ในเมื่อเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้มีความดีความชอบต่อบ้านเมือง หากต้องการแต่งหญิงสูงศักดิ์ยิ่งกว่านี้หรือกระทั่งแต่งกับองค์หญิงสักองค์ก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งกับบุตรสาวของตระกูลพ่อค้าธรรมดาๆ อย่างสกุลหลิน แต่เห็นแก่มารดาที่ล่วงลับ ซึ่งมองการไกลว่าหากเขาแต่งกับองค์หญิงหรือคุณหนูสกุลขุนนางใหญ่ ก็อาจทำให้ฝ่าบาททรงระแวง ไม่วางพระทัยเพราะคิดว่าเขามีอำนาจสั่นคลอนราชสำนักได้แต่ทุกอย่างต้องผิดแผนไป เมื่อ ‘คุณหนูหลิน’ ที่ว่าไม่ใช่หลินซูหนิงอย่างที่เขาคิด แต่กลับเป็น หลินอวี้เหม่ย ซึ่งเขาจำได้ว่าในฝันร้ายนั่น นางต้องแต่งให้รองแม่ทัพหานเจี้ยนจวิ้น หรือก็คือชายชู้ของภรรยาเขาในภายหลัง และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขาต้องถูกใส่ร้ายป้ายสีในฐานะกบฏจนถูกตัดสินโทษประหารทั้งตระกูลอย่างน่าอนาถในตอนสุดท้ายถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสาวคนเดิม แต่ก็ยังคงเป็นพี่น้องอยู่ในตระกูลเดียวกัน ทำให้เขาไม่อาจวางใจได้ จึงคิดจะมาดูลาดเลา โดยไม่คิดว่าต้องมาตกกระไดพลอยโจนเข้าช่วยชีวิตหลินอวี้เหม่ยจากพวกเดนมนุษย์พวกนั้นแม้ในตอนแรกจะลังเลคิดว่าหากปล่อยให้นางถูกฆ่าตายไปเสียเขาก็จะได้หมดภาระ ทว่าในยามที่เห็นคนพวกนั้นกำลังจะย่ำยีสตรีอ่อ
“เจ้าออกมาได้อย่างไร” ความเป็นห่วงทำให้นางรีบปราดเข้าไปประคองร่างสูงใหญ่ไว้กลัวว่าเขาจะล้ม“ข้าเดินคลำทางมาเรื่อยๆ ตามกลิ่นยาสมุนไพรของคุณหนู” ชายหนุ่มตอบ พลางทิ้งน้ำหนักเอนไปพิงร่างบางอย่างจงใจ“แต่เจ้ามองไม่เห็น เกิดสะดุดล้มขึ้นมาแล้วแผลปริจะว่าอย่างไร เจ้านี่มันเหลวไหลสิ้นดี” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงบ่นที่เขาคิดถึงมาหลายวัน“นั่นเจ้ายิ้มทำไม ข้ากำลังต่อว่าเจ้าอยู่นะ”“ข้าดีใจ...ที่ได้ยินเสียงคุณหนูอีกครั้ง คุณหนูหลบหน้าข้าเพราะโกรธเรื่องนั้นอยู่หรือ”คำถามของเขาทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์วาบหวามในวันนั้นขึ้นมา นางพยายามลืมเหตุการณ์ที่เกือบเผลอจูบกันเมื่อวันนั้นไปได้แล้ว แต่เมื่อถูกย้ำเตือนก็ทำให้ขัดเขินและรู้สึกผิดขึ้นมาอีกหน“เรื่องนั้น เรื่องอะไรกัน”“ก็เรื่องที่...”“เจ้ามาก็ดี ยาต้มได้ที่แล้ว งั้นเจ้าก็ดื่มมันเสียเถอะ” หญิงสาวรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องอย่างเขินอาย พลางดึงเขามานั่งที่เก้าอี้แล้วผละไปเทยาใส่ชาม“ทำไมคุณหนูถึงช่วยดูแลข้า? ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักข้าด้วยซ้ำไป หากข้าเป็นโจรเด็ดบุปผาขึ้นมาจริงๆ เจ้าไม่กลัวหรือ”นางหยุดมือและหันมามองเขาด้วยสายตาสงสัย“
“รู้สึก...รู้สึกเช่นไรหรือ” นางถามเสียงสั่นด้วยความประหม่า พร้อมกับดึงมือกลับเบาๆเขาไม่ตอบ แต่จู่ๆ ก็ดึงตัวนางเข้ามาใกล้ หลินอวี้เหม่ยตกใจเล็กน้อยที่อยู่ใกล้ชายหนุ่มฉกรรจ์เช่นนี้ กลิ่นกายบุรุษผสมกับกลิ่นยาสมุนไพรจางๆ จากตัวเขาทำให้หัวใจเต้นแรง นางพยายามจะถอยห่างออกมา แต่ชายหนุ่มกลับกระชับมือนางไว้แน่น และโน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ“คุณหนูทำให้ข้ารู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ใดมาก่อนน่ะสิ” เขากระซิบอย่างอ่อนหวานในตอนนั้นเอง ก่อนที่หลินอวี้เหม่ยจะทันได้พูดอะไร เขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้และประทับจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของนาง จูบที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรู้สึก นางรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดกับสัมผัสที่แสนอ่อนโยนลึกซึ้งนั้น โดยไม่สามารถหักห้ามความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจได้หลายวันที่จงใจหลบหน้าเขา กลับเป็นการสั่งสมความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นในอก แล้วพอได้มาใกล้ชิดกัน ความรู้สึกนั้นมันก็พวยพุ่งในหัวใจขึ้นมาโดยยากจะยับยั้งได้หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ไม่เคยคาดคิดว่าชายแปลกหน้าที่นางช่วยเหลือจะทำเช่นนี้ นางมัวแต่ตกใจจนลืมที่จะผลักไสหรือปฏิเสธเขาจนกระทั่งเสี่ยวเฉิงถอนจูบออกอย่างช้าๆ และมองนางด้วยสาย
หลังจากวันนั้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป แม้จะไม่มีการพูดถึงเรื่องจูบที่เกิดขึ้นอีก แต่ข้อดีคือตอนนี้หลินอวี้เหม่ยไม่ได้หลบหน้าเขาอีกต่อไปในยามเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เสี่ยวเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง สูดลมหายใจลึกเมื่อได้กลิ่นหอมจางๆ ของยาสมุนไพรที่หลินอวี้เหม่ยเพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ นางเดินมาหาเขาพร้อมกับยาบำรุงกำลังชามโต“ได้เวลาดื่มยาแล้ว” หลินอวี้เหม่ยบอกพร้อมกับยื่นชามยาให้ คนเจ็บยื่นมือไปด้านหน้า ทำทีเป็นควานหาตำแหน่งของชามยา จนหญิงสาวต้องดึงมือเขามาจับที่ชามยาเสียเอง“ร้อน...”“ข้าจะช่วยป้อนเจ้าเอง” นางรีบตัดบท พร้อมกับยกชามยาขึ้นจรดที่ริมฝีปากของเขา หากเสี่ยวจูมาเห็นเข้า คงเอะอะอีกรอบ ตอนนี้สาวใช้ผู้นั้นไม่อยู่เพราะต้องเอายาสมุนไพรไปส่งที่ร้านขายยาประจำในตลาด ทำให้ผู้เป็นนายสาวต้องรับหน้าที่ดูแลคนเจ็บเสียเองเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสกับขอบชาม เสี่ยวเฉิงก็จงใจจับประคองมือของหลินอวี้เหม่ยไว้อีกชั้นจนรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเขา และหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น จนต้องรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมออกทันที“เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่?” หลินอวี้เหม่ยถาม“ข้าต้องการ
หลินอวี้เหม่ยไม่พูดอะไร แต่ในหัวใจกำลังขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งที่หัวใจนางต้องการทางเลือกที่ไม่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันเลวร้าย หรือตกเป็นเหยื่อของผู้ใดอย่างโง่งมอีก หากเลือกคนตรงหน้า ดวงชะตาของนางจะสามารถหลุดพ้นจากวังวนฝันร้ายนั่นได้หรือไม่นะ“ข้า...ข้าต้องไปเตรียมสมุนไพรแล้ว”“เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอนและอ่อนหวานหลินอวี้เหม่ยเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามนั้น นางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง“ข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่…”“แต่ข้าต้องไปแล้ว”“เจ้าจะไปที่ใด” หลินอวี้เหม่ยถามอย่างใจหาย“ข้าจะไปไกลจากที่นี่ อาจจะไม่มีวันกลับมา...หากเจ้าตัดสินใจหนีไปกับข้า เราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนสักแห่ง ก็ได้ ข้าจะดูแลเจ้าไปตลอดชีวิต จะยกย่องเจ้าในฐานะภรรยาหนึ่งเดียวของข้า ไม่ทิ้งขว้างให้เจ้าต้องอยู่อย่างเดียวดายเช่นที่เป็นอยู่นี้”คำพูดนั้นทำให้หลินอวี้เหม่ยตกใจจนหัวใจเต้นรัว นางไม่เคยคิดว่าชายแปลกหน้าผู้นี้จะชวนให้นางหนีไปด้วยกัน นางรู้สึกถึงความอบอุ่นและความอ่อนโยนจากเขา แต่นางก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายที่จะทิ้งทุกอย่
แม้นางจะเสียใจที่ปฏิเสธเขาไป แต่หากนางเลือกหนีตามเขาไปเช่นนั้น อาจจะทำให้เสี่ยวเฉิงต้องพลอยลำบากไปด้วย ถึงแม่ทัพใหญ่เซียวจะไม่ได้รักชอบหรือสนใจในตัวนางเลยก็ตาม แต่การหนีตามชายอื่นไปก็เป็นการหยามศักดิ์ศรีของจวนแม่ทัพใหญ่อย่างร้ายกาจถึงอย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของจวนแม่ทัพแล้วต่อให้ยังไม่เป็นทางการก็ตาม เพื่อรักษาชื่อเสียงของจวนไว้ เสี่ยวเฉิงและนางคงไม่พ้นต้องถูกตามไล่ล่าหรือไม่ก็ฆ่าให้ตาย สุดท้ายคนไร้บ้านไร้อำนาจแถมยังพิการตามองไม่เห็นอย่างเขาก็คงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของเทพสงครามไร้หัวใจผู้นั้นไปได้ส่วนนางเองก็คงไม่แคล้วต้องพบจุดจบที่น่าอนาถเสียยิ่งกว่าในฝันร้ายนั่นเสียอีก นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่นางจะไม่ทำให้ใครต้องมาพบจุดจบเลวร้ายตายไปพร้อมกันด้วย////////////////หลังจากที่เสี่ยวเฉิงหายตัวไปจากเรือนนอกในคืนนั้น หลินอวี้เหม่ยก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในยามที่เผลอ นางได้แต่ชะเง้อมองไปที่ประตูหน้าบ้านเพื่อหวังว่าจะได้เห็นเสี่ยวเฉิงกลับมา แต่ก็ไร้วี่แววป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะอยู่อย่างไร หากินอย่างไร ในเมื่อนัยน์ตามองอะไรไม่เห็นเช่นนั้น ไม่แน่ว่าอาจพบคนร้ายระหว่าง
“มาครั้งนี้พวกเจ้าไม่กลัวตายหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่ารอบกายข้าไม่มีหน่วยอารักขาที่ท่านแม่ทัพสามีข้าส่งมาคุ้มกันพวกข้าอยู่”คำพูดนั้นทำให้คนชุดดำเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง ทำให้หญิงสาวใจชื้นเพราะคำขู่ของนางมีผลต่อคนร้ายไม่น้อย ในใจนึกขอบคุณเสี่ยวเฉิงที่ครั้งก่อนแสดงฝีมืออย่างโหดเหี้ยมจนคนขยาดพอนึกถึงเขา หลินอวี้เหม่ยก็ใจแป้วอีกหน“อย่าไปเชื่อนาง นางก็ได้แค่ขู่ ปากดีไปเท่านั้น เจ้าอย่าพูดมาก รีบลงจากรถเดี๋ยวนี้”หนึ่งในชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตะคอกเสียงกร้าว ก่อนจะยื่นมือมากระชากร่างนางลงจากรถม้าเพื่อทำตามคำสั่งของคุณหนูสามหลินซูหนิง ที่ให้พวกเขาจับพี่สาวมาจากนั้นก็ให้เปลื้องผ้าแล้วรุมย่ำยีความบริสุทธิ์ของนางให้ยับเยินเสีย แล้วก็ให้ผูกร่างนางไว้กับรถม้าลากไปส่งไว้ที่หน้าจวนแม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงเพื่อประจานให้นางอับอายจนอยู่ไม่สู้ตายเสียเป็นการประจานแก้แค้น ทั้งยังทำให้จวนแม่ทัพไม่รับนางเป็นฮูหยินอีกด้วยหากทว่าก่อนที่มือของมันจะโดนตัว หญิงสาวก็คว้าผงยาสลบในชายเสื้อออกมาปาใส่หน้าพวกมันทันที“อ้าก!!!”“เสี่ยวจูวิ่ง!” หลินอวี้เหม่ยรีบปิดจมูกแล้วคว้ามือสาวใช้ฉวยจังหวะวิ่งหนีไปอย่างร
“เจ้ารีบหนีไปเสียก่อนที่พวกมันจะตามมาฆ่าพวกเจ้า”แม้เขาจะพูดอย่างเย็นชา แต่หลินอวี้เหม่ยก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงคุ้นหูของเขา นางรู้สึกว่าชายคนนี้ต้องมีอะไรปิดบังอยู่ และคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่นางกำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้พูด จู่ๆ ก็มีคนร้ายคนหนึ่งโผล่มาเสียก่อน“เจ้ารีบหนีไป!”ว่าแล้วชายชุดดำก็ผลักนางไปอีกทาง แล้วพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเจ้าคนร้ายนั่นอย่างดุเดือด สุดท้ายทั้งสองก็กระโจนหายไปในความมืดด้วยกันต่อหน้าต่อตาหญิงสาว“เสี่ยวเฉิง! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป!”“คุณหนู” เสี่ยวจูที่เพิ่งลุกขึ้นได้รีบวิ่งเข้าไปกอดนายสาว“เสี่ยวจู เมื่อกี้เจ้าเห็นหรือไม่ เสี่ยวเฉิงมาช่วยเราไว้”“หืม...เสี่ยวเฉิงหรือเจ้าคะ แต่ข้าไม่เห็นผู้ใด คุณหนูตาฝาดไปหรือไม่เจ้าคะ อีกอย่างเสี่ยวเฉิงก็ตาบอด เขาจะมาช่วยเราได้อย่างไร”ที่สาวใช้พูดมานั้นไม่ผิด ทว่าไออุ่นจากอ้อมกอดเมื่อครู่ที่ยังไม่คลายจากกายนางนี่เล่าเป็นของปลอมหรือ“แล้วนี่พวกเราจะเอายังไงต่อดีเจ้าคะ” เสี่ยวจูถามพลางมองไปรอบๆ กายอย่างหวาดกลัว “เราจะหนีไปที่ใดดี”คำถามนั้นทำให
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม