คีรินจอดรถบนถนนลูกรังซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ดินแปลงที่น้องสาวขายให้กับเพียงฤดี เขาเห็นกอไผ่ท้ายสวนสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง จนอดนิ่งมองไม่ได้ กระทั่งเห็นว่ามันโค่นล้มลงมา
“เฮ้ย ใครทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มพึมพำแล้วลงจากรถ เดินตรงไปยังกอไผ่ เห็นไม้ไผ่หลายต้นถูกลากมากองไว้ตรงที่โล่ง ก่อนจะเห็นเพียงฤดีลากไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งออกมาจากกอไผ่
“ทำอะไรน่ะ”
“โอ๊ย” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวที่กำลังกระชากไม้ไผ่ถูลู่ถูกังออกมาถึงกับตกใจลื่นลงกระแทกกับพื้น จนชายหนุ่มต้องเข้ามาพยุง
“เราเป็นอะไร ตัดไม้ไผ่ทำไมเยอะแยะ”
“ก็ฤดีจะทำบ้านไงคะ” ตอบพลางก้มลงลากไม้ไผ่
“ทำบ้าน! กับไม้ไผ่เนี่ยนะ”
“ค่ะ ก็ฤดีเงินไม่พอที่จะทำบ้านไม้บ้านปูนนี่คะ เอาบ้านไม้ไผ่ไปก่อนก็ได้ค่ะ มีเงินแล้วค่อยสร้างบ้านดี ๆ ถ้าไม่เริ่มสร้างก็ไม่มีบ้านสักที”
“โธ่เอ๋ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่จะช่วยสร้างให้ก็ไม่ยอมเชื่อ”
“ฤดีเชื่อค่ะว่าพี่คีรินช่วยสร้างให้ได้ แต่จะช่วยยังไงคะ ฤดีมีเงินไม่พอจะไปซื้อวัสดุก่อสร้างหรอกค่ะ ฤดีเห็นตอนพี่คีรินไปซื้อมันแพงมากเลย ของนิดเดี
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
๑ทางที่ต้องเลือก เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต ‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วงเพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ” “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ” “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้” “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก “เปล่า ฉันจะลาออก” “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้ “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมื
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&
คีรินจอดรถบนถนนลูกรังซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ดินแปลงที่น้องสาวขายให้กับเพียงฤดี เขาเห็นกอไผ่ท้ายสวนสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง จนอดนิ่งมองไม่ได้ กระทั่งเห็นว่ามันโค่นล้มลงมา“เฮ้ย ใครทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มพึมพำแล้วลงจากรถ เดินตรงไปยังกอไผ่ เห็นไม้ไผ่หลายต้นถูกลากมากองไว้ตรงที่โล่ง ก่อนจะเห็นเพียงฤดีลากไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งออกมาจากกอไผ่“ทำอะไรน่ะ”“โอ๊ย” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวที่กำลังกระชากไม้ไผ่ถูลู่ถูกังออกมาถึงกับตกใจลื่นลงกระแทกกับพื้น จนชายหนุ่มต้องเข้ามาพยุง“เราเป็นอะไร ตัดไม้ไผ่ทำไมเยอะแยะ”“ก็ฤดีจะทำบ้านไงคะ” ตอบพลางก้มลงลากไม้ไผ่“ทำบ้าน! กับไม้ไผ่เนี่ยนะ”“ค่ะ ก็ฤดีเงินไม่พอที่จะทำบ้านไม้บ้านปูนนี่คะ เอาบ้านไม้ไผ่ไปก่อนก็ได้ค่ะ มีเงินแล้วค่อยสร้างบ้านดี ๆ ถ้าไม่เริ่มสร้างก็ไม่มีบ้านสักที”“โธ่เอ๋ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่จะช่วยสร้างให้ก็ไม่ยอมเชื่อ”“ฤดีเชื่อค่ะว่าพี่คีรินช่วยสร้างให้ได้ แต่จะช่วยยังไงคะ ฤดีมีเงินไม่พอจะไปซื้อวัสดุก่อสร้างหรอกค่ะ ฤดีเห็นตอนพี่คีรินไปซื้อมันแพงมากเลย ของนิดเดี
เพียงฤดีคุยกับน้องชายเสร็จก็เดินไปยังที่ดินสองไร่กว่า ๆ ของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี คำนวณรายรับรายจ่ายแล้วก็ยังไม่สามารถจะเริ่มต้นซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างใด ๆ มาเริ่มทำบ้านในสวนของตัวเองได้เลยส่วนเดือนนี้ยอดขายนิยายก็ลดลงกว่าเดือนก่อน เพราะหากไม่มีเล่มใหม่วางขาย ยอดขายเล่มเก่าก็จะลดลงเรื่อย ๆหากช่วงปิดเทอมน้องชายทนอยู่บ้านเดียวกับแฟนพี่ชายไม่ไหว และต้องการมาหาเธอที่นี่ เธอจะเอาบ้านที่ไหนให้เขาพัก แถมบอกน้องชายไปแล้วด้วยว่าช่วงปิดเทอมจะสร้างบ้านเสร็จ เธอจะให้น้องอยู่บ้านเพื่อนตลอดช่วงปิดเทอมก็เกรงใจผู้ปกครองของเพื่อนที่ต้องไปรบกวนเขาหรือถ้าหากว่าคนรักของคีรินมาหาเขา เธอจะไปพักที่ไหนกัน ขืนเธออยู่ที่บ้านเขาต่อไป คนรักของเขาต้องไม่สบายใจแน่ ๆ เพราะทั้งชลธร และบิดามารดาของเขา ก็ถามย้ำเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับคนรักอยู่บ่อยครั้ง เธอจะอยู่บ้านเขาต่อไปก็น่าเกลียด อาจจะเป็นที่ครหาของคนอื่นก็ได้ เพราะคีรินไม่ใช่ผู้ชายโสด และเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นญาติกับเขาด้วยซ้ำหญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชันสำหรับจดบันทึก เธอเ
เพียงฤดียืนมองครัวนอกบ้านแสนน่ารักที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบดูแล้วว่าคีรินสร้างมันอย่างไร ถึงได้ออกมาสวยงามน่ารัก น่าใช้งาน มันไม่ยากเท่าไร เขาแค่ทำพื้นที่ให้เรียบ แล้วใช้อิฐแดงก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์ เอาแผ่นโฟมมาทำแบบเพื่อหล่อเป็นช่องสำหรับทำเป็นเตาอบได้ด้วยแถมยังทำช่องเป็นเตาถ่านสำหรับปิ้งย่าง มีพื้นที่วางเตาไฟฟ้าได้ มีอ่างล้างจาน เขาฉาบเรียบแล้วปูแผ่นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ มีหลังคากันฝน ถ้าเธอมีแบบนี้ที่บ้านหลังน้อยบ้าง นภดลน้องชายของเธอต้องชอบมากแน่ ๆ เพราะขานั้นชอบกินของปิ้งย่าง คิดแล้วเธอก็อยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยเร็ว ๆ เสียแล้วสิ เสียแต่ว่าตอนนี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยเทอมสุดท้ายอยู่ แต่เชื่อว่าถ้าเรียนจบ นภดลน่าจะอยากมาอยู่กับเธอมากกว่าอยู่กับพี่ชายแค่คิดถึงน้องชายเสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นและเป็นน้องชายของเธอที่โทร. เข้ามาพอดี วันนี้เธอลืมปิดสมาร์ตโฟน นภดลถึงได้ติดต่อมาได้“พี่ฤดีเหรอ โอ๊ย ได้ยินเสียงสักที ติดต่อพี่ยากจัง” นภดลโอดครวญมา“ทำไมแม็กซ์ ตังค์ที่โอนให้หมดอีกแล้วหรือไง”“แหม นั่นก็ด้วยแหละ แต่คิดถึงไม