.
.
“ฆ่า!! ฆ่าฉัน!! ทำสิ!! ลงมือสิ!! ทำ!!”
“อะ...อึก!!...ปล่อยฉันนะ!!”
มือหนาจับที่ข้อมือของหญิงสาวที่กำมีดแน่นพร้อมกับดึงเข้าหาตัว แต่กะทิกลับยั้งมือและพยายามที่จะดึงมือออก ภายในใจสั่นและเต้นแรงจนแทบจะระเบิด การฆ่าคนมันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดไว้เลยสักนิด ปลายมีดเข้าใกล้คอหนาของชายหนุ่มตรงหน้าเรื่อยๆ ด้วยแรงของเขา
“กรี๊ดดดดดดด!!!..ฮึกๆ ..ฮือๆ”
มือเล็กปล่อยมีดที่กำไว้แน่นให้ร่วงหล่นลงพื้น พร้อมกับกรีดร้องเมื่อปลายมีดจ่อติดคอหนาจนเลือดสีแดงไหลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว ร่างเล็กสั่นเทาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือเล็กสองข้างขยำหยุมที่ผมของตนก่อนจะงอตัวเหมือนเด็กที่กำลังกลัว
“หึ....”
ทิศเหนือแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นเก็บมีดของตนเหวี่ยงทิ้งไป สายตาคม ที่ดูเย็นชาจนไม่อาจจะคาดเดาความคิดได้หลุบตามองหญิงสาวที่นั่งตัวสั่นอย่างไม่ได้สติ ความแข็งแกร่งและเก่งกาจที่เคยสั่งสมมาถูกเขาทำลายจ
..“อื้ม! อื้ม!!”เสียงอื้ออึงในลำคอคัดค้านรสจูบ กะทิพยายามขัดขืนพร้อมกับทุบอกแกร่งอย่างแรง แต่เขากลับกอดรัดเธอแน่นขึ้น ทิศเหนือละจากจูบเพียงชั่วครู่เพื่อถอดเสื้อของหญิงสาวออกพร้อมกับโยนมันออกไป ไม่ทันที่กะทิจะได้เอื้อนเอ่ยคัดค้านใดๆ ก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากหยักสวยได้รูปป้อนจูบให้อีกครั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ของคนทั้งคู่ถูกมือหนาปลดออกอย่างชำนาญก่อนจะเหวี่ยงเสื้อผ้าเปียกๆ นั้นไปคนละทิศละทาง อุณหภูมิของร่างกายไม่ลดลงเลยแม้จะอยู่ในน้ำ รสจูบที่เริ่มเร่าร้อนรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวก่อนจะไปหยุดที่บั้นท้ายงอนงามแล้วบีบขย้ำมันตามแรงอารมณ์แม้ในความคิดจะนึกรังเกียจคนตรงหน้าแต่ร่างกายกลับไม่เป็นไปตามความคิดเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกวาบหวามเพิ่มทวีคูณขึ้นตอบรับทุกสัมผัสที่เขามอบให้อย่างน่ารังเกียจตัวเอง กะทิพยายามดันอกแกร่งแต่ก็ทำได้เพียงแค่ดันเบาๆ สองแขนแกร่งโอบอุ้มร่างของเธอขึ้นมานั่งบนตักทั้งที่ยังไม่ละจากจูบ ก่อนจะเลื่อนมือไปบีบขย้ำเต้าตึงที่เด่นตระหง่านตรงหน้า“อื้อออ...อย่า...อ๊ะ”&n
..หลังจากที่ทนผ่านศึกรบศึกรักมาทั้งคืนกะทิเองก็แทบจะนอนไม่หลับเลย ในหัวยังคงคิดวนไปมากับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญ แต่ถึงเขาจะใจร้ายแต่เขากลับนอนกอดเธอไม่ยอมปล่อยทั้งคืน ไม่ว่าเธอจะพยายามขยับตัวหนีแค่ไหนก็ไม่พ้นอ้อมกอดของคนที่นอนหลับตาพริ้มสบายใจอยู่หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาที่สามารถจะทำให้สาวๆ น้อยใหญ่ยอมศิโรราบต่อเขาอย่างง่ายๆ เพียงแค่ชายตามอง พร้อมกับความคิดหนึ่งที่ว่าถ้าเธอและเขาไม่ได้เจอกันในสถานการณ์สงครามความเคียดแค้นนี้ พวกเขาจะรักกันได้ไหมกะทิสะบัดความคิดนั้นออกพร้อมกับบอกกับตัวเองว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ในเมื่อเธอและเขาเลือกอยู่ทางตรงข้ามกัน ทุกๆ การกระทำล้วนเกิดจากความอยากเอาชนะและความแค้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับเธอล้วนแต่เป็นแผนที่วางเอาไว้ก่อนแล้ว ทั้งตัวเธอเองและเขาต่างรู้ดีในข้อดี ถ้าเธอไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องทำลายเธอสักวัน ไม่ว่าจะคิดยังไงปลายทางมันก็มีแค่จุดจบเดียว..ก่อนจะทันได้คิดอะไรต่อ แขนแกร่งกระชับกอดแน่นขึ้นแทบจมอกแกร่งๆ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา อ้อมกอดที่ดูอบอุ่นมันจะเกิดขึ้นยามหลับใหลเพียงเท่านั้น อ้อมกอดนั
..“อะไรนะครับ?”“กูไม่ชอบพูดซ้ำ”“เอ่อ...ก็ดูแลเธอดีๆ ครับ ไม่ขัดใจเธอมาก อ่อนโยนกับเธอให้เยอะๆ ให้เกียรติเธอตามสมควร สังเกตว่าเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร ทำให้เธอสบายใจเมื่ออยู่ด้วย แสดงควมรักให้เธอรับรู้ น่าจะประมาณนี้มั้งครับ”“งั้นหรอ”“แต่ผมว่า...นายเหนือเป็นตัวของตัวเองเถอะครับ ถ้าเธอจะรักเธอก็รัก”“ถ้าเป็นตัวกู...ดูท่าจะกะทิจะเกลียดกูมากกว่ามั้ง”ทิศเหนือพูดพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อเห็นว่ากะทิเดินออกจากห้องลองเสื้อมา สายตาของเธอกลับสอดส่องเหมือนมองหาใครบางคน ก่อนจะหันหลังไปมองพนักงานสาวที่ยืนจ้องเธอตาเขม็งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่ตั้งอยู่ด้านในของร้านไม่ห่างจากทางเข้าห้องลองเสื้อมากนัก สายตาของพนักงานสาวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยามกะทิมองพนักงานคนนั้นแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งพร้อมยกยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาทิศเหนือที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วทิ้งตัวเองนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน แขนเรียวคล้องคอหนาข้างหนึ่งมือเล็กอีกข้างหนึ่งลูบไล้อกแกร่งไปมาผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาชอบใส่ ทิศเหนือมองดูก
..ก๊อกๆ“กะทิ เปิดประตู”ทิศเหนือพยายามเคาะเรียกคนที่อยู่ด้านในแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กะทิที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำเสร็จก็หันไปมองยังประตูก่อนจะเมินเฉยต่อเสียงเรียกนั้น มันน่าหงุดหงิดที่เขาเรียกเธอว่าเมียแต่ยังไม่ยอมสะบัดคนรักเก่าออกทั้งที่อยู่ต่อหน้าเธอ เพราะตอนแรกก็คิดจะช่วยเล่นตามบทให้เสียหน่อยแต่เขากลับไม่ยอมปฏิเสธแล้วเธอจะยืนอยู่ทำไม นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิด หรืออาจจะเป็นเพราะอย่างอื่นที่ทำให้หงุดหงิดกันแน่ กะทิเองก็ไม่แน่ใจและไม่อยากคิดต่อให้วุ่นวายหรือเธออาจจะกลัวที่จะยอมรับความรู้สึกนั้นก็เป็นได้“กะทิ ฉันบอกให้เปิดประตู”“.......”“เธองอนฉันหรอ? ที่ดุจดาวมาหา”“ใครเขางอนคุณกัน คิดไปเอง”“ถ้าไม่งอนก็เปิดสิ”“ไม่เปิด”“กะทิ”“ฉันแต่งตัวอยู่ คุณก็ไปแต่งตัวที่ห้องทำงานของคุณสิ”“........”กะทิพูดและไม่ยอมเปิดประตู แต่มันน่าแปลกที่เสียงของเขาเงียบไป เธอจึงรีบใส่เสื้อผ้าก่อนจะเดินไปยังหน้าประตูหวังจะเงี
..เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับซุบซิบกันแล้วมองไปทางกะทิที่ยืนอยู่บนเวที สายตาดุดันมองไปทางอดีตคนรักอย่างหงุดหงิดก่อนจะปรายตามองหญิงสาวที่ยืนหน้าชาอยู่ข้างๆ“พวกคุณเชื่อข่าวลือที่ไม่มีหลักฐานนั้นหรอครับ? อย่าพยายามมาใส่ร้ายคู่หมั้นผมเพียงเพราะผมไม่ได้กลับไปคืนดีกับคุณเลยครับคุณดุจดาว...ที่ผับมันก็แค่อุบัติเหตุภายใน...เท่านั้น”ทิศเหนือพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบก่อนจะปรายตามองกะทิอีกครั้ง ซึ่งเธอก็เบิกตากว้างมองเขาที่พยายามปกป้องเธอ ก่อนที่จะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วมองไปยังหน้าเวทีเช่นเดิม ดุจดาวเองก็มองไปทางชายหนุ่มอย่างไม่พอใจที่เขาหักหน้าเธอต่อหน้าผู้ร่วมลงทุนมากมายก่อนจะเดินออกไปด้านหลังด้วยความอายเพราะรู้สึกขายหน้า“ส่วนเรื่องโรงแรมนั้นผมได้วางแผนไว้อย่างดี รวมถึงติดต่อสถาปนิกชื่อดังในประเทศ....”ทิศเหนือยืนพูดบอกรายละเอียดและแผนงานอีกครั้งอย่างชำนาญก่อนจะจบลงพร้อมด้วยเสียงปรบมือมากมาย ชายหนุ่มหันมาหาหญิงสาวที่ยืนข้างกายก่อนจะพาเธอเดินลงจากเวทีพร้อมกับส่งต่องานบนเวทีให้กับพิธีกร ทั
..“....ไอ้ภพ”ทั้งสองมองหน้ากันเหมือนคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ภพยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับทิศเหนือ แต่ทิศเหนือกลับไม่ได้แสดงสีหน้าที่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย กะทิมองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ“รู้จักกันหรอคะ?”“อ๋อ...ครับ ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนของทิศเหนือน่ะ แต่ว่าไปเรียนต่อเมืองนอกเลยไม่ได้เจอกัน”“หึ...เพื่อนหรอ? ใช่เพื่อน”“เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ ฉันกับดาวก็เลิกกันแล้ว”กะทินิ่งฟังทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจมากนัก แต่ดูจากท่าทางทิศเหนือก็พอรู้ว่าเขาไม่ได้ยินดีกับการเจอเพื่อนเก่าคนนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่ทั้งสามคนได้จะพูดคุยอะไรกันต่อก็มีบุคคลที่สี่ที่พวกเขาพึ่งเอ่ยถึงเดินเข้ามาพร้อมกับถือแก้วไวน์มาสอง สีหน้าของดุจดาวดูตกใจไม่น้อย“ภพ...คุณมาทำอะไรที่นี่”“ไงดุจดาว ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนเลยนะ”ภพยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตรเช่นเดิมพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวหน้าคมอดีตคนรักของตนอย่างดุจดาว แต่ดุจดาวกลับเดินเข้าไปยืนข้างๆ ทิศเหนืออย
..กะทิหยุดยืนมองภาพตรงหน้านิ่ง โดยไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ การันต์เห็นดังนั้นจึงดึงเธอเข้ามาหาตัวพร้อมกับเอาตัวเองยืนบังภาพตรงหน้า ก่อนจะก้มมองกะทิที่เงยหน้ามองเขา“อย่ามอง”“อืม..”“กลับกันเถอะ”“......”กะทิไม่ได้พูดตอบแต่กลับนิ่งเฉย สีหน้าของเธอเองก็นิ่งเฉยเช่นกัน แต่ภายในใจกลับสั่นวูบไหวไปหมด ความรู้สึกเสียใจแทรกซึมเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ ตอนแรกเธอเคยคิดว่าเขาจะไปมีใครก็ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่ตอนนี้มันกลับมีผลต่อใจเธอมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีกเธอไม่ชอบความรู้สึกที่ห้ามไม่ได้แบบนี้เลย เพราะเธอคิดมาตลอดว่าเธอห้ามความรู้สึกได้ และมันก็แค่การมีอะไรกันโดยที่เธอไม่ได้เต็มใจและเธอไม่ได้คิดจะรักเขา เพราะเธอต้องเกลียดเขา แต่พอเอาเข้าจริงกลับทำให้เธอรู้สึกแย่ที่เห็นภาพนั้นขึ้นมาเสียดื้อๆกะทิเดินตามการันต์ไปที่ลานจอดรถอย่างเงียบๆ การันต์หันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมรถเผื่อผู้เป็นนายถ้าเกิดเขาต้องการจะกลับ ก่อนจะหันไปหากะทิที่นั่งนิ่งอยู่หน้ารถข้างๆ คนขับ“กะทิ ฉันว่ามันต้องเกิดเรื่องผิดพ
..ความหื่นกระหายเพิ่มเท่าทวีคูณเมื่อปลายนิ้วเรียวของหญิงสาวลูบไล้ไปมาบนแผงอกแกร่ง แต่ใบหน้าของหญิงสาวอีกคนกลับทับซ้อนหญิงสาวตรงหน้า จึงเรียกสติเขาอีกครั้ง ทิศเหนือเอื้อมมือไปจับข้อมือของดุจดาวก่อนจะสะบัดมันทิ้ง“เหนือคะ! ทิศเหนือ!”โดยที่เขาไม่พูดอะไรและเดินออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล ดุจดาวมองตามหลังชายหนุ่มอย่างไม่พอใจก่อนจะลงอารมณ์โกรธกับหมอนทั้งหมดที่อยู่บนเตียง ความรู้สึกเคียดแค้นหญิงสาวที่พบเจอวันนี้เพิ่มทวีคูณ“กรี๊ดดดดด!! นังเด็กสกปรก! ฉันจะเอาทิศเหนือคืนมาให้ได้!!”เสียงกรีดร้องอย่างคับแค้นใจดังลั่นห้อง แต่ทิศเหนือกลับไม่สนใจเดินออกจากหน้าห้องนั้นกลับเข้าไปในงานแต่ก็เห็นว่างานเลิกไปแล้ว มีเพียงลูกน้องของเขาที่ยืนรอเขาอยู่เพียงเท่านั้น แต่กลับไม่เห็นลูกน้องคนสนิทอย่างการันต์ เขาจึงเข้าใจได้ว่าการันต์คงพาคู่หมั้นสาวกลับบ้านไปแล้ว“พากูกลับบ้าน”เสียงทุ้มบอกลูกน้องก่อนที่ลูกน้องจะเข้ามาพยุงผู้เป็นนายเพราะเขาเริ่มทรงตัวไม่อยู่ และรีบพาลงไป
..4 ปีผ่านไปหลังจากที่กะทิคลอดลูกชายตัวน้อย ทิศเหนือก็ยังคงดูแลไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นเธอและลูกก็ออกจากบ้านไร่เมื่อครบสามเดือนเหมือนที่ตกลงไว้ ทิศเหนือเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายังคงคอยเทียวไปหาเธอและลูกที่บ้านไม่ได้ห่าง แถมยังไม่ยอมนอนบ้านของตนเองอีกด้วย ในทุกๆ วันเขาจะมีข้ออ้างเพื่อได้นอนที่บ้านของภรรยาสาว แม้จะต้องนอนที่โซฟาก็ตามก็ยังดีกว่าช่วงปีแรกๆ ที่ต้องนอนในรถ ปีหลังๆ มานี้กะทิก็ดูจะใจอ่อนลงอยู่บ้าง ส่วนการันต์กับอัญญาก็ได้แต่งงานกันเรียบร้อยในปีที่สามชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งเหมือนทุกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อร้ายของเขาทำเอาครูสาวถึงกับมองค้าง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลย แม้จะเป็นสูญรวมสายตาแต่ทิศเหนือกลับไม่ได้สนใจใดๆ ยังคงก้มมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ลูกชายตัวน้อยของเขาเลิกเรียน“ปะป๊าฮับ!”เสียงเรียกของเด็กชายดังขึ้น ทิศเหนือรีบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะวิ่งกางแขนไปหาผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเช่นทุกวัน ครูสาวยืนม
..“เริ่มเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่มีน้ำนมดื่ม เพราะเด็กยังทานอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำนมจากอกคุณแม่”“เอ่อ....”พยาบาลสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปลากมือของทิศเหนือไปยังหญิงสาวที่ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ กะทิเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ส่วนพยาบาลก็สอนวิธีนวดให้ทิศเหนืออย่างตั้งใจ ทิศเหนือเองก็ไม่ต่างจากกะทิเท่าไหร่ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมันแบบเขินๆ ที่กะทิไม่แย้งเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่มีของตน จึงทำได้แค่เงียบ“อย่างนั้นแหละค่ะ...ต้องนวดแบบนี้บ่อยๆ นะคะ”“...ครับ”“เพราะว่าถ้าคุณพ่อช่วยนวดจะทำให้น้ำนมไหลออกมาได้เร็ว”“เอ่อ...ครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พยาบาลขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ในห้อง กะทิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเอนตัวนอนและหลับตานิ่ง เพื่อรอเวลาที่คุณหมอจะส่งตัวลูกชายของตน ทิศเหนือมองหน้าไร้อารมณ์ของกะทิก็หย่อนตัวนั่งโซฟาข้างๆ เตียงพร้อมกับถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะความเพลียจึงทำให้กะทิผล็อยหลับไป ทิศเหนือมองกะทิอยู่เงียบๆ อย่างนั้
..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทิศเหนือไม่เคยออกไปทำงานนอกบ้านอีกเลย แถมยังใช้เวลาเกือบสองเดือนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไร่ไม่หนีหายไปไหนแม้แต่นาทีเดียว กะทิเองจะยังไม่ค่อยพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แถมยังพยายามทำตัวห่างจากเขาอีกตามเคย แม้กระทั่งถึงวันคลอดเธอก็ไม่เคยถามหาเขา ยังคงถามหาแต่การันต์ลูกน้องของเขาแทนจนตอนนี้มาอยู่หน้าห้องคลอดทิศเหนือก็แทบจะนั่งไม่อยู่ ลุกเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววหมอคนไหนจะเดินออกมาจากห้องคลอดเลย การันต์นั่งมองผู้เป็นนายไปมา แม้ตัวเขาเองจะตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานแต่ก็ไม่เท่าทิศเหนือเลย“นั่งก่อนดีไหมครับนาย”“เป็นมึงนั่งใจเย็นได้หรอวะ กูตื่นเต้นจนอยากจะไปทำคลอดเองแล้วเนี่ย”“อย่างน้อยนายเหนือก็น่าจะใจเย็นลงหน่อยนะครับ”“แม่ง...ช้าฉิบหาย หมอมัวทำอะไรกันอยู่วะ”ทิศเหนือเดินไปเดินมาพร้อมกับสบถไป คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับเขา การันต์ยิ้มกริ่มเพราะความใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกชายของผู้เป็นนาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะมีล
..หลังจากขับรถมานานกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่เดชาเสียที คนในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาเพราะยังไม่ค่ำจึงมีคนงานในบ้านเดินเข้ามาช่วยหอบหิ้วข้าวของของเจ้านายเข้าบ้านไป แม้กะทิจะอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสนิทสนมด้วย เพราะถือว่าเธอเป็นคุณนายเดชาเดชจึงมีหลายครั้งที่กะทิมักจะออกไปเดินเล่นคนเดียว ถึงจะมีผู้ติดตามไปแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอทิศเหนือเองก็ไม่ได้ถามไถ่เธอเรื่องนี้ และกะทิก็ไม่ยอมบอกเขากลัวว่าจะไปเป็นเรื่องรบกวนเวลาเขาทำงานเสียเปล่าๆ แต่การไม่ที่เธอไม่อยากงอแงใส่เขาหรือเอาแต่ใจกับเขา กลายเป็นการเปิดทางให้เขามีคนอื่นเสียอย่างนั้น ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามีคนอื่นแต่ช่วงเวลานั้นทิศเหนือก็ได้แปรใจปันให้คนอื่นไปแล้วกะทิเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยอย่างเงียบๆ ไม่มีคำพูดหรือสนทนาใดๆ กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอเดินเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไปมองมาเฟียหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆ เหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เลี้ยงไว้ กะทิหันไปมองชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้าในห้องด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ใบหน้าหล่อทำทีท่าสงสัย
..“เลือกได้ดีค่ะ”กะทิพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจ แม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นอย่างสีหน้าที่แสดงออกไป แววตาของมาเฟียหนุ่มผู้โหดร้ายกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขามองกะทิด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดมากกว่าการโดนแย่งแฟนคนแรกเสียอีก แม้แต่ลูกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูกชายตัวเอง“แต่...เธอต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะคลอดได้สามเดือน เพราะร่างกายเธอยังคงไม่หายดี”“ไม่จำเป็น”“พี่ขอแค่สามเดือน ให้เวลาพี่หาบ้านที่จะซื้อให้และรถ”“คนอย่างคุณมันไม่ใช่เรื่องยากหรอกแค่เรื่องพวกนั้น”“ก็จริง...แต่พี่ขอ..ขอร้อง...ให้พี่คุกเข่าตรงนี้ก็ยอม”“ทำสิ”กะทิพูดออกมาอย่างไม่แยแส การันต์เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทิศเหนือยอมคุกเข่าทันทีที่กะทิพูดจบ เพราะคนอย่างทิศเหนือไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะความเกรงกลัว ทิศเหนือยอมจำนนทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ได้อยู่กับลูกและเมียเพียงแค่สามเดือน“กะทิ นายเหนือ”“ได้ ฉันจะยอมอยู่กับคุณสามเดือน และค
..“อะไรนะครับ?”“กูให้มึงไปสืบหาเรื่องของอัญญา...แต่มึงกลับมาสภาพนี้ มึงสืบแบบไหน?”“ก็....”“อย่าบอกนะว่าแบบเดิมที่เคยทำ”“.......”การันต์ไม่ได้ตอบคำถามทีเล่นทีจริงของผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นทิศเหนือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดแน่นอน เพราะเขาและการันต์อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้วิธีการของลูกน้องคนสนิท ทิศเหนือยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“ขอโทษครับนาย”“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย”“ผมนึกว่านายจะโกรธที่...”“ทำไมกูต้องโกรธ กูดีใจด้วยซ้ำ กะทิจะได้ไม่คิดมาก”“นายจะบอกเรื่องนี้กับกะทิหรอครับ?”“มีเหตุผลอะไรที่กูต้องบอก...เดี๋ยวเธอก็เห็นท่าทีของพวกมึงเอง”“ครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“กูไม่ได้หมายถึงมึงหรอก กูหมายถึงอัญญาต่างหาก”ทิศเหนือพูดด้วยความมั่นใจ เพราะดูจากผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะรักหรือไม่รักถ้าได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอที่ทำให้จำไม่ลืมก็ไม่แปลกที่ท่าทีที่มีต่อกันมันจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ และยิ่งเป็นคนที่
..“ช้ากว่านี้ ฉันจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”“ฉันทำเพราะแม่ของฉันต้องการให้ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเดชาเดช...ฮึกๆ ...ฉันจำเป็นต้องทำ”“มันมีความจำเป็นจนต้องแย่งขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้านายเหนือไม่มีครอบครัวฉันจะไม่ว่าเลย”“จะให้ทำยังไงได้ล่ะ! แม่ของฉันเป็นหนี้นอกระบบ...ถึงจะเป็นเมียน้อยแต่คงได้ค่าตอบแทนไม่น้อย”อัญญาพูดทั้งน้ำตาถึงแม้เธอจะดูสวยเก่งโปรไฟล์ดี แต่ความจริงแล้วชีวิตของเธอก็ลำบากมาไม่น้อย ดีแค่ไหนแล้วพวกเจ้าหนี้ยอมปล่อยเธอมาและไม่เอาเธอไปขัดดอก อัญญาคิดเพียงว่าถวายตัวให้ทิศเหนือดีกว่าไปเสียตัวให้เสี่ยเจ้าหนี้พวกนั้น แถมอาจจะยังได้รับการคุ้มครองจากมาเฟียหนุ่มในฐานะผู้หญิงของเขาอีกก็ได้“โง่”“ฮึกๆ ..ฮือ”คำพูดของการันต์สั้นๆ ทำให้น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกก่อนที่เธอจะเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างนั้น มันคือความคิดโง่ๆ อย่างที่ชายหนุ่มพูดจริงๆ นั่นแหละ เพราะเธอคิดว่าแค่เสียตัวคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้รับรู้แล้วว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน ถ้ายิ่งทำอย่างนั้นเพื่อเงินและอยู่ในฐานะคนบนเตียงลับๆ
..การันต์ตรงดิ่งเข้ามายังบริษัทหลังจากที่ทิศเหนือพากะทิเข้าโรงพยาบาลและนอนแอดมิทเพื่อรอดูอาการ แม้ใบหน้าของการันต์จะนิ่งเฉยแต่ภายในใจกลับเหมือนไฟสุมอก เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นบนสุด เขาก็รีบย่างสามขุมเข้าไปหาเลขาสาวหน้าห้องของผู้เป็นนายที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน มือหนาคว้าข้อมือเล็กของเลขาสาวสวยคมนั้นและกำไว้แน่น“คุณการันต์!! ฉันเจ็บนะ!”“คนอย่างเธอมีความรู้สึกด้วยหรอ?”“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”“เธอสิเป็นบ้าอะไร? รู้ไหมว่าทำครอบครัวของคนอื่นแตกแยกร้ายแรงขนาดไหน”“แล้วไง? ก็ฉันรักของฉัน มันผิดตรงไหนที่จะแสดงความรู้สึกออกมา?”“ผิดตรงที่เธอแสดงกับคนมีเจ้าของแล้วทั้งที่รู้! ทำไม? มันคันมากหรอ?”“คุณการันต์!! พูดอะไรให้เกียรติฉันด้วย”“เธอยังเหลือเกียรติอยู่หรออัญญา มันไม่มีตั้งแต่ที่คิดจะเป็นเมียน้อยของนายเหนือแล้ว!”“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโวยวายใส่ฉัน?”การันต์จ้องมองหน้าสวยเขม็งอย่างโกรธเคือง แต่อัญญากลับไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจว่าท
..การันต์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากะทิอย่างจริงจัง แต่กะทิเพียงแค่ปรายตามองเขาเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะหันหน้าออกไปรับลมทะเล แต่ในใจยังคงรอรับฟังเหตุการณ์จริงๆ ทั้งหมด ที่มันทำให้เรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้ เพราะถึงความจริงจะเป็นยังไง เธอก็มีความคิดและตัดสินใจเรื่องทั้งหมดไว้อยู่แล้ว“นายเหนือ...พอเลิกกับดุจดาวแล้วเขาก็บินไปเมืองนอก และกลับมาตอนที่รู้ข่าวว่าพ่อแม่เริ่มมีอาการป่วยแปลกๆ และทรุดหนัก ...ทั้งที่ตอนแรกนายเหนือไม่คิดจะรับช่วงต่อของตระกูล...”“แล้วตอนแรกเขาคิดจะทำอะไร?”“นายเหนือมีความฝันที่จะเป็นนักธุรกิจร้านอาหารธรรมดาโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของครอบครัว เขาต้องการที่จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง...”“........”“แต่...พอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็กลับมาสืบเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากที่รู้ว่ามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในตระกูล รวมทั้งสืบเรื่องของครอบครัวเธอ นั่นคือครั้งแรกที่นายเหนือได้พบเธอ”“แต่ฉันไม่เคยพบเขา....”“ก็ไม่แปลก เพราะนายเหนือแอบสืบและตามเธอโดยไม่ให้เธอหรือครอบครัวรู้ตัว...