คนงานได้ทุบผนังเป็นรูขนาดใหญ่ด้านนอกของชั้นสองที่หอท่าเรือหอมหวนด้วยเสียงอึกทึกคนงานสองสามคนเริ่มทะเลาะวิวาทกันเอง “จิโอวานนี่ได้บอกว่าพื้นที่บนห้องใต้หลังคานี้ต้องการแค่ปรับปรุงเพิ่มเติม ไม่ใช่การรื้อถอน ตอนนี้นายรื้อมันออกแล้ว นายกำลังหาเรื่องถูกไล่ออก รู้ไหม?”จู่ ๆ เทมเพสก็ยื่นบุหรี่ให้ชายคนนั้นและพยักหน้าขอโทษ “ใจเย็น ๆ พี่ชายดอนนี่ เราแค่ไม่ได้ยินคำสั่งของจิโอวานนี่อย่างชัดเจนมากนักว่าต้องให้ทำอะไรบ้าง เดี่ยวเราจะสร้างให้มันกลับคืนไปด้วยกันเอง”“นายก็พูดง่ายไปนะ นี่คือกำแพงที่ทำจากไม้ฟีบี้เจิ้นหนานเป็นไม้สีทองโบราณ นายคิดว่าทุกคนสามารถซื้อไม้คุณภาพประเภทนี้มาได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? ฮึ่ม รอจนกว่าคุณท่านมาถึงที่นี่เสียก่อนเถอะ พวกนายทำเกินตัวไปแล้ว” ชายคนนั้นโต้กลับขณะที่เขาปัดบุหรี่ของเทมเพสลงบนพื้นและเขาก็รีบวิ่งออกไปฟ้องทันทีไม่นานนัก แจ็ค อาเรส พ่อของเจย์ก็มาถึงเมื่อเจย์สังเกตเห็นท่าทีของพวกเขา เขาจึงลุกจากเก้าอี้ที่กลางลานสนามอย่างช้า ๆ และเดินตามไป“พ่อ! คุณมาทำอะไรที่นี่?” เจย์ถามแจ็คมองไปที่รูผนังขนาดใหญ่บนห้องใต้หลังคา ตัวของเขาสั่นด้วยความโกรธ “คนงานที่ทำงานอยู่ชั้
“เธอ… ต้องการให้ลูกไม่เกลียดพ่อ”เจย์หยุดนิ่ง “แล้วคุณทำอะไรลงไป?”รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของแจ็คเขาทำผิดกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่างไรก็ตาม เขายังต้องแบกรับความผิดนั้นอีก“เธอคิดว่าพ่อรักคนอื่น เธอคิดว่าพ่อรักแม่เลี้ยงของนายมากกว่า”เจย์พูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ?”แต่เจย์ก็เป็นลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของแจ็คทว่า เจย์ไม่ใช่ลูกชายของภรรยาของแจ็คในตอนนี้ แต่เขาเป็นลูกชายของแจ็คกับผู้หญิงคนอื่น ดังนั้น เจย์จึงคิดทันทีว่าเขาทำผิดพลาดในขั้นพื้นฐานของชีวิตครอบครัวแจ็คหน้าซีดขณะที่เขาอธิบาย “เจย์ พ่อรักแม่ของลูกนะ แต่พ่อไม่สามารถที่จะแต่งงานกับเธอได้ ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่ปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์… ไม่เลยแม้แต่น้อย”“พ่อปฏิบัติกับแม่แบบนั้น แต่ปู่ย่าและครอบครัวของผมก็แค่นั่งดูเฉย ๆ งั้นเหรอ?”แจ็คคิดกับตัวเองว่าลูกชายคนนี้จะไม่เชื่อง่าย ๆ ขนาดนั้น เป็นเพราะตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดเพียงพอเขาเลยต้องโกหกแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาต้องพังทลายลงภายใต้การสอบสวนของเจย์อย่างแน่นอน“ถ้าตากับยายของลูกมีฐานะและอำนาจ แม่ของนายจะไม่สามารถเข้ามาในตระกูลอาเรสได้อย่างไรล่ะ?”เจย
“นายไปเจออะไรมาบ้าง?”“ผนังด้านนอกประกอบด้วยสองชั้น ระหว่างชั้นเป็นเส้นทางแคบ ๆ สามารถรองรับเด็กหรือผู้ที่มีความยืดหยุ่นตัวดีสามารถเข้าไปได้ นอกจากนี้ ผมพบเส้นผมสีน้ำตาลเกาลัดสองสามเส้นบนทางเดิน ดูเหมือนว่าสีผมนั่นจะเป็นสีธรรมชาติ!”เทมเพสยื่นเส้นผมที่กำไว้ให้กับเจย์ เมื่อเจย์เห็นเส้นผมสีน้ำตาลเกาลัดที่คุ้นเคย เขาก็หยุดชะงักอยู่กับที่นิ้วเรียวของเขาสั่นสะท้านขณะที่เขาเอาเส้นผมนั้นมาดูสีผมเหมือนผู้หญิงในภาพถ้าผู้หญิงในภาพคือแม่แท้ ๆ ของเขา แสดงว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อันที่จริง เธออยู่ใกล้แค่เอื้อมจากเขา!“ค้นหาเส้นทางที่นำไปสู่ที่แห่งนั้น!”“ครับ ท่านประธาน”“สตอร์มและคนอื่น ๆ อยู่ที่ไหน?”“อีกไม่นานพวกเขาก็จะมาแล้วครับ”“บอกสตอร์มให้ปกป้องนายน้อยและคุณหนูด้วยล่ะ”“ครับ ท่านอาเรส”แจ็คสังเกตมองท่าทีพวกเขาอยู่นานก่อนจะเดินจากไป จากนั้นเจย์ก็ลุกขึ้นนั่งขมวดคิ้วเทมเพสรีบลุกขึ้นออกห่างจากเจย์อย่างรวดเร็ว เขากลัวที่จะถูกรังเกียจจากคนสะอาดอย่างท่านประธานเจนสันและร็อบบี้น้อยเดินมาถึงคฤหาสน์ของคุณน้าเจนสันเอามือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงขณะจ้องมองไปที่ประตู
จากนั้นเจนสันก็เคาะประตู เมื่อโจเซฟินเดินออกมาเปิดประตูแล้วเห็นเจนสันและร็อบบี้น้อย เธอก็ตกตะลึง“อะไรทำให้พวกนายสองคนมาที่นี่เอ่ย?” โจเซฟินถามด้วยคำพูดหวาน ๆ กับเด็กตัวน้อยสองคนนี้ จากนั้นเธอก็หยิบของเล่นที่เธอมีออกมาทั้งหมดให้พวกเขาเจนสันมองดูของเล่นอัจฉริยะสำหรับเด็กเล็กและไม่สนใจของเล่นพวกนั้น“คุณน้าครับ อย่ามองเราเป็นเด็กน้อยโง่ ๆ ได้ไหม? เราเลิกเล่นของเล่นพวกนี้ไปนานแล้ว”โจเซฟินรู้สึกโกรธกับความคิดที่ไม่ดีของเจนสัน “แล้วจะบอกว่าฉันโง่เหรอที่มีของเล่นพวกนี้?”เจนสันยักไหล่ “ผมแค่พูดตามความจริง”โจเซฟินหน้าซีด “พวกนายทั้งคู่อยู่ห่างจากฉันไปเลยนะ ฉันจะไม่ต้อนรับเด็กน้อยอย่างพวกนายอีกแล้ว”เมื่อร็อบบี้น้อยเห็นว่าเจนส์ทำให้คุณน้าโกรธอยู่นั้น เขาก็รีบขอโทษอย่างรวดเร็ว “อย่าโกรธเลยนะครับ คุณน้าโจเซฟิน คุณจะแก่เร็วขึ้นถ้าคุณโกรธมาก ๆ ถ้าเป็นแบบนี้คุณก็จะไม่สามารถแต่งงานได้ แล้วถ้าคุณไม่ได้แต่งงาน คุณพ่อของผมจะต้องดูแลคุณตลอดชีวิต แต่ถ้าต่อไปคุณพ่อของเราแก่เกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นความรับผิดชอบจะตกอยู่กับพวกเราเมื่อถึงเวลานั้น ฮ่า ๆ น้าโจเซฟิน คิดว่ายังไงครับ? ยังต้องการไล่พวกเราอ
ร็อบบี้น้อยเลียนแบบท่าทางการเดินของผู้ใหญ่ขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเจย์ เขาแสดงสีหน้าที่เขียนว่า ‘ฉันไม่มีความสุข’“คุณพ่อครับ!” เขาพูดอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงขณะที่น้ำตาไหลออกมาเจนสันมองผ่านช่องว่างของประตู เมื่อเขาเห็นว่าการแสดงออกของร็อบบี้น้อยเปลี่ยนไปเป็นร้องไห้ได้ในชั่วพริบตา เขาก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเขาใช้กลไกการแสดงอารมณ์เพื่อแทนที่ไอคิวของเขางั้นเหรอ?เมื่อเจย์เห็นว่าร็อบบี้น้อยดูอารมณ์ไม่ดีนัก เขาจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้ววางลงบนตัก เขาถามด้วยความเป็นห่วง “ร็อบบี้น้อยของพ่อ เป็นอะไรไป?”“เจนส์ชอบเรียกผมว่าเด็กโง่ แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่มากับผมด้วย!” ร็อบบี้น้อยขยี้จมูกของเขา ในขณะที่เขามีสีหน้าเสียใจการแสดงออกในดวงตาของเจนสันกลายเป็นเย็นชา เด็กผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ กำลังลากเขาเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้ไปไหม?เจย์ขมวดคิ้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่น้องสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ใช่เหรอ? พวกเขามีการพูดคุยสนิทสนมกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยโต้แย้งกันมาก่อนเลย เจนสันมักจะนิ่งเงียบต่อหน้าคนอื่น แต่เขากลับกลายเป็นคนพูดมากทุกครั้งที่อยู่กับ
มันเป็นแผ่นผนังที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนเจย์เดินตรงไปบริเวณนั้นแล้วเขาก็เอื้อมมือไปเคาะแผ่นไม้ยิปซั่มแบบบาง เสียงเคาะดังก้องจากภายในแผ่นกลวง ๆ ของมัน เจย์ผลักมันออกอย่างแรงและแล้วไม้ยิปซั่มแบบบางก็เลื่อนไปด้านข้างมีกำแพงอีกชั้นหนึ่ง แต่มันถูกผนึกไว้ด้วยไม้ฟีบี้เจิ้นหนานที่เป็นไม้สีทอง เมื่อเห็นไม้อีกชั้นผนังนั้นมันดูแข็งแรงมากระหว่างชั้นในและชั้นนอกของกำแพงจะมีทางเดิน ซึ่งเมื่อมองเข้าไปข้างในมันดูมืดสนิทเจย์เปิดไฟฉายของโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปข้างในตามทางเดิน เขาเห็นว่าทางเดินเป็นขั้นเหมือนขั้นบันได แต่ละขั้นกว้างไม่เกินสามสิบเซ็นติเมตร รู้สึกได้เลยว่าคนธรรมดาไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่าย ๆ ใบหน้าของเจย์ซีดเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเส้นผมในมือของเขาไหม้ราวกับจะเผาเขาด้วยเปลวเพลิงเทมเพสเป็นคนพบเส้นผมสีน้ำตาลเกาลัดในที่แห่งนั้น เป็นไปได้ไหมที่เธออาศัยอยู่ที่นั่น?หากมีคนอยู่ในนี้จริง ๆ แล้วเธอจะถูกมองว่าเป็นคนปกติ ได้ไหม?“ท่านประธาน” เสียงของเทมเพสดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเจย์ค่อย ๆ หันกลับไปตามต้นเสียงเทมเพสมองดูท่านประธานด้วยท่าทางสั่นสะท้าน ริมฝีปากของเขาซีด เขากำลังมองด้ว
เจย์เหมือนตกอยู่ในความฝันเขาฝันถึงวันที่แองเจลีนอายุครบ 18 ปี เธอสวมชุดสีขาว เธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แต่เธอต้องการให้ตัวเองดูเหมือนผู้ใหญ่ เธอยังสวมต่างหูเพชรขนาดใหญ่ มีกิ๊บติดผมบนศีรษะของเธอด้วย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะดูล้าสมัย แต่ตัวเขาในวัย 26 ปีก็ไม่สามารถต้านทานเธอได้เธอดูงามสง่า มีเสน่ห์ งดงามยิ่งนักช่วงเวลากลางคืน เธอได้วิ่งเข้าไปในห้องของเขา แล้วถอดต่างหู ถอดกิ๊บติดผมและแม้กระทั่งปลดกระดุมเสื้อผ้าของเธอออกเจย์เข้าไปจูงมือเธอและกล่าวตักเตือนเธอ “เธอคิดจะทำอะไร?”“ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะทำอะไรกับนายก็ได้…”“ไร้ยางอาย” ปากของเขาพูดปฏิเสธ แต่ร่างกายของเขาก็รู้สึกร้อนแรงขึ้นอย่างช้า ๆแองเจลีนมีนิสัยดื้อรั้นตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งเขาผลักไสเธอออกไปมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้น เสียงหัวเราะของเธอช่างซ่อนความซุกซนแต่ก็ช่างมีเสน่ห์ “ที่รัก นายโกหก นายก็ต้องการมันเหมือนกัน!”เธอเข้ามาใกล้ ๆ เขาทีละก้าวจนตัวเธอเข้าไปแนบประชิดตัวกับร่างกายของเขาสายตาของเขาเปลี่ยนทันที เขามองใบหน้าที่แสนบริสุทธิ์ของเธอ เดินเข้าหาด้วยเปลือยเปล่าเขาตะลึงในความงามของเธอหน้าอกของ
“ฉันขอร้องล่ะ เธอกลับมา ได้ไหม?”สายตาที่ประหลาดใจปรากฏขึ้นภายใต้ดวงตาของเซร่าโรส ลอยล์ คือ แองเจลีน เซเวียร์ งั้นเหรอ?“ที่รัก เธอไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ? เธอไม่ต้องการที่จะกลับมาอีกแล้วงั้นเหรอ?“อย่าทิ้งฉันไว้ข้างหลังเลยนะ”เสียงของเขาอ่อนลง และจู่ ๆ ก็มีน้ำตาของเขาไหลหยดออกมาโดนใบหน้าของเซร่าที่แนบชิดเขาอยู่ดวงตาของเซร่าเริ่มแสดงแววตาชั่วร้ายแองเจลีนยังไม่ตายเหรอ?นี่หมายความว่าเธอยังมีโอกาสที่จะได้มีความสุขกับเจย์อีกงั้นเหรอ?เซร่ามองไปที่ชายผู้นั้นอย่างนิ่งเฉย เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขา เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีแท้จริงแล้ว เจย์ อาเรสจะไม่แสดงด้านที่อ่อนโยนของเขาให้คนทั้งโลกเห็นตั้งแต่เธอจำได้ เขาก็เย็นชาและเยือกเย็นอยู่เสมอ เขาเป็นเหมือนพญายมในโลกธุรกิจที่ไม่ชอบการใกล้ชิดกับผู้คนด้วยซ้ำสิ่งที่เธอจำได้ก็คือมือของเขาเปื้อนเลือดมาตลอดทำไมเขาถึงอ่อนโยนต่อแองเจลีนและต้องเป็นแค่แองเจลีนเท่านั้นล่ะ?มือของเธอเอื้อมไปปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจย์ชั้นล่างของบ้าน เจนสันและร็อบบี้น้อยกำลังวิ่งเข้ามาในบ้านเจนสันขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกกุหลาบ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ