ผิวกายที่ต้องกระทบแสงแดดสว่างเจิดจ้าเรืองรองฉ่ำน้ำราวกับไข่มุกทะเลกลางมหาสมุทร เส้นผมตรงดำขลับเงางามเหมือนเส้นไหมยาวสยาย คิ้วงามเป็นรูปโค้งน้อยๆรับกับรูปตา ดวงตาเรียวโตงามดั่งลูกกวางหางตาช้อยเชิดเหมือนวาด แพงอนตาหนางอนงาม จมูกโด่งงอนจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สองปรางแดงปลั่งดั่งผลท้อจีน แลปากอวบอิ่มสีชมพูสดนั้นอีกเล่า ไม่ต้องพูดถึงเรือนร่างงดงามทุกสัดส่วน ถันแลสะโพกกลมกลึงดั่งปั้น เอวคอดกิ่ว ยิ่งกายนางเมื่อกระทบละอองน้ำทะเลจนอาภรณ์สีขาวเปียกฉ่ำแนบเนื้อเช่นนั้น กลิ่นกายหอมหวลยวนกามาของแม่งามแน่งน้อยกากีก็ยิ่งขจรขจายไปไกลจนได้กลิ่นกันทั่วทั้งเรือ ทั้งลูกเรือนายเรือทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งมาเกาะกราบเรือข้างนั้นจนเรือเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง หากเรือมิได้บรรทุกสินค้ามาด้วยจนเพียบเต็มลำเรือ แลอับเฉาท้องเรือหลายตัวคอยช่วยถ่วงน้ำหนัก เรือสำเภาจีนลำนี้คงพลิกคว่ำล่มลงไปแล้วเพราะพิษความงามของกากีแน่แท้ “เอ้า วิปลาสกันไปหมดแล้วหรือ ไต้ก๋งอยู่ไหนนี่” พ่อบ้านกวงที่เพิ่งหายจากอาการตกตะลึงรีบร้องเรียก ไต้ก๋งที่ก็มายืนเนียนจ้องนางโฉมงามอยู่ในหมู่ลูกเรือได้ยินเสียง
บนเรือไม่มีสตรีอื่นอีกนอกจากกากี ดังนั้นการจะช่วยเหลือนางอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับที่กากีเคยได้รับมาจากนางกำนัลพี่เลี้ยงหรือนางรับใช้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถึงกระนั้นเรื่องการดูแลรักษากากีกลับเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้เฉินอี้เฟิงลำบากใจแต่อย่างใด กลับดูยินดีปรีดาร่าเริงยิ่งนัก หลังส่งให้ลูกเรือไปช่วยกันหาอาหาร น้ำ และผลไม้ มาเตรียมไว้ให้นางแล้ว เขารีบสั่งไปช่วยลูกเรือค้นหาเสื้อผ้าอาภรณ์ในหีบสินค้าที่อาจติดมาเพื่อค้าขาย ได้ผ้าไหมจีนเนื้อดีและผ้าฝ้ายทอละเอียดเนียนนุ่ม สีสันสวยงามหลากหลายมาให้กากีไว้ผลัดใส่หลายพับวางไว้ให้นางที่ข้างม่าน พร้อมชามใบใหญ่ใส่น้ำอุ่นและผ้าผืนเล็กๆอีกผืนวางให้ “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียเถิดแม่นาง สวมเสื้อผ้าเปียกชุ่มน้ำทะเลเช่นนั้นนานนักจะเจ็บไข้เอาได้ ข้าไม่มีชุดสตรีบนเรือเลย แต่ก็เลือกผ้าพับงามๆมาให้เจ้าแล้ว เจ้าลองเลือกใช้ห่มพันกายดูเถิด เข็มกลัดก็มีไว้ให้พร้อมแล้ว” แสงที่ส่องมาจากหลังม่านอวดให้เห็นสรีระเปลือยเปล่าของนางทาบทับอยู่บนเนื้อผ้า สรีระของนางที่ควรนูนก็นูนเต่ง ที่ควรเว้าก็เว้าคอด แขนขาเรียวกลมกล
ซินแสหวางว่าต่อ “เมื่อถูกนำมาคืนแล้ว นางก็ถูกจับมัดที่แพเสี่ยงทาย ลอยออกทะเลมาเพื่อทดสอบบุญญาธิการว่าจะยังคู่ควรรับใช้พระเจ้าเหนือหัวพรหมทัตหรือไม่ จนแพของนางลอยมาพบเรือเราเข้า” “สามีขับไสไล่ทิ้งลงทะเล ถ้าอย่างนี้ก็ถือว่านางเป็นหญิงม่ายน่ะสิ” พ่อบ้านกวงร้องด้วยความตกใจ “แบบนี้ยิ่งไม่เหมาะจะอยู่บนเรือเรา ดรุณีสาวแรกรุ่นไม่มีสามี ไม่มีเจ้าของ ยิ่งงามสะคราญกิริยาอาการและกลิ่นผิวกายนางยวนกามาเช่นนี้มากลุ่มบนเรือท่ามกลางบุรุษกลัดมันจำนวนมาก วันใดเกิดคนบนเรืออดรนทนไม่ได้ขึ้นมา มีหวังได้เกิดศึกชิงนาง ฆ่าฟันกันจนเรือแตกแน่ๆ” ต่างคนต่างมองหน้ากันท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบเรือและลมทะเลแผ่วผ่านเป็นระยะๆ ในห้องนอนเฉินอี้เฟิง สีฝุ่นในร่างกากีกำลังตื่นตาตื่นใจกับชั้นหนังสือของนายสำเภาหนุ่มรูปงาม “หนังสือเยอะมาก นายสำเภา ท่านเป็นนักอ่านหรือคะ ข้าก็ชอบอ่านเหมือนกัน” ชายหนุ่มยิ้ม “เรียกข้าว่าอี้เฟิงเถิด เราสนิทกันแล้ว” กากีชำเลืองตามามองนิดหนึ่งแล้วหันกลับไปอมยิ้มคนเดียว อันที่จริงหนุ่มสไตล์ตี๋ขาวสูง หล่อสะอาดสง่า สุภาพ น่ารัก ขี้เล่นแบบนี้ ถ้าไ
บทนำเพียงปลายนิ้วไล้แผ่วผ่าน กากี นางกายหอมที่ยังหลับใหลไม่ได้สติด้วยพิษไข้ก็สะดุ้งสะท้านไปทั้งตัว นวลผิวที่เคยขาวผุดผ่องละมุนละไม บอบบาง ชวนทะนุถนอม บัดนี้เต็มไปด้วยฟกช้ำจ้ำเขียว บางแห่งขีดข่วนฉีกขาดเห็นรอยเลือดซิบนั่นแค่เท่าที่เห็นจากภายนอก ใต้ผ้าผ่อนที่มองไม่เห็นนั่นจะอีกสักเท่าไหร่ คนธรรพ์หนุ่มคิด ร่องรอยของความเจ็บปวดพรายพราวไปทั่วร่าง น้ำตาหญิงสาวไหลหยดลงบนหมอนเป็นเม็ดใส ระยับราวเม็ดมณี ลาดไหล่สะท้านสะเทือนตามแรงสะอื้นนาฏกุเวรสั่นไปทั้งตัว ทั้งปวดร้าว เจ็บแค้น สงสารจนใจแทบขาดกากีเอ๋ย แก้วตาของพี่ เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย ตั้งแต่พระเจ้าพรหมทัตทูลขอทารกในดอกบัวจากพระดาบส มาถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูจนเติบโต ผลิบานเต็มสาว หอมงามสะพรั่ง งามอย่างที่นางสวรรค์องค์ไหนก็ไม่อาจเทียบเทียมได้ เนื้อนวลบอบบางน่าถนอมอย่างนี้ ทำไมต้องมาเจอคนเลวทรามกระทำเยี่ยงนี้ เพราะใจยึดมั่นกตัญญูต่อพระเจ้าพรหมทัตที่รักบูชายิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้าเท่านั้นหรอก ทำให้นาฏกุเวรเพียรพยายามหักห้ามใจตนเองเสมอมาทั้งที่เพลิงเสน่หาแผดเผาหัวใจแทบมอดไหม้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ต้องข่มไว้ ถ้อยนิดคำน้อยไม่เคยเอ่ยให้น้องระ
“สีฝุ่น” หญิงสาวหุ่นอวบ แก้มป่อง วัยเบญจเพส ผมหน้าม้าและรวบหางม้า นั่งสัปหงก อยู่ที่โต๊ะทำงานตามปกติของช่วงเวลาบ่ายอ่อนๆ กินข้าวเที่ยงมาอิ่มๆ ตบด้วยขนมกับชาไข่มุก เดินขึ้นมาเจอแอร์เย็นๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ไฉนเลยจะตาตื่นอยู่ได้ จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมแชทในโทรศัพท์มือถือ จึงสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เป็นข้อความในกลุ่มแชทจากแตงกวา เพื่อนในที่ทำงานเดียวกันนั่นเอง ต่างกันตรงที่ แตงกวาเป็นด่านหน้าธุรการกองบรรณาธิการ นั่งโต๊ะแรกสุด เพราะอย่างนั้นใครเปิดประตูเดินเข้ามาเธอจะเห็นก่อนเป็นคนแรก “ไอ้ฝุ่น คุณเปี๊ยกมาแล้ว ตื่นนนน” พร้อมสติ๊กเกอร์เป็นตัวการ์ตูนหัวกลมทำท่าเลิ่กลั่ก เห็นเจ้านายใหญ่สุดเฮี้ยบ ไม่ต้องรออะไรมากระตุ้น ทุกคนตาสว่าง ขยันขันแข็งกันทันที สีฝุ่นตื่นเต็มตา เปิดลิ้นชักข้างๆควานดินสอ ปากกา สมุดมาวางข้างๆ เปิดกางออก รีบคลิกหน้าจอพีซีให้ขึ้นอะไรสักอย่าง ลนลานรีบคลิกรัวๆแต่ก็ไม่มีอะไรขึ้นสักที มีแต่สกรีนเซฟเวอร์รูปลูกฟุตบอลสารพัดสีหมุนกลิ้งนวยนาดไปมา ใจเต้นตึกตักตามเสียงรองเท้าที่เดินใกล้เข้ามา ได้แต่ลุ้นให้คุณเปี๊ยกเด
เมื่อนึกถึงว่าพรุ่งนี้เช้า ต้องเข้าประชุมวางแผนงานสำหรับเดือนหน้า ช่วงบ่ายสีฝุ่นจึงเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้อ่านไลน์หรือสนใจมือถือ คอมพิว เตอร์ก็ไม่ได้เปิด เลยไม่รู้ว่ามีคนแอบทำคลิปล้อเลียนและ แชร์เรื่องเปิ่นของเธอไปทั่วโซเชียลเนตเวิร์ค ประกอบกับคุณเปี๊ยก เจ้านายใหญ่เดินเข้าๆออกๆออฟฟิศทั้งบ่าย เลยทำให้แตงกวา เพื่อนที่สนิทสนมที่สุดในที่ทำงานนี้และคอยเป็นต้นทาง เป็นสัญญาณนิรภัย ไม่กล้าลุกเดินมาบอกที่โต๊ะด้วยเวลาล่วงมาถึงห้าโมงเย็น เมื่อคุณเปี๊ยก เจ้านายใหญ่ประกาศ“เอ้า นี่ ทุกคน อย่าลืมนะ งานขอบคุณซัพพลายเออร์เริ่มคืนนี้ ทุ่มตรง ใครหิวตอนนี้ก็หาอะไรรองท้องไปก่อน อย่าลืมนะ ห้ามพลาด ท้ายงานมีจับสลากชิงรางวัลด้วย” เดินออกจากออฟฟิศไปตอนนั้นเอง สีฝุ่นที่เพิ่งอ่านกากีไปได้สองเวอร์ชั่นครึ่ง เหลือแค่ฉบับหนังสือที่เจ้านายย้ำนักย้ำหนา ว่าห้ามยับ ห้ามขาด ห้ามหาย ห้ามเปื้อน ก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจยาว หากระดาษใกล้มือที่สุดมาคั่นไว้แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเหยียดแขนขึ้นสุดมือ เอี้ยวซ้าย เอี้ยวขวา แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าคนเกือบทั้งออฟฟิศราว 20 กว่าชี
แค่คำพูดเรียบๆง่ายแต่อ่อนโยนของพี่ทศ ทำให้ทำนบน้ำตาของสีฝุ่นที่เก็บกักมาตลอดทั้งวันพังทลายลง เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น สะอึกสะอื้นไม่อาย เมื่ออยู่กับคนที่เธอรู้สึกว่าเปิดใจคุยได้ทุกเรื่องแบบนี้ เป็นอันว่าเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูด ไม่มีปัญหาขาดจานกระดาษหรือช้อนส้อมพลาสติกอะไรนั่นจริงๆหรอก “พี่เป็นห่วง คิดว่าฝุ่นคงรู้สึกแย่แน่ๆ ก็เลย อยากให้มีพื้นที่ลี้ภัยนิดนึงน่ะ” ชายหนุ่มบุคลิกนุ่มนวลพูดพลางยื่นกล่องกระดาษทิชชู่ให้ “ผ้าเช็ดหน้าก็มีนะ ซักสะอาดเรียบร้อย แต่พี่กลัวฝุ่นหาว่าพี่หลุดมาจากยุคบ้านทรายทอง” หญิงสาวขำพรืดออกมาอย่างสุดกลั้นจนน้ำมูกไหลออกมาเต็มกระดาษ ชายหนุ่มรุ่นพี่หัวเราะเอ็นดูแล้วก็หยิบกระดาษทิชชู่เพิ่มให้อีก เสียงหัวเราะที่ตามมาหลังจากนั้น ทำให้สีฝุ่นคลายความรู้สึกแย่ๆลงไปได้มากทีเดียว “ทีหลัง มีอะไรก็มาหาพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่น” พี่ทศว่า ขณะกำลังขับรถออกจากหน้าสวนสาธารณะ ใกล้เวลาแล้ว ทั้งคู่ต้องรีบกลับไปเข้างานเลี้ยงให้ทันก่อนที่เจ้านายจะมา สีฝุ่นอมยิ้ม ภูเขาลูกโตที่ทับอกอยู่เหมือนถูกทลายลงไปเมื่อครู่ “ข
มองออกไปที่ทิวทัศน์รอบสวนหย่อมได้ในตอนกลางวัน ตอนนี้ด้านนอกมืด แสงไฟจากบันไดตึกสาดส่องสว่างสีขาวนวล ทำให้สีฝุ่นเห็นเงาสะท้อนตัวเองได้ชัดเจนขึ้นไปอีก เออวะ สภาพแบบนี้ไง เขาถึงไม่เคยเหลียวแล ผมหน้าม้าเหมือนเด็กประถม หน้ากลมเหมือนหมู สมอย่างที่เขาว่าจริงๆ เสียงจากงานเลี้ยงดังมาจากด้านล่าง หญิงสาวถอนหายใจ รู้สึกอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า ที่ผ่านมาเธอพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมาตลอด เธอเฝ้าแต่คิดว่า แม้จะไม่สวย หากเป็นคนดีมีความสามารถ ในที่สุดก็จะเป็นที่ยอมรับจากทุกคนได้ คนอื่นๆจะเห็นคุณค่าของตัวเธอที่ข้างใน มากกว่าแค่ภายนอก แต่เรื่องในวันนี้กลับยืนยันกับเธอว่า มันไม่เคยเป็นอย่างนั้น จู่ๆไฟส่องสว่างก็กระตุกวูบดับลงไปครู่หนึ่ง เสียงวี้ดว้ายของสาวๆดังขึ้นมาจากข้างล่าง สีฝุ่นรีบคว้าราวบันไดยึดไว้แน่นในความมืด เมื่อแสงสว่างกลับมา แสงสว่างทำให้ต้องหยีตา สีฝุ่นเบิกตามองภาพที่เห็นตรงหน้า ตะลึงตะลาน กระจกตรงบันไดที่เคยสะท้อนภาพหญิงสาวร่างอวบเศร้าสร้อยเมื่อครู่ กลับปรากฏภาพหญิงสาวงดงามพิลาศ
ซินแสหวางว่าต่อ “เมื่อถูกนำมาคืนแล้ว นางก็ถูกจับมัดที่แพเสี่ยงทาย ลอยออกทะเลมาเพื่อทดสอบบุญญาธิการว่าจะยังคู่ควรรับใช้พระเจ้าเหนือหัวพรหมทัตหรือไม่ จนแพของนางลอยมาพบเรือเราเข้า” “สามีขับไสไล่ทิ้งลงทะเล ถ้าอย่างนี้ก็ถือว่านางเป็นหญิงม่ายน่ะสิ” พ่อบ้านกวงร้องด้วยความตกใจ “แบบนี้ยิ่งไม่เหมาะจะอยู่บนเรือเรา ดรุณีสาวแรกรุ่นไม่มีสามี ไม่มีเจ้าของ ยิ่งงามสะคราญกิริยาอาการและกลิ่นผิวกายนางยวนกามาเช่นนี้มากลุ่มบนเรือท่ามกลางบุรุษกลัดมันจำนวนมาก วันใดเกิดคนบนเรืออดรนทนไม่ได้ขึ้นมา มีหวังได้เกิดศึกชิงนาง ฆ่าฟันกันจนเรือแตกแน่ๆ” ต่างคนต่างมองหน้ากันท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบเรือและลมทะเลแผ่วผ่านเป็นระยะๆ ในห้องนอนเฉินอี้เฟิง สีฝุ่นในร่างกากีกำลังตื่นตาตื่นใจกับชั้นหนังสือของนายสำเภาหนุ่มรูปงาม “หนังสือเยอะมาก นายสำเภา ท่านเป็นนักอ่านหรือคะ ข้าก็ชอบอ่านเหมือนกัน” ชายหนุ่มยิ้ม “เรียกข้าว่าอี้เฟิงเถิด เราสนิทกันแล้ว” กากีชำเลืองตามามองนิดหนึ่งแล้วหันกลับไปอมยิ้มคนเดียว อันที่จริงหนุ่มสไตล์ตี๋ขาวสูง หล่อสะอาดสง่า สุภาพ น่ารัก ขี้เล่นแบบนี้ ถ้าไ
บนเรือไม่มีสตรีอื่นอีกนอกจากกากี ดังนั้นการจะช่วยเหลือนางอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับที่กากีเคยได้รับมาจากนางกำนัลพี่เลี้ยงหรือนางรับใช้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถึงกระนั้นเรื่องการดูแลรักษากากีกลับเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้เฉินอี้เฟิงลำบากใจแต่อย่างใด กลับดูยินดีปรีดาร่าเริงยิ่งนัก หลังส่งให้ลูกเรือไปช่วยกันหาอาหาร น้ำ และผลไม้ มาเตรียมไว้ให้นางแล้ว เขารีบสั่งไปช่วยลูกเรือค้นหาเสื้อผ้าอาภรณ์ในหีบสินค้าที่อาจติดมาเพื่อค้าขาย ได้ผ้าไหมจีนเนื้อดีและผ้าฝ้ายทอละเอียดเนียนนุ่ม สีสันสวยงามหลากหลายมาให้กากีไว้ผลัดใส่หลายพับวางไว้ให้นางที่ข้างม่าน พร้อมชามใบใหญ่ใส่น้ำอุ่นและผ้าผืนเล็กๆอีกผืนวางให้ “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียเถิดแม่นาง สวมเสื้อผ้าเปียกชุ่มน้ำทะเลเช่นนั้นนานนักจะเจ็บไข้เอาได้ ข้าไม่มีชุดสตรีบนเรือเลย แต่ก็เลือกผ้าพับงามๆมาให้เจ้าแล้ว เจ้าลองเลือกใช้ห่มพันกายดูเถิด เข็มกลัดก็มีไว้ให้พร้อมแล้ว” แสงที่ส่องมาจากหลังม่านอวดให้เห็นสรีระเปลือยเปล่าของนางทาบทับอยู่บนเนื้อผ้า สรีระของนางที่ควรนูนก็นูนเต่ง ที่ควรเว้าก็เว้าคอด แขนขาเรียวกลมกล
ผิวกายที่ต้องกระทบแสงแดดสว่างเจิดจ้าเรืองรองฉ่ำน้ำราวกับไข่มุกทะเลกลางมหาสมุทร เส้นผมตรงดำขลับเงางามเหมือนเส้นไหมยาวสยาย คิ้วงามเป็นรูปโค้งน้อยๆรับกับรูปตา ดวงตาเรียวโตงามดั่งลูกกวางหางตาช้อยเชิดเหมือนวาด แพงอนตาหนางอนงาม จมูกโด่งงอนจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สองปรางแดงปลั่งดั่งผลท้อจีน แลปากอวบอิ่มสีชมพูสดนั้นอีกเล่า ไม่ต้องพูดถึงเรือนร่างงดงามทุกสัดส่วน ถันแลสะโพกกลมกลึงดั่งปั้น เอวคอดกิ่ว ยิ่งกายนางเมื่อกระทบละอองน้ำทะเลจนอาภรณ์สีขาวเปียกฉ่ำแนบเนื้อเช่นนั้น กลิ่นกายหอมหวลยวนกามาของแม่งามแน่งน้อยกากีก็ยิ่งขจรขจายไปไกลจนได้กลิ่นกันทั่วทั้งเรือ ทั้งลูกเรือนายเรือทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งมาเกาะกราบเรือข้างนั้นจนเรือเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง หากเรือมิได้บรรทุกสินค้ามาด้วยจนเพียบเต็มลำเรือ แลอับเฉาท้องเรือหลายตัวคอยช่วยถ่วงน้ำหนัก เรือสำเภาจีนลำนี้คงพลิกคว่ำล่มลงไปแล้วเพราะพิษความงามของกากีแน่แท้ “เอ้า วิปลาสกันไปหมดแล้วหรือ ไต้ก๋งอยู่ไหนนี่” พ่อบ้านกวงที่เพิ่งหายจากอาการตกตะลึงรีบร้องเรียก ไต้ก๋งที่ก็มายืนเนียนจ้องนางโฉมงามอยู่ในหมู่ลูกเรือได้ยินเสียง
แม่เงือกน้อยรีบส่ายหน้า “ตายไม่ได้ค่ะ พี่สีฝุ่นตายไม่ได้” เธอว่า เสียงหวาน “อีกไม่นานก็จะพบเรือสำเภาแล้ว กระแสน้ำเปลี่ยนทิศนิดหน่อยเท่านั้นเอง สีฝุ่นอึ้งจนพูดแทบไม่ออก อะไรเนี่ย ในเรื่องกากีมีเงือกด้วยเหรอ แปลกไปแล้ว ต่อให้เป็นนิยายแฟนตาซีแบบนี้ก็เถอะ จะว่าเป็นตัวละครไร้บท ก็ไร้บทเสียจนไม่เคยปรากฏในเรื่องเลยด้วยซ้ำมั้ง แม่เงือกสาวยิ้มให้สีฝุ่นจนยาหยี ดูร่าเริงสดใสและท่าทางตื่นเต้นนิดๆ เธอขยับมานั่งใกล้ๆสีฝุ่นห้อยส่วนหางปลาบานใหญ่สีขาวเหมือนหางปลาทองลงจุ่มน้ำ สะบัดเล่นจนน้ำกระจายเป็นวง “ทำไมล่ะ ทำไมถึงตายไม่ได้ ยังไงเสีย คนที่มาที่นี่ก็มีแต่สองทาง คือออกไปทางหน้าสุดท้าย หรือไม่ก็หายไป มันก็เท่านั้นนี่” สีฝุ่น น้องเงือกน้อยแก้มแดงอมยิ้ม “พี่สีฝุ่นเล่นเป็นนางกากีได้เก่ง และฉลาดกว่าคนอื่นๆที่เคยหลุดเข้ามาที่นี่เยอะเลยค่ะ หนูละลุ้นระทึกทุกตอนเลย ตอนที่พานางกำนัลไร้นามเข้าไปร่วมหอด้วยอีกคนนี่แบบ โอ้โห คิดได้ไงเนี่ย เพราะงั้นพี่สีฝุ่นห้ามตายนะคะ หนูเป็นแฟนคลับนิยายกากี แอบฟังพวกมนุษย์ตัวประกอบไม่มีบทพูดเรื่องเล่าของพี่มานานแล้ว เมื่
“ขอบคุณพี่เอื้องผาที่เมตตานำสารนี้มาบอกข้า แต่หากมีโอกาสฝากไปบอกเขาด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าข้าไม่ต้องการให้เขาช่วย และไม่ต้องการให้เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆของตัวข้าอีกแล้ว” ทว่า นาฏกุเวรเองก็ไม่มีโอกาสเช่นนั้น เนื่องจากรุ่งเช้าต่อมา นางกากีก็ถูกลากตัวจากที่นอน และจับผลัดผ้าเป็นชุดนุ่งขาวห่มขาวเพื่อเข้าพิธีกรรมเสี่ยงทายตามความเชื่อ ใครบางคนว่า เวลาของพิธีกรรมถูกเลื่อนให้เร็วที่สุดเพราะมีข่าวระแคะระคายว่าจะมีคนมาชิงตัวช่วยกากีนั่นเอง และเมื่อแดดแรกของวันมาถึง กากีก็ถูกจับขึ้นไปนั่งกลางแพไม้ที่มีเสาหลักอยู่ตรงกลางแพ และให้นั่งกอดเสา มัดมือติดกับเสาเอาไว้ ท่ามกลางสายตาชาวเมืองพาราณสีที่พากันมามุงดูชะตากรรมอันน่าเวทนาของอดีตพระมเหสีแน่นขนัดเต็มริมชายหาด เสียงพูดคุยอุทานเซ็งแซ่ถึงความงามเหนือคำพรรณนาของนางกากี แม้ไร้เครื่องประดับตกแต่งใดๆก็ยังงามผุดผ่องราวหยาดจากสวรรค์ ผิวพรรณส่องสว่างเรืองรองวาวฉ่ำดั่งประกายไข่มุก คิ้วได้รูปเป็นดั่งมงกุฎพักตรา เหนือดวงตาลูกกวางน้อย ขนตางอนหนาพลิกพลิ้ว ปากอวบอิ่มเม้มแล้วคลายออก อกตึงปลั่ง เอวคอด สะโพกกลมผาย เรียวขางามกลม
เมื่อเนื้อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว สีฝุ่นในร่างนางกากีผู้เลอโฉม ระทมตรมทุกข์เสียจนไม่มีแก่ใจจะสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเสียแล้ว รักแรกรักแท้ที่เธอเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูในหัวใจมาหลายปี ในโลกของเธอนอกจากเขาจะไม่เคยชายตามอง เขายังประกาศแต่งงานกับคนอื่นไปโดยแทบไม่เคยเห็นว่าเธอมีตัวตน อุตส่าห์ได้มาสมหวังสมรักกันที่นี่ ในโลกแฟนตาซีเรื่องกากีนี้ ก็มีอันต้องพลัดพรากจากกันไปตามท้องเรื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก สีฝุ่นหัวใจสลาย หมดจิตหมดใจจะดิ้นรนต่อสู้อะไรเพื่อตัวเองอีก มันคงถูกต้องแล้ว มันคงเป็นเช่นนั้น คนที่แพ้อย่างเธอ ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็ไม่มีวันได้สมรัก ไม่มีวันได้อยู่กับคนที่รัก แม้จะสวยเลิศเลอเฟอร์เฟคไร้ที่ติ อย่างนางกากีเนื้อหอม ไม่มีทางหาข้ออ้างอะไรได้อีกแล้ว เสียงหึ่งๆของผู้คนพูดคุยดังรอบตัวเธอขณะนั่งเท้าแขนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพื้นท้องพระโรง น้ำตาร่วงหล่นลงบนพื้นพรมผ้าทอสีแดงเลื่อมทองลวดลายวิจิตรจนเปียกเป็นหย่อมๆ เลือนรางคล้ายเหนือหัวพรหมทัตเข้ามาประกองกายให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูก ใครว่าอะไรบ้างก็ไม่ได้ยินชัดถนัดนักในเวลาอย่างนี้ แต่การณ์ก
ว่าแล้วพญาครุฑหนุ่มก็เริ่มฉุดกระชากลากแขนนางไปยังทางออกวิมาน ส่วนกากีผู้เลอโฉมตอนนี้ดวงใจบอบช้ำยับเยินจากถ้อยคำที่กรีดแทงเหล่านั้นจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง ทิ้งตัวลงกอดขาสวามียอดรักเอาไว้แน่น สัญชาตญาณของคนที่กำลังจะสูญเสียทำให้เธอไม่คิดถึงทางออกอื่นอีก นอกจากจะยื้อรั้งช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด “พี่นภคนดี ท้าวเวนไตยยอดรัก สวามีแห่งข้า หากท่านโกรธแค้นข้าถึงเพียงนั้น สู้ฉีกเนื้อเถือหนังข้าเสียให้ตายลงตอนนี้เลยยังจะดีเสียกว่า ข้ายอมตาย ยอมตายด้วยน้ำมือของคนที่รักบูชาที่สุด ยอมตายอยู่ในวิมานที่เราเคยได้สร้างรังรักร่วมกันนี้ ดีกว่าให้กลับไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ข้าชังจนไม่หมายเห็นหน้าค่าตากันอีก” นางสะอื้นตัวโยน ต้นแขนแดงก่ำเป็นรอยนิ้วและรอยเล็บจิก บุรุษหนุ่มแห่งหิมพานต์ก้มลงหมายจะสะบัดขาไล่นางออกให้พ้น แต่เมื่อได้สบตา เห็นใบหน้างามแช่มช้อยเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตากลมโตสุกใสดั่งลูกกวางน้อยหรี่แสงลง แผงขนตางอนงามชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตา สองปรางแดงก่ำด้วยช้ำชอกใจ ปากสั่นระริก เหงื่อนางไหลซึมไปทั่งร่างด้วยความหวาดกลัว องค์เวนไตยก็หัวใจอ่อนยวบลงทันที
นางวิหครับใช้เอื้อมมือมาประคองมือของกากีให้เข้ามาแนบกับท้องของตน มีความเคลื่อนไหวเบาบางของบางสิ่งอยู่ในนั้น อาจไม่ถึงกับเหมือนเด็กเตะ หรือตัวอะไรดิ้น แต่เธอก็รับรู้ได้ สกุณีมีครรภ์แล้วจริงๆ “โอรสของคีตเทพเจ้าค่ะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ฝัน ท้าวเวนไตยก็ไม่เชื่อ เทวะมาอุ้มข้าไปร่วมสมจริงๆ ซ้ำยังมอบโอรสเทพให้ข้าอุ้มท้องด้วย ชาติกำเนิดของบุตรข้าไม่ใช่ลูกนกทั่วไป คงไม่อยากเติบโตในเปลือกไข่ จึงกำเนิดในครรภ์ข้าเป็นตัวอ่อนรอกำเนิด ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะคลอดและเลี้ยงเขาให้ต่างจากลูกปักษีอย่างไร แต่ข้ารักลูกข้าเหลือเกิน” ใบหน้ายิ้มแย้มของนางทำให้กากีอดเอ็นดูไม่ได้ โถ แม่เด็กน้อยเอ๋ย ซื่อแท้ๆ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว กากีจึงยังไม่กล้าเล่าว่า บุตรในครรภ์ของนางเป็นบุตรของนาฏกุเวรคนธรรพ์จอมเจ้าเล่ห์ ที่ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งเทวะ และมีเวทย์มนต์กลคาถามากมาย แต่ก็หาใช่คีตเทพตัวจริงจากสวรรค์ดั่งที่นางเข้าใจ ซ้ำยังเพียงใช้นางสกุณีเป็นทางผ่านเพื่อให้เข้ามาถึงตัวกากีได้ หญิงสาวผู้เลอโฉมยิ้มเอ็นดู “บุตรของเจ้าช่างมีบุญแท้ ได้มาเป็นลูกของแม่สกุณีน่ารักเช่นเจ้า ต่อไปขอให้เขาได
ในเช้าวันที่พญาครุฑหนุ่มร่างกำยำท้าวเวนไตยผู้เป็นใหญ่แห่งหิมพานต์บินออกจากวิมานฉิมพลีไปในรุ่ง มิทันถึงราตรีสีฝุ่นหรือในร่างแม่งามกากี หญิงสาวเลอโฉมหยาดฟ้าด้วยชาติกำเนิดกึ่งเทพธิดาก็ได้ประจักษ์แก่ใจตน ว่าเนื้อเรื่องทางพาราณสีได้ดำเนินไปตามครรลองของมันแล้วโดยเธอไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้ ชะตากรรมตามท้องเรื่องทำให้เธอตกที่นั่งลำบากอย่างยากจะหาทางแก้ไขเสียแล้ว หญิงสาวนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ป่าหิมพานต์ที่งดงามวิจิตร แลไกลสุดลูกหูลูกตาแสงสีประหลาดสวยสดในยามสนธยา ท้องฟ้าเป็นสีแดงส้ม ตกกระทบระยิบผิวน้ำของมหาสมุทรที่ไกลออกไปแต่ยังพอมองเห็น นี่คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้อยู่ชื่นชมที่นี่ ผนังห้องนอนส่วนทึบที่บุด้วยวัตถุประหลาดสีขาวเหลื่อมลายรุ้ง ตอนนั้นสะท้อนเหลื่อมรุ้งวาววามเจือส้มทองมากขึ้น พี่นภของสีฝุ่น... ธอครวญในใจ แม้ใจหนึ่งจะนึกทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเรื่องต้องมาถึงตอนนี้ ต้องตัดใจเพื่อให้เธอได้มีโอกาสออกไปจากหนังสือนิทานคำกลอนกากีได้อย่างปลอดภัย และมีโอกาสได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในโลกที่เธอจากมา แต่การจะตัดใจห่างจากเขาทั้งที่เคยได้ใกล้ชิดสนิทเส