นางดันสองปทุมแนบชิดโอบรอบท่อนเนื้อ สบตามั่นคง แล้วเริ่มขยับรูดขึ้นสุดลงสุดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ปลายท่อนเนื้อเบ่งบานสีชมพูสดมุดผลุบโผล่เข้าออกที่หว่างถันนางดั่งปลาใหญ่ตัวกำลังมุดหาทางเข้าถ้ำ เมื่อโผล่เกินออกมาจากหว่างอก ริมฝีปากสีแดงงามด้วยแต้มชาดก็ฉกวาบดูดเข้าปากเหมือนแกล้งเย้า ยิ่งเพิ่มความเสียวกระสันต์ตื่นใจมากขึ้นไปอีก บุรุษหนุ่มบิดกายเกร็งเขม็งเสียวซ่านทั้งช่วงล่าง พยายามดึงตัวนางขึ้นมาเพื่อปลดกำหนัดดั่งเคยด้วยความฉ่ำชุ่มนุ่มลื่นของซอกส่วนล้ำค่าที่นางเคยมอบให้ “มาเถิดแม่แก้วคนดี มาให้พี่เสพสมเสียบสอดเจ้าให้ได้ครวญครางข้างหูพี่ดั่งเคย พี่จะทำให้เจ้าสบายตัวยิ่งกว่าทุกครั้ง” นางหญิงอรชรที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนอมยิ้ม ส่ายหน้า “ไม่ วันนี้เจ้าต้องอยู่เฉยๆ รับบทอาชาให้ข้าควบขี่บดสีขยี้จนกว่าจะหลั่งน้ำรัก บุปผากลีบเนื้อของข้าจะดูดกินน้ำหวานจากดุ้นเนื้อนุ่มหวานของเจ้าจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรงข้าจึงจะพอใจ” ว่าพลางนางยันตัวลุกขึ้น คลานขึ้นมาด้านบน เอื้อมคว้าแก่นเนื้อที่แข็งเขม็งเกร็งอยู่ มาลากถูไถวนรอบปริมณฑลซอกสงวนที่กำลังลื่นนุ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำรักลื่นเห
ในเช้าวันที่พญาครุฑหนุ่มร่างกำยำท้าวเวนไตยผู้เป็นใหญ่แห่งหิมพานต์บินออกจากวิมานฉิมพลีไปในรุ่ง มิทันถึงราตรีสีฝุ่นหรือในร่างแม่งามกากี หญิงสาวเลอโฉมหยาดฟ้าด้วยชาติกำเนิดกึ่งเทพธิดาก็ได้ประจักษ์แก่ใจตน ว่าเนื้อเรื่องทางพาราณสีได้ดำเนินไปตามครรลองของมันแล้วโดยเธอไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้ ชะตากรรมตามท้องเรื่องทำให้เธอตกที่นั่งลำบากอย่างยากจะหาทางแก้ไขเสียแล้ว หญิงสาวนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ป่าหิมพานต์ที่งดงามวิจิตร แลไกลสุดลูกหูลูกตาแสงสีประหลาดสวยสดในยามสนธยา ท้องฟ้าเป็นสีแดงส้ม ตกกระทบระยิบผิวน้ำของมหาสมุทรที่ไกลออกไปแต่ยังพอมองเห็น นี่คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้อยู่ชื่นชมที่นี่ ผนังห้องนอนส่วนทึบที่บุด้วยวัตถุประหลาดสีขาวเหลื่อมลายรุ้ง ตอนนั้นสะท้อนเหลื่อมรุ้งวาววามเจือส้มทองมากขึ้น พี่นภของสีฝุ่น... ธอครวญในใจ แม้ใจหนึ่งจะนึกทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเรื่องต้องมาถึงตอนนี้ ต้องตัดใจเพื่อให้เธอได้มีโอกาสออกไปจากหนังสือนิทานคำกลอนกากีได้อย่างปลอดภัย และมีโอกาสได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในโลกที่เธอจากมา แต่การจะตัดใจห่างจากเขาทั้งที่เคยได้ใกล้ชิดสนิทเส
นางวิหครับใช้เอื้อมมือมาประคองมือของกากีให้เข้ามาแนบกับท้องของตน มีความเคลื่อนไหวเบาบางของบางสิ่งอยู่ในนั้น อาจไม่ถึงกับเหมือนเด็กเตะ หรือตัวอะไรดิ้น แต่เธอก็รับรู้ได้ สกุณีมีครรภ์แล้วจริงๆ “โอรสของคีตเทพเจ้าค่ะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ฝัน ท้าวเวนไตยก็ไม่เชื่อ เทวะมาอุ้มข้าไปร่วมสมจริงๆ ซ้ำยังมอบโอรสเทพให้ข้าอุ้มท้องด้วย ชาติกำเนิดของบุตรข้าไม่ใช่ลูกนกทั่วไป คงไม่อยากเติบโตในเปลือกไข่ จึงกำเนิดในครรภ์ข้าเป็นตัวอ่อนรอกำเนิด ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะคลอดและเลี้ยงเขาให้ต่างจากลูกปักษีอย่างไร แต่ข้ารักลูกข้าเหลือเกิน” ใบหน้ายิ้มแย้มของนางทำให้กากีอดเอ็นดูไม่ได้ โถ แม่เด็กน้อยเอ๋ย ซื่อแท้ๆ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว กากีจึงยังไม่กล้าเล่าว่า บุตรในครรภ์ของนางเป็นบุตรของนาฏกุเวรคนธรรพ์จอมเจ้าเล่ห์ ที่ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งเทวะ และมีเวทย์มนต์กลคาถามากมาย แต่ก็หาใช่คีตเทพตัวจริงจากสวรรค์ดั่งที่นางเข้าใจ ซ้ำยังเพียงใช้นางสกุณีเป็นทางผ่านเพื่อให้เข้ามาถึงตัวกากีได้ หญิงสาวผู้เลอโฉมยิ้มเอ็นดู “บุตรของเจ้าช่างมีบุญแท้ ได้มาเป็นลูกของแม่สกุณีน่ารักเช่นเจ้า ต่อไปขอให้เขาได
ว่าแล้วพญาครุฑหนุ่มก็เริ่มฉุดกระชากลากแขนนางไปยังทางออกวิมาน ส่วนกากีผู้เลอโฉมตอนนี้ดวงใจบอบช้ำยับเยินจากถ้อยคำที่กรีดแทงเหล่านั้นจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง ทิ้งตัวลงกอดขาสวามียอดรักเอาไว้แน่น สัญชาตญาณของคนที่กำลังจะสูญเสียทำให้เธอไม่คิดถึงทางออกอื่นอีก นอกจากจะยื้อรั้งช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด “พี่นภคนดี ท้าวเวนไตยยอดรัก สวามีแห่งข้า หากท่านโกรธแค้นข้าถึงเพียงนั้น สู้ฉีกเนื้อเถือหนังข้าเสียให้ตายลงตอนนี้เลยยังจะดีเสียกว่า ข้ายอมตาย ยอมตายด้วยน้ำมือของคนที่รักบูชาที่สุด ยอมตายอยู่ในวิมานที่เราเคยได้สร้างรังรักร่วมกันนี้ ดีกว่าให้กลับไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ข้าชังจนไม่หมายเห็นหน้าค่าตากันอีก” นางสะอื้นตัวโยน ต้นแขนแดงก่ำเป็นรอยนิ้วและรอยเล็บจิก บุรุษหนุ่มแห่งหิมพานต์ก้มลงหมายจะสะบัดขาไล่นางออกให้พ้น แต่เมื่อได้สบตา เห็นใบหน้างามแช่มช้อยเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตากลมโตสุกใสดั่งลูกกวางน้อยหรี่แสงลง แผงขนตางอนงามชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตา สองปรางแดงก่ำด้วยช้ำชอกใจ ปากสั่นระริก เหงื่อนางไหลซึมไปทั่งร่างด้วยความหวาดกลัว องค์เวนไตยก็หัวใจอ่อนยวบลงทันที
เมื่อเนื้อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว สีฝุ่นในร่างนางกากีผู้เลอโฉม ระทมตรมทุกข์เสียจนไม่มีแก่ใจจะสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเสียแล้ว รักแรกรักแท้ที่เธอเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูในหัวใจมาหลายปี ในโลกของเธอนอกจากเขาจะไม่เคยชายตามอง เขายังประกาศแต่งงานกับคนอื่นไปโดยแทบไม่เคยเห็นว่าเธอมีตัวตน อุตส่าห์ได้มาสมหวังสมรักกันที่นี่ ในโลกแฟนตาซีเรื่องกากีนี้ ก็มีอันต้องพลัดพรากจากกันไปตามท้องเรื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก สีฝุ่นหัวใจสลาย หมดจิตหมดใจจะดิ้นรนต่อสู้อะไรเพื่อตัวเองอีก มันคงถูกต้องแล้ว มันคงเป็นเช่นนั้น คนที่แพ้อย่างเธอ ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็ไม่มีวันได้สมรัก ไม่มีวันได้อยู่กับคนที่รัก แม้จะสวยเลิศเลอเฟอร์เฟคไร้ที่ติ อย่างนางกากีเนื้อหอม ไม่มีทางหาข้ออ้างอะไรได้อีกแล้ว เสียงหึ่งๆของผู้คนพูดคุยดังรอบตัวเธอขณะนั่งเท้าแขนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพื้นท้องพระโรง น้ำตาร่วงหล่นลงบนพื้นพรมผ้าทอสีแดงเลื่อมทองลวดลายวิจิตรจนเปียกเป็นหย่อมๆ เลือนรางคล้ายเหนือหัวพรหมทัตเข้ามาประกองกายให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูก ใครว่าอะไรบ้างก็ไม่ได้ยินชัดถนัดนักในเวลาอย่างนี้ แต่การณ์ก
“ขอบคุณพี่เอื้องผาที่เมตตานำสารนี้มาบอกข้า แต่หากมีโอกาสฝากไปบอกเขาด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าข้าไม่ต้องการให้เขาช่วย และไม่ต้องการให้เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆของตัวข้าอีกแล้ว” ทว่า นาฏกุเวรเองก็ไม่มีโอกาสเช่นนั้น เนื่องจากรุ่งเช้าต่อมา นางกากีก็ถูกลากตัวจากที่นอน และจับผลัดผ้าเป็นชุดนุ่งขาวห่มขาวเพื่อเข้าพิธีกรรมเสี่ยงทายตามความเชื่อ ใครบางคนว่า เวลาของพิธีกรรมถูกเลื่อนให้เร็วที่สุดเพราะมีข่าวระแคะระคายว่าจะมีคนมาชิงตัวช่วยกากีนั่นเอง และเมื่อแดดแรกของวันมาถึง กากีก็ถูกจับขึ้นไปนั่งกลางแพไม้ที่มีเสาหลักอยู่ตรงกลางแพ และให้นั่งกอดเสา มัดมือติดกับเสาเอาไว้ ท่ามกลางสายตาชาวเมืองพาราณสีที่พากันมามุงดูชะตากรรมอันน่าเวทนาของอดีตพระมเหสีแน่นขนัดเต็มริมชายหาด เสียงพูดคุยอุทานเซ็งแซ่ถึงความงามเหนือคำพรรณนาของนางกากี แม้ไร้เครื่องประดับตกแต่งใดๆก็ยังงามผุดผ่องราวหยาดจากสวรรค์ ผิวพรรณส่องสว่างเรืองรองวาวฉ่ำดั่งประกายไข่มุก คิ้วได้รูปเป็นดั่งมงกุฎพักตรา เหนือดวงตาลูกกวางน้อย ขนตางอนหนาพลิกพลิ้ว ปากอวบอิ่มเม้มแล้วคลายออก อกตึงปลั่ง เอวคอด สะโพกกลมผาย เรียวขางามกลม
แม่เงือกน้อยรีบส่ายหน้า “ตายไม่ได้ค่ะ พี่สีฝุ่นตายไม่ได้” เธอว่า เสียงหวาน “อีกไม่นานก็จะพบเรือสำเภาแล้ว กระแสน้ำเปลี่ยนทิศนิดหน่อยเท่านั้นเอง สีฝุ่นอึ้งจนพูดแทบไม่ออก อะไรเนี่ย ในเรื่องกากีมีเงือกด้วยเหรอ แปลกไปแล้ว ต่อให้เป็นนิยายแฟนตาซีแบบนี้ก็เถอะ จะว่าเป็นตัวละครไร้บท ก็ไร้บทเสียจนไม่เคยปรากฏในเรื่องเลยด้วยซ้ำมั้ง แม่เงือกสาวยิ้มให้สีฝุ่นจนยาหยี ดูร่าเริงสดใสและท่าทางตื่นเต้นนิดๆ เธอขยับมานั่งใกล้ๆสีฝุ่นห้อยส่วนหางปลาบานใหญ่สีขาวเหมือนหางปลาทองลงจุ่มน้ำ สะบัดเล่นจนน้ำกระจายเป็นวง “ทำไมล่ะ ทำไมถึงตายไม่ได้ ยังไงเสีย คนที่มาที่นี่ก็มีแต่สองทาง คือออกไปทางหน้าสุดท้าย หรือไม่ก็หายไป มันก็เท่านั้นนี่” สีฝุ่น น้องเงือกน้อยแก้มแดงอมยิ้ม “พี่สีฝุ่นเล่นเป็นนางกากีได้เก่ง และฉลาดกว่าคนอื่นๆที่เคยหลุดเข้ามาที่นี่เยอะเลยค่ะ หนูละลุ้นระทึกทุกตอนเลย ตอนที่พานางกำนัลไร้นามเข้าไปร่วมหอด้วยอีกคนนี่แบบ โอ้โห คิดได้ไงเนี่ย เพราะงั้นพี่สีฝุ่นห้ามตายนะคะ หนูเป็นแฟนคลับนิยายกากี แอบฟังพวกมนุษย์ตัวประกอบไม่มีบทพูดเรื่องเล่าของพี่มานานแล้ว เมื่
ผิวกายที่ต้องกระทบแสงแดดสว่างเจิดจ้าเรืองรองฉ่ำน้ำราวกับไข่มุกทะเลกลางมหาสมุทร เส้นผมตรงดำขลับเงางามเหมือนเส้นไหมยาวสยาย คิ้วงามเป็นรูปโค้งน้อยๆรับกับรูปตา ดวงตาเรียวโตงามดั่งลูกกวางหางตาช้อยเชิดเหมือนวาด แพงอนตาหนางอนงาม จมูกโด่งงอนจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สองปรางแดงปลั่งดั่งผลท้อจีน แลปากอวบอิ่มสีชมพูสดนั้นอีกเล่า ไม่ต้องพูดถึงเรือนร่างงดงามทุกสัดส่วน ถันแลสะโพกกลมกลึงดั่งปั้น เอวคอดกิ่ว ยิ่งกายนางเมื่อกระทบละอองน้ำทะเลจนอาภรณ์สีขาวเปียกฉ่ำแนบเนื้อเช่นนั้น กลิ่นกายหอมหวลยวนกามาของแม่งามแน่งน้อยกากีก็ยิ่งขจรขจายไปไกลจนได้กลิ่นกันทั่วทั้งเรือ ทั้งลูกเรือนายเรือทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งมาเกาะกราบเรือข้างนั้นจนเรือเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง หากเรือมิได้บรรทุกสินค้ามาด้วยจนเพียบเต็มลำเรือ แลอับเฉาท้องเรือหลายตัวคอยช่วยถ่วงน้ำหนัก เรือสำเภาจีนลำนี้คงพลิกคว่ำล่มลงไปแล้วเพราะพิษความงามของกากีแน่แท้ “เอ้า วิปลาสกันไปหมดแล้วหรือ ไต้ก๋งอยู่ไหนนี่” พ่อบ้านกวงที่เพิ่งหายจากอาการตกตะลึงรีบร้องเรียก ไต้ก๋งที่ก็มายืนเนียนจ้องนางโฉมงามอยู่ในหมู่ลูกเรือได้ยินเสียง
แม่ของเธอยิ้มกว้าง ดวงตาสดชื่น ความสุขแผ่เต็มใบหน้าแม้ร่างกายจะซูบผอมหลังจากต้องเฝ้าไข้เธอมายาวนาน เอ่ยตอบน้ำตาคลอ “ให้อ้วนเป็นช้างแม่ก็เลี้ยงไหว ขอแค่ลูกแม่ปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปอีกก็พอแล้ว” แตงกวาถลามาถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะพบว่า โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงต้องนั่งอยู่ที่ด้านล่างของโรงพยาบาล แล้ววิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรัก “แก สรุปเรื่องตอนนั้นที่แกกลับมาในร่างนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ท น่ะ เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝัน ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงกวาถาม หลังจากเห็นเพื่อนสบายดีแล้ว และกำลังกินเอแคล์รที่เธอซื้อมาฝากผู้ช่วยพยาบาลไปเยี่ยม “อืม แกไม่ได้บ้า แต่เรื่องแบบนี้ เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ลืมๆไปเหอะ” สีฝุ่นพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อาการหลังผ่าตัดเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วหมออนุญาตให้กินอาหารได้ตามปกติ นั่นคือข่าวดีที่สุดของเธอ “จะว่าไป แกเสียดายบ้างไหมวะ ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสวยเริ่ดเหมือนนางฟ้าแบบนั้นแล้ว” เพื่อนสาวถามตาเคลิ้มๆ “ฉันยังอยากได้เลยแก สิบล้านค่าหมอผ่าไม่รู้จะพอไหมให้ได้สักครึ่งนั่น” สีฝุ่นตอบแบบไม่ลัง
ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้กากี เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้ารักเจ้า ข้ารักลูกของเรา เจ้าห้ามตาย ข้าจะรักษาเจ้ากากี ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรอดให้ได้” กากีคลี่ยิ้ม คำรักนั้นอ่อนหวานนัก ช่างอบอุ่นและจริงใจยิ่ง เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานคล้ายมีดอกไม้ทิพย์กลีบบอบบางกลิ่นหอมละมุนบานสะพรั่งอยู่ในอกตน นางคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย “ข้าก็รักเจ้า กาฬปักษี ข้ารักเจ้า” หลังจากนั้นร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ นางกระตุกเฮือก ไขว่คว้าเอามือหนานุ่มแสนอบอุ่นนั้นมาแนบที่ใบหน้าก่อนที่หยาดน้ำตาสุดท้ายจะไหลรินลงบนมือนั้น เป็นความอบอุ่นสุดท้ายก่อนชีพนางจะดับลง ฝ่ายนาฏกุเวร แบกดวงใจอันปวดร้าวเดินทางกลับพาราณสี ทุกข์โทมนัสด้วยความสิ้นหวัง กากี แม่งามเอ๋ย ยอดดวงใจพี่ นางในดวงใจที่เฝ้าถนอมรักไว้ใจดวงใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับรัก แม้หักหาญราญเอากายนางเป็นเมีย ปรนนิบัตินางด้วยกามวิเศษ แม้หมายจะเชิดชูให้นางเป็นถึงมเหสีเอก นางก็กลับไม่สนใจ ซ้ำรังเกียจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยรังเกียจ กล้ากระทั่งทำให้ตนเองพิการอัปลักษณ์เพื่อคนไร้
บรรดาเหล่าพลธนูทั้งนั้นที่มาด้วย เห็นกระจะตาแล้วว่ากากีกำลังท้องแก่จึงเกิดความเวทนา ต่างลังเลไม่กล้ายิง แต่เมื่อถูกสั่งซ้ำโดยหัวหน้านายกอง จึงได้แต่ฝืนยิงอย่างไม่เต็มใจนักกาฬปักษีด้วยความที่หูตาไว ได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศก็รีบโอบกากีหลบซุกกับอกตน หันหลังรับลูกธนูแทนนางไปทุกดอก ธนูแต่ละดอกถูกยิงมาโดยไม่เต็มใจ จึงเข้าเป้าอย่างไม่แม่นยำนัก ถูกแขนขาเอาบ้าง ตกลงพื้นบ้าง ทว่าดอกหนึ่งปักทะลุเข้าที่แผ่นหลังตรงอกหมอกาฬปักษีจนเจ็บปลาบ จุกแน่นหายใจไม่เข้า ทรุดลงนั่งกับพื้นกากีกรีดร้อง ร่ำเรียกชื่อชายคนรักสะอึกสะอื้น พยายามคิดหาหนทางรักษากาฬปักษี แต่ก็คิดไม่ออก ได้แต่กอดร่างชายคนรักที่ใกล้จะหมดสติร้องไห้อยู่อย่างนั้น เคราะห์กรรมซ้ำซัด ครรภ์แก่นั้นถึงกำหนดคลอด พิษครรภ์ต่างสายพันธุ์ทำให้ธาตุไฟปั่นป่วนทั่วร่างกายของกากี แสบร้อนไปสิ้นทั้งภายในภายนอก ปวดหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจร้อนผ่าว ดวงตาขาวเริ่มมีเส้นเลือดแตกหลายเป็นสีแดงฉาน หัวใจของนางอยู่ที่การช่วยคนรักเท่านั้น นางจึงฝืนร่างกาย วิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน คว้ามีดได้ ก็กลับลงมาใช้กำลังที่เหลือ ดันลูกธนูให้ทะลุออก แล้วตัด
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ พระอาทิตย์กำลังทอแสงสุดท้าย พระเจ้านาฏกุเวรก็มาถึงอาศรมของหมอเทวดากาฬปักษี กำลังพลต่างโอบล้อมอยู่ห่างๆ ส่วนตัวคนธรรพ์ลงจากหลังม้าเดินเข้าไปคนเดียว กากีและกาฬปักษีได้ยินเสียงม้ามาแต่ไกล แต่ไม่ได้เอะใจว่าอาจเป็นผู้ที่นำอันตรายมาให้เข้าใจว่าเป็นผู้ทุกข์จะมาขอความช่วยเหลือรักษาโรค จึงไม่ได้หนีไปทางไหนได้แต่เตรียมหยูกยาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน นาฏกุเวรเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆสวมชุดดำอยู่คู่กัน ร่างอรชรนั้น ต้องเป็นกากีไม่ผิดแน่ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น “กากี พี่มาแล้ว” นาฏกุเวรร้องเรียกเสียงสั่น กากีที่โพกผ้าคลุมหัวปิดใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งเย็นวาบจากท้ายทอยไปถึงเท้า เพราะจำได้ดีว่านั่นคือเสียงใคร นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจหวาดหวั่น กาฬปักษีเงยหน้าขึ้นดูด้วยดวงตาข้างที่ได้มาจากกากี เมื่อเห็นบุรุษรูปกายงามราวเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ เสียงไพเราะอ่อนหวาน และเครื่องทรงทองอร่ามสว่างไสวไปหมดทั้งตัวก็นึกรู้ได้ทันที “พระเจ้านาฏกุเวรหรือนั่น” เขารำพึงพลางรีบดึงตัวกากีให้ถอยไปอยู่ด้านหลังตน พระเจ้านาฏกุเวรตวาด
แม้แต่ตัวนางกากีเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยดั่งว่านี่เป็นประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของตน ตื่นใจ อ่อนหวาน หวั่นไหว ยิ่งเมื่อทั้งสองเริ่มช่วยกันเคลื่อนกายไหวโยก ขยับส่ายสับสะโพก เสือกท่อนเอ็นขนาดเขื่องเคลื่อนเข้า ออกในกายนาง แต่ละครั้งที่ดึงออกแทบถ่ายถอน ก่อนเหวี่ยงสับกระชับ เผียะลงมา ทำเอานางผวาใจแทบหยุดเต้น ปากแนบปาก นมแนบนม ท้องแนบท้อง ในอาณาเขตถ้ำทอง เสียงผิวเนื้อเปียกแฉะด้วยน้ำหล่อลื่นกระทบกันดั่งคนปรบมือถี่กระชั้น สองมือหนานุ่มเกาะยึดสะโพกอรชรไว้แน่น โถมร่างเข้าไปในกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ปทุมถันขาวปลั่งสว่างไสวเคลื่อนไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะยิ่งเร้ากำหนัดให้พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลพลั่งดั่งจะขาดใจ หยาดเหงื่อร้อนฉ่าไหลหยดลงบนท้องน้อยของนางแน่งน้อยกากีที่กำลังผวาเฮือกฮุบความสุข วินาทีถัดจากนั้น หมอหนุ่มกาฬปักษีก็พาตนไปถึงที่สุดแห่งกาม คำรามครางในลำคอเสียงแหบพร่า ปล่อยน้ำรักขุ่นข้นเหนียวลื่นพุ่งเท้าเต็มท้องน้อยแม่โฉมงามร่างอรชรที่นอนระทวยอยู่เบื้องล่างตน ด้วยสัญชาตญาณประหลาดของสตรี กากีรู้สึกว่า การร่วมเสพสังวาสกับหมอกาฬปักษี หนุ่มน่ารักใจดีคนนี้ เป็นมากกว่า
นหนึ่งขณะฝนตกหนัก แม่งามกากีวิ่งออกไปเก็บกระจาดสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ หมอหนุ่มกาฬปักษีก็แสร้งรีบตามออกไปบ้าง แสร้งลื่นล้มจนเสื้อผ้าเลอะเทอะดินโคลนและเปียกปอนน่าสงสาร กากีเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองขึ้น “จะวิ่งออกมาทำไมกัน สมุนไพรพวกนี้จะมีค่าเทียบเท่าเจ้าหรือก็หาไม่ มารีบเข้าอาศรมเถิด ข้าจะช่วยผลัดผ้าและเช็ดตัวให้” เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของสีฝุ่นเองด้วย ที่เป็นฝ่ายเปลื้องผ้าบุรุษ การที่ชายหนุ่มท่วงทีผึ่งผายสมส่วนยืนตระหง่านนิ่งอยู่ โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นนางได้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น กากีค่อยๆเปลื้องผ้าโพกหัวและเสื้อสีดำสนิทดั่งขนนกกาออก ในแสงสว่างยามฝนตกพร่างพราวด้านนอก แสงตกกระทบนุ่มนวลมองเห็นรายละเอียดของผิวเนียนเรียบสวยสีน้ำผึ้ง ใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ซ่อนปิดกล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนเป็นลอนกล้ามกำยำชวนสัมผัส กลิ่นผิวเนื้อบุรุษโชยหอมคล้ายกลิ่นผ้าห่มตากแดดผสมกลิ่นไอน้ำ นางกายหอมพินิจดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่ต้องกังวลสายตาของเขา ความรู้สึกอ่อนไหวทางกามารมณ์เริ่มบ่มขึ้น นางได้แต่กัดปากตนเองไว้ด้วยค
ทุกเย็นหลังกากีเช็ดหน้าตาเนื้อตัวแล้ว กาฬปักษีหมอหนุ่มใจดีจะนำเสื้อผ้าใหม่แห้งสะอาดมาให้ แล้วช่วยล้างแผลที่ต้นขาอย่างทะนุถนอม บางครั้งหากเผลอแตะต้องเนื้อต้นขาเธอแรงจนกากีสะดุ้ง เขาก็จะสะดุ้งไปด้วย หญิงสาวก็จะร้อนผ่าวแก้มแดงเรื่อ ดวงตามองเธอด้วยความห่วงใยอย่างที่เริ่มเห็นได้ชัดว่าต่างจากคนไข้อื่น แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากใดๆให้อึดอัด เธอเริ่มอุ่นวาบๆในใจเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายน่ารักเป็นอย่างนี้เอง เธอคิด โชคดีที่ความเป็นกึ่งเทพของกากีทำให้แผลของนางหายเร็ว และฟื้นคืนกำลังได้โดยง่าย กลิ่นกายและเรือนร่างกลับมาหอมรัญจวนใจอีกครั้ง รวมทั้งฤทธิ์ยวนกามาที่เหมือนฟีโรโมนแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ยากนักที่กาฬปักษีจะหักห้ามใจไม่ให้นึกคิด แต่เขาก็เก็บอาการตนไว้อย่างอดทน ความจริงแล้ว ชายหนุ่มชื่นชมกากีที่เป็นผู้รอบรู้น่าทึ่ง ไม่เกี่ยงความยากลำบาก ไม่รังเกียจบาดแผลหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคน่ารังเกียจ ทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บแต่ก็นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ นิสัยใจคอเมื่ออยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกสบายใจ เรื่องรูปโฉมโนมพรรณอันงามของนางนั้นแน่นอนว่างามเลิศพิภพ ในบางอิริยาบทที่เผลอตาไปมองก็ทำเอาอกใจเต้นไห
จนถึงสุดถนนที่เป็นชายป่า เมื่อก้าวพ้นหมู่บ้านออกไปแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ก่อนหน้าก็สงบลง หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่กลับมาได้ยินเสียงนกร้อง และภาพต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวชัดเจนไม่พร่าเลือนเหมือนเมื่อครู่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดูก็ยังเห็นชัดปกติ ลูบไล้ดูรูปร่างหน้าตาตนก็ยังเป็นนางกากีวิไลโฉม กลิ่นกายลึกล้ำหอมรื่น แปลกจัง ทำไมมันไม่เลือนไปเหมือนตอนแรกล่ะ หรือว่าสถานที่นี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของเรื่องราวในหนังสือไปแล้ว เธอเลยปลอดภัยงั้นเหรอ หญิงสาวใช้เวลาเดินครุ่นคิดตามลำพังอยู่พักใหญ่ แต่คิดไม่ตกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง จนในที่สุดเธอก็คิดว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องในหนังสือมาถึงตอนจบแล้ว ไม่มีตอนให้ไปต่อ หากจบชีวิตในโลกนี้ได้ อาจหลุดออกไปก็ได้ นึกแล้วก็มองหาคบไม้เหมาะๆ เจอกิ่งไม้ที่ทอดตัวขนานพื้นอยู่สูงไปราวสี่เมตรแล้วปีนขึ้นไปด้านบนปลดผ้าคลุมหน้าออกมัดเข้ากับคบไม้แล้วผูกคอตัวเอง เอามันง่ายๆแบบนี้แหละ หญิงสาวรูปโฉมงามสะคราญหายใจเข้าลึก รวบรวมพลังใจ เอาเถอะ ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่าถ้าตายในหนังสือนี่จะทำให้ตัวตนข้างนอกตายไปด้วย บางทีนี่อาจจะเป็น
หญิงสาวทั้งสอง นันทากับกากี ถูกพาวิ่งลงบันไดไปสู่ห้องใต้ดินก่อนพบประตูลูกกรงขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้าไปในทางลับ ทหารองครักษ์สี่นายรีบวิ่งเข้าไปไขประตูบุรุษหนุ่มเจ้าเมืองไพศาลีสีหน้าเป็นทุกข์ ประคอง ใบหน้ากากีอย่างถนอม “กากีคนดีของพี่ ตอนนี้ข้าศึกตีเมืองไพศาลีแตกแล้ว พวกมันกำลังบุกยึดวัง พี่ทิ้งข้าราชบริพารและชาวเมืองไม่ได้ พี่นี้ไร้คุณสมบัติจะครองเจ้าแท้ แต่แม้ในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ได้รักและเป็นสวามีของเจ้า เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ ชาตินี้คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พี่จะได้ตอบแทนและดูแลเจ้าให้พ้นจากอันตราย หากเจ้าจะจดจำพี่ มิต้องจดจำท้าวทศวงศ์เจ้าเมืองไพศาลี ให้จดจำบุรุษหนึ่งที่รักและภักดีต่อเจ้ายิ่งกว่าบุรุษคนใดในหล้า หากดวงวิญญาณพี่ยังรับรู้ได้ พี่ก็จะตามไปปกป้อง” แล้วก็หันไปหาเจ้าหญิงนันทาเทวีที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าแดงก่ำ “นันทาน้องรัก เจ้าจงหนีออกไปเสียกับกากี ตลอดชีวิตที่พี่มีเจ้าเป็นน้องรักมานี้ ดวงใจพี่มีแต่ความสุขสดใสแช่มชื่นเสมอสมดังชื่อของเจ้า จงไปอยู่ให้รอดแลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนพี่ด้วยเถิด” นันทาเทวีส่ายหน้าสะอื้