สายตาของเจย์มองไปที่ชามที่แตกบนพื้น แล้วก็มีแววตาที่ทำอะไรไม่ถูก “ชามราคาเท่าไหร่? เดี๋ยวผมจ่ายให้”แองเจลีนโพล่งออกมาว่า “831 เหรียญ”เจย์มองเธออย่างสงสัย เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่านางมารร้ายคนนี้กำลังกลั่นแกล้งเขาด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่อาจรับรู้ได้แองเจลีนยื่นมือที่เรียวสวยของเธอออกมา “จ่ายมาสิ!”เจย์รู้สึกลำบากใจ เขาไม่มีเงินเลยสักเพนนีเดียว แล้วเขาจะชดใช้ให้เธอได้อย่างไร?“ผมจะจ่ายให้คุณตอนที่ผมมีเงินนะ” เขากล่าวแองเจลีนโน้มไปข้างหน้า เธอยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณไม่มีเงินเลยเหรอ ให้ใจฉันมาสิ”เจย์มองเธออย่างหมดคำพูด “คุณคิดว่าผมมีค่าแค่ 831 ดอลล่าร์เหรอ?” เขาจงใจเน้นคำว่า ‘ดอลล่าร์’แองเจลีนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็จริงนะที่เงิน 831 เหรียญคงไม่พอกับความหล่อของคุณหรอก เอาแบบนี้สิ ฉันจะให้เงินคุณ 831,224 ดอลลาร์ เป็นยังไงบ้าง?”เจย์ค่อนข้างมั่นใจว่านางมารร้ายคนนี้กำลังแกล้งเขาอยู่เขาจ้องเขม็งไปที่เธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมที่ดูเหมือนอยากจะพูดว่า ‘มียศถาบรรดาศักดิ์และความร่ำรวยไม่ควรทำตัวเหลวไหล ตกอับยากจนแค่ไหนอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน เจอกับอำนาจอิทธิพลมาข่มขู่ก็ไม่ยอมสยบ’“ไม่
วินาทีที่เธอเห็นเขา เธอก็รู้ได้เลยว่าเขาได้สูญเสียความทรงจำไปไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มองเธอด้วยสายตาที่ไม่แยแสและไม่คุ้นเคยเช่นนั้นคุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “แล้วลิ่มเลือดนี้ก็ไปอยู่ในจุดที่ผิดปกติอย่างมากครับ ต้องดูแลให้เขาอย่าได้รับการกระทบกระเทือนหรือให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการมีเลือดออกในสมองนะครับ”แองเจลีนรู้สึกเหมือนมีระเบิดเวลาวางอยู่บนร่างของเธอ“มีวิธีรักษาไหม?” แองเจลีนถามอย่างลำบากใจคุณหมอแนะนำว่า “บางทีเมื่อเวลาผ่านไป ก้อนเลือดอาจหดเล็กลงและหายไปเองได้ครับ ถ้าเราทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะออก มันอาจจะมีความเสี่ยงได้ครับ!”แองเจลีนยกมือขึ้นทันทีเพื่อหยุดเขา “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก”แองเจลีนไม่อาจทำใจที่จะให้เขาต้องผ่านความทรมานด้วยการเอาชีวิตของเขาไปวางไว้บนเส้นด้ายเพื่อช่วยให้เขาฟื้นความทรงจำกลับมาวันต่อมา เจย์ก็ค่อย ๆ ฟื้นจนได้สติขึ้นมาเขาเห็นแองเจลีนนอนหลับอย่างสบายอยู่ข้าง ๆ เตียงของเขา ไม่มีคำไหนสามารถอธิบายสีหน้าของเขาในตอนนี้ได้เลยระยะห่างระหว่างใบหน้าของพวกเขาใกล้กันมากจนมันได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งทุกเส้นไปแล้วเขาขยับถอยแล้วก็พินิจพิเค
แองเจลีนจ้องไปที่เขาด้วยสีหน้าที่พอใจอย่างมาก “แล้วจะเอายังไงต่อ? อยากทำงานให้ฉันไหม?”“ไม่” เขากัดฟันพูดผู้หญิงคนนี้ตรวจสอบประวัติความเป็นมาเขางั้นเหรอ?“ผมจะคืนในสิ่งที่ผมติดค้างคุณไว้ให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” เจย์ลุกขึ้นจากเตียงโรงพยาบาล เลิกผ้าห่มออก แล้วเดินออกไปแองเจลีนคอตกและรู้สึกถึงความพ่ายแพ้“แล้วพิมพ์เขียวล่ะ? คุณจะรับผิดชอบที่พิมพ์เขียวมันมีบางอย่างผิดพลาดไปตอนนี้เลยไหม?” แองเจลีนตะโกนใส่แผ่นหลังที่สูงตรงของเขาเจย์ยืนค้างอยู่ที่ประตู น้ำเสียงของเขามีความเกรี้ยวกราด “ผมมั่นใจว่าคุณต้องรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนทำมัน อย่าใช้วิธีสกปรกแบบนั้นเล่นงานผมเลย มันจะยิ่งทำให้ผมดูถูกคุณมากยิ่งขึ้น”แล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อและจากไปแองเจลีนโกรธจัดจนเตะเตียงของโรงพยาบาล “ภูมิใจอะไรนักหนา? คุณกล้าดียังไงดูถูกฉัน เจย์ อาเรส? ใครเป็นคนไล่ตามและเกลี้ยกล่อมฉันในตอนนั้นกันล่ะ? ให้ตายสิ!”หลังจากที่เจย์ออกจากโรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย แองเจลีนก็กลับไปที่ห้องทำงานของประธานแกรนด์เอเซียในสภาพโทรมเมื่อเซย์นเห็นแองเจลีนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าชอกช้ำ เขาม้วนกระดาษในมือเขาเก็บไปและเดินเข้าไ
แองเจลีนกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากจะทุบนายหรอกนะ แต่เป็นเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้ฉันทำอยู่จนฉันไม่มีแรงเหลือที่จะจัดการกับนายแล้ว”เซย์นตกตะลึงแม้ว่าจะเจอกับพฤติกรรมที่แข็งกระด้างของเจย์มา แต่แองเจลีนก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่“ไปตามหาเขาเถอะ พี่เซย์น จัดหางานที่ง่ายกว่าให้เขา” แองเจลีนพูดพร้อมกับนวดบริเวณหว่างคิ้วของเธอ“เขาความจำเสื่อม แล้วก็ไม่ต่างอะไรเลยกับคนที่ไม่มีความรู้และโง่เขลาอย่างนาย”ด้วยเหตุนี้ ปมด้อยของเซย์นจากการที่ถูกเจย์กำหราบมานานหลายปีก็เจอความสมดุลในที่สุด “งั้นก็ดีเลย ฉันกำลังมองหาบอดี้การ์ดอยู่”แองเจลีนจ้องมองเขา “นายรู้แค่วิธีล่อลวงคนอื่นไปทั่วทั้งวัน เพื่อนของนายเป็นคนขี้เกียจหรือไม่ก็ไม่ทำธุรกิจหรืออาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายเลย และคนที่นาสไปมีปัญหาด้วยก็คือพวกโจรใต้ดินหรือไม่ก็พวกอันธพาลทั้งนั้น มันอันตรายเกินไปสำหรับเขาที่จะเป็นบอดี้การ์ดของนาย”เซย์นกระตุกปากของเขา “ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันควรเอาเขาไปไว้ในพิพิธภัณฑ์และเอาเขาขึ้นแสดงเป็นหุ่นขี้ผึ้งไหม?” เขาพูดเสริมว่า “ถ้าฉันขังเขาไว้ในตู้ ฉันรับรองได้เลยว่าแม้แต้เส้นผมเส้นเดียวของเขาก้จะไม่หายไป”แองเ
“คุณหมายความว่ายังไงเหรอครับในปริมาณที่พอเหมาะพอควร?” นักข่าวถามด้วยความงุนงง“เมื่อเราพบเจอกับปัญหาที่ยากลำบาก เราต้องกล้ามากพอที่จะแบ่งปันความยากลำบากนั้นกับอีกคนหนึ่งมากกว่าแบกรับมันไว้คนเดียวแล้วก็ทรมานอยู่เงียบ ๆ น่ะค่ะ”เจย์จ้องมองไปที่แองเจลีนที่อยู่ในจออย่างเงียบ ๆ แล้วก็เผยแววตาสงสัยที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยเธอแสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่เลือกต่อหน้าเขา แต่แสร้งทำเป็นว่ามีเกียรติและศักดิ์ศรีในระหว่างการสัมภาษณ์ช่างเป็นเจ้าแม่ดราม่าอะไรเช่นนี้!แล้วจู่ ๆ เซย์นปรากฏตัวขึ้นและนั่งลงข้าง ๆ เจย์เขาจ้องไปที่หน้าจอและตำหนิแองเจลีนอย่างตามอำเภอใจ “ฉันรู้จักนางพญาเสือตัวนี้ เธอเป็นจักรพรรดินีของอาณาจักรแกรนด์เอเซีย เธอรู้สิ่งต่าง ๆ ที่รอบด้านเธอหมดและเธอก็ยกยอตัวเองขึ้นอย่างยโสโอหัง เธอมีลูกน้องผู้ชายอยู่ในการควบคุมของเธอเยอะมาก ซึ่งพวกเขาจะทำทุกอย่างตามที่เธอสั่งพวกเขาให้”เจย์มองไปที่เซย์น มีไอความรู้สึกของความสูงส่งและความเยือกเย็นที่ไม่อาจเข้าถึงได้ปะปนอยู่ในดวงตาที่ลึกซึ้งและล้ำลึกของเขา“ไปให้พ้น” เสียงของเขาต่ำลงและน่ากลัวราวกับเสียงคำรามที่ลึกล้ำและเกรี้ยวกราดของสัตว์
เซย์นตอบหลับ “โรเซ็ต อาเรส นายก็แค่เรียกเธอว่าเซ็ตตี้น้อย”“โอเค”เจย์ออกไปหลังจากที่ทั้งสองแลกเบอร์โทรศัพท์เซย์นถอนหายใจและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นายควรเป็นคนที่ขอร้องฉัน ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่กำลังอ้อนวอนนายล่ะ?”หลังจากที่มอบหมายงานของเขา เซย์นก็ไปยังสวนบันทึกรักและรายงานกับแองเจลีนเซ็ตตี้น้อยก็บังเอิญอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันทันทีที่เซย์นเห็นเซ็ตตี้น้อย เขาพูดอย่างขี้โม้ว่า “ฉันเจอครูเปียโนของหนูด้วย เซ็ตตี้น้อย ฉันสัญญาว่าหนูจะชอบเขามากหลังจากที่เห็นเขา”หลังจากสามปี เซ็ตตี้ได้โตขึ้นจากลูกบอลขนอ้วนกลมเป็นคุณหนูผอมเพรียว เธอมีคิ้วและตาสวยสดใจรางกับฤดูใบไม้ร่วงที่มีเสน่น์ที่ทำให้ดูสวยมาก เธอสวมรองเท้าคู่สีขาวด้วยขายาวสวยซึ่งทำให้เธอมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่โดยไม่สลัดความไร้เดียงสาและนิสัยร่าเริงของเธอในฐานะคุณหนูเลยเมื่อเธอได้ยินว่าเซย์นได้จ้างครูสอนเปียโนให้กับเธอ เซ็ตตี้น้อยก็บุ้ยปากและต่อต้านในทันที “หนูไม่อยากได้ครูสอนเปียโน ฟินน์ฝึกเล่นเปียโนกับหนูก็ได้”แองเจลีนดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วและถามอย่างมีเลศนัยว่า “เขาตกลงเป็นครูของเซ็ตตี้ไหม?”เซย์นยืดอก “เธอคิดว่าพี่จะให
เจย์เดินเข้าไปหาเซ็ตตี้น้อยอย่างสง่างามและยืนตรงหน้าเธอ เขาพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ถ้าหนูไม่ชอบให้ฉันเป็นครูสอนเปียโน งั้นฉันไปได้ทันทีเลยนะ หนูไม่เห็นต้องโมโหเลย”เซ็ตตี้น้อยมองเขาตาลุกวาว เธออยากที่จะเรียกเขาว่า ‘คุณพ่อ’ มาก ๆ แต่คุณแม่ของเธอได้บอกเธอว่าอย่าทำอะไรให้คุณพ่อโกรธเจย์ยืนขึ้นและมองไปที่ฟินน์อย่างขอโทษ “ผมคิดว่าคุณควรจะขอคนอื่นแล้วล่ะ”ขณะที่เจย์หันหลังเดินจากไป จู่ ๆ มือน้อย ๆ ก็จับที่เขาเจย์หันหลังและเห็นว่าเซ็ตตี้น้อยกำลังมองเขาด้วยตาลุกวาว เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารว่า “คุณคะ หนูขอโทษ ได้โปรดอยู่เป็นครูของหนูเถอะนะคะ ตกลงไหม?”เจย์สะดุ้ง ประหลาดใจที่จู่ ๆ เซ็ตตี้น้อยก็เปลี่ยนท่าทีเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเขาเห็นเซ็ตตี้น้อยร้องไห้ เขาก็ใจอ่อน “ตกลง”ฟินน์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเซ็ตตี้น้อยดึงเจย์ไปยังห้องเปียโนอย่างเสน่หา ฟินน์เรียกพี่เลี้ยงเด็กให้มาอยู่ข้าง ๆ เขาและเตือนเธออย่างจริงจัง “มื้อเที่ยงของวันนี้ต้องอ่อน ๆ หน่อย แล้วก็ ครูสอนเปียโนคนนี้คือแขกผู้มีเกียรติ เพราะงั้นเราต้องดูแลเขาให้ดี”“ได้ค่ะ” พี่เลี้ยงตอบกลับจากนั้นฟินน์ก็ออกไปทำงานห้องเปียโน
อย่าลืมว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรักกันมาก ๆ จู่ ๆ เซ็ตตี้น้อยก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ “คุณคะ หนูขอเวลาครู่หนึ่งนะคะ”หลังจากนั้น เซ็ตตี้น้อยก็วิ่งลงไปยังชั้นล่างและทำชาเอิร์ลเกรย์ถ้วยโปรดของเจย์ให้เขาก่อนที่จะนำมันขึ้นมาชั้นบน“คุณคะ ดื่มชาสักหน่อยนะคะ”เจย์งงเล็กน้อยพร้อมกับยิ้ม “ขอบคุณนะ”เจย์ยังคงตระหนักถึงสิ่งที่เขาทำอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ดื่มชา เขาก็นั่งบนเก้าอี้เปียโนพร้อมกับมือเรียวทั้งคู่ของเขาวางบนแป้นงาช้าง เขาพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันจะลองเล่นเพลงRed Spider Lily นี่”เซ็ตตี้น้อยดีใจมาก “เยี่ยมไปเลยค่ะ”เจย์หลับตา ท่วงทำนองที่คุ้นเคยกำลังเล่นในหัวของเขาบางทีมันอาจเป็นเพราะความจำที่พิเศษของเขาที่เขามีเนื้อเพลงทั้งหมดถูกจดจำในความคิดบางทีมันอาจเป็นความทรงจำที่ห่างเหินที่นำทางมือของเขา ทำให้เขาเล่นทั้งเพลงได้อย่างไหลลื่นเซ็ตตี้น้อยปรบมือให้กับเขา “คุณคะ คุณเล่นเพลงนี้ได้ดีมากเลย”เมื่อเจย์เล่นเพลง Red Spider Lily ท่วงทำนองหนักแน่นและเต็มเปี่ยม ฟังดูมั่นใจและสง่างามมันเป็นครั้งแรกที่เซ็ตตี้น้อยได้ยินพ่อของเธอเล่นเพลงนั้น เธอเปล่งเสียงออกมาว่า “เพราะงั้น นี่คือวิธีที่ค
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ