“แต่ว่า!”
“บอกให้อยู่เฉย ๆ จะเริ่มตรวจแล้ว”
จิลเก็บความอายทั้งหมดลงไปเมื่อเธอหนีอีกไม่ได้แล้ว คนตรงหน้านี้เป็นหมอคินน์ที่เธอพึ่งจะผ่านคืนเร่าร้อนมาด้วยกัน และเธอยังมาตรวจร่างกายเพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานอีก
“ให้ตายเถอะนี่บวมขนาดนี้เลยเหรอ เจ็บไหม”
เสียงอ่อนโยนที่ถามเธอทำเอาหัวใจของชมชนกสั่นอีกครั้ง ก่อนจะตอบเขาไปด้วยเสียงสั่น
“ไม่ค่ะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีฉีกขาดเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอักเสบเดี๋ยวผมจะจ่ายยาแก้อักเสบและลดบวมไปให้ ส่วนที่เหลือจะส่งตรวจที่แล็บอีกครั้ง อยากจะถามอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันลงไปได้หรือยัง”
เป็นครั้งแรกที่เขาตรวจเสร็จแต่ยังไม่อยากเดินออกจากห้อง เขายังอยากจะนั่งมองอีกนาน ๆ เหมือนกับพวกโรคจิตที่กำลังนั่งยิ้มให้กับผลงานตัวเอง และต้องตกใจเมื่อเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง
“จิล… เมื่อคืนทำไมถึงหนี”
“หมอคะ หมอตรวจเสร็จก็ควรจะปล่อยฉันไปได้แล้ว”
“อยากให้ปล่อยงั้นเหรอ แล้วเมื่อคืนนี้ใครล่ะที่เรียกให้ผมช่วย ไม่ใช่คุณหรอกเหรอ”
หมอคินน์ถอดหน้ากากอนามัยออกและก้มลงมากระซิบที่ข้างหู จิลรู้สึกเสียววาบไปถึงท้องน้อยเมื่อเขากระซิบเธอ กลิ่นหมากฝรั่งรสบลูเบอร์รี่มิ้นท์ทำเอาเธอรู้สึกหวั่นไหวและเมื่อเขากลับไปที่ขาหยั่งอีกครั้งก็ยิ้มออกมา
“แย่ล่ะสิ พูดแค่นี้ถึงกับเริ่มแฉะเชียวนะ ทำยังไงดีล่ะจิลหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณอีกครั้ง”
“หมอคะ เมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับคุณ ดังนั้นวันนี้ก็ช่วยปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
“อะไรนะ ไม่ใช่ว่าคุณชอบผมหรอกเหรอ”
“คือฉัน “เคย” ชอบคุณแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำมักง่ายกับฉันแบบนี้ได้ ปล่อยค่ะไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกคนให้ช่วย คุณคงไม่อยากเสียชื่อเพราะข้อหาลวนลามคนไข้หรอกนะคะ”
กลายเป็นคณาธิปที่อึ้งไปเมื่อเธอพูดจบ น้ำเสียงเธอแม้ว่าจะสั่นแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เมื่อปล่อยเธอจากเครื่องตรวจและลงมาได้ก็รีบเดินออกจากห้องตรวจไปทันทีเพื่อเปลี่ยนชุด
“จิล เป็นยังไงบ้างทำไมแกตาแดงแบบนั้นล่ะ”
“มิ้นท์ ฉันอยากกลับบ้าน”
“แต่ว่าแกยังไม่ได้เอกสารใบรับรองแพทย์แล้วก็ยาเลยนะ”
“ฉันไม่เอาแล้ว รีบไปจ่ายเงินแล้วกลับกันเถอะ”
“จิลนี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ฉัน…”
“คุณชมชนกคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์เรียกเธอไปพบ จิลจึงได้หันมาบอกเพื่อน
“ฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ แกรออยู่นี่เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
“ก็ได้”
มิ้นท์รู้สึกงงเล็กน้อย แต่เมื่อประตูห้องตรวจเปิดและหมอที่เดินออกมาพร้อมชุดกาวน์สีขาวก็ทำให้เธอตกใจ เพราะคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจของเพื่อนเธอก็คือหมอคณาธิป รุ่นพี่ของจิลนั่นเอง
“เชี่ย โลกนี้มันจะกลมเกินไปแล้ว ขนาดหนีมาคลินิกก็ยังมาเจอเขาเหรอเนี่ย”
เคาน์เตอร์ยา
“คุณหมอให้ยามาตามนี้นะคะ ทานเมื่อมีอาการปวดถ้าหายปวดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทานจนหมด ทานหลังอาหารนะคะ”
“ขอบคุณค่ะเท่าไหร่คะ”
“เอ่อ ในนี้บอกว่าไม่ต้องชำระค่ะเพราะว่ามีคนชำระแล้ว”
“อะไรนะคะ แต่ว่า…”
“รับยาเสร็จแล้วก็มาคุยกันหน่อยไหมคุณชมชนก”
จิลหันไปก็เห็นคุณหมอที่สวมชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาจนเกือบประชิดตัว พยาบาลเรียกคนไข้คนต่อไปมารับยาและไม่ได้สนใจพวกเขาอีก
หมอคินน์ดึงมือเธอและพาเข้าไปที่ห้องพักแพทย์ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเคสที่ต้องตรวจแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของเขาที่โรงพยาบาลแต่ก็ต้องมาที่คลินิกของตัวเองที่เปิดรับรักษาโรคทั่วไป เมื่อเข้าห้องได้เขาก็ล็อกประตูทันที
“ทำไมถึงต้องมาตรวจ คุณกลัวอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันก็แค่… ฉัน...”
“ทำไม หรือว่าคิดจะไปแจ้งความเอาเรื่องผมงั้นเหรอ ที่จริงเรามาคุยกันก่อนดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องถึงกับต้องไปแจ้งความเลยนี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่คิดจะไปแจ้งความให้ตัวเองอับอายหรอกค่ะ”
“แล้วยังไง หรือว่าอยากใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ผม เอาเอกสารและใบรับรองแพทย์นี้มาบังคับให้ผมรับผิดชอบคุณงั้นเหรอ”
“คุณหมอคะนี่คุณ… ไอคิวคุณอาจจะสูงจริง ๆ ฉันยอมรับแต่อีคิวของคุณต่ำกว่าเด็กสิบขวบเสียอีก”
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกไปแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอบคุณนะคะสำหรับค่ายาและค่าตรวจที่จ่ายให้ แต่ครั้งหน้าคงจะไม่รบกวน”
“เดี๋ยวก่อน นี่คุณกำลังจะบอกว่ามาที่นี่แค่ตรวจเฉย ๆ งั้นเหรอ”
จิลนึกโมโหไม่หาย นี่เธอชอบคนแบบนี้เข้าไปได้ยังไง ถ้ารู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้เธอคงถอยนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้หรอก เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองเขาให้ชัด ๆ อีกครั้งซึ่งคณาธิปไม่คิดจะถอยเธอจึงหยุด
“ใช่ค่ะ เพราะฉันไม่ทราบว่าจะติดโรคอื่นหรือเปล่า ก็แค่อยากมาตรวจดูเพราะก่อนหน้านี้ฉันเองก็รู้ว่าคุณ “สำส่อน” มากขนาดไหน ก็เลยมาตรวจให้แน่ใจขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ”
“อะไรนะ! นี่เธอว่าใครสำส่อน”
เขาโกรธจนตัวสั่นแต่เมื่อหันมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปแล้วจากประตูด้านหลัง เธอรู้ดีว่าห้องมีประตูสองฝั่ง ไม่นานเขาจึงได้เดินตามออกไปและเห็นว่าเธอมากับเพื่อนและกำลังเดินกลับไปที่รถ
“สำส่อนงั้นเหรอ ดีนี่จิลเธอกล้าพูดแบบนี้คงคิดมาแล้วสินะว่าจะเป็นศัตรูกับฉัน อย่ามาออดอ้อนให้รับผิดชอบทีหลังก็แล้วกัน”
เขาตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว นอกจากแผลบวมภายนอกเธอก็ไม่มีอันตราย แต่เมื่อคืนนี้เขาคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ถึงได้ทำเสียจนเธอแทบจะเดินไม่ไหวแบบนั้น ซึ่งหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีอาการแบบนี้ แต่เธอที่เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน เมื่อเจอของเขาที่ทั้งใหญ่และอารมณ์ที่เร่าร้อนเมื่อคืนก็ทำให้เธอมีอาการแบบนี้
“อยู่แถวนี้หรอกเหรอ”
เขารีบวิ่งไปเอาประวัติของเธอมาดูทันที ซึ่งโชคดีที่มีทั้งเอกสารบัตรประชาชนและที่อยู่ปัจจุบัน
“คอนโดใกล้ ๆ นี่เอง ชั้นห้าห้องห้าสองสอง”
คอนโดจิล
“จิล เมื่อกี้ฉันเห็นอีตาหมอของแก อย่าบอกนะว่าแกให้เขาตรวจ”
“ใช่ เป็นเขาจริง ๆ ซวยชะมัดเลยทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนนะว่าเขาจะมาเปิดคลินิกอยู่ใกล้ ๆ นี่ด้วย”
“ฉันว่าแกคงหนีเขาไม่พ้นแล้วล่ะ อยู่ที่ทำงานแล้วก็มีคลินิกอยู่ใกล้ขนาดนี้ แกจะเอายังไงต่อ”
“ฉัน…”
“แกยังชอบเขาอยู่สินะ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนนี้แกคงไม่ยอมให้เขาทำ”
จิลไม่ปฏิเสธ เพื่อนเธอเองก็รู้ดีว่าเธอก็คงดีใจไม่น้อยที่ได้คุณหมอที่ชอบเป็นคนแรกของตัวเอง พวกเธอแม้ว่าจะมีหัวที่ทันสมัยแต่ครั้งแรกก็ขอให้กับคนที่พึงพอใจมากที่สุด ซึ่งนับว่าจิลเองก็ไม่ได้คิดเสียใจที่ครั้งแรกของเธอเป็นคุณหมอคณาธิป
“ฉันอยากนอนพักแล้ว ขอบใจนะมิ้นท์ที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไร แกอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“สบายมาก ฉันไปก่อนนะ”
จิลเดินขึ้นห้องเหมือนกับคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ล้มตัวลงนอนทันทีโดยที่ไม่ทันได้กินยาที่หมอสั่งด้วยซ้ำไป ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงที่เพื่อนของเธอกลับไป
กว่าจิลลุกขึ้นมาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว เธอจึงคิดจะไปหาอะไรกิน แต่จังหวะนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นซึ่งเธอก็ส่องไปดูจึงได้เห็นว่าเป็นใคร แต่ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่จริงน่า! ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
จิลลังเลเมื่อคนที่มาเคาะประตูคือหมอคณาธิปที่ถือถุงบางอย่างมาด้วย แม้ว่าจะถอดชุดกาวน์ออกแล้วแต่เขาก็ยังดูหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแลค ซึ่งเป็นแบรนด์เนมทั้งตัวก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นมา“จะส่องอีกนานไหมหรือต้องให้พังประตูเข้าไปถึงจะยอมเปิด”จิลคิดผิดไปเสียแล้วที่ให้มิ้นท์กลับบ้านไปก่อนเพียงเพราะอยากนอนพักผ่อน แต่เมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตูเธอก็แทบจะหมดแรงและใจสั่นไม่หยุดจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นและค่อย ๆ เปิดประตูให้เขา“กว่าจะเปิดได้นึกว่าต้องรอถึงพรุ่งนี้เสียอีก กินข้าวหรือยัง”“คะ?”“เฮ้อ สมองเลอะเลือนไปหมดแล้วสินะ หลีกไปสิจะได้เอาของเข้าไปมันหนักนะเร็ว ๆ เข้า”“ของ… เอ่อ”“ผมหิวข้าว แล้วก็รู้ว่าคุณคงขึ้นมาแล้วนอนเลยจนไม่ได้หาข้าวกิน ยานั่นต้องกินหลังอาหารทันทีก็เลยซื้อมาเผื่อ”“ซื้อมาเผื่อเหรอคะ”ปริมาณที่บอกว่าซื้อมาเผื่อที่มีทั้งโจ๊กสองถุง ข้าวต้มและข้าวกล่องอีกสองสามกล่อง ยังมีผลไม้สดกับขนมปังถุงใหญ่และถุงของร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดอีกถุงใหญ่ แต่หมอคินน์กลับบอกว่าซื้อมาเผื่องั้นเหรอ“ให้เอาวางตรงไหน”“เอ่อ เอาวาง…โอ๊ย!”เธอกำลังจะหมุนไปหาโต๊ะ
“ค่ะ ต้องการแบบนี้แหละค่ะ”“แต่ว่า… เดี๋ยวนะก่อนหน้านี้หรือผมเข้าใจผิด ที่คุณชอบเอากาแฟกับขนมไปให้ผมที่ห้องจนสนิทกับคุณกช”“แต่คุณหมอก็ไม่เคยกินเลยไม่ใช่เหรอคะ คุณหมอโยนทิ้งมาตลอด ดังนั้นตอนนี้ก็ช่วยจับทุกอย่างเมื่อคืนนี้โยนทิ้งเหมือนของที่ฉันเคยให้จะได้ไหมคะ”กลายเป็นคณาธิปที่ตกใจเมื่อเธอพูดออกมาแบบนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเจ้าชู้คบกับสาว ๆ ไม่เลือกแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไร้ความรับผิดชอบ อีกอย่างเขาทำให้เธอต้องเจ็บตัวและป่วยอีกทั้ง… เขารู้สึกบางอย่างกับเธอ“แต่ผมคิดว่า...”“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นค่ะคุณหมอ บอกตามตรงนะคะว่าก่อนหน้านี้จิลยอมรับค่ะว่าชอบคุณหมอมากจริง ๆ แต่ว่าในตอนนี้เมื่อผ่านอะไรมาหลายอย่าง จิลรู้สึกว่าไม่อยากเหนื่อยและไม่อยากเจ็บอีก ก็เลยคิดว่าน่าจะพอแค่นี้ดีกว่าค่ะ”“คุณคิดอะไรอยู่ นี่เป็นครั้งแรกของคุณนะจิล คุณไม่ให้ความสำคัญไม่เท่าไหร่แต่กลับไม่ยอมให้ผมรับผิดชอบอะไรเลยงั้นเหรอ”“ใช่ค่ะ จิลยืนยันว่าไม่ต้องการแล้วก็ไม่ต้องห่วงนะคะ จากนี้ต่อไปจิลจะไม่ไปวุ่นวายที่แผนกของคุณหมออย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว และจะพยายามไม่สร้างความวุ่นวายให้คุณหมออีก หวังว่าคุณหมอจะสบายใจขึ้นนะคะ”“สบ
จิลร้องลั่นเมื่อลำเอ็นกระแทกเข้ามาไม่ยั้ง “อ่อนโยน” งั้นเหรอ ก็แค่คำพูดปลอบใจเธอเท่านั้นแหละ เพราะแค่ผ่านครั้งแรกไปได้เขาก็คงลืมคำนี้ไปแล้ว รวมถึงตัวเธอด้วย“อาา…จิลยอดไปเลยแน่นชะมัด ขอท่าหมาอีกทีได้ไหม”“อะไรนะคะ อ๊ะ! หมอ!”เขาเพียงแค่บอก ไม่ได้ถามความยินยอมหรือสมัครใจเมื่อเริ่มจับตัวจิลหันหลังพาดไปที่หัวเตียงและค่อย ๆ สอดเข้าไปอีกครั้ง แม้ว่าจะเบาแต่จิลรู้สึกว่ามันแน่นและดูเหมือนว่าเจ้าแท่งแกร่งของเขามันจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนเธอเริ่มจุก“โอ๊ย! หมอคะจิลเจ็บ มันใหญ่จัง”“อะไรนะ ไหวหรือเปล่าผมเสียวมากมันคงจะแข็งและใหญ่ขึ้นน่ะ ยังทนได้อยู่ไหม”“อื้อ…อ๊ะ!…ฮึก!”มันทั้งจุก ทั้งแน่นและเสียวในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อหมอคินน์ค่อย ๆ ขยับเบา ๆ เธอก็เริ่มเรียนรู้และตามเขาทัน เสียงครางต่ำของหมอคินน์ทำให้จิลเริ่มได้ใจ “หมอคะ จิลเสียว อ๊ะ!!”ลิ้นของหมอคินน์โลมเลียที่กกหูของเธอก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนลงมาที่ลำคอและฝังจูบลงไปเพราะความเสียวที่เขาพึ่งสอดใส่ไปจนสุด แรงกระแทกเริ่มเพิ่มมากขึ้นและถี่ขึ้น ไม่นานเธอก็รู้ว่าเขาทนไม่ไหวแล้วเพราะหมอคินน์กอดรัดตัวเธอเอาไว้จนแน่นและเกร็งตัวค้างอยู่ข้างหลัง“อาาา!! แฮก แฮ
ชั้นสิบแปดเมื่อขึ้นไปถึงหมอคินน์ก็เดินไปที่แผนกธุรการที่ทำงานกันอยู่ แต่ตอนนี้มีแค่เจ้าหน้าที่สามคนเท่านั้นไม่มีเด็กฝึกงาน“คุณหมอมีธุระด่วนอะไรเหรอคะ”“เอ่อ…ผม อยากได้…”ธุรการสาวมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าคณาธิปจะนึกไม่ออกว่าจะต้องการอะไร“คุณหมอคะ”“ผม… ลืมไปแล้วเดี๋ยวให้คุณกชมาเอาก็แล้วกันนะ”“ค่ะคุณหมอ แต่ว่าที่แผนกของคุณหมอยังไม่มีเอกสารอะไรที่ฝ่ายธุรการจะต้องนำไปให้นะคะ”“ครับ เอ่อแล้ว…”“คะ?”“วันนี้ไม่มีเด็กฝึกงานเหรอ ปกติชั้นนี้มีเด็กนักศึกษามาฝึกงานไม่ใช่เหรอครับ”“มีค่ะแต่วันนี้ทางแผนกอายุรกรรมกับแผนกฉุกเฉินขอเด็กไปช่วยงาน ก็เลยไม่ได้อยู่ที่นี่กันค่ะ”“แผนกอายุรกรรม แบบนี้นี่เอง”“ค่ะ คุณ…หมอ เขาจะรีบไปไหนของเขาน่ะ มาเอาเอกสารอะไรด้วยตัวเอง ปกติให้คุณกชกรมาเอาไม่ใช่เหรอ”ธุรการสาวหันกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะพร้อมกับบ่นด้วยความแปลกใจ หมอคินน์ที่เดินออกมากดลิฟต์ก็ได้แต่คิด เมื่อตอนบ่ายเขาเห็นเธอกับผู้ชายคนนั้นที่แผนกอายุรกรรมจริง ๆ นั่นแหละ เขาเริ่มนึกออกแล้วว่าเธอมักจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้หญิงสองคน หนึ่งในนั้นมีผู้ชายด้วยคนหนึ่งที่เคยทักเขาที่ร้านกาแฟแต่เขาไม่เคยส
คณาธิปก้มลงไปเห็นรอยลิปติกของจีน่าที่ปกคอเสื้อจึงได้เข้าใจในทันทีว่าทำไมชมชนกถึงได้ทำหน้าแบบนั้น และทำไมเพื่อนของเธอถึงได้หน้าแดงและรีบลาเขากลับบ้าน“แย่ละ”“อะไรแย่เหรอ”“เปล่า ๆ คุณมาดื่มกาแฟเหรอ คือรอยนี่คนไข้เดินมาชนก็เลย…”“อ๋อ แบบนี้เองถึงว่าล่ะคุณเลยไม่รู้ตัว ช่างเถอะนี่กาแฟของคุณ เรียกสามครั้งแล้วไม่ไปเอาผมเลยเอามาให้”“ขอบใจนะหมอจักร”“ไม่เป็นไร วันนี้งานยุ่งชะมัดเลยดีนะมีน้องจิลกับน้องธามมาช่วย เด็กสองคนนี้ใช้ได้เลยเสียดายที่เรียนบริหาร”“เหรอ เธอเป็นยังไงบ้างล่ะ”“เก่งใช้ได้เลย เรื่องการจัดเอกสารและการใช้คอมพิวเตอร์คล่องกว่าเจ้าหน้าที่บางคนเสียอีก นี่ถ้าไม่ได้สองคนนี้มาช่วยวันนี้คงวุ่นวายแน่ ๆ กว่าจะได้พักก็เกือบบ่ายสองแล้วแต่น้อง ๆ ไม่บ่นสักคำ น้องธามนั่นพอน้องจิลไม่พักก็ไม่ไปพักเหมือนกันบอกว่าจะรอ สงสัยชอบน้องจิลแน่ ๆ”“อืม งั้นเหรอ”หมอคินน์ดื่มกาแฟขม ๆ รวดเรียวจนหมดและรีบทิ้งถ้วยในถังขยะทันที เขาไม่รู้รสชาติของกาแฟนั่นเลยสักนิดแต่กลับคิดถึงแต่สายตาละห้อยเหมือนลูกแมวถูกทิ้งเมื่อกี้นี้แทน“ผมไปก่อนนะหมอจักร คืนนี้มีธุระน่ะ”“ได้ ๆ แล้วเจอกันนะครับ”หมอคินน์รีบเดินกลับไปที
“อะไรนะ! แล้วเขาจำแกไม่ได้เหรอ”“ฮึ อย่าว่าแต่จำเลยเขาไม่มองฉันด้วยซ้ำ นี่ขนาดฉันเดินไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้คุณจีน่าเขายังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ สงสัยมัวแต่ตะลึงความสวยของคู่ควงคืนนี้ละมั้ง”“จิล แกไหวแน่นะ”“ไหวสิ อีกสองชั่วโมงเองไม่ใช่เหรอ”“ก็ใช่แต่ว่าแกพักสักหน่อยก็ได้ ช่วงนี้เป็นรอบของพวกผู้ชายเดินเสิร์ฟแล้วไปห้องน้ำกัน”“ไปสิ”ทั้งสองคนเดินไปเข้าห้องน้ำสำหรับพนักงานซึ่งจะอยู่คนละที่กับแขก เมื่อกลับมาจิลก็ทำหน้าที่ตามเดิม โดยที่พยายามเลี่ยงจุดที่ใกล้กับคณาธิป“ขอบคุณครับคนสวย”“ยินดีค่ะ”จิลยิ้มให้ดาราหนุ่มชื่อดังที่เธอเคยเห็นเขาตามรายการในทีวี เธอพึ่งรู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยแล้วเพราะโดยปกติ “อี้เฉิน” มักจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างเมืองไทยกับประเทศจีน ครั้งนี้เธอจึงรู้ว่าเพราะอะไรแขกและคนด้านนอกถึงมากันเยอะเป็นพิเศษ“เอ๊ะ ตายจริงหกหมดเลย”“ไม่เป็นไร ๆ ผมโอเค คุณไม่เป็นไรใช่ไหมขอโทษทีผมไม่ทันระวัง”จิลที่เดินออกมาแล้วกลับถูกอี้เฉินซึ่งไม่ทันระวังถอยมาชนจนเสื้อเขาเลอะ แต่สาว ๆ ข้าง ๆ เริ่มจะหันมาเอาเรื่องจิล โดยที่เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด“นี่เธอเดินยังไงกัน”“พวกคุณฟังก่อนสิ ผมไม่ระวังเองไม่เก
ห้องสวีทชั้นสิบสองหมอคินน์พยายามดึงการ์ดในกระเป๋าเสื้อสูทออกมา แต่เขากลับไม่มีแรงจึงหันไปให้จิลดึงออกมา เธอรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรจึงช่วยดึงการ์ดออกมาแตะที่ประตู เมื่อเปิดเข้าไปหมอคินน์ก็รีบดึงเธอเข้าห้องและล็อกทันที“หมอคะ!”“เงียบแล้วช่วยผมก่อน ผมโดนจีน่าวางยา”“อะไรนะคะ!!”“ไวน์นั่น! ช่วยผมด้วยจิล”“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณหมอมานั่งที่เตียงก่อนจิลจะไปเปิดน้ำในอ่าง…ว้าย!! หมอคะ”หมอคินน์ดึงจิลมาที่เตียงและโถมตัวเข้าหาเธอทันที ทั้งคู่ล้มไปที่เตียง กลิ่นไวน์ยังคงอบอวลและเสียงของหมอคินน์เริ่มสั่น“ที่ผมบอกว่าให้คุณช่วย ไม่ใช่ให้อาบน้ำคุณช่วยผมนะจิล”“อื้อ…อ๊าา”ชุดของเธอถูกหมอคินน์ดึงออกแทบจะไม่ทันได้ปลดกระดุม ไม่นานเสื้อของหมอคินน์ก็หล่นไปกองที่พื้นพร้อมกับชุดของจิล“หมอคะ อ๊าา เบาหน่อยสิคะ”“จิล…ผมทนไม่ไหวแล้ว”เขาจูบเธอรุนแรงกว่าทุกครั้ง นี่เขาเป็นหมอแต่กลับถูกวางยางั้นเหรอ ไม่คิดเลยว่านางแบบชื่อดังจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในโรงแรมใหญ่ อีกอย่างหมอคินน์ในตอนนี้ก็ดุเดือดจนจิลเองก็เริ่มทนไม่ไหว ลิ้นของเขาเปลี่ยนมากระดกรัวที่ยอดอกซึ่งเธออ่อนไหวมากที่สุด จิลได้แต่แอ่นรับปากและลิ้นที่ค่อย ๆ ดูด
“อะไรนะคะ ปลอมเป็นพ่อจิลเหรอ แต่เพื่อน ๆ ก็รู้ว่าพ่อของจิลอยู่ต่างประเทศ”“แต่ฝ่ายบุคคลที่โรงพยาบาลรู้ที่ไหนล่ะจริงไหม เพราะอย่างนั้นก็ไม่ต้องห่วงมากนักหรอกน่า ไหนล่ะรางวัลผม”“รางวัลอะไรคะ เมื่อคืนไม่ใช่ว่าคุณหมอขอให้จิลช่วยเหรอคะ”“จริงด้วยสิจะพูดถึงเรื่องนี้ก็คงต้องรีบแล้วล่ะ คุณเป็นประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”“ถามทำไมคะ”“ก็เมื่อคืนนี้ผม… ปล่อยข้างในไปเพราะมันเสียว…. อื้อ”จิลรีบหันมาเอามือปิดปากเขาไม่ให้พูดออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นคุณหมอคาสโนว่าและเจ้าชู้มากขนาดไหน แต่เธอก็ไม่ได้อยากถึงขนาดมานั่งฟังเขาสาธยายเรื่องบนเตียงกับเธอหรอก“หยุดพูดได้แล้วค่ะ”“งั้นก็บอกมาสิจะได้ทำถูก จะฉีดยาคุมดีหรือว่าจะกินยา…”“แค่ยาคุมฉุกเฉินก็คงจะพอมั้งคะ เดี๋ยวจิลออกไปซื้อ”“กล้าไปเหรอ”“ไม่เห็นมีอะไรจะต้องอายเลยนี่คะ เวลาคุณหมอซื้อถุงยางอนามัยเคยอายไหมละคะ”คำพูดน่าหมั่นไส้นี้เองทำให้หมอคินน์เริ่มทนไม่ไหว เขาดึงเธอเข้ามาในผ้าห่มก่อนจะค่อย ๆ ดึงเชือกที่ชุดออกแต่มือของจิลจับเอาไว้แน่น“ปล่อย”“ไม่ค่ะ จิลจะกลับบ้าน”“แต่เรายังคุยกันไม่จบนะจิล”"หมอต้องการอะไรกันแน่ หมอรู้อยู่แล้วนี่คะว่าจิลชอบคุณหมอ แ
ห้องส่งตัว หมอคินน์ค่อย ๆ พยุงภรรยาเข้ามาในห้องหอที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับทั้งคู่ งานในวันนี้ถูกจัดที่เรือนหอที่พึ่งสร้างเสร็จ เมื่อพาเธอมานั่งที่เตียงหมอคินน์ก็ก้มลงไปถอดรองเท้าให้จนจิลต้องห้ามเขา“อย่าทำแบบนี้นะคะ เดี๋ยวจิลถอดเองดีกว่า”“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ให้ผมทำเถอะนะ คุณแค่อุ้มท้องเจ้าตัวเล็กนี่กับต้องทนแพ้ท้องทุกวันก็ลำบากแย่แล้ว แค่ถอดรองเท้าให้คุณผมทำได้อยู่แล้ว”“แต่ว่า…”เมื่อหมอคินน์ถอดรองเท้าเธอออกถึงได้รู้ว่าทำไมจิลถึงไม่อยากให้เขาเป็นคนถอด รองเท้าแม้ว่าจะสวยแต่กลับกัดเจ้าสาวของเขาจนมีรอยแผล“อะไรเนี่ย! ทำไมไม่บอกผมว่ารองเท้ากัดล่ะ แล้วทำไมต้องทนเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้”“หมอคะ! อย่าไปเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยทาก็ได้ไม่ได้เจ็บมาก ยังมีถุงน่องรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง มิ้นท์เองก็เอาแผ่นรองมากันให้แล้วตอนอยู่ในงาน”“ทำไมไม่พูดอะไรเลยผมจะได้ให้คนเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้”“จิลไม่คิดว่าวันจริงเท้าจะบวมมากขึ้นขนาดนี้ค่ะ วันที่ลองใส่ยังพอดีกับเท้าอยู่เลย”“เฮ้อ อยู่นี่นะผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่เท้า”หมอคินน์ลุกขึ้นเพื่อจะไปเตรียมของ จิลลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง คณาธิปร
“นี่แกยังจะทรมานเมียแกอีกเหรอ ตอนนี้จิลก็กำลังท้องแกยังจะทรมานลูกสะใภ้ของฉันแบบนี้ได้ยังไง”“ผมรู้ครับแต่ผมก็ติดรสมือเมียผมไปแล้วนี่นา อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพ้มากแต่ยังไงผมก็ต้องดูแลจิลให้ดีที่สุด แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”“เดือนหน้าจะรับปริญญาแล้วใช่ไหม คงต้องจัดการให้ดี ๆ แล้วล่ะ คุณลินดา จริงด้วยบอกคุณแม่หรือยัง”“บอกแล้วค่ะคุณแม่บอกว่าจะรีบมาที่กรุงเทพค่ะถ้างานที่ฮ่องกงเรียบร้อยคงจะมาอยู่ยาวค่ะ”“ดีเลย ๆ งั้นแม่ไม่รบกวนละ ตาคินน์เลิกงานแล้วก็รีบพาจิลกลับไปบ้านพักผ่อนแล้วอย่าหักโหมนักเข้าใจไหม หนูเองก็พักมาก ๆ นะเข้าใจไหม ท้องแรกอาจจะยังทำตัวไม่ถูกเอาไว้แม่จะทำอาหารบำรุงครรภ์ไปให้”“ขอบคุณค่ะคุณแม่”คุณแม่หมอคินน์กลับไปแล้วเขาจึงพาเธอกลับบ้าน แต่เรื่องทุกอย่างไม่ง่ายเลย เพราะจิลแพ้ท้องเกือบทุกวันจนหมอคินน์ไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกในช่วงนี้ นอกจากจะมีธุระสำคัญอย่างไปตรวจครรภ์กับเขาที่โรงพยาบาล หรือฝึกซ้อมรับปริญญาเท่านั้นหนึ่งเดือนถัดมา / งานรับปริญญา “ชิดกันหน่อยนะครับ หนึ่ง สอง… สวยมากครับ”หมอคินน์ที่ถ่ายรูปคู่กับจิลซึ่งถือช่อดอกไม้ช่อโตที่เขาถือมาให้พร้อมกับลูกโป่งเพื่อแสด
""อะไรนะ""ทั้งสามคนหันมามองหน้าคณาธิปด้วยความคิดที่ไม่เหมือนกัน “แกจะไม่ใจร้อนเกินไปเหรอที่ไปดูที่และตัดสินใจแบบนั้น ต้องให้…”“แม่ครับ ผมให้ซินแสของคุณแม่ไปช่วยดูมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ที่ดินไม่มีปัญหาอีกอย่างเป็นทำเลทองและอยู่ในโครงการของคุณพ่อนั่นแหละครับ ไม่ได้ซื้อที่อื่นเลย”“แต่ว่าที่ดินตอนนี้ต้องดูดี ๆ อีกอย่างบริษัทที่รับออกแบบ…”“พ่อครับ เรื่องนั้นผมมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คอยดูแลให้อยู่นะครับ อีกอย่างพี่จรูญก็ช่วยผมได้เพราะเขาดูแลโครงการบ้านที่นี่อยู่เหมือนกัน”“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่เห็นคุณหมอบอกจิลมาก่อนเลย”“คือว่าเรื่องนี้…. ผมอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแต่ไม่คิดว่าคุณแม่จะพูดเรื่องเรือนหอขึ้นมาก็เลยต้องรีบบอกน่ะ หมู่บ้านนี้เป็นของคุณพ่อก็จริงแต่ผมซื้อที่ดินและปลูกเองนะครับไม่เกี่ยวกับเงินบริษัท ที่สำคัญที่นี่อยู่ใกล้มหาลัยของจิลแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเดิมด้วย”จิลไม่กล้ามีปากเสียงต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แม้ว่าจะไม่เคยได้ออกความเห็นเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าหมอคินน์จะทำทุกอย่างรวดเร็วแบบนี้ ตั้งแต่เรื่องที่เชียงใหม่จนถึงที่นี่ เธ
จิลแทบไม่มีความรู้สึกเลยเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน จำได้แค่ครั้งสุดท้ายเธอไม่มีเสียงและอยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเตียงและหลับสนิทไปเลยหลังจากนั้นเมื่อหันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ซึ่งไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนกับเธอก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งจับที่ปลายจมูกคมสันน่ามองนั่น“ตื่นแล้วแกล้งคนแบบนี้ระวังจะไม่มีแรงกลับกรุงเทพฯ เอานะครับ”“อุ๊ย! คุณตื่นแล้วเหรอ แกล้งหลับเหรอคะเนี่ย”คณาธิปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคู่หมั้นข้าง ๆ และดึงเธอเข้ามาหอมแก้มอีกครั้งและกอดเธอเอาไว้“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้เหรอว่ามีคนกำลังจะลักหลับสามีตัวเอง”“พูดอะไรแบบนั้นคะ ไม่ได้ทำสักหน่อย”“งั้นก็แอบมองเพราะผมหล่อมาก”“แหวะ”“ท้องแล้วเหรอ แสดงว่าความพยายามที่ผ่านมาได้ผล”“จะบ้าเหรอคะหมอ! เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยใครท้องกันล่ะคะ”“จริงสิจิลคุณวางแผนเอาไว้หรือยัง หลังเรียนจบแล้วแต่งงาน อยากมีลูกกี่คน”“เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดเอาไว้เลยค่ะ ช่วงนี้คงต้องฉีดยาคุมไปก่อนจนกว่าจิลจะเรียนจบนะคะ”“ผมรู้ครับแต่หลังจากแต่งงานยังไงแม่ผมก็ต้องถาม นี่ยังไลน์มาถามทุกวันว่าขอคุณแต่งงานสำเร็จหรือเปล่า”“อะไรนะคะ คุณแม่ข
“พรีเวดดิ้งเหรอคะ”“มาเถอะน่า มีอีกหลายคนที่รอถ่ายอยู่นะ”“ออ ค่ะ ๆ”“เดินระวังหน่อย”หมอคินน์ค่อย ๆ จับตัวจิลเข้าไปถ่ายรูปในฉากที่โรงแรมจัดเอาไว้ให้ ทั้งคู่ถ่ายรูปไปเยอะมากและถ่ายในหลาย ๆ มุมของโรงแรมเหมือนกับช่างภาพถูกจ้างมา แต่คณาธิปก็ไม่ได้ขัดใจเพราะวันนี้คู่หมั้นของเขาสวยเหมือนกับเจ้านางทางเหนือและเขาเองก็ไม่เคยแต่งชุดแบบนี้เลยสักครั้ง“อร่อยไหม”“อาหารของโรงแรมวันนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ หรือเป็นเพราะว่าเทศกาล ดูสิคะคนเริ่มมาลอยกระทงกันแล้ว”“อยากไปลอยหรือเปล่า”“อืม รอให้แขกคนอื่นลอยไปก่อนก็ได้ค่ะคนยังเยอะอยู่เลย”“แต่ช่วงสามทุ่มเห็นบอกว่าจะมีจุดประทีปลอยแม่น้ำปิง ที่จริงจะมีปล่อยโคมที่เรียกว่างานอะไรนะ...”“ประเพณียี่เป็ง[1]ค่ะแต่เห็นบอกว่าตอนนี้งดปล่อยโคมกันแล้ว ให้จุดไฟแล้วลอยโคมสายในน้ำแทนค่ะ”“ก็ดีนะ แบบนี้ไม่อันตรายด้วย”ทางโรงแรมมีจัดงานลอยกระทงแบบย่อม ๆ แขกที่มาพักที่นี่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทุกคนต่างสวมชุดล้านนาที่ทางโรงแรมมีจัดเตรียมไว้ให้ แต่เท่าที่จิลเริ่มสังเกต ทุกคนล้วนแต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนเพราะชุดที่เธอและหมอคินน์ใส่เหมือนจะไม่เหมือนกับชุดพื้นเมืองที่คนอื่
จิลค่อย ๆ ขยับช่วงเอวตามจังหวะและเริ่มรุนแรงขึ้นเพราะเธอทนไม่ไหว ความเสียวที่เขากระตุ้นเริ่มทำให้เธอลืมตัว“อ๊าา ที่รักคะช่วยด้วย!!”“มาแล้ว...อาา แน่นฉิบหายเลย โอยจิลผมเสียวมาก…อาา”คณาธิปดึงเธอลงมากอดเขาเอาไว้และเป็นฝ่ายเด้งตอบเธอไป ความแรงและความถี่ของเขาทำได้ดีกว่าเธอ ไม่นานจิลก็เริ่มร้องดังมากขึ้น ร่างบางเกร็งสุดตัวและร้องสุดเสียงเมื่อถึงฝั่งไปก่อน หมอคินน์เองก็ไม่อยากรอ เขาจึงได้เร่งตามเธอไปทันที“อาา…ไม่คิดว่าจะน่ากินขนาดนี้”“ต่อสิคะที่รัก”“ให้ตายเถอะ ทำไมคืนนี้คุณเร่าร้อนขนาดนี้”จิลลุกขึ้นและหันหลังพร้อมกับก้มบั้นท้ายรอเขา เธอถอดชั้นในออกไปแล้วโดยไม่รอให้เขาทำ หมอคินน์แค่เห็นบั้นท้ายขาวกลมตรงหน้ามีเหรอที่จะทนไหว เพียงแค่จังหวะเดียวเขาก็สอดเข้าไปจนสุดและแช่เอาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นและการบีบรัดตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปขย้ำบั้นท้ายจนเกิดรอย“เฮือก!! อ๊าา…ฮึก!! อ๊าา…หมอคะ แรงอีกค่ะ อ๊าา แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา”จิลเสร็จไปไม่รู้กี่รอบในคืนนี้แต่เขาก็ยังปรนเปรอเธอไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะยอมตามใจเขามากกว่าเดิม คิดถูกแล้วที่ไม่ทำข้างนอกเพราะหมอคินน์ค่อนข้างจะหวงแฟนสาวเอามาก ๆ แต่ต่อให้เ
เทียนที่ลอยอยู่ในสระน้ำโดยมีโคมอันเล็กใส่อยู่ อีกทั้งริมสระที่เต็มไปด้วยกุหลาบ จิลคิดว่าหมอคินน์คงให้คนที่โรงแรมแอบเตรียมไว้ให้ในช่วงที่ทั้งคู่ออกไปเที่ยวข้างนอก“ชอบไหมครับ”“สวยจังเลยค่ะ”“คุณก็สวยมาก มานี่สิ ได้เวลาที่เสือจะล่ากวางแล้วนะ”“หมอคะ แต่ว่า…”“ตอนนี้มืดแล้ว ผมป้องกันอย่างดีคุณไม่ต้องห่วงหรอก ที่สำคัญตึกนี้สูงกว่าตึกอื่น ๆ และไม่มีใครมารบกวนพวกเรา”จิลหันไปมองรอบ ๆ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและชมพูบานสะพรั่ง เทียนหอมที่ถูกจุดอยู่ในสระน้ำเพื่อเพิ่มบรรยากาศทำให้จิลรู้สึกเคลิ้มไปกับบรรยากาศ“หมอคะ ต้องถอดด้วยเหรอ”“ตอนนี้ยังไม่ต้อง เดี๋ยวผมไม่มีสมาธิ”คณาธิปหันมามองหน้าแฟนสาวและจับมือเธอเอาไว้แน่นเพื่อรวบรวมสมาธิ จิลรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะบรรยากาศและคนที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าเขาอยากจะทำอะไรกันแน่ แต่หัวใจของเธอพองโตจนอดยิ้มออกมาไม่ได้“ผมเป็นคนพูดไม่เก่งเท่าไหร่แต่ว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณ ผมไม่ชอบคุณเลย ไม่ชอบนิสัยของคุณที่ทำเหมือนพวกโรคจิตที่คอยเอาแต่ตามมองผม เอาของโน่นนี่มาให้ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ชอบ ผมเกลียดการกระทำแบบนั้น”“หมอคะ นี่หมอเรียกจิลมาต่อว่าเหรอค
“อ๊าา… หมอคะ มันเสียวมาก อื้อ….”แอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไปไม่กี่แก้วเริ่มออกฤทธิ์ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะมีแรงตื่นไปเที่ยวกับเขาไหวหรือเปล่า แต่ตอนนี้จิลแทบจะไม่สนอะไรอีกนอกจากลิ้นของหมอคินน์ที่ไต่อยู่ยอดอกของเธอ และมือที่ช่วยเธอขยับที่เอวให้สอดเข้าไปลึกขึ้น“อ๊าา หมอคะ ในน้ำไม่ไหวแล้ว”“ก็ได้ ๆ รอบนี้จบก็ไปที่เตียงกันนะ”“อึ๊ยย!! เสียวมาก อ๊าา….”“เสียงของคุณเซ็กซี่มาก เมียจ๋า ผมทนไม่ไหวแล้ว อาา….”นับว่าไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์ตามมาง้อเธอถึงเชียงใหม่ เพราะนอกจากอากาศจะดีแล้วสถานที่พักก็จัดว่ายอดเยี่ยม อีกอย่างจิลเองก็มีความสุขและมีรอยยิ้มมากกว่าตอนที่อยู่ที่กรุงเทพ แต่นั่นคงเป็นเพราะเขาและเรื่องราวก่อนหน้านั้นที่ไม่ชัดเจน อีกทั้งข่าวลือมากมายและยังผู้หญิงหลาย ๆ คนที่พยายามเคลียร์ออกไปจนหมด วันถัดมา“อือ หมอคะนี่กี่โมงแล้ว”“พึ่งจะแปดโมงเช้า ไม่ต้องรีบคุณตื่นแล้วเหรอ”“เมื่อยมาก ๆ เลย”“เอาไว้กลับมาค่อยมาสปาที่ชั้นล่าง ผมถามเขาแล้วว่ามีบริการนวดด้วยเผื่อว่าคุณอยากนวด”“จริงเหรอคะ วันที่มาเช็คอินน์ก็ไม่ทันได้ถามเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับงานลอยกระทงที่พวกเขากำลังจัด แต่อีกตั้งสองวันมั้งคะ
จิลตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายสี่โมงแล้ว แต่ข้าง ๆ ไม่มีหมอคินน์อยู่จึง ลุกขึ้นก็มองไปทั่วห้อง เสียงประตูเปิดเข้ามาจึงรีบมุดลงไปใต้ผ้าห่มอีกครั้งเพราะตัวของเธอยังไม่ได้สวมเสื้อผ้า“คุณตื่นแล้วเหรอ หิวหรือเปล่าผมไปถามผู้จัดการโรงแรมมาบอกว่าแถวตลาดกลางคืนมีร้านน่ากินอยู่เยอะเลย อยากออกไปเที่ยวสักหน่อยไหม”“คุณหมอไปไหนมาเหรอคะ”“ออกไปจัดการเรื่องห้องของคุณมายังไงล่ะ เขาบอกว่าจะย้ายห้องให้ อีกอย่างผมก็ไปเก็บของของคุณมาแล้ว เหลือแค่ให้พวกเขายกเข้ามาให้”“หมอคะ! ทำไมหมอต้องไปเก็บของของจิลมาด้วย”“ทำเหมือนไม่เคยทำไปได้ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว”“ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะแบบนี้”“ตกลงจะไปกินข้าวข้างนอกไหม คืนนี้มีตลาดไนซ์พลาซ่าด้วย”“ไปสิคะ!”“งั้นก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ เดี๋ยวผมจะไปเอากระเป๋ามาให้”“ก็ได้ค่ะ”จิลหันไปมองรอบ ๆ หมอคินน์รู้ว่าเธอมองหาผ้าเช็ดตัวหรือไม่ก็ชุด คลุมอาบน้ำ เขาจึงเดินไปเอาชุดคลุมในตู้มาให้เธอ“นี่ครับคุณผู้หญิง ลุกไหวหรือเปล่าให้ผมช่วยอุ้มไปอาบหรือว่าจะให้อาบให้ดี”“ไม่เอา! ถ้าหมออาบให้คงไม่ได้ไปง่าย ๆ แน่ คุณอาบแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้นี่นา”“ไม่ค่ะ เดี๋ยวจะเสียเ