“มาครั้งนี้พวกเจ้าไม่กลัวตายหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่ารอบกายข้าไม่มีหน่วยอารักขาที่ท่านแม่ทัพสามีข้าส่งมาคุ้มกันพวกข้าอยู่”คำพูดนั้นทำให้คนชุดดำเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง ทำให้หญิงสาวใจชื้นเพราะคำขู่ของนางมีผลต่อคนร้ายไม่น้อย ในใจนึกขอบคุณเสี่ยวเฉิงที่ครั้งก่อนแสดงฝีมืออย่างโหดเหี้ยมจนคนขยาดพอนึกถึงเขา หลินอวี้เหม่ยก็ใจแป้วอีกหน“อย่าไปเชื่อนาง นางก็ได้แค่ขู่ ปากดีไปเท่านั้น เจ้าอย่าพูดมาก รีบลงจากรถเดี๋ยวนี้”หนึ่งในชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตะคอกเสียงกร้าว ก่อนจะยื่นมือมากระชากร่างนางลงจากรถม้าเพื่อทำตามคำสั่งของคุณหนูสามหลินซูหนิง ที่ให้พวกเขาจับพี่สาวมาจากนั้นก็ให้เปลื้องผ้าแล้วรุมย่ำยีความบริสุทธิ์ของนางให้ยับเยินเสีย แล้วก็ให้ผูกร่างนางไว้กับรถม้าลากไปส่งไว้ที่หน้าจวนแม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงเพื่อประจานให้นางอับอายจนอยู่ไม่สู้ตายเสียเป็นการประจานแก้แค้น ทั้งยังทำให้จวนแม่ทัพไม่รับนางเป็นฮูหยินอีกด้วยหากทว่าก่อนที่มือของมันจะโดนตัว หญิงสาวก็คว้าผงยาสลบในชายเสื้อออกมาปาใส่หน้าพวกมันทันที“อ้าก!!!”“เสี่ยวจูวิ่ง!” หลินอวี้เหม่ยรีบปิดจมูกแล้วคว้ามือสาวใช้ฉวยจังหวะวิ่งหนีไปอย่างร
“เจ้ารีบหนีไปเสียก่อนที่พวกมันจะตามมาฆ่าพวกเจ้า”แม้เขาจะพูดอย่างเย็นชา แต่หลินอวี้เหม่ยก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงคุ้นหูของเขา นางรู้สึกว่าชายคนนี้ต้องมีอะไรปิดบังอยู่ และคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่นางกำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้พูด จู่ๆ ก็มีคนร้ายคนหนึ่งโผล่มาเสียก่อน“เจ้ารีบหนีไป!”ว่าแล้วชายชุดดำก็ผลักนางไปอีกทาง แล้วพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเจ้าคนร้ายนั่นอย่างดุเดือด สุดท้ายทั้งสองก็กระโจนหายไปในความมืดด้วยกันต่อหน้าต่อตาหญิงสาว“เสี่ยวเฉิง! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป!”“คุณหนู” เสี่ยวจูที่เพิ่งลุกขึ้นได้รีบวิ่งเข้าไปกอดนายสาว“เสี่ยวจู เมื่อกี้เจ้าเห็นหรือไม่ เสี่ยวเฉิงมาช่วยเราไว้”“หืม...เสี่ยวเฉิงหรือเจ้าคะ แต่ข้าไม่เห็นผู้ใด คุณหนูตาฝาดไปหรือไม่เจ้าคะ อีกอย่างเสี่ยวเฉิงก็ตาบอด เขาจะมาช่วยเราได้อย่างไร”ที่สาวใช้พูดมานั้นไม่ผิด ทว่าไออุ่นจากอ้อมกอดเมื่อครู่ที่ยังไม่คลายจากกายนางนี่เล่าเป็นของปลอมหรือ“แล้วนี่พวกเราจะเอายังไงต่อดีเจ้าคะ” เสี่ยวจูถามพลางมองไปรอบๆ กายอย่างหวาดกลัว “เราจะหนีไปที่ใดดี”คำถามนั้นทำให
“เจ้าจงให้คนไปแจ้งพ่อบ้านใหญ่ให้เตรียมงานอย่างสมฐานะฮูหยินของจวนแม่ทัพใหญ่ อ้อ! อย่าลืมไปแจ้งที่จวนสกุลหลินให้มาร่วมงานด้วยล่ะ ส่วนสินสอดทุกอย่างเปลี่ยนชื่อให้เป็นของหลินอวี้เหม่ยให้หมด ห้ามให้ตกไปเป็นของผู้อื่นได้”“หา!...” เหวินหยางอ้าปากค้าง“อ้อ! จริงสิ ว่าที่น้องภรรยาของข้าจะแต่งเข้าจวนรองแม่ทัพหานเมื่อใดกัน”“หลังจากที่ท่านเข้าพิธีแต่งเพียงสองวันขอรับ แต่ว่าสายของเราเพิ่งรายงานมาว่า...” เหวินหยางรีบป้องปากกระซิบ“ดี! งั้นเจ้าไปเตรียมการเรื่องของขวัญให้น้องภรรยาของข้า”“แล้วท่านแม่ทัพจะส่งสิ่งใดให้เป็นของขวัญดีขอรับ”“ก็นางส่งอะไรมาให้ว่าที่ฮูหยินของข้า เจ้าก็จงส่งเศษซากของพวกนั้นใส่หีบกลับไปให้นางทั้งหมดก็แล้วกัน” ประโยคนั้นเย็ยเฉียบจนทำเอาองครักษ์หนุ่มถึงกับขนลุกซู่เศษซากที่ว่ามิใช่ร่างอันไร้วิญญาณของคนร้ายพวกนั้นหรอกหรือ บางคนสภาพศพเละเทะหัวกับตัวขาดจากกันดูไม่ได้ด้วยซ้ำ มันเหมาะจะส่งเป็นของขวัญงานแต่งที่ไหน แต่เมื่อเป็นคำสั่งของบุรุษตรงหน้า ไหนเลยเขาจะปฏิเสธได้////////////หลินซูหนิงเดินวนเวียนไปมาในห้องอย่างร้อนใจ ความหวังและแผนการที่นางวางไว้อย่างดีทำให้นางไม่สามารถนั่งนิ
“ท่านพี่! จะยอมให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้นะ!” นางพูดอย่างเดือดดาลหลินจื่อชิงเงยหน้าขึ้นมองภรรยา สีหน้าของเขายังสงบนิ่ง แต่ในแววตามีประกายของความลังเล“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร หรือจะให้ข้าบากหน้าไปถามท่านแม่ทัพนั่นว่าทำไมถึงไม่มอบสินสอดทั้งหมดให้เราเช่นนั้นหรือไง”“แต่นี่มันเกินไปแล้ว สินสอดของลูกสาวก็ควรยกให้บิดามารดาเป็นค่าเลี้ยงดูสิ ทำไมท่านแม่ทัพจึงทำเช่นนี้ ข้าไม่ยอม”“เช่นนั้นเจ้าก็ไปอาละวาดที่จวนแม่ทัพเอาเองก็แล้วกัน”“ท่านพี่!”เฉินซิวเจินโอดครวญด้วยความเสียดาย เท่าที่เห็นในรายการเทียบสินสอดเมื่อครู่ นั่นไม่ใช่น้อยๆ เลย เรียกว่าหากได้มานางก็ตั้งตัวเป็นเศรษฐีได้เลย“พวกเราจะยอมให้พี่หญิงรองได้ทุกอย่างไปหมดงั้นหรือ? ได้ทั้งตัวแม่ทัพ ได้ทั้งสินสอด ได้ทั้งชื่อเสียง...แล้วเราล่ะ? ข้าจะเป็นแค่น้องสาวที่ไม่มีใครเหลียวแลเช่นนั้นหรือเจ้าคะท่านพ่อ”หลินจื่อชิงถอนหายใจหนักหน่วง ปรายตามองลูกสาวที่ตั้งแต่เกิดเรื่องฉาวโฉ่วันนั้น เขาก็ขุ่นเคืองจนไม่อยากมองหน้ามาตลอด“เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ท่านแม่ทัพเป็นใครกัน ใช่คนที่พวกเจ้าควรขัดใจหรือไร หากใครกล้าขัดคำสั่งของเขา เจ้าคิดว่าจะรอดได้หรือ
หลินอวี้เหม่ยคิดถึงชายหนุ่มที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หัวใจของนางสั่นไหวทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในวันที่นางเกือบถูกลักพาตัวไป นางจำได้ดีว่าใครบางคนช่วยนางไว้ในตอนนั้น บุรุษคนนั้นดูเหมือนเสี่ยวเฉิง แต่เขากลับไม่ยอมเผยตัว เขากลายเป็นความลับที่ฝังลึกในใจของนางมาโดยตลอดแต่ตอนนี้นางกำลังจะกลายเป็นภรรยาของแม่ทัพเซียวหลงเฉิง ชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต่างยำเกรง แต่นางกลับรู้สึกเหมือนเป็นการทรยศต่อหัวใจของบุรุษอีกคนที่เคยเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนางไว้จนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส“คุณหนูเจ้าคะ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวจูร้องบอกด้วยความตื่นเต้น ขัดจังหวะความคิดของหลินอวี้เหม่ยเสียงกลองและฆ้องดังสะท้อนขึ้นมา นางยืดตัวตรง สูดหายใจลึก พยายามข่มความรู้สึกในใจให้สงบลงพิธีแต่งงานในวันนี้ช่างแตกต่างกับพิธีแต่งงานในครั้งแรกที่นางเกือบได้เข้าจวนแม่ทัพราวฟ้ากับเหว ในวันนั้นนางก็นั่งเกี้ยวเจ้าสาวไปถึงหน้าจวนแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ได้เข้าจวนก็ถูกส่งไปที่เรือนนอกเสียก่อน แต่มาวันนี้เมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวน คนในจวนก็แห่กันออกมาต้อนรับอย่างเอิกเหริก ชาวบ้านแห่กันมาชมบารมีเจ้าสาวของท
หลินซูหนิงได้แต่เข่นเขี้ยวในใจอย่างริษยา นางรอจังหวะที่พี่สาวผละออกมาจากเจ้าบ่าวเพื่อเตรียมจะถูกส่งตัวเข้าห้องหอ จึงรีบเดินไปใกล้ ขณะนั้นมีสตรีหลายคนเข้ามารุมล้อมแสดงความยินดีกับเจ้าสาวอยู่ “พี่หญิงรอง...” หลินซูหนิงร้องเรียกด้วยเสียงร้อนรุ่ม พลางแหวกเข้าไปกลางวงล้อมถึงตัวเจ้าสาวหลินอวี้เหม่ยหันไปมองน้องสาวตัวร้ายอย่างระแวงและระวังตัวว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร“พี่หญิงรองไม่ได้เป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ” คนถามละล่ำละลักสำรวจร่างกายคนเป็นพี่ ทำให้เหล่าสตรีที่รายล้อมพลอยงุนงงไปด้วย“เมื่อครู่น้องเพิ่งได้ยินคนข้างนอกคุยกันว่าเมื่อวันก่อนท่านพี่ถูกพวกโจรจับตัวไปกักขังไว้ แล้วยัง...” คนพูดแกล้งทิ้งช่วงคำพูดให้ผู้คนรอบกายสงสัย ด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัวระคนอึดอัดที่จะเอ่ยออกมา แต่สุดท้ายก็ทำอมพะนำ“น้องตกใจแทบแย่ ท่านพี่ไม่ได้เป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ พวกมันมิได้ทำอะไรให้ท่านพี่ต้องบาดเจ็บหรือมัวหมองใช่หรือไม่”เพียงได้ฟังคำน้องสาว หลินอวี้เหม่ยก็กระจ่างกับเจตนาของอีกฝ่ายทันที“พวกโจรนั่นมิได้ทำอันใดท่านพี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ น้องได้ยินว่าพวกมันจับท่านพี่ไปกักขังไว้ตั้งหลายวัน เสียดายที่น้องเพิ่ง
เสียงซุบซิบของแขกในงานเริ่มเปลี่ยนทิศ หลายคนมองหลินอวี้เหม่ยด้วยความชื่นชมและศรัทธา ขณะที่หลินซูหนิงเริ่มรู้สึกถึงความล้มเหลวของแผนที่ตนเองวางไว้ ความหงุดหงิดและความอิจฉาเพิ่มพูนขึ้นในใจ ยิ่งทำให้นางเสียหน้า และทำให้พี่สาวได้หน้าไปไม่น้อย แต่นางก็ไม่อาจแสดงออกมากไปกว่านี้ได้ ในเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ทัพเซียวในงานแต่งของเขา“เช่นนั้น...น้องก็ยินดีที่พี่หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ” หลินซูหนิงกลั้นใจพูด พลางทำทีเหมือนปล่อยวางเรื่องนี้แล้ว“น้องหญิงไม่ต้องกังวลเกินเหตุไป พี่สาวอยู่ในจวนแม่ทัพใหญ่เช่นนี้ จะมีผู้ใดโง่เง่าคิดปองร้ายหรือหลอกลวงข้าก็คงต้องยำเกรงฝีมือท่านแม่ทัพไว้บ้างจริงไหมเจ้าคะท่านพี่”เซียวหลงเฉิงรู้สึกสะดุดหูกับคำถามแปลกๆ ของสตรีข้างกาย แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่เมื่อมองเห็นประกายตาของเจ้าสาวที่มองมาก็อดร้อนๆ หนาวๆ ไม่ได้“แน่นอน ฮูหยินรักของข้าเซียวหลงเฉิง จะยอมให้ผู้ใดมารังแกง่ายๆ ได้หรือ”“แต่...”“หนิงเอ๋อร์!” เฉินซิวเจินรีบเข้ามารั้งตัวบุตรสาวไว้ เกรงจะทำให้แม่ทัพหนุ่มขุ่นเคืองเสียก่อน “ท่านพ่อเจ้าถามหาอยู่ทางนั้น รีบไปเถิดนะ”“ท่านแม่...”หลินซูหนิงกระเง้ากระงอด เพราะขัดใจที่สาด
“ฮูหยิน...เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ”เซียวหลงเฉิงก้มลงมาใกล้กว่าเดิม กลิ่นกายของเขาและลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแก้มของนาง ทำให้หัวใจของหลินอวี้เหม่ยยิ่งกระเจิดกระเจิงอยากจะกระโจนหนีจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานไปเสียตอนนี้“ว่าอย่างไรเล่า ข้ารอฟังอยู่” เขากระซิบเบาๆ ก่อนที่จะจับนางเข้ามาใกล้ตัว พร้อมจูบลงบนหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน“สะ...สามี”เสียงหวานกระซิบด้วยความประหม่า แต่แม่ทัพเซียวกลับโอบเอวนางไว้มั่น นางหันหน้าหลบสัมผัสของเขา มือทั้งสองข้างผลักหน้าอกของเขาเบาๆ“ข้า...ข้าคิดว่า...”“ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยเสียงนุ่ม ริมฝีปากของเขาเคลื่อนต่ำลงจนสัมผัสริมฝีปากของนาง ความอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้หลินอวี้เหม่ยเริ่มสั่นเทา นางพยายามขัดขืน แต่มือของเขาที่กอดรัดทำให้นางอ่อนลงทุกที“ข้า...” นางพยายามพูดด้วยเสียงสั่น แต่แล้วความรู้สึกในใจของนางก็สับสน ไม่สามารถต้านทานสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังของเขาได้อีกต่อไป“อย่ากลัว...ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย” เซียวหลงเฉิงกระซิบปลอบประโลมอีกครั้ง พลางลูบไล้แผ่วเบาบนผิวแก้มนวลของนาง สายตาของเขามีเพียงความปรารถนาอันลึกซึ้งที่ถูกสะกดไว้ แต่ก็แ
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม