หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โรสก็ยกเกี๊ยวหลายจานออกมาโต๊ะทานอาหารสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยจานลายสิงสาราสัตว์แบบเด็ก ๆ มันดูเหมือนสวนสัตว์เลยทีเดียวเจย์มองจานที่มีรูปมังกรตรงหน้าตัวเองด้วยความหงุดหงิด ทำไมเขาต้องมาใช้จานเด็กแบบนี้ด้วย?เด็ก ๆ ต่างมีความสุขเมื่อได้รับช้อนส้อมของตัวเอง พวกเขาแตะจานด้วยตะเกียบและมีด"นั่นเกี๊ยวเนื้อกับแครอทของโปรดของผม" ร็อบบี้น้อยดีใจมาก"นั่นก็เกี๊ยวกะหล่ำปลีของโปรดหนู" เซ็ตตี้ก็ร่าเริงอย่างนุ่มนวลเช่นกัน"และนั่นก็เกี๊ยวมันฝรั่งของโปรดผมเหมือนกัน" เจนสันก็กล่าวอย่างสุขุมเจย์มองจานที่เต็มไปด้วยเกี๊ยวที่กึ่งทึบแสงแต่ก็ยังเปล่งประกาย จากผิวของมัน เด็ก ๆ จะสามารถมองเห็นไส้ในของมันได้เลย พวกเขาต่างคาดเดาไส้ของพวกมันอย่างอารมณ์ดีเมื่อโรสนำจานเกี๊ยวใบสุดท้ายออกมา เจนสัน ผู้ซึ่งตอนแรกนั่งอยู่ข้างเจย์ ก็พลันลุกขึ้นแล้วออกจากที่ของเขา เขาไปหาโรสแล้วดึงมือแม่ของเขาแล้วพาเธอไปหาเจย์ "คุณแม่ นั่ง!"ร็อบบี้น้อยเองก็เชียร์ "เยี่ยมเลย คุณแม่กับคุณพ่อนั่งด้วยกัน ครอบครัวของเรารวมตัวกันอีกครั้งแล้ว"ประโยคที่ดูไม่ใส่ใจของร็อบบี้น้อย ทำให้ท่าทางของเจย์กลายเ
”นี่นายต้องการพาร็อบบี้น้อยไปโฮไรซอน คอลเลอร์?" โรสถามเจย์พยักหน้า เขาคิดว่าโรสจะต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากแน่ แต่เธอพลันส่งกล่องเกี๊ยวให้เขา "มื้อเช้าวันพรุ่งนี้"เจย์ตะลึงและไม่ทันคาดคิดว่าเธอจะยอมตกลงง่ายขนาดนี้โรสมองสายตาที่สงสัยของเขาแล้วอธิบาย "อย่าตัดสินใจหัวใจของชายใดด้วยไม้วัดของตัวเอง ฉันจะไม่มีวันลากเด็ก ๆ เข้าไปในข้อพิพาทของเรา"เจย์พยักหน้าเห็นด้วยที่พบได้ยาก "มันดีที่เธอคิดแบบนั้น"โรสพูดไม่ออก เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยแม้ว่าเจย์จะสำเร็จเป้าหมายของเขา แต่เขากลับไม่ได้มีท่าทางจะกลับไปเลย เขายังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มองโรส"มีอะไรอีกรึเปล่า?" โรสถามเจย์ดูจะประมวลความคิดเป็นคำพูดลำบากในตอนที่เขาตอบ "ฉันพาเซ็ตตี้ไปด้วยได้ไหม?"โรสลังเลเมื่อได้ยินแบบนั้นเจย์ไม่รู้ว่าเซ็ตตี้นั้นเป็นลูกสาวของเขา และทัศนคติของเขาต่อเซ็ตตี้ก็เย็นชาและเมินเฉยต่อเธอเสมอ ที่เขาแสดงความรักต่อเซ็ตตี้ในคืนนี้บ้าง ก็เพราะร็อบบี้น้อยไม่อยากจากน้องสาวของเขาไปดังนั้น ถ้าเขาไม่พาเซ็ตตี้ไปด้วย เขาก็จะไม่สามารถพาลูกในไส้ของเขา ร็อบบี้น้อย ไปด้วยเช่นกันเจย์และเซ็ตตี้ต่างเป็นศัตรูตามธรรมชาต
"เซ็ตตี้นั้นน่ารักมาก" เจนสันโพล่งออกมาร็อบบี้น้อยและเจนสันนั้นเหมือนผู้พิพากษาสองคน สายตาที่เหมือนหมาป่าทั้งสองคู่นั้นจ้องตรงมาที่เจย์เจย์เอียงคอแล้วคิดในใจ 'ทำไมทุกคนถึงชอบเซ็ตตี้ แล้วทำไมฉันถึงหาความชอบในตัวเธอไม่ได้เลย?'หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ได้ข้อสรุปในที่สุด 'ฉันไม่ชอบทั้งหมดนั้นเป็นเพราะสิ่งเดียว เพราะใจฉันเกลียดโรสมาก ฉันเลยไม่มีความประทับใจใดกับลูกสาวเธอเช่นกัน'อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถพูดแบบนั้นกับลูกชายของเขาได้ เจย์โกหก "คุณพ่อน่ะเหรอ? คุณพ่อไม่ได้ไม่ชอบเธอ เธอต่างหากที่ไม่ชอบคุณพ่อ"ร็อบบี้น้อยโพล่งออกมา "ผมเห็นนะว่าคุณพ่อก็ไม่ชอบเซ็ตตี้"เจย์เริ่มเคร่งขรึมเจนสันกล่าวอย่างเย็นชา "คุณพ่อ สักวันคุณพ่อจะเสียใจ"เจย์มองลูกทั้งสองที่แทบจะเหมือนคนเดียวกัน ดวงตาของเขากระตุก'เหตุผลที่เจ้าหนูสองคนนี้ชอบเซ็ตตี้ มันตรงข้ามกับเหตุผลที่ฉันไม่ชอบเซ็ตตี้... พวกเขารักในสิ่งเดียวกัน เพราะความรักที่มีให้แม่ขอพวกเขา พวกเขาจึงรักน้องสาวที่แม่เขาให้กำเนิดเช่นกันหลังจากร็อบบี้น้อยและเจนสันขึ้นชั้นบนไป เจย์ก็นั่งลงบนโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาทว่ายะโสของเขามองขึ้นไปบนเพดาน สันกราม
ความดำมืดปรากฏบนสายตาของเจย์ แต่ท่าทางของเขายังดูเรียบนิ่ง เขามองร็อบบี้น้อยแล้วอธิบายอย่างสุขุม "คุณแนนซี่ไม่ใช่คนใช้ ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เธอจะกลายเป็นคุณแม่ของลูกในอนาคต ทั้งสองต้องอ่อนโยนและน่ารักต่อเธอ เข้าใจไหม?"อารมณ์ของแนนซี่ดีขึ้นมากเมื่อเห็นว่าเจย์ปกป้องเธอเจนสันไม่พอใจภายใน ท่าทางเขาดูหม่นหมอง แต่เขายังคงเงียบ แต่ยังเคี้ยวพิซซ่าเสียงดังอย่างชัดเจนร็อบบี้น้อยดูออกว่าพี่ชายของเขากำลังไม่พอใจอยู่ภายใน ดวงตาของร็อบบี้น้อยลุกวาว เขามองไปที่พ่อของเขาแล้วถามอย่างสงสัย "คุณพ่อ หมายความว่ายังไงที่บอกว่า 'ถ้าทุกอย่างไปได้สวย' ?"ริมฝีปากของเจย์เผยอขึ้น สายตาซุกซนของเด็กน้อยคนนี้ชัดเจนมาก"ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะไปได้สวย" เจย์ขยี้หัวของร็อบบี้น้อยประโยคนั้นเหมือนคำยืนยันสำหรับแนนซี่ เธอแอบหัวเราะกับตัวเองร็อบบี้น้อยเขี่ยพิซซ่า เขาวางช้อนส้อมลง เขาใช้มือของเขาฉีกส่วนที่ไม่มีชีสขึ้นมา หลังจากมื้อเช้า พิซซ่าและแซนด์วิชของเขาก็แทบไม่ถูกแตะเลย พวกมันกลายเป็นกองอาหารเหม็นหืนเมื่อเจย์และแนนซี่เตรียมที่จะพาเด็ก ๆ ออกไป ร็อบบี้น้อยก็พลันกุมท้องตัวเองแล้วย่อตัวลงกับพื้น เขาดูน่าสงสาร
ร็อบบี้น้อยและเจนสันเดินไปหาพ่อของพวกเขา เจย์กล่าวกับพวกเขาอย่างจริงจัง "คุณแนนซี่เป็นผู้หญิงที่คุณพ่อเลือก ไม่มีประโยชน์ที่พวกลูกจะไม่ชอบเธอ เพราะคนที่จะขอเธอแต่งงานคือคุณพ่อ ไม่ใช่พวกลูก เพราะฉะนั้นก็หยุดเล่นแง่ได้แล้ว"ร็อบบี้น้อยถามอย่างใสซื่อ "คุณพ่อ หลังจากแต่งงานกับเธอ คุณพ่อจะมอบพี่น้องชายหญิงให้เราเยอะเหรอ?"เจย์ตอบอย่างไม่ลังเล "ไม่"ร็อบบี้น้อยถามอีก "แล้วถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพวกคุณพ่อล่ะ?""จะไม่มีอุบัติเหตุแบบนั้น" เจย์ประกาศอย่างชัดเจนน้ำตาไหลลงมาจากตาของร็อบบี้น้อย "นั่นไม่ใช่เรื่องที่รับประกันได้สักหน่อย เหมือนกับผมและเจนส์ คุณแม่บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่พวกเราเกิดมาบนโลกนี้"เจย์ตะลึงใช่ ตัวตนของทั้งเจนสันและร็อบบี้น้อยนั้นไม่ได้อยู่ในแผนของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะโรสที่ใช้วิธีที่ทำให้เธอท้อง เขาจะไม่มีลูกชายที่ทั้งหล่อเหลาและน่ารักในตอนนี้ในวันหนึ่ง ดวงตาที่เหมือนลูกพีชของร็อบบี้น้อย จะเติบโตจนดึงดูดทุกคนให้มองเขา ไม่เหมือนดวงตาของเจนสันและเจย์ และที่ทั้งเย็นชาและเฉยเมย อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดวงตาที่เปียกปอนของร็อบบี้น้อยตอนนี้ มันทำให้ทุกคนที่เห็นเขาต้องการ
เจย์มองที่เจนสันแล้วเห็นสายตาที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนของเจนสัน เขาเลี้ยงเด็กคนนี้มาอย่างดีและรู้จักนิสัยของเจนสันดี นิสัยของเจนสันเหมือนเขา พวกเขาเย่อหยิ่ง พวกเขาจะไม่พูดเรื่องโกหกเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการแน่เจย์กล่าว "แนนซี่ ไว้คุยเรื่องนี้วันหลังเถอะ ผมจะพาเด็ก ๆ กลับบ้านก่อน"แนนซี่กัดริมฝีปาก ความพยายามของเธอกำลังถูกสูญเปล่าเพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของร็อบบี้น้อย เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมและท้อใจอย่างไรก็ตาม เธอไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับการตัดสินใจของเจย์ "เจย์ ฉันจะกลับบ้านก่อนนะคะ"แนนซี่จากไปอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของเธอ ร็อบบี้น้อยและเจนสันก็รู้สึกผิด พวกเขาเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสา"พอใจรึยัง?" เจย์มองที่เด็กชายซุกซนทั้งสองพร้อมกอดอก เขาถามพวกเขาด้วยท่าทางโมโหร็อบบี้น้อยก้มหัวลงต่ำอย่างเชื่อฟังหลังจากที่รู้สึกตัวว่าได้ทำผิดไป เขามองที่พ่อของเขาเพื่อยอมรับการลงโทษ ไม่ว่าจะทางกายหรือคำพูด ด้วยความหม่นหมองอย่างมาก เขากล่าว "คุณพ่อ ผมผิดไปแล้วครับ"เจนสันเป็นเด็กหัวรั้น เขารู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เขาไม่มีทางขอโทษถ้าเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด เขาไม่ได้ใส
เจนสันมักจะมีท่าทางเย็นชาเสมอ เมื่อจู่ ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมา มันจึงดูเหมือนกับดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ที่ซึ่งมีสีสันมากมายกระจายออกมา รอยยิ้มของเขาสวยจนสีสันรอบข้างหม่นหมองลงไปเลยในที่สุด เจย์ก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มของเจนสัน ภายใต้ท่าทางดุ ๆ นั้นคือความอ่อนโยน "ลบความทรงจำนี้ของลูกเดี๋ยวนี้เลย"เจนสันพยักหน้าอย่างเชื่อฟังในที่สุด ราตรีก็มาถึง ด้วยความต้องการอาหารแบบแปลก ๆ ของเจนสัน ทำให้เจย์ตัดสินใจพาเด็ก ๆ กลับบ้านในทันใดนั้น เจนสันก็แหกกฏของตัวเองแล้วกล่าว "คุณพ่อ เราไปกินข้างนอกกันเถอะ"เจย์ชะงัก "ได้เหรอ?"เจนสันหน้าบูดแล้วพยักหน้าเล็กน้อยอารมณ์ของเจนสันนั้นสะอาดและสงบเสมอ ทุกคำพูดของเขาผ่านการพิจารณามาหมดแล้วเจย์แปลกใจและตื่นเต้นไปด้วย "เจนสัน เมื่อไหร่ที่ลูกชนะความกลัวการทานอาหารข้างนอกกัน?"เจนสันเงยคอ 45 องศาขึ้นฟ้า "คุณแม่บอกว่าผู้กล้าหาญย่อมไร้ความกลัว นักเดินทางนั้นไร้ขอบเขต และผู้มีปัญญาก็ไร้ความวิตก"เจย์เลิกคิ้ว คนโง่และป่าเถื่อนแบบโรสสามารถมอบความรู้แบบนี้ให้เจนสันได้?เจย์โทรหาแผนกอาหารและโภชนาการของแกรนด์เอเซีย เพื่อจองที่และเตรียมตัวเด็ก ๆ ในเวลาเดียวกัน น
"ไม่มีปัญหาที่เงินแก้ไขไม่ได้" เฒ่าอาเรสกล่าวอย่างมั่นใจผ่านสายตระกูลอาเรสไม่เคยขัดสนเงินตรา ดังนั้น ผ่านมาหลายรุ่น พวกเขาก็ยังคงทำตามกฏทองคำไม่มีอะไรที่ยากเกินไปในโลกนี้หากจ่ายในราคาที่ถูกต้องอย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเจย์ใช้กฏนี้ เขาก็ถูกสาดชาใส่โดยเจย์และมีสภาพน่าสมเพชไปเลยดังนั้นเมื่อเฒ่าอาเรสบอกเรื่องกฏทอง เจย์จึงพบว่ามันช่างฟังดูเด็กน้อยและวัตถุนิยม"พ่อ โรสไม่ได้ต้องการเงิน เธอต้องการลูกของเธอ" เจย์กล่าวกับเฒ่าอาเรสอย่างจริงจัง "ผมถึงได้ไม่มั่นใจว่าเด็กจะเข้าร่วมการสัมภาษณ์สื่อได้ไหมในวันพรุ่งนี้"เฒ่าอาเรสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด "เธอไม่ต้องการเงิน? ไม่เลว เธอเป็นผู้หญิงที่มีหลักการและความกล้า แต่เธอจะเอาอะไรมาต่อต้านตระกูลอาเรสของเราได้?"เจย์ตอบ "ผมก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน" จากนั้นเขาก็วางสายหลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ของร็อบบี้น้อยที่มองมาที่เขาสายตาของร็อบบี้น้อยมีความระวังและป้องกันปกคุลมอยู่"คุณพ่อ นี่คุณพ่อพยายามจะฉกผมไปจากคุณแม่เหรอ? ผมจะบอกคุณพ่อให้นะ ผมจะไม่มีวันกลับไปตระกูลอาเรส ถ้าคุณพ่อและคุณแม่ไม่คืนดีกั
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ