเขาก็กำจัดผู้หญิงคนนี้ได้สักทีแล้วเขาจะกลับไปแต่งงานใหม่กับเธอทำไม?"เหอะ" ซูกั๋วเย่าพ่นเสียงเย็นชาอย่างไม่เห็นอกเห็นใจเจี่ยงหลานเลย และพูดว่า "ฝันไปเถอะ ผมไม่ทางแต่งงานกับคุณอีกแน่นอน ผมโดนคุณดูถูกมามากพอแล้ว ยังให้โอกาสคุณอีกอย่างนั้นเหรอ?"เจี่ยงหลานเช็ดน้ำตาและพูดด้วยท่าทางที่น่าสงสาร "คุณจะใจร้ายได้ลงคอจริง ๆ เหรอ เราเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี คุณไม่คิดถึงความรักครั้งเก่าของเราเลยหรือไง?"ดังคำกล่าวที่ว่า คนที่น่าสงสารต้องมีบางสิ่งที่สมควรถูกเกลียดชัง ไม่ต้องพูดถึงว่าเจี่ยงหลานไม่ได้น่าสงสารจริง ๆ เธอต้องการกลับมาตระกูลซู ไม่ใช่แค่เพื่อแ
กลางดึก ซูหยิงเซี่ยซึ่งนอนหลับสนิทได้รับโทรศัพท์ว่าซูกั๋วเย่าประสบอุบัติเหตุถูกรถชน และตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน ข่าวนี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดสำหรับซูหยิงเซี่ยตอนนี้หานซานเฉียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และซูกั๋วเย่าก็ถือได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวของเธอ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมันยังไงกลางดึก ซูหยิงเซี่ยมาโรงพยาบาลพร้อมกับเหอถิงม่อหยางและหลินหย่งที่ได้รับข่าวก็รีบไปที่เกิดเหตุทันทีแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจความเป็นความตายของซูกั๋วเย่า แต่เป็นเพราะซูหยิงเซี่ยไปที่โรงพยาบาลในตอนดึก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจะได้คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ได้แน่นอนว่าสำหรับม่อหยาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือซูหยิงเซี่ย ไม่สำคัญว่าซูกั๋วเย่าจะเป็นหรือตาย แต่ซูหยิงเซี่ยต้องห้ามตากลมจนเป็นหวัดหลายคนรออยู่ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินจนรุ่งสาง"น้องสะใภ้ เธอกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะเฝ้าอยู่ที่นี่เอง ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์พิเศษ จะเหนื่อยเกินไปไม่ได้" ม่อหยางพูดกับซูหยิงเซี่ย การนอนดึกเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ม่อหยางจึงไม่อยากให้ซูหยิงเซ
ครึ่งเดือนต่อมา อาการบาดเจ็บของซูกั๋วเย่าทรงตัว แต่เขายังไม่ฟื้นขึ้นมา ตามคำขอของเจี่ยงหลาน ซูกั๋วเย่าจึงได้รับอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาล และกลับมาพักที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา และเจี่ยงหลานก็กลับไปคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเพื่อดูแลซูกั๋วเย่าเช่นกันวันนี้เป็นวันที่เจี่ยงหลานรอคอยมานานคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่หรูหราที่สุดในหยุนเฉิง เป็นสถานที่ที่เจี่ยงหลานภาคภูมิใจตั้งแต่วันที่เธอจากไป เจี่ยงหลานก็คิดถึงวันที่จะได้กลับมาที่นี่ตลอดเวลาที่นี่เท่านั้นที่คู่ควรกับการใช้ชีวิตของเธอเจี่ยงหลานรู้สึกว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นี่ได้นอกจากเธอเมื่อมองไปที่ซูกั๋วเย่าที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เจี่ยงหลานก็ยกยิ้ม แม้ว่าวิธีนี้จะโหดเหี้ยมไปหน่อย แต่ก็ได้ผลตามที่เธอต้องการ และมันก็คุ้มค่าสำหรับความรู้สึกของเธอที่มีต่อซูกั๋วเย่า?มันเป็นเรื่องตลกเท่านั้นเธอไม่เคยตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งของตระกูลซู เธอจะแต่งงานกับซูกั๋วเย่าได้อย่างไร?"ซูกั๋วเย่า คุณนอนไปตลอดชีวิตเถอะนะ ต่อจากนี้ไป ตระกูลซูต้องฟังคำพูดฉันเท่านั้น" เจี่ยงหลานพูดด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ แ