นภาธรเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูในกรุงเทพฯ หญิงสาวรีบหยิบสมาร์ตโฟนจากกระเป๋าราคาแพงเมื่อมีสายเรียกเข้า เธอคิดว่าคงเป็นสายจากคนที่นัดไว้ วันนี้เธอมีนัดในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมดัง ด้วยมีรุ่นน้องที่รู้จักกันเป็นเซลล์ขายกระเป๋าอยู่ที่นี่ ซึ่งได้โทร. เรียกให้เธอเข้ามาดูกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ไหน ๆ ก็ต้องเข้ามาแล้ว วันนี้เธอจึงรับนัดกับลูกค้าของเธอที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วย จึงยังไม่ได้เข้าไปยังร้านขายกระเป๋า หญิงสาวผลักประตูกระจกเข้ามาในร้านกาแฟหรูซึ่งมีสาขาทั่วโลก ขณะที่ดูชื่อคนต้นสาย ก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา
“ว่าไงคะพี่ชายสุดหล่อ นึกยังไงถึงโทร. มาหาเนี่ย ทุกทีไม่เห็นจะห่วงน้องนุ่ง วันก่อนก็ทำให้พ่อโทร. มาด่าหูแทบฉีก ไม่ช่วยกันเลย” เธอถามคนต้นสายกลับไป ขณะที่วางกระเป๋าถือลงที่เก้าอี้ว่างแล้วนั่งลงตาม
“นั่นเราทำตัวเอง ทำเรื่องใหญ่ไม่บอกพ่อสักคำ ก็ควรโดนแล้ว พี่ช่วยแก้ตัวให้ตั้งเยอะแล้วนั่นน่ะ”
“โห แก้ตัว แต่มีการบอกว่าน้องเอาเพื่อนไปทิ้งไว้ในบ้านร้างเนี่ยนะ บอกเลยนะว่าข้อหานี้น่ะ โดนด่
หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ด้านหน้าบ้านมีระเบียงกว้างราวสองเมตร ล้อมด้วยราวระเบียงไม้ ซึ่งเธอก็เดินเข้าออกอยู่ทุกวัน ตั้งแต่ช่างเริ่มสร้างเธอก็มาเฝ้าดูอยู่เรื่อย ๆ ตอนเย็นของทุกวันก็ต้องแวะมาดูว่าช่างทำเสร็จไปถึงไหนแล้ววันนี้ช่างเพิ่งจะทาสีย้อมไม้เสร็จแล้วเอานั่งร้านลง ทำให้บ้านสีสวยเด่นขึ้นมาก ช่างวีเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่นิดแนะนำให้คีริน ตอนที่เขาไปหานิดเพื่อปรึกษาเรื่องหาคนตัดไม้และแปรรูปได้ และอยากได้ช่างที่ทำงานไม้อย่างที่เขาต้องการได้ นิดจึงได้แนะนำช่างวีมาให้ ซึ่งหลังจากที่สร้างบ้านไม้หลังนี้ให้เธอแล้ว ช่างวีก็จะต้องไปสร้างบ้านเล็ก ๆ อีกสี่ห้าหลัง เพื่อที่จะใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวในไร่ของคีรินต่อหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน เธอเลื่อนประตูบ้านซึ่งเป็นกรอบไม้กรุกระจกสวยงาม ผนังบ้านในส่วนห้องโถงไม่ได้โชว์โครงไม้แต่ใช้แผ่นไม้ปิดผนังให้ดูเรียบร้อย เพื่อง่ายในการทำความสะอาดและดูสวยงาม ส่วนหน้าต่างเป็นกระจกแบบเดียวกับประตู ซึ่งคีรินเป็นคนพาเธอไปซื้อ โดยการวัดขนาดแล้วให้ช่างกระจกตัดให้ตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อชุดหน้าต่างกระจกแบบสำเร็จ เขาทำให้เธอประหยัดเงินได้มาก
๑ทางที่ต้องเลือก เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต ‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วงเพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ” “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ” “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้” “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก “เปล่า ฉันจะลาออก” “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้ “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมื
นั่นสินะ ใครจะหาที่ดินมาขายให้เธอได้ปุบปับเช่นนี้ หญิงสาวนั่งนิ่งอย่างหมดหวัง เพราะหากอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานที่เดิม หรือมาพักกับนภาธร มารดาของเธอก็ต้องตามตัวเจออีกแน่ ๆ เมื่อเพียงฤดีนั่งนิ่ง นภาธรจึงได้แต่ถอนใจเบา ๆ อย่างนึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ฉันรู้ว่าแกชอบดูคลิปทำเกษตร ชอบปลูกต้นหมากรากไม้ แต่การทำเกษตรมันไม่ง่ายอย่างที่แกเห็นในคลิปหรอกนะฤดี แกตัวเล็กแค่นี้จะไปทำงานหนัก ๆ ในไร่ในสวนได้ยังไง แถมอยู่ไกลญาติพี่น้องอีก เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาใครจะดูแล ขนาดฉันมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดยังทำไร่ทำสวนไม่ไหวเลย”นภาธรว่าพลางมองเพื่อนที่นั่งกอดหมอนอิงน้ำตาไหลนองอยู่บนโซฟาอย่างอดเวทนาไม่ได้ เพียงฤดีคงจะทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ เพราะเมื่อสองปีก่อนเธอเคยชวนให้เพื่อนออกจากบ้าน มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อหนีปัญหาที่ถูกครอบครัวคอยรีดไถเงินอยู่เรื่อย เธอก็ห่วงแม่ ห่วงพี่ ห่วงน้องไม่ยอมออกมา แต่คราวนี้ถึงกับอยากหนีไปให้ไกลแสนไกล ไม่อยากให้ใครตามเจอ “ฉันบอกว่าต้องการที่ดินแปลงเล็ก ๆ แค่สองสามไร่ หรือไร่ครึ่งไร่ก็พอ ไม่ได้ต้องการจะไปทำสวนทำไร่เป็นหลัก แค่ให้ฉันได้มีที่อยู่เป็นของตัวเองจริง ๆ ไม่ใ
๒สู่ดินแดนใหม่เพียงฤดีมายืนอยู่บนที่ดินแปลงที่เพื่อนบอกว่าจะขายให้ เธอกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่อยากเชื่อว่าที่ดินตรงนี้กำลังจะเป็นของเธอ เพราะบรรยากาศรอบด้านช่างสวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขา เธอมาถึงที่นี่ในตอนเช้าตรู่ เพราะนภาธรไม่จอดรถที่ไหนเลย จึงได้เห็นบรรยากาศแสนสดชื่นและเย็นสบายในยามเช้า“สวยจังเลยนภา แกโชคดีจังเลยที่มีที่ดินสวย ๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภาคใต้ มีภูเขา มีหมอกสวยมาก อย่างกับภาคเหนือแน่ะ” เพียงฤดีลืมความหม่นหมองเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นสภาพอากาศโดยรอบ นี่แหละความฝันของเธอ ที่จะมีบ้านอยู่ท่ามกลางภูเขาและเมฆหมอก บรรยากาศในฝันที่เหมาะสำหรับการเขียนนิยายอย่างที่สุด“ที่นี่ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร แกเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันห่างไกลมาก ถนนหนทางคดเคี้ยว โชคดีที่ตอนนี้เขาทำถนนใหม่ลาดยางสวยงาม ตอนที่ฉันยังเด็กลำบากกว่านี้เยอะมาก ปู่กับย่าดั้นด้นกันมาจับจองที่ดินที่นี่ส่วนแปลงสองไร่กว่านั่นน่ะ เพื่อนของปู่มาขออยู่ด้วย ปู่เลยยกที่ดินให้สร้างบ้าน ออกโฉนดให้เรียบร้อย คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ได้ไม่นานเขาก็อยากขายที่ดินตรงนี้เพื่อเอาเงินไปซื้อแปลงอื่นที่ได้พื้นที่เยอะกว่า ก็เลยเ
“สวยแหละ เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้เลย แต่ตอนนี้เป็นบ้านที่เก่าและทรุดโทรมที่สุดในละแวกนี้เช่นกัน” นภาธรกล่าวอย่างขำขัน ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนไม่เคยมีบ้านเช่นเธอ เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลเลยทีเดียวนภาธรเดินไปยกกระถางต้นไม้ที่มีหญ้าคลุมทับจนแทบไม่เห็นกระถางขึ้นมา แล้วหยิบกุญแจออกมาจากใต้กระถาง ก่อนจะนำไปไขประตู เมื่อเปิดประตูหนูก็วิ่งพรวดออกมา นภาธรวิ่งกระเจิงออกไปทันที เพียงฤดีก็เช่นกัน“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอยู่ไม่ได้ บ้านปิดทิ้งไว้เกือบสิบปี แกคิดดูสิ จะอยู่ยังไง” นภาธรว่า ใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากกลัวหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูก่อน” เพียงฤดีว่าแล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เธอยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางพึมพำไปตามประสา ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บนพื้นมีปลวกขนดินขึ้นมาสร้างรังกองใหญ่อยู่หลายกอง เธอเปิดหน้าต่าง แค่ผลักออกไปเบา ๆ มันก็หลุดออกไปทั้งแผ่น หญิงสาวตกใจรีบหดมือ แล้วไปเปิดประตูห้องฝั่งขวามือที่อยู่ใกล้ทางเข้าบ้าน เป็นห้องขนาดกะทัดรัด ภายในไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ เป็นเพียงห้องโล่ง มีหยากไย่จำ
เมื่อฝากเพื่อนไว้กับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้วนภาธรก็พาเพื่อนเข้าไปที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึง เพียงฤดีก็รีบเข้าไปปัดกวาดพื้นตรงส่วนของห้องนอนที่เธอตั้งใจว่าจะนอนที่ห้องนั้น ก่อนจะหยิบจอบ เสียม พลั่วและอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตรสี่ห้าชิ้นลงมาจากรถ เอาพลั่วไปแซะรังปลวกกองโตสี่ห้ากองออกไปจากห้องโถงของบ้าน ปัดกวาดเรียบร้อยก็เอาไม้ถูพื้นมาถู โดยมีนภาธรคอยช่วย “ทำแค่นี้ก่อนเถอะ ไว้เข้ามาอยู่แล้วค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่น ๆ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีว่า เพราะเห็นว่าเพื่อนรักคงจะเหนื่อยไม่น้อยแล้ว “อือ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกไปซื้อที่นอนหมอนมุ้งก็แล้วกัน เรากลับรีสอร์ตกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ ฉันลืมไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลังติดกับครัวน่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปเปิดดูแล้ว สภาพเละเทะ แต่น้ำยังไหล ไฟยังสว่าง โถนั่งยอง ๆ แบบสมัยก่อนนะ แกก็ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้เป็นเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำความสะอาดห้องน้ำกับห้องครัว มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ก่อนแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันถือว่าโชคดีแล้วละที่ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ไกล ๆ” ว่าพลางเดินออกจากบ้านเพราะใกล้มืดเต็มที “แล
๓ห่างกันสักพัก คีรินขับรถผ่านเส้นทางคดโค้งอย่างระมัดระวัง เส้นทางที่นำเขากลับมาสู่บ้านที่จากมาหลายปี เขาออกจากที่นี่เพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าในเมืองใหญ่ ดวงตาของเขาแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผันแปรอย่างกะทันหัน ‘นิรา คุณเอาเงินของเราไปไว้ที่ไหนหมด’ เขาจำได้ว่ามือและเท้าของเขาชาวูบไปหมด หลังจากเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตยอดเงิน แล้วเห็นยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทติดไว้ในบัญชี ‘นิก็เอาไปลงทุนไงคะคี’ ‘ลงทุน ลงทุนอะไร นี่มันเงินที่ผมเตรียมไว้จัดงานแต่งงานของเรา คุณเอาไปได้ยังไงโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ’ ‘ก็เทรดคริปโตไงคะ คุณก็เทรดไม่ใช่หรือคะ’ ‘เทรดคริปโต ใช่ผมก็เทรดแต่ไม่ได้เอาเงินก
หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ด้านหน้าบ้านมีระเบียงกว้างราวสองเมตร ล้อมด้วยราวระเบียงไม้ ซึ่งเธอก็เดินเข้าออกอยู่ทุกวัน ตั้งแต่ช่างเริ่มสร้างเธอก็มาเฝ้าดูอยู่เรื่อย ๆ ตอนเย็นของทุกวันก็ต้องแวะมาดูว่าช่างทำเสร็จไปถึงไหนแล้ววันนี้ช่างเพิ่งจะทาสีย้อมไม้เสร็จแล้วเอานั่งร้านลง ทำให้บ้านสีสวยเด่นขึ้นมาก ช่างวีเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่นิดแนะนำให้คีริน ตอนที่เขาไปหานิดเพื่อปรึกษาเรื่องหาคนตัดไม้และแปรรูปได้ และอยากได้ช่างที่ทำงานไม้อย่างที่เขาต้องการได้ นิดจึงได้แนะนำช่างวีมาให้ ซึ่งหลังจากที่สร้างบ้านไม้หลังนี้ให้เธอแล้ว ช่างวีก็จะต้องไปสร้างบ้านเล็ก ๆ อีกสี่ห้าหลัง เพื่อที่จะใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวในไร่ของคีรินต่อหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน เธอเลื่อนประตูบ้านซึ่งเป็นกรอบไม้กรุกระจกสวยงาม ผนังบ้านในส่วนห้องโถงไม่ได้โชว์โครงไม้แต่ใช้แผ่นไม้ปิดผนังให้ดูเรียบร้อย เพื่อง่ายในการทำความสะอาดและดูสวยงาม ส่วนหน้าต่างเป็นกระจกแบบเดียวกับประตู ซึ่งคีรินเป็นคนพาเธอไปซื้อ โดยการวัดขนาดแล้วให้ช่างกระจกตัดให้ตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อชุดหน้าต่างกระจกแบบสำเร็จ เขาทำให้เธอประหยัดเงินได้มาก
นภาธรเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูในกรุงเทพฯ หญิงสาวรีบหยิบสมาร์ตโฟนจากกระเป๋าราคาแพงเมื่อมีสายเรียกเข้า เธอคิดว่าคงเป็นสายจากคนที่นัดไว้ วันนี้เธอมีนัดในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมดัง ด้วยมีรุ่นน้องที่รู้จักกันเป็นเซลล์ขายกระเป๋าอยู่ที่นี่ ซึ่งได้โทร. เรียกให้เธอเข้ามาดูกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ไหน ๆ ก็ต้องเข้ามาแล้ว วันนี้เธอจึงรับนัดกับลูกค้าของเธอที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วย จึงยังไม่ได้เข้าไปยังร้านขายกระเป๋า หญิงสาวผลักประตูกระจกเข้ามาในร้านกาแฟหรูซึ่งมีสาขาทั่วโลก ขณะที่ดูชื่อคนต้นสาย ก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา“ว่าไงคะพี่ชายสุดหล่อ นึกยังไงถึงโทร. มาหาเนี่ย ทุกทีไม่เห็นจะห่วงน้องนุ่ง วันก่อนก็ทำให้พ่อโทร. มาด่าหูแทบฉีก ไม่ช่วยกันเลย” เธอถามคนต้นสายกลับไป ขณะที่วางกระเป๋าถือลงที่เก้าอี้ว่างแล้วนั่งลงตาม“นั่นเราทำตัวเอง ทำเรื่องใหญ่ไม่บอกพ่อสักคำ ก็ควรโดนแล้ว พี่ช่วยแก้ตัวให้ตั้งเยอะแล้วนั่นน่ะ”“โห แก้ตัว แต่มีการบอกว่าน้องเอาเพื่อนไปทิ้งไว้ในบ้านร้างเนี่ยนะ บอกเลยนะว่าข้อหานี้น่ะ โดนด่
ใบหน้าของเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่ดูดี เหมือนกับเขารู้ว่าต้องจับภาพมุมไหนให้เห็นภาพใบหน้าของเขาในมุมที่ดูดีที่สุด ท่าทางของเขาเหมือนนักแสดงมืออาชีพ ที่ดูแล้วเพลินตาไม่ติดขัด น้ำเสียงที่เขาแนะนำการทำงานเป็นขั้นตอนนั้น ดูเรียบ ๆ แต่นุ่มทุ้มน่าฟังมิน่าเล่าช่องของเขาถึงมียอดติดตามเร็วกว่าช่องไก่กาของเธออย่างมาก เพราะภาพสวยสะดุดตาและเพลิดเพลินในการรับชม แถมคนดูยังได้ความรู้เพิ่มอีกด้วย เพราะก่อนที่เขาจะเริ่มต้นทำอะไร เขาจะเอาภาพที่ออกแบบปริ๊นต์ลงกระดาษแล้ว นำมาถ่ายลงในวีดีโอให้เห็นก่อน ว่าเขามีการวัดขนาดพื้นที่หรือ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของไม้แต่ละชิ้นนั้นขนาดเท่าไรก่อนจะเริ่มทำวัดขนาดการเข้ามุมเข้าฉากกี่องศา การลาดเอียงเท่าไร หรือต้องใช้เครื่องมือใดในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพท์อย่างที่เห็นในคลิป ทุกอย่างเป็นขั้นตอนชัดเจน พร้อมบอกเทคนิคในการทำงานไปด้วยอย่างคนที่มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ เป็นการแบ่งปันให้กับคนที่อยากนำกลับไปทำกับบ้านของตัวเองได้โดยไม่ต้องจ้างช่าง ก็ยิ่งทำให้มีผู้เข้ามาติดตามเป็นจำนวนมากตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าการเรียกค่าจ้างสามสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะแพงไปสักหน่อย เพ
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&