อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
ซ่างกวนซีพยักหน้าเบา ๆ มองไปยังเบื้องหน้าพลางกล่าวกับตนเองเบา ๆ ว่า “จะเป็นผู้ใดกันเล่า? อันกั๋วกง? อ๋องจ่างซิ่น? หรือว่า... ผิงอี้โหว?”อวี๋เฟยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “คงไม่ใช่อ๋องจ่างซิ่นหรอก เขาไม่มีสติปัญญาเฉือยบแหลมเช่นนั้น!”ซ่างกวนซีพยักหน้ารับ “และก็ไม่ใช่อันกั๋วกงเช่นกัน หากอันกั๋วกงเป็นผู้วางแผน อันกั๋วกงกับซ่างกวนหลีก็ย่อมรู้ทั้งคู่ว่าผู้ซื้อปิ่นทองคำนั้นคือเยี่ยนเว่ยฉือ บ่อนพนันก็ไม่จำเป็นต้องนำภาพวาดไปเสาะหาผู้ใด เพียงแต่สอบถามจากซ่างกวนหลีก็จะรู้ได้แล้วว่าผู้ซื้อปิ่นทองคำคือเยี่ยนเว่ยฉือ”อวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปากเล็กน้อย กล่าวว่า “คงไม่ใช่ผิงอี้โหว เยี่ยนหานซานหรอกใช่หรือไม่? เขาก็ดูไม่ใช่คนมีสติปัญญาเช่นกัน!”ซ่างกวนซีถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวว่า “ข้าเป็นองค์รัชทายาท มีศัตรูมากมาย นอกจากที่ปรากฏแก่สายตาแล้ว ยังมีผู้ลอบคิดร้ายอีกมากมาย เหอะ!”อวี๋เฟยเหยียนรีบปลอบประโลมว่า “ศิษย์พี่ก็อย่ากังวลมากนักเลย อย่างไรเสีย เวลานี้ก็มีเพียงผู้ที่คิดร้ายต่อพวกเราเท่านั้นที่รู้ว่าปิ่นทองคำอยู่กับเยี่ยนเว่ยฉือ ตราบใดที่พวกเราไม่ยอมรับ พวกเขาก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าพวกเ
นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเว่ยฉือได้สัมผัสถึงฝีมือวิทยายุทธของซ่างกวนซี นางอดที่จะเปรียบเทียบซ่างกวนซีกับฮวาอวี๋ไม่ได้ฮวาอวี๋บินได้เร็ว แต่ซ่างกวนซีบินได้อย่างมั่นคงแม้ว่าเท้าจะลอยอยู่บนอากาศ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกปลอดภัย“ศพอยู่ข้างในสามศพ ถูกไฟไหม้จนเสียโฉม เจ้าแน่ใจหรือว่า… เจ้าจะทำได้?” ซ่างกวนซียังคงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะรับมือไม่ไหวเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาตั้งสติ พยักหน้ากล่าวว่า “ฝ่าบาทวางใจเถิด ข้าเคยเห็นศพที่น่าสยดสยองกว่านี้มาแล้ว”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพิจารณานางอายุยังน้อย อยู่แต่กับหมู จะเคยเห็นศพที่น่าสยดสยองกว่านี้ได้อย่างไร?ก่อนที่ซ่างกวนซีจะคิดได้ เยี่ยนเว่ยฉือก็เดินไปหาศพแล้วนางเปิดผ้าขาวที่คลุมศพออก เห็นศพที่ถูกไฟไหม้จนเสียโฉมซ่างกวนซีสังเกตสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉืออย่างละเอียด พบว่านางมีสีหน้าสงบ ไม่มีความหวาดกลัวหรือรังเกียจแม้แต่น้อยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ่งรู้สึกว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ธรรมดาแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่รอผลการชันสูตรศพของเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเงียบ ๆเยี่ยนเว่ยฉือตรวจสอบศพไปพลาง
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กระซิบเตือนเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท เป็นเขา ชาวคนเป่ยอิ้นคนนั้น”ซ่างกวนซีคว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้ กระโดดไปยังหลังคาอย่างเงียบเชียบครู่ต่อมา มือสังหารสวมหน้ากากแห่งเป่ยอิ้นพร้อมกับพวกพ้อง เดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้ที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของเมืองทั้งสองรีบร้อน ดูเหมือนจะร้อนใจอย่างยิ่งซ่างกวนซีรัดเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่น กล่าวเบา ๆ ว่า “เราไปดูกันเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ปฏิเสธ…… ทิศเหนือของเมือง ณ เรือนร้างซ่างกวนซีตามไปพร้อมกับเยี่ยนเว่ยฉือ ตามรอยบุรุษชุดดำ จนมาถึงเรือนร้างแห่งหนึ่งทางทิศเหนือของเมืองทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองลงไปในลานบ้าน เห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่หัวหน้าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นองครักษ์มือสังหารสวมหน้ากากแห่งเป่ยอิ้นเดินเข้าไปในลานบ้าน เมื่อเห็นชายหญิงคู่นั้น จึงคุกเข่าข้างหนึ่ง รายงานว่า “กระหม่อมเฉี่ยงหวู่ ขอคารวะองค์ชายสาม คารวะองค์หญิงอวิ๋นจิ่น” ปรากฏว่ามือสังหารผู้นี้มีนามว่าเฉี่ยงหวู่ส่วนองค์หญิงอวิ๋นจิ่นที่เขาเอ่ยถึง ทำให้ซ่างกวนซีตกใจจนดวงตาเบิกกว้างเขารู้แล้วว่าชายหญิงคู่นั้นเป็น
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของซ่างกวนซีก็เปลี่ยนสีทันที เยี่ยนเว่ยฉือก็อดวิตกกังวลไม่ได้เช่นกันสตรีที่พวกเขาพูดถึง เห็นได้ชัดว่าคือเยี่ยนเว่ยฉือทั้งสองยังคงเงียบ มองดูเหตุการณ์เบื้องล่างต่อไปอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วถามว่า “เบาะแส? เบาะแสอะไร?”เฉี่ยงหวู่รีบกล่าวว่า “ทูลองค์หญิง สตรีนางนั้นได้ทำปิ่นทองคำชิ้นหนึ่งตกไว้ ปิ่นทองคำนั้นถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลวงเก็บไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของแคว้นต้าหลี่ ดูเหมือนจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราและสตรีนางนั้น พวกเขาคิดว่าสตรีนางนั้นเป็นคนทรยศที่ร่วมมือกับพวกเรา ดังนั้น เวลานี้ทั้งเมืองหลวงจึงกำลังตามหาสตรีนางนั้น พวกเราเพียงแค่รอ ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เมื่อเจ้าหน้าที่ต้าหลี่จับตัวสตรีนางนั้นได้ พวกเราก็สามารถจับตัวนางไปหาฮวาอวี๋ได้”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหันไปมองอวี้ฉืออวิ๋นจ้าว เพื่อฟังความคิดเห็นของเขาอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ที่นี่เป็นเมืองหลวงของต้าหลี่ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเอง ย่อมราบรื่นกว่าพวกเราลงมือทำ ก็ดี ให้พวกเขาตามหา พวกเราเพียงรออยู่ก็แล้วกัน”เฉี่ยงหวู่และพวกพ้องต่างก็โล่งใจเมื่อครู่ พว
ซ่างกวนซีโอบกอดเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่น นิ่งอยู่กับที่ราวกับรูปปั้นพั่วจวินไม่ใช่ทหารองครักษ์ธรรมดา แต่เป็นมือสังหารที่มีรายชื่ออันดับสองในบัญชีอู๋ซินไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาจะมีโอกาสชนะหรือไม่ แม้แต่การพาเยี่ยนเว่ยฉือหนีไปก็ยากยิ่งนักดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือการรอคอยให้เหตุการณ์คลี่คลายไปตามธรรมชาติรอให้คนเป่ยอิ้นจากไปก่อน แล้วจึงหาทางจากไปเยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน จึงนิ่งอยู่กับที่ แม้แต่ลมหายใจก็เบาบางยิ่งนักเดิมทีคิดว่าพี่น้องตระกูลอวี้ฉือจะต้องปรึกษาหารือแผนการบางอย่างแต่กลับเห็นเหตุการณ์ที่น่าอับอายปรากฏว่าอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นทรุดตัวลง เข้าไปในอ้อมอกของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าว กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “เสด็จพี่สาม ท่านได้ยินหรือไม่ เขากล่าวว่าต้าหลี่มีหญิงงามล่มเมือง เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? จิ่นเอ๋อร์ไม่ยอม!”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเชยคางของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขึ้น ยิ้มเยาะว่า “แล้วเจ้าต้องการอะไร? เพียงได้กลิ่นเลือดก็อดใจไม่ไหว แม้แต่โรงเตี๊ยมก็รอไม่ไหว? ต้องทำกันกลางที่โล่งแจ้งเช่นนี้หรือ?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นจับมือของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวไว้ ดึงมือของเขาออกจากคาง ออด
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์คับขัน ซ่างกวนซีครุ่นคิดว่า ควรจะผลักเยี่ยนเว่ยฉือออกไป แล้วตัวเองถ่วงเวลาไว้ดีหรือไม่แต่ก่อนที่เขาจะคิดได้ เยี่ยนเว่ยฉือก็โยนสิ่งของบางอย่างไปทางด้านหลังเกิดเสียงดังปัง ขวดเล็กตกแตก ควันขาวหนาทึบพวยพุ่งออกมา ทำให้ทหารองครักษ์ที่ตามมาน้ำหูน้ำตาไหล สำลักควัน ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีกซ่างกวนซีเห็นดังนั้นจึงพาเยี่ยนเว่ยฉือหลบเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ รอดพ้นจากการไล่ล่าของคนเป่ยอิ้นไปได้อย่างหวุดหวิดเมื่อพั่วจวินออกมาอีกครั้งก็ไม่พบร่องรอยของทั้งสองแล้วพั่วจวินขมวดคิ้วกล่าว “วิทยายุทธ์เยี่ยมยอดเช่นนี้ เป็นผู้ใดกัน?”…… เมื่อพั่วจวินกลับมารายงาน อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นก็แต่งกายเรียบร้อยแล้วอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวถามด้วยความกังวลว่า “คนล่ะ? ฆ่าตายหรือไม่?”พั่วจวินพยักหน้ากล่าวว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ ปล่อยให้พวกเขารอดไปได้ ดูจากรูปร่างแล้วเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ชายผู้นั้นวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ ส่วนสตรีมีอาวุธลับ อาวุธลับนั้นสามารถแปรเป็นควัน ทำให้มองไม่เห็น”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวก็ยังคงสุภาพกับพั่วจวิน ไม่ได้โกรธเคืองที่จับตัวไม่ได้ แต่เพียงคาดเดาว่า “ชายหญิง หรือว
“ข้า...ข้าขอตัวก่อน!” เยี่ยนเว่ยฉือรีบวิ่งไปยังเรือนพักของตน ท่าทางนั้นดูราวกับว่ากำลังตกใจกลัวอวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ศิษย์พี่ใหญ่ นางเป็นอะไรรึ?”ซ่างกวนซีก็ไม่รู้จะอธิบายเช่นไรเขาจะกล่าวได้อย่างไรว่า เมื่อครู่ทั้งสองได้เห็นชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังทำเรื่องแนบชิดสนิทสนมกันไม่ได้ ไม่อาจระลึกถึงได้อีกต่อไปปรากฏว่าตำราลับห้องหอวสันตฤดูนั้นราบเรียบเกินไป ไม่อาจเทียบได้กับความจริง ซึ่งน่าตกตะลึงยิ่งนัก“เอ่อ… ข้าเหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน!”ซ่างกวนซีว่าแล้วก็จากไป มุ่งหน้าไปยังเรือนพักของตนอวี๋เฟยเหยียนมองไปยังทิศทางที่ซ่างกวนซีเสด็จไป แล้วมองไปยังทิศทางที่เยี่ยนเว่ยฉือจากไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง คิดในใจว่า “คืนนี้ทำไมถึงไม่นอนด้วยกันเล่า?”…… ไม่เพียงแต่ไม่นอนด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะนอนกันคนละที่ ทั้งสองก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เยี่ยนเว่ยฉือนอนอยู่บนเตียง ครู่หนึ่งก็คิดถึงมือสังหารชุดดำที่ต้องการสังหารนาง ครู่หนึ่งก็คิดถึงปิ่นปักผมทองคำที่ซ่อนเร้นแผนการอยู่ ครู่หนึ่งก็อดคิดถึงพี่น้องตระกูลอวี้ฉือไม่ได้ว่าทำไมจึงประพฤติตนเช่นนั้น?เมื่อนึกถึงพี่น้องตระกูลอวี้ฉือ ก
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว
อวี๋เฟยเหยียนไปที่ห้องครัว เลือกสุราดอกท้อชั้นดีมาไหหนึ่ง กำลังจะใส่เมามายลืมโลกนี้ลงไป ทว่ากลับคิดอะไรขึ้นมาได้“เอ๊ะ? ไม่ถูก วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องงดเสวย ดื่มได้แต่น้ำชา ดื่มสุราไม่ได้!”อวี๋เฟยเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค้นหาของในครัว ในที่สุดก็เจอดอกสายน้ำผึ้งเขายิ้ม “นี่ดีกว่า ต้มชาดอกสายน้ำผึ้งให้ศิษย์พี่ดื่ม นอกจากจะดับร้อนได้แล้ว กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งยังกลบกลิ่นสุราได้ด้วย”อวี๋เฟยเหยียนเริ่มลงมือทันที หลังจากธูปหมดไปดอกหนึ่ง ชาก็ต้มเสร็จแล้วเขาเปิดขวดกระเบื้องใบเล็กที่ฉินเซียงหรูให้มา กำลังจะรินลงในกาน้ำชา แต่น้ำชากำลังเดือด เมื่อเปิดฝาออก ไอน้ำร้อนก็พุ่งขึ้นมาและไอน้ำเหล่านั้นก็พัดพาแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงบนมือของอวี๋เฟยเหยียนกระจายไปในอากาศทันทีหลังจากที่อวี๋เฟยเหยียนได้กลิ่น เขาก็เริ่มเวียนหัว“นี่…นี่…ของของฉินเซียงหรู เหตุใดฤทธิ์สุราถึงแรงเช่นนี้!”อวี๋เฟยเหยียนเซไปเซมา ฝืนรินสุราลงในน้ำชาสองสามหยดตอนที่เขากังวลว่ายังไม่พอ เขาก็ถูกกลิ่นสุราทำให้มึนเมา หลังจากที่โลกหมุนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ล้มลงกับพื้นห้องครัว สลบไปเตาบังร่างของเขาไว้ ทำให้ไคจือและซ่านเย่ที
หลังจากเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็ออกจากเรือนหน้าไปทางลานรั่วชู อวี๋เฟยเหยียนยืนอยู่ที่ทางแยก มองไปที่เรือนซวงหาน มองไปที่เรือนรั่วชู คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปหาฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูกำลังยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา วันนี้มีปลาแห้งเพิ่มมาตัวหนึ่ง อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูที่กำลังทาเกลือบนปลา อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาหมักปลาเค็มอีกหรือ? ข้างหน้าเขาทำลายข้าวของกันจนหมดแล้ว!”ฉินเซียงหรูยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินแล้ว”“ได้ยินแล้ว?” อวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “ได้ยินแล้วยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้?”“แล้วจะให้ทำอย่างไร?” ฉินเซียงหรูมองอวี๋เฟยเหยียนอย่างขบขัน “ไปช่วยแม่นางเยี่ยนตำหนิองค์รัชทายาทที่ไม่รู้จักบุญคุณ? หรือไปช่วยองค์รัชทายาทตำหนิแม่นางเยี่ยนว่าชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง?”อวี๋เฟยเหยียนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออกฉินเซียงหรูยังคงทำปลาต่อไป พูดว่า “ถ้าจะให้ข้าพูด การที่แม่นางเยี่ยนก่อเรื่องเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยวันนี้ของทุกปี ทุกคนก็จะได้ไม่ลำบาก แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าดัง เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะยังปล่อยวางไม่ได้ ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ จะยึดติดอยู่กั