เมิ่งหย่งชวนที่ตอนนี้กำลังอุ้มเมิ่งฮ่าวเฉินอยู่ ส่วนเมิ่งเสี่ยวเย่าเสิ่นเยี่ยนฟางกำลังให้นม กระทั่งมีคนเรียกเขาจึงวางบุตรชายคนเล็กอย่างทะนุถนอน ก่อนจะออกไปด้านนอก ทันทีที่เขาออกไปเสิ่นเยี่ยนฟางดุเจ้าตัวเล็กทันที"มาเป็นลูกแม่แล้วห้ามเอานิสัยเสียๆติดตัวมาใช้ มิเช่นนั้นแม่จะจับเจ้าปลงผมท่องคัมภีร์เต๋าทั้งวันกินเจตลอดชีวิตเชียวนะฮ่าวเฉิน"เด็กน้อยดูดปากจุ๊บๆมือก็ไขว่คว้าให้มารดาอุ้ม นี่ขนาดเพิ่งจะสิบวันเองนะน่าตีจริงเชียวเจ้าเด็กรู้มาก เสิ่นเยี่ยนฟางวางเมิ่งเสี่ยวเย่าที่อิ่มแล้ว เขาละปากจากเต้านมมารดาก่อนจะดูดปากจุ๊บหลับตาพริ้ม เสิ่นเยี่ยนฟางวางบุตรชายคนโตเรียบร้อยก็มาเอาเจ้าคนเล็กเข้าเต้า เมิ่งฮ่าวเฉินดูดอย่างกระหาย มือจับสาบเสื้อมารดาแน่น เสิ่นเยี่ยนฟางหอมหน้าผากน้อยๆเบาๆ นิ้วเรียวเขี่ยแก้มเล่น"ตอนเป็นเทพสงครามช่างน่าตีนัก ตอนนี้ดูสิเจ้าเด็กน้อยของแม่หากดื้อแม่จะหวดก้นเจ้า"เด็กๆมาหามารดาในห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางยิ้มให้ทั้งห้าคน เสี่ยวอิงมากระซิบกับท่านแม่ เสิ่นเยี่ยนฟางถอนหายใจทันที บางทีนี่อาจเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่สตรีคนนั้นเลือกได้ถูกต้องเมิ่งหย่งชวนนั่งรอบุตรชายกร
ร่างบางซูบผอมค่อยๆหันกลับมา ใบหน้างามเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ก่อนจะลุกมาหาทั้งคู่ ตุ๊บ!! เข่าสองข้างทิ้งลงกับพื้น ลู่ซินคุกเข่าให้กับเมิ่งหย่งชุนก่อนจะเอ่ยออกมา"ท่านพี่..เอ่อ หัวหน้าเมิ่ง ได้โปรดเมตตาข้าด้วย""เจ้าลุกขึ้นก่อน มีอะไรค่อยๆพูดกัน คุกเข่าเช่นนี้คนอื่นไม่รู้จะหาว่าข้ากับอาชวนกำลังรังแกเจ้า""หัวหน้าเมิ่ง ข้าดั้นด้นมาเพื่อฝากฝังเด็กทั้งสองคนกับท่าน ได้โปรดรับพวกเขาเป็นลูกบุญธรรมได้หรือไม่ อาชวนรับน้องไว้เลี้ยงดูได้หรือไม่ ฮือๆๆ"น้ำเสียงสะอื้นสั่นเครือทำให้เมิ่งหย่งชวนนั่งยองๆลงมาก่อนจะจ้องตานาง"ข้าอ่านทุกอย่างที่อาเจินเล่ามาหมดแล้ว ในเนื้อหานั้นจริงเท็จเพียงใดมีเพียงท่านที่รู้ จางฮูหยินวันนี้ท่านมาคุกเข่าให้เราสองพ่อลูก ยกบุตรชายของจางฮั่นให้พวกเราเลี้ยงดู ขอถามเหตุผลสักข้อว่าเพราะเหตุใด"ลู่ซินล้วงเอากระดาษออกมาสามฉบับก่อนจะส่งให้เมิ่งหย่งชวน เขารับมาและเปิดอ่านทันที นี่มัน!! ก่อนจะมองหน้านางแล้วเอ่ยถาม"ท่านเอามาได้อย่างไร ทำเช่นนี้มิถูกจางฮั่นตามล่าตัวจนพลิกแผ่นดินหรือ""อาชวน..ได้โปรดรับน้องเอาไว้ ให้พวกเขาใช้แซ่เมิ่งได้หรือไม่ หัวหน้าเมิ่งข้าขอร้
ครึ่งเดือนก่อนหน้าหลังจากที่เมิ่งลู่เจินถูกส่งตัวเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้วลู่ซินเองก็ทะเลาะกับบิดา เหตุใดเขาจึงได้ใจร้ายนักมิคิดเลยหรือว่าในตัวเด็กทั้งสองก็มีสายเลือดสกุลลู่อยู่ครึ่งหนึ่ง เมิ่งหย่งชวนกับเมิ่งลู่เจินเป็นเด็กรู้ความตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างเรื่องรำคาญใจแต่อย่างใดให้กับนางสักครั้ง กระทั่งนางตัดสินใจกลับเมืองหลวง ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด นางเข้าพิธีแต่งงานกับจางฮั่น หลอกลวงเบื้องสูงว่าตนเป็นสตรีบริสุทธิ์ ถือศิลกินเจ กลับมากตัญญูต่อบิดาแต่งงานกับจางฮั่นเป็นคู่สามีภรรยาที่เลื่องลือแห่งเมืองหลวงสุดท้ายใครเล่าจะรู้ความจริง บิดาต้องการใช้นางเป็นเบี้ยเพื่อดองกับตระกูลใหญ่ ส่วนจางฮั่นหวังในทรัพย์สมบัติสกุลลู่ ชีวิตนางหามีความสุขแท้จริงไม่ จางพ่านมิเคยเคารพนาง มารดาของเขาที่ยอมไปอยู่อารามคนนั้นก็เพื่อเปิดทางให้นางแต่งเข้ามา สกุลจางต้องการสินเดิมที่บิดาโง่งมของนางทุ่มเทเพียงเพราะตำแหน่งขุนนางของบุตรเขยคนนี้ลู่ซินยืนนิ่งอยู่ริมแม่น้ำ นางเพียงแค่เดินลงไปเท่านั้นปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป ร่างระหงในวัยสามสิบแปดที่เคยอ่อนหวานและงดงามบัดนี้ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยริ้วรอย
ลู่ซินมิได้สนใจเสียงครวญครางราวกับตั้งใจเยาะเย้ยนาง สองเท้าเดินออกจากจวนไปสกุลลู่ แต่เมื่อลับตาผู้คนนางกลับไปยังบ้านร้างในตรอกฝั่งตะวันตกแทน คนที่รอนางอยู่พานางไปยังคุกหลวง ลู่ซินที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเมิ่งลู่เจินก่อนจะนั่งลงแล้วเอ่ยกับเขา"อาเจิน..แม่รู้ที่ผ่านมาแม่เป็นมารดาที่แย่แต่ถือว่าแม่ขอร้องช่วยน้องๆได้หรือไม่""มารดาข้านางตายไปแล้ว ท่านกลับไปเถอะจางฮูหยิน""อาเจิน ฮึกๆๆ ถือว่าแม่ขอร้องแม่ยอมโขกศีรษะให้เจ้าแล้วได้โปรด"ลู่ซินคุกเข่าคำนับบุตรชาย เมิ่งลูเจินหันหน้าหนีก่อนจะเอ่ย"พอได้แล้ว ท่านต้องการอะไรจางฮูหยิน""อาเจิน ที่ผ่านมาแม้ว่าเรื่องที่เกิดแม่จะไม่ได้เป็นคนสั่งการแต่ก็มีส่วน แม่จึงมิอาจมีขอแก้ตัวใดๆแต่ที่มาครั้งนี้แม่มาขอร้องเจ้า เห็นแก่อาอี้กับเซี่ยนเซี่ยนช่วยเขียนจดหมายหาพี่ชายเจ้าสักครั้ง""จะหลอกลวงอันใดพวกข้าอีก"หวงหย่งเหนียนที่เป็นคนรับคำสั่งจากรัชทายาทมาจึงได้เอ่ยกับเขาให้ใจเย็น"อาเจิน ลองฟังนางก่อนค่อยตัดสินใจว่าจะทำตามที่นางขอร้องหรือไม่"เมิ่งลู่เจินนั่งฟังสิ่งที่ลู่ซินเล่า ก่อนจะมองหน้ากับหวงหย่งเหนียนเป็นระยะ นี่มันร้ายแรงเพียงใดกัน ก่อนที่เข
เมิ่งหย่งชวนถอดหมวกส่งให้ทหารของตน ก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดมารดา แม้เขาจะมิให้อภัยนางได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่อ่อนแอจนสิ้นคิด เขารู้จากไท่จื่อว่านางคิดสั้นฆ่าตัวตาย ก่อนหน้าเขาเคยอยากให้นางได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นกระทั่งเมียของเขาพูดให้คิด"ท่านพี่ เกิดเป็นสตรีในชนชั้นสูงมิอาจมีชีวิตเป็นของตนเอง พวกนางเป็นแค่เพียงเครื่องมือแสวงหาความก้าวหน้าให้กับครอบครัว แม้ว่าบุรุษทั้งหลายจะพยายามอ้างว่าเพื่อความก้าวหน้าหรือยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สามารถกว่าได้เต็มปากว่าสิ่งที่พวกเขาได้มันมาก็จาการที่พวกเขาเกาะชายกระโปรงสตรีในตระกูลเพื่อไต่เต้าแสวงหาอำนาจ เกิดเป็นสาวชาวบ้านยังดีเสียกว่า แม้ว่าข้าจะถูกขายให้ท่านโดยไร้สินสอด แต่กลับมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขยิ่งนัก ท่านละวางเถอะนะเจ้าค่ะ อย่าได้โกรธเกลียดนางเลย นางถูกเลี้ยงดูมาเพื่อให้หัวอ่อนให้อยู่ในโอวาท ที่นางฝืนตนเองให้เข้มแข็งขนาดนี้ก็เพราะคำว่ารัก ความรักที่มีต่อบุตรท่านเองก็เป็นบุตรของนาง ข้าเชื่อว่านางมิได้เกลียดท่านกับอาเจิน เพียงแค่นางอ่อนแอเกินไปเท่านั้น"เมิ่งหย่งชวนที่นึกถึงคำพูดภรรยาก็กอดมารดาเอาไว้
จางฮั่นหน้าซีดเผือด แปลว่าเขาถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอดงั้นหรือ ลู่ซินคนนี้ที่แท้ก็มิได้อ่อนแอ คนที่เขาเมินไม่ให้ความสำคัญกลับเป็นคนที่ทำลายสกุลจางของเขาหรือ สกุลลู่ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว อีกทั้งเดิมทีเรื่องกบฏหากผิดพลาดเขาจะให้สกุลลู่รับแทน แต่ตอนนี้แพะรับบาปก็ไม่อยู่แล้ว"กองทัพของเมิ่งหย่งชวนจะมาถึงอีกกี่วัน""ไม่เกินสามวันขอรับ แต่ว่าเขาไล่ตีกองกำลังของเราจนแตกพ่าย ตอนนี้เราเหลือคนอยู่แค่สามหมื่น มิอาจต่อกรกับทหารสองแสนห้าหมื่นนายของเขาได้เลยขอรับ""ไปบอกทุกคนเก็บข้าวของ ตราบใดที่พวกมันยังมาไม่ถึงเราก็ออกจากเมืองหลวงทันไปเดี๋ยวนี้ หาคนไปส่งข่าวในวังให้องค์ชายกับจางกุ้ยเฟยเพื่อรับมือกับสถานการณ์ อาเหม่ยเจ้าพาลูกไปก่อน จางพ่านเป็นทายาทสายตรงคนคนเดียวของข้าที่มีอยู่ รีบพาเขาหนีไป หากสกุลจางไม่รอดอย่างน้อยวันหน้าก็ยังสามารถกอบกู้ได้ พี่จะบอกอะไรให้"จางฮั่นกระซิบบางอย่าง เจียงเหม่ยมองหน้าเขาน้ำตาคลอด นางกับเขายอมแยกจากกันเพื่อให้เขาได้แต่งงานกับลู่ซิน หาสมบัติมาอุดรอยรั่วสกุลจาง แล้วเหตุใดกันพอทุกอย่างกำลังจะดีกลับมาเป็นเช่นนี้ จางฮั่นไม่เคยจนตรอกเท่านี้มาก่อน ลู่ซินคนนั้นฉ
จางกุ้ยเฟยนอนขดตัวเพราะความหนาว บุตรชายหลับไปแล้ว เขานอนตัวสั่นเทาเช่นกัน จางกุ้ยเฟยคลานไปกอดบุตรชายเพื่อให้ความอบอุ่น จนกระทั่งตอนเช้าทหารยามมาปลุกสองแม่ลูกนอนกอดกันกลม จ้าวคังที่พยายามลุกแต่เพราะมารดากอดไม่ปล่อยเขาจึงจับแขนนางออก ตัวนางเย็นเฉียบอีกทั้งแข็งทื่อ ชายหนุ่มจับร่างมาดามาเขย่า อนิจจามารดาของเขาสิ้นใจไปแล้ว ตัวนางเย็นจนแข็งเพราะให้ความอบอุ่นแก่เขา นางกอดเขาทั้งคืนจนตัวเองหนาวตาย "ฮือๆๆ เสด็จแม่ๆๆ อย่าทรงทิ้งลูกไปแบบนี้ อย่าทรงทิ้งคังเอ๋อร์ไปพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆๆ เสด็จพ่อเสด็จแม่ประชวร ขอหมอหลวงสักคนเถอะพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวคังกอดร่างมารดาร้องไห้แทบขาดใจ จ้าวเผยหยวนที่ยืนดูอยู่ข้างนอกถอนหายใจ หากใจอ่อนสักวันอาจกลับมาแว้งกัด ยาพิษที่นางดื่มก็เป็นตัวเดียวกับที่นางให้จางฮั่นพี่ชายของนางนำไปให้ลู่หานใส่ในแก้วน้ำชาของเมิ่งหย่งชวนเมื่อสองปีก่อน ทุกข์นั้นถึงตัวแต่เจ้ากลับตายไม่รู้ตัว จางกุ้ยเฟยพิษเย็นนี้หากตรวจเจอไม่ทันก็รักษาไม่ได้ ถือว่าครั้งนี้ข้าแก้แค้นให้อาชวนกับมารดาของเขาแล้วทางด้านลู่หานที่ตอนนี้ถูกควบคุมตัวทั้งตระกูลเพื่อเนรเทศไปเมืองท้ายด่าน ที่นั่นทั้งก
ฮั่วเฟยเทียนที่ควบคุมตัวบรรดาขุนนางกบฏ รวมถึงครอบครัวขุนนางและคนในบ้านเอาไว้ถูกตอนไปยังกลางลานของวังหลวง วันนี้ประตูวังเปิดกว้างให้ชาวบ้านได้เห็นกลุ่มกบฏต่างถูกกระบี่และทวนจ่อคอเอาไว้ บนกำแพงวังและหลังคามีพลธนูล้อมรอบ หากไม่ถูกปักเหมือนเม่นก็จงอยู่นิ่งๆ ฮ่องเต้มาถึงก็นั่งลงบนเก้าอี้มังกรที่ขันทียกมาวางให้ จ้าวเทียนหยางหลับตาก่อนจะเอ่ยกับรัชทายาท"ไท่จื่อ..เรื่องนี้ยกให้เจ้าจัดการ""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท""ฟังให้ดี....จางฮั่นและขุนนางที่ร่วมกันลงชื่อและทำการก่อกบฏในครั้งนี้ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ตัดหัวทันทีก่อนตะวันตกดิน ส่วนคนในครอบครัวบ่าวไพร่ให้เนรเทศไปทำงานยังเหมืองเหล็กเมืองเหลียง ห่างจากเมืองหลวงสามพันห้าร้อยลี้ เด็กที่ต่ำกว่าสิบหนาวมิว่าชายหรือหญิงให้ออกบวชที่อารามเมืองกว่างสุย ห้ามกลับเมืองหลวงและห้ามลงจากเขาตลอดชีวิต เมื่อถึงวัยปักปิ่นครอบกว๊าน หากผู้ใดมิเชื่อฟังประหารทันทีมิต้องไต่สวน"จางฮั่นเป็นลมไปแล้ว มิใช่เพราะคำสั่งประหารเขา แต่เป็นเมิ่งหย่งชวนที่หิ้วศีรษะของจางพ่านบุตรชายกับเจียงเหม่ยเมียของเขามานั่นเอง เมิ่งหย่งชวนคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้พร้อมกับถวายพระพรและรายงาน"กระหม่อม
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ