ครึ่งเดือนต่อมาช่วงเวลาปล่อยตัวในพื้นที่พิเศษที่พวกเขาอาศัยอยู่ ผู้คนจะจับกลุ่มกันกลุ่มละสามถึงห้าคน มีหลายคนที่นี่ที่เชี่ยวชาญในการสอดแนมข่าวกรองของเรือนจำตี้ซิน ในขณะนี้พวกเขารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พวกเขามี แต่ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขต B นอกเหนือจากโครงสร้างทั่วไปของพื้นที่เขต B พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรือนจำตี้ซินอีกเลย และนี่ก็คือเหตุผลที่เรือนจำตี้ซินเปิดโอกาสให้นักโทษได้จับกลุ่มติดต่อกันได้เนื่องจากเรือนจำตี้ซินมีความมั่นใจมาก จึงไม่กลัวว่านักโทษจะค้นพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์หากมองอย่างผิวเผิน นี่คือกรง แต่ในความเป็นจริงมีข้อกำหนดสำหรับการเข้าพักมากเสียยิ่งกว่าโรงแรมหรูใด ๆ และข้อกำหนดนี้จำกัดอยู่ที่ด้านการเงินเท่านั้นตราบใดที่คุณมีเงิน คุณก็สามารถส่งคนเข้าสู่เรือนจำตี้ซินได้แต่ถ้าคิดอยากจะออกไป นั่นเป็นเรื่องยากราวกับการปีนขึ้นฟ้าตี้สู่นั่งยอง ๆ ตรงมุมห้อง มองไปยังนักโทษที่กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเย้ยหยัน คนเหล่านี้ถูกส่งมาที่นี่ เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเรือนจำตี้ซิน
"ถ้านายกลัว ก็รีบไสหัวไปซะ" ตี้สู่กล่าวเมื่อเห็นหานซานเฉียนใกล้เข้ามามากขึ้น กวานหยงก็กลัวจนแทบบ้า หลังจากปล่อยตี้สู่แล้ว เขาก็วิ่งหนีไปไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เมื่อหานซานเฉียนเดินมาหาตี้สู่ ตี้สู่ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองเขา ด้วยความต่างระหว่างส่วนสูงนี้ ทำให้ตี้สู่รู้สึกคุ้นเคยมากหลังจากรออยู่นานแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร ตี้สู่จึงถามขึ้นก่อนอย่างไม่มีทางเลือก "ครั้งก่อนที่สังเวียน คุณก็มองผมแบบนี้ เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?"ไม่มีการตอบสนองจากอีกฝ่าย แต่ดวงตาเย็นชาคู่นั้นทำให้ตี้สู่รู้สึกกลัวจับใจ ราวกับว่าเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยอากาศเย็นจนเขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงแผ่นหลัง“คุณ...คุณจะทำอะไร” ตี้สู่พูดตะกุกตะกัก เขากลัวจนสุดขีด“นายรู้จักสถานที่นี้มากน้อยแค่ไหน” หานซานเฉียนถามนิ่ง ๆเสียงนี้คุ้นมาก คุ้นเสียจนตี้สู่รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหานซานเฉียนแต่เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่หานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่มีทางมาปรากฏตัวที่เรือนจำตี้ซิน และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้"ไม่ ไม่มาก ที่นี่เป็นสถานที่ลึกลับ และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับเรือนจ
ยังคงมีแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครรู้สึกตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าทุกคนเคยชินกับมัน เหมือนการกินข้าวดื่มน้ำไปแล้ว ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้นแผ่นดินไหวบ่อยขนาดนี้ แต่เรือนจำตี้ซินยังคงไม่เป็นอะไร เป็นไปได้อย่างไร? และถ้าตำแหน่งของที่นี่อยู่ใต้ดินจริง ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะอ่อนแรงขนาดนี้เว้นเสียแต่ สิ่งที่เรียกว่าศูนย์กลางของโลกเป็นเพียงความเข้าใจผิดของพวกเขา หรือก็คือเป็นเพียงชื่อระเบิดควันเท่านั้นเมื่อหมดเวลาพัก นักโทษคนอื่น ๆ ก็รีบวิ่งหนีราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับหานซานเฉียนและในไม่ช้า ในสนามก็เหลือเพียงหานซานเฉียน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่ที่กักขังอาชญากรร้ายแรงของโลก ก่อนที่เขาจะมา เขาคิดว่านักโทษเหล่านี้จะมีนิสัยดุร้ายมากเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพียงพวกใจเซาะกันแบบนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่หลังจากถูกเรือนจำตี้ซินทรมานในห้องคุมขังก็จะกลายเป็นคนเชื่อฟังขึ้นมาทันทีเรือนจำตี้ซินเป็นเหมือ
เมื่อเทียบกับหานซานเฉียน ผู้มาใหม่คนนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูน่ากลัวกว่า รอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเขาเหมือนปีศาจที่ดุร้าย ใครก็ตามที่เห็นเขาจะรู้ต้องสึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้"ไม่เคยเห็นคนนี้มาก่อนเลย"“หรือว่าจะเป็นคนมาใหม่อีกแล้ว? ช่วงนี้มีคนมาใหม่ถี่จริง ๆ”"หรือว่าจะเป็นคนที่ถูกขังอยู่ในพื้นที่เขต A? ดูจากรูปร่างหน้าตาของเขา เขาน่าจะเคยฆ่าคนไปไม่น้อย"“การต่อสู้ในวันนี้จะต้องน่าตื่นเต้นแน่ ๆ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะโชคดีเหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่า”เมื่อทุกคนกำลังคุยกันสนุกปาก ตี้สู่มีความคิดที่แตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิงจากมุมมองของเขา คน ๆ นี้เหมือนคนที่เรือนจำตี้ซินจงใจคัดเลือกมาเพื่อจัดการกับชายที่สวมหน้ากาก ถ้าเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขต A จริง เขาไม่มีทางปรากฏตัวง่าย ๆ แล้วนับประสาอะไรกับการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตแบบนี้ตี้สู่ไม่เคยไปพื้นที่เขต A และก็ไม่รู้ว่าคนประเภทไหนที่ถูกขังไว้ในพื้นที่เขต A แต่ถ้าพวกเขาได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากทางเรือนจำตี้ซิน เรือนจำจะต้องใส่ใจความปลอดภัยของพวกเขามากกว่าเดิมแน่ “ทำไมยังไม่มีใครไปถอดโซ่ตรวนที่ข้อเท้าของเขาล่ะ” ตี้สู่พู
"คุณเคยไปที่ไหนบ้างในเรือนจำตี้ซิน? ยกเว้นพื้นที่เขต B เรือนจำตี้ซินใหญ่แค่ไหน?" หานซานเฉียนถามผู้หญิงคนนั้นเธอนอนอยู่บนเตียงและไม่ตอบสนองใด ๆเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแงะปากของเธอออกมาง่าย ๆ ซึ่งหานซานเฉียนก็คาดไว้อยู่แล้วจึงพูดต่อว่า "ผมรู้ว่าคำถามพวกนี้อาจสร้างภัยคุกคามให้คุณ ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมบอกผม?"เธอยังไม่ยอมพูดอะไร แต่ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแทนหานซานเฉียนชำเลืองมองเธอด้วยจิตใจที่สงบ สำหรับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ซูหยิงเซี่ย เขาไม่มีความปรารถนาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะแค่เหลือบมองก็ยังรู้สึกผิด"ถ้าคุณยอมบอก ไม่แน่ว่าอนคคตผมจะสามารถพาคุณออกไปจากที่นี่ได้" หานซานเฉียนโยนเหยื่อออกไป แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ผลสำหรับเธอ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรในเวลานี้ เธอลุกขึ้นนั่ง อ้าปากและส่ายหัวหลังจากเห็นการกระทำนี้ หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว หรือว่าเธอพูดไม่ได้?“คุณพูดไม่ได้เหรอ?” หานซานเฉียนถามเมื่อเธอพยักหน้า หานซานเฉียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เรือนจำตี้ซินระมัดระวังมากพอสมควร ถึงขั้นทำให้ผู้หญิงคนนี้สูญเสียความสามารถในการพูด"พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้คงจะมีคนมารับคุณออกไป" หลังจากที่หา
นับตั้งแต่ตันฉิงได้รับบาดเจ็บ สนามมวยชิงหลงในหยุนเฉิงก็เงียบเหงา เหมือนแสงแฟลชในกระทะ ในขณะที่สนามมวยใต้ดินของเตาสือเอ้อร์กลับมาเป็นสนามมวยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหยุนเฉิงอีกครั้ง หลังจากพักฟื้นมาสักพักแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำให้สนามมวยของเขากลายเป็นสังเวียนที่ป่าเถื่อน แต่ด้วยการแข่งขันที่ไม่มีลูกเล่นและเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ จึงสามารถดึงดูดผู้ชมบางคนที่ชอบมวยใต้ดินได้การไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมหมายถึงการชกแบบถึงเนื้อ จะชนะหรือแพ้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของนักมวยบนสังเวียน และฝ่ายที่ชนะจะได้รับรางวัลจากสนามมวย ในกรณีนี้ นักมวยทุกคนที่ขึ้นชกจะได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนออกมา การแข่งขันภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงน่าดึงดูดยิ่งขึ้นโดยธรรมชาติเพื่อไม่ให้ความแข็งแกร่งของนักมวยถดถอย เตาสือเอ้อร์จัดการฝึกฝนพิเศษ และสอนแบบส่วนตัวสำหรับพวกเขาเกือบทุกวันเมื่อม่อหยางมาถึงสนามมวย เตาสือเอ้อร์ก็สั่งให้โจวป๋อไปฝึกนักมวยแทนเขา ก่อนจะมาที่สำนักงานพร้อมกับม่อหยาง“พี่ใหญ่ม่อ พี่ไม่ค่อยมาหาผมที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เตาสือเอ้อร์พูดขึ้น เขารู้ว่าม่อหยางถ้าไม่มีธุระก็คงไม่มา ในเมื่อเขามาที่นี่แสดงว่าต้อง
คฤหาสน์ใจกลางภูเขา ซูหยิงเซี่ยได้แต่พักผ่อนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากทำอะไร แต่เธอถูกเหอถิงห้ามไว้ทุกอย่างเหอถิงทำหน้าที่ทุกอย่าง แม้แต่ซูหยิงเซียจะเข้าห้องน้ำเธอก็ยังอยากตามเข้าไปด้วยหานซานเฉียนไม่อยู่บ้าน และซูกั๋วเย่าก็มักจะออกไปเล่นไพ่และดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ ดังนั้นตอนนี้ เหอถิงจึงดูแลซูหยิงเซี่ยเหมือนลูกสาวของเธอเอง เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปหานซานเฉียนเปลี่ยนชีวิตของเหอถิง หากไม่มีหานซานเฉียน เหอถิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นเธอจึงนึกขอบคุณหานซานเฉียนมาก จนไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ เธอจึงอยากตอบแทนเขาด้วยการดูแลซูหยิงเซี่ยให้ดี ซูหยิงเซี่ยกำลังดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นเธอก็ยืนขึ้น เหอถิงรีบวิ่งไปด้านข้างของซูหยิงเซี่ยและถามว่า "คุณจะเอาอะไรคะ? เดี๋ยวป้าไปช่วยหยิบให้"“ป้าเหอ หมอบอกฉันว่าอย่านั่งเฉย ๆ ต้องออกกำลังกายบ้าง ป้าให้ฉันได้ขยับหน่อยนะคะ” ซูหยิงเซียยิ้มอย่างช่วยไม่ได้“ออกกำลังกายได้ค่ะ แต่ถ้าคุณอยากได้อะไร ก็บอกป้านะคะ” เหอถิงกล่าว"ฉันไม่ได้จะเอาอะไรค่ะ แค่อยากยืนขึ้นและเดินไปรอบ ๆ เฉย ๆ ป้าไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเ
ในพื้นที่พิเศษของเรือนจำตี้ซิน ผู้ชายหน้าตางดงามคนนั้นถือเอกสารอยู่ในมือเอกสารนี้คือข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเตาสือเอ้อร์ ซึ่งเป็นการบันทึกเกือบทั้งชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้แต่เขาไม่ได้สนใจว่าเตาสือเอ้อร์จะเคยทำอะไรมาก่อน สิ่งที่เขาสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่างเตาสือเอ้อร์กับหานซานเฉียน "ช่วงนี้กำลังคิดหนักเรื่องจัดหาคู่ต่อสู้ให้เขาอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะมีคนเสนอตัวที่หน้าประตูแบบนี้ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าพวกเขาจะเป็นยังไงเมื่อปรากฏตัวบนสังเวียนเดียวกัน"“นายจะฆ่าเขาไหม?”ชายหน้าตางดงามหายใจเข้าลึก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์อันชั่วร้าย เขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะเห็นสองคนนี้ฆ่ากันเอง มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการแข่งขันครั้งไหน ๆ เสียอีก"ส่งคนไปรับตัวเตาสือเอ้อร์ที่หยุนเฉิง" ชายหน้าตางดงามกล่าวณ เมืองหยุนเฉิง หลังจากที่เตาสือเอ้อร์ได้รับข่าวว่าเรือนจำตี้ซินกำลังส่งคนมารับ เขาก็แจ้งให้ม่อหยางทราบทันทีหลังจากที่เขาจากไป เรื่องทั้งหมดในในหยุนเฉิงจะตกอยู่ที่ม่อหยาง รวมถึงการดูแลจัดการสนามมวยใต้ดินด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องมอบหมายงานนี้อย่างชัดเจนเมื่อม่อหยางมาพบเตาสือเอ้อร์ เตาสือเ