“นะ...นาย...ทำไมยังอยู่ในห้องฉันอีกล่ะ!” คิมหันต์เงยตัวขึ้นจากตู้เย็นที่มีแต่อาหารแช่แข็งแล้วขมวดคิ้วจ้องมองอีกฝ่าย สาบเสื้อที่ทับไม่เรียบร้อยเผยให้เห็นรอยช้ำจางๆ ทำให้เขากลืนความรู้สึกโกรธผสมน้อยใจลงท้องไปหมด “เป็นห่วง” เขาพูดไปตามตรง “ในตู้มีแต่ของแบบนี้เหรอ” “ก็เห็นมีอย่างอื่นหรือไง” เธอเบ้ปากใส่ อาหารกล่องแช่แข็งไม่ดีตรงไหน อุ่นแล้วก็กินได้เหมือนกันนั้นแหละ “ยังไม่หมดอายุเสียหน่อย” “กินแต่ของแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะ” “ก็ไม่ได้กินทุกวัน อีกอย่างมุกอยู่คนเดียว จะทำอาหารกินเองทำไม เสียเวลา เสียดายของ ซื้อกินเอาง่ายกว่า” หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะหยิบขวดน้ำ แต่ก็อดชายตามองแผงอกของเขาไม่ได้ อุ้ยตายแล้ว! อย่าบอกว่ารอยบนอกของเขานั้นเป็นฝีมือเธอ แล้วนั้น...นั้นรอยเล็บใช่หรือเปล่า ก็ตัดเล็บสั้นอยู่นะ ไม่คิดว่าจะข่วนเป็นรอยขนาดนี้ “ชอบซื้อกินทุกอย่างหรือไง” เขาบ่นพึมพำ แต่กลิ่นกายหอมสะอาดของเธอทำให้เขารู้สึกร้อนวูบๆวาบๆ ขึ้นมาอีกระลอก “ก็...” คิดจะเถียงเขากลับ แต่พอเห็นสายตาวิบวับนั้นแล้วก็ก้
“ตกลงตามนี้นะ” “คะ?” พราวมุกไม่อยากยอมรับว่าไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยสักนิด แต่ถ้าพูดไปอย่างที่คิดก็ทำไม่ได้แน่นอน จึงเอาแต่พยักหน้ายอมรับข้อเสนอของเขา ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจหงุดหงิดอีกครั้งพร้อมกับเสยผมขึ้น เธอก็นึกถึงตอนที่ปลายนิ้วตัวเองสอดในกลุ่มผมนุ่มลื่นของเขา “ยังเจ็บอยู่ไหม” “เอ่อ...อะไรนะคะ” “ตรงนั้น...ยังเจ็บอยู่ไหม ให้พี่ซื้อยาหรืออะไรให้ไหม” พราวมุกส่ายหน้ารัวๆ แต่คิดอีกที ถ้าบอกว่าไม่เจ็บแล้วเขาขอต่ออีกยก พรุ่งนี้เธอได้ลาหยุดแน่ๆ จึงรีบพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ “ไม่ต้องกินยาหรอกค่ะ แค่พักหน่อยก็ดีขึ้น” “ถ้างั้น พี่ทำอะไรให้กินก็แล้วกัน” “นายไม่ไปทำงานเหรอ” “วันนี้วันหยุดนะครับ” เขายิ้มเนืองๆ ใจคอเธอจะให้เขาทำงานตลอดเวลาหรือไงนะ “ก็ปกติเห็นพ่อทำงานทุกวัน ขนาดวันหยุดยังมีนักศึกษามาที่บ้านเลย” พราวมุกยักไหล่แล้วขยับตัวนอนบนเตียงดีๆ ยังไงเธอก็ยังเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยู่ มีคนดูแลก็ไม่เลวนัก คิมหันต์ได้แต่ยิ้มบางๆ อย่างยอมรับผิด วันหย
“พ่อเอาอะไรดีคะ วันนี้กินกินกาแฟไปกี่แก้วแล้ว ถ้ากินเยอะห้ามกินอีก” “เอาเหมือนลูกก็ได้” “มุกกินนมปั่นพ่อก็กินได้เหรอคะ” “มุก...” พ่อปรามด้วยเสียงต่ำลงแต่พราวมุกหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปสั่งเครื่องดื่มและเลือกขนมเค้กน่ากินมาหนึ่งชิ้น ครู่ต่อมานมปั่นสีชมพูหวานและน้ำผักผลไม้รวมสีเขียวสวยก็มาวางบนโต๊ะ หญิงสาวเลื่อนน้ำผักผลไม้ให้พ่อแล้วเลื่อนจานขนมเค้กวางตรงกลาง“มุกรู้ว่าพ่อไม่ชอบกินของหวาน แต่เผื่อพ่ออยากชิม” คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าไปมา เขาถอดแว่นตาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดง่ายๆ แต่ลูกสาวยื่นมือไปคว้าแว่นตาไว้ก่อน“พ่อ! ทำแบบนั้นเลนส์ก็พังพอดี มา! เดี๋ยวมุกเช็ดให้เอง” เธอบ่นพลางล้วงกระเป๋าหยิบกระดาษทิชชู่อย่างดีของตนมาเช็ดแว่นตาให้พ่อ “มิน่า พลอยถึงได้บ่นว่าพ่อไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย”คราวนี้คนเป็นพ่อถูกลูกสาวดุเอาจนได้ คุณวิทยาหัวเราะเบาๆ แล้วจิบเครื่องดื่มของตน “ทำงานเป็นยังไง ไหวไหมลูก”หญิงสาวส่งแว่นตาคืนให้พ่อแล้วยิ้ม “สนุกค่ะ”“แล้ว งานยูทูปอะไรนั้นล่ะ”“ก็สนุกค่ะ ท้าทายดี” เธอยิ้มกว้าง “พ่อได้ดูหรือเปล่าคะ”“ดูสิ พลอยเปิดให้พ่อดู พ
“บ้านอยู่คนละทางเลยค่ะ ไม่ต้องมารับหรอก” ถ้าไม่พูดออกมาเธอก็คงลืมไปแล้วว่าต้องเจอกันอีก“แต่พี่เป็นห่วงนี่...ขับรถมาขับรถกลับอีก”พราวมุกเห็นแววตาเหมือนลูกหมาของเขาแล้วก็ต้องกลั้นหัวเราะ แต่เพราะอยู่ในมหาวิทยาลัยหรอกนะ ไม่งั้นเธอคงยื่นมือไปลูบหัวเขาสักทีสองทีแล้วให้ขอมือ“งั้น...มุกไปเอง แต่ตอนกลับอาจารย์คิมมาส่งดีไหมคะ”“ครับ ดีครับ” เขายิ้มโล่งใจในที่สุด“มุกไปแล้วค่ะ แล้วเจอกัน”“ครับ” เขาได้แต่พูดแค่นั้นแล้วมองเธอหมุนตัวเดินออกไป แต่เธอเดินไปได้สามสี่ก้าว เขาก็สาวเท้ายาวๆ เข้าไปแตะแขนเธอไว้ก่อนทำให้เธอต้องหันกลับมา“คะ?” “เอ่อ...พี่...พี่รอโทรศัพท์จากน้องมุกอยู่นะครับ”พูดแล้วก็เป็นเขาที่หน้าแดง คราวนี้คิมหันต์เป็นฝ่ายผละและก้าวเท้าหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พราวมุกยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คิดได้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร แล้วใบหน้าก็แดงจัดขึ้นมาราวคนป่วยไข้“อีตาบ้า! ในหัวคิดเรื่องอะไรอยู่เนี้ย!ว่าแต่...คิดเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่านะ! พราวมุกบอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจคำสั่งของคิมหันต์เลยสักนิด แต่ที่เธอนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวก็เพราะเคลื่อนไหวสะดวกทำงานคล่องตัวต่างหาก ไม่ใช
“อย่าให้เป็นรอยอีกนะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบาอย่างเขินอาย คราวก่อนเขาทำคอเธอเป็นรอยช้ำจนต้องใส่เสื้อคอเต่าทั้งที่ร้อนจะแย่ “ได้ตามสั่งครับ”น้ำเสียงเขาแหบพร่าแต่ฟังแล้วเซ็กซี่ชะมัด แล้วพราวมุกก็หลุดเสียงครางหวานเมื่อริมฝีปากของเขาดูดดึงปลายถัน ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง รู้สึกหวิวไปหมด ถึงเวลานี้แล้ว เธอรู้ว่าร่างกายของเธอชอบในสิ่งที่เขาทำ“แรงอีกนิดสิคะ อือ...” เธอร้องบอกและเขาก็มอบให้ เขาขบที่ยอดอกสวยแรงอีกพร้อมกับเคล้นทรวงอกอย่างมันมือ มือหนึ่งเลื่อนไปด้านล่างแยกกลีบดอกไม้ออกก็พบว่ามันเปียกชุ่มอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มพรายแล้วหยัดกายขึ้นในขณะที่นิ้วเรียวแทรกเข้าไปร่องรักทำเอาร่างเล็กผวาเฮือกก่อนส่งเสียงครางออกมา“เปียกเร็วจริง คิดถึงพี่มากเหรอ”พราวมุกได้แต่กัดริมฝีปาก ‘คิดถึง?’ จะไปคิดถึงทำไม คนบ้า! มาทำให้ชีวิตอันแสนเป็นระเบียบต้องยุ่งเหยิง ทำให้เธอนิสัยเสีย ไม่ดีเลยจริงๆ มือเรียวเล็กเลื่อนจากแผ่นอกกำยำไปเบื้องล่าง แท่งเอ็นขยายใหญ่ มันต้องร้อนและแข็งขันเต็มมือ เธอจับแล้วรูดเบาๆ ก็เรียกเสียงครางต่ำออกจากปากของชายหนุ่ม เธอยิ้มอยากซุกซนเมื่อเห็นว่าตนเองเล่นงา
เอกสารของวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว พราวมุกทบทวนตารางงานของวันพรุ่งนี้แล้วเก็บของใช้ใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ ใกล้งานนิทรรศการแล้ว เธอรับปากคนอื่นๆ จะไปช่วยดูความเรียบร้อย เลิกงานแล้วก็ต้องแวะไปดูสถานที่จัดงาน เธอเป็นคนทีทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ทั้งงานประจำก็ไม่ให้บกพร่อง “คุณมุกครับ” “คะบอส” พราวมุกวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทันที “คือ...เอ่อ...” เขาอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าพราวมุกรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพลอยดาวหรือไม่ ตั้งแต่ตกลงคบกัน เขาไม่เห็นพราวมุกจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอไม่เคยใช้สิทธิพิเศษหรือร้องขออะไรเป็นกรณีพิเศษเพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจ “มีอะไรหรือคะบอส” เห็นท่าทีอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก็ต้องสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะไม่ให้เธอทำงานล่วงเวลานะ ‘เร็วๆนะบอส มุกมีนัด’ “เอ่อ คุณมุกเคยไปงานฟังบทกวีอะไรพวกนี้ไหมครับ” “เอ๋?” หญิงสาวทำตาโต “คือ...ธีมงานเป็นยังไงเหรอครับ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม” “อ้อ”
“อ่อ...ไม่...” “ไม่ต้องเขินน่า คนกันเองทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าอาจารย์คิมจีบน้องพลอยดาวอยู่” “ไม่ใช่ครับ!” “อายุไม่น้อยแล้ว คบกันก็ไม่แปลกนี่ จริงสิงานเปิดนิทรรศการ อาจารย์คิมแวะไปรับสองพ่อลูกมางานพร้อมกันได้ไหม ปกติอาจารย์วิทยาไม่ค่อยชอบขับรถ” พราวมุกได้ยินชัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่อกจนต้องยกมือขึ้นกดตรงที่เจ็บ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แม้เธอกับพลอยดาวเป็นฝาแฝด หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันมาก เคยสลับเปลี่ยนตัวกันและไม่ถูกจับได้ แต่ลึกๆ เธอรู้ดีว่าความชอบรวมทั้งการใช้ชีวิตของเธอไม่เหมือนพลอยดาว เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก เธอรู้สึกเหมือนคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ มีแต่พลอยดาวเท่านั้นที่เข้าสิ่งที่พ่อทำ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่หย่ากับพ่อ และเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อ เธอค่อยๆ ขยับเท้าและก้าวออกมาอย่างเงียบเฉียบ ราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ ไม่คิดจะโทษเขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
“ฮาโหล” “น้องมุก” “อืมมมม” “พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วนะ นี่...เปิดกล้องคุยกันหน่อย ไม่สบายมากไหม” ครู่ต่อมาคิมหันต์ก็ได้เห็นพราวมุกที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวนั้น ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย “กินยาหรือยัง ไม่สิ กินข้าวหรือยัง” “มุกไม่มีแรง” เธอพึมพำออกมาแทบฟังไม่เป็นคำพูด รู้สึกหนักศีรษะมาก “โอเค. เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา พี่ไปซื้อยากับของกินให้เราก่อน” พราวมุกได้แต่รับคำแล้วหลับต่อ คิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำจนกระทั่ง ได้ยินเสียงเรียกเพรากับเคาะประตูห้องจนเธอสะดุ้งแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร ฝ่ามือของเขาที่อังที่หน้าผากของเธอ “ตัวไม่ร้อน แต่วัดไข้เผื่อความแน่ใจก่อนแล้วกัน” “นาย...” คราวนี้พราวมุกตื่นเต็มตา เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง เธอยืนงงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย “พี่ซื้อโจ๊กมากินสักหน่อยแล้วค่อยกินยา จะตรวจATKไหม” “มุกตรวจแล้วขึ้นขีดเดียว” เธอเดินลากเท้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวขนาดเล็ก แต่สายตาก็ถู
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำเอาหัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบ เขาถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ปกติเขานอนไม่สวมเสื้อแล้วก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้าง คนตัวเล็กพลิกตัวเข้ามากอด ซุกใบหน้าหาตำแหน่งที่พอเหมาะแล้วหลับตาพริ้ม เขาก้มมองแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข การได้กอด ได้รักและปกป้องใครสักคน มันทำให้หัวใจอิ่มเอมได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ “รักนะคะ” “อะ..อ.ไรนะครับ” เขานึกว่าเธอหลับ แม้ได้ยินชัดแต่อยากได้ความมั่นใจอีกครั้ง “รักค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณที่มาให้รักนะคะ” “ครับ” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่รักน้องมุก ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ชายธรรมดาคนนี้ได้รู้จักความรักนะครับ” “ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง มุกจะถนอมความรักของพี่คิมไว้นานๆ” “พี่ก็จะถนอมความรักที่น้องมุกให้พี่เก็บไว้ให้นานที่สุด” “อื้ม พี่คิมไม่กลัวพ่อของมุกจริงๆเหรอคะ เราคบกันแล้ว ไม่ต้องหลบๆมาเจอกัน เพราะฉะนั้นให้พ่อแม่รู้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พราวมุกถาม ดวงตาเริ่มปิดลง คราวนี้เธอง่วงแล้วจริงๆ
“เหมือนเรื่องของเรานะเหรอ” “แค่กๆ ก็...ประมาณนั้น” “ทำไมพูดแค่นี้ก็ต้องเขิน” เธอมองเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “แล้วนายไม่เข้าใจประโยคไหนของฉัน” “ก็...เอ่อ...ที่น้องมุกบอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อ ...พี่ก็พยายามวิเคราะห์มาตลอดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ” “ถึงขั้นต้องวิเคราะห์เลยเหรอ” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉลาดอย่างนายไม่เข้าใจจริงๆเหรอ” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ที่รอรับคำสอนของคุณครูทำให้พราวมุกยันกายขึ้นนั่ง เขาหยิบหมอนให้เธอเอนหลังพิงหัวเตียง “ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อยุ่งกับงานตลอด แม่เล่าว่าพ่อกับแม่คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พอจบก็แต่งงานกันทันที และเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น พ่อก็เรียนต่อปริญญาโทและทำงานไปด้วย รับงานวิจัยอีกสารพัด หลายครั้งที่แม่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในงานของพ่อ จนสุดท้ายมันเกิดเป็นความเหินห่างและทำให้แม่เป็นฝ่ายขอเดินออกจากชีวิตของพ่อ ฉันเอง...เวลาอยู่กับพ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของพ่อ เวลาอยู่กันสามคน ฟังพ่อกับพลอยคุยกันก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ยิ่งเวลาที
“อยู่ที่นี่แหละ” แฟรงค์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ทะ...ทำไมทำแบบนี้”“เพราะเธอทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”“แฟรงค์...ฉันไม่เข้าใจ ...นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม เรา...เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม”“มุก” น้ำเสียงเขาพร่าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเรียบตึง “ฉันทำดีกับเธอตั้งมากมาย เธอยังไม่สนใจฉัน ฉันเบื่อเล่นเป็นบทคนดีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ว่าตัวจริงของฉันเป็นยังไง บางที เธออาจจะชอบมันก็ได้”พราวมุกเบี่ยงหน้าหลบทันทีที่เห็นแฟรงค์โน้มหน้าลงมา เธอพยายามยกเท้าขึ้นเตะไปมาแต่กลับถูกเขาใช้ร่างตัวเองกดทับเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแนบชิด เสียงลมหายใจของเขาแรงขึ้น สีหน้าก็ตื่นเต้นจนแก่นกายแข็งขันดุนดันจนเขาปวดหนึบไปหมด เขาครางอย่างพอใจที่เห็นเหยื่อตัวน้อยแสดงการขัดขืนชัดเจนถึงเพียงนี้ พราวมุกเข้าใจในทันทีว่าการขัดขืนของเธอกระตุ้นความต้องการทางเพศของเขา แต่เธอฝืนทำอยู่นิ่งไม่ได้ สีหน้าหื่นกระหายมันน่ารังเกียจ เธอขยะแขยงจนต้องพยายามบิดตัวหนี“ที่รัก! บอกแล้วคุณต้องชอบมัน”“แฟรงค์! ปล่อย!”เธอตวาดเขาเสียงสั่นแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา แฟรงค์ผงะไปทันที ปล่อยมือจาก
“อ้าว…แม่ก็นึกว่าลูกกับหนูพลอยดาว...” “ไม่ใช่ครับแม่ คิมกับน้องพลอยเป็นแค่พี่น้องกันครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นกันเลย แล้วตอนนี้น้องพลอยก็มีคนรักแล้วด้วย “แม่ก็นึกว่า...” แม่ยิ้มแหย คุณกานดาก็เห็นลูกชายเที่ยวรับส่งดูแลพลอยดาวมาตลอด หญิงสาวเองก็นิสัยดี น่ารัก ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ นางก็ไม่ขัดอะไร “เอ่อ...แม่ครับ แม่ว่า..ปกติผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายเหมือนพ่อใช่ไหม แบบมีพ่อเป็นต้นแบบอะไรอย่างนั้น” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “ก็ทำนองนั้นแหละ” “แล้วถ้าผู้หญิงที่บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อนี่...แม่คิดยังไงครับ” “แม่เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากได้แฟนแบบพ่อหรอก” คิมหันต์ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์วิทยาไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนใจเย็นและประนีประนอม ขนาดเจอนักศึกษาหัวเสียขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้เลย “...หรือไม่ก็...” คุณกานดาพูดอย่างเพิ่งนึกออก “อาจจะเปรียบเปรยว่าทำตัวเหมือนพ่อ คอยคุมไปเสียทุกอย่างก็ได้”
“หา! นี่เราเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆเหรอ” “พี่คิม! มุกไม่ใช่คนชอบแอบดูคนอื่นนะ แค่สงสัยนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” ได้ยินเธอเรียก ‘พี่คิม’ หัวใจก็ปลื้มปริ่มยินดี มันไม่เหมือนเวลาพลอยดาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เพราะนั้นคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาว แต่เมื่อได้ยินจากปากของพราวมุก เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ไม่ใช่ ‘นายนั้น นายนี่ หรืออาจารย์คิม’ เขาห็นใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้“ให้พี่สตาร์ทรถให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเขารู้” โชคยังเข้าข้างที่ไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นสงบลง อวัชลงจากรถเสื้อผ้ายับยู่เล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาและไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่ออวัชกวาดตามองมาทางเธอ หญิงสาวรีบก้มหัวลงต่ำแต่กลายเป็นว่าเธอซุกเข้าไปในอกแกร่งของคิมหันต์กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้เธอดิ้นขลุกขลักแต่ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้น “ชู่ว์...อย่าเพิ่งขยับ ให้เขาไปก่อน” คราวนี้พราวมุกจึงหยุดดิ้นแทบกลั้นหายใจเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่โอบกอด อากาศน้อยเกินไปหรือเธอกำลังเ
พราวมุกสะบัดหน้าไปมา บอกตัวเองให้ทุ่มเทกับงานและลืมผู้ชายที่คิมหันต์นั้นเสียที ทว่าอีกด้านหนึ่งที่พราวมุกไม่รู้ ฝ่ายอาจารย์หนุ่มก็หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจไปว่าเขาเครียดกับเรื่องวิทยานิพนธ์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพราวมุกทำเหมือนไม่อยากติดต่อพูดคุย ทั้งที่เขาอยากเดินหน้า ‘จีบ’ อย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับหลบหน้าเขาเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น(วะ)เนี้ย! เขายกมือขึ้นนวดขมับเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รีบร้อนรับสายโดยไม่ดูว่าใครโทรเข้ามา เพราะใจหวังให้เป็นเสียงหวานใจ แต่กลายเป็นว่า “อาจารย์พี่คิม...” “ครับ” คิมหันต์ตอบรับแล้วยกมือถือดูหน้าจอแล้วค่อยพูดต่อ “อ้อ..นายนนท์มีอะไรเหรอ” “พอดีมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ รูปที่ขายได้ในงานนิทรรศการต้องเอาไปส่งที่บริษัท...แต่รถของพวกเราขนไปไม่หมด เลยอยากจะรบกวนอาจารย์คิม...” เพียงแค่ได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที เพราะมันคือบริษัทที่พราวมุกทำงานอยู่ “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปส่งเอง” “ต้องรบกว
“ฮาโหล” “น้องมุก” “อืมมมม” “พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วนะ นี่...เปิดกล้องคุยกันหน่อย ไม่สบายมากไหม” ครู่ต่อมาคิมหันต์ก็ได้เห็นพราวมุกที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวนั้น ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย “กินยาหรือยัง ไม่สิ กินข้าวหรือยัง” “มุกไม่มีแรง” เธอพึมพำออกมาแทบฟังไม่เป็นคำพูด รู้สึกหนักศีรษะมาก “โอเค. เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา พี่ไปซื้อยากับของกินให้เราก่อน” พราวมุกได้แต่รับคำแล้วหลับต่อ คิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำจนกระทั่ง ได้ยินเสียงเรียกเพรากับเคาะประตูห้องจนเธอสะดุ้งแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร ฝ่ามือของเขาที่อังที่หน้าผากของเธอ “ตัวไม่ร้อน แต่วัดไข้เผื่อความแน่ใจก่อนแล้วกัน” “นาย...” คราวนี้พราวมุกตื่นเต็มตา เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง เธอยืนงงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย “พี่ซื้อโจ๊กมากินสักหน่อยแล้วค่อยกินยา จะตรวจATKไหม” “มุกตรวจแล้วขึ้นขีดเดียว” เธอเดินลากเท้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวขนาดเล็ก แต่สายตาก็ถู
“อ่อ...ไม่...” “ไม่ต้องเขินน่า คนกันเองทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าอาจารย์คิมจีบน้องพลอยดาวอยู่” “ไม่ใช่ครับ!” “อายุไม่น้อยแล้ว คบกันก็ไม่แปลกนี่ จริงสิงานเปิดนิทรรศการ อาจารย์คิมแวะไปรับสองพ่อลูกมางานพร้อมกันได้ไหม ปกติอาจารย์วิทยาไม่ค่อยชอบขับรถ” พราวมุกได้ยินชัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่อกจนต้องยกมือขึ้นกดตรงที่เจ็บ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แม้เธอกับพลอยดาวเป็นฝาแฝด หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันมาก เคยสลับเปลี่ยนตัวกันและไม่ถูกจับได้ แต่ลึกๆ เธอรู้ดีว่าความชอบรวมทั้งการใช้ชีวิตของเธอไม่เหมือนพลอยดาว เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก เธอรู้สึกเหมือนคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ มีแต่พลอยดาวเท่านั้นที่เข้าสิ่งที่พ่อทำ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่หย่ากับพ่อ และเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อ เธอค่อยๆ ขยับเท้าและก้าวออกมาอย่างเงียบเฉียบ ราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ ไม่คิดจะโทษเขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เอกสารของวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว พราวมุกทบทวนตารางงานของวันพรุ่งนี้แล้วเก็บของใช้ใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ ใกล้งานนิทรรศการแล้ว เธอรับปากคนอื่นๆ จะไปช่วยดูความเรียบร้อย เลิกงานแล้วก็ต้องแวะไปดูสถานที่จัดงาน เธอเป็นคนทีทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ทั้งงานประจำก็ไม่ให้บกพร่อง “คุณมุกครับ” “คะบอส” พราวมุกวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทันที “คือ...เอ่อ...” เขาอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าพราวมุกรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพลอยดาวหรือไม่ ตั้งแต่ตกลงคบกัน เขาไม่เห็นพราวมุกจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอไม่เคยใช้สิทธิพิเศษหรือร้องขออะไรเป็นกรณีพิเศษเพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจ “มีอะไรหรือคะบอส” เห็นท่าทีอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก็ต้องสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะไม่ให้เธอทำงานล่วงเวลานะ ‘เร็วๆนะบอส มุกมีนัด’ “เอ่อ คุณมุกเคยไปงานฟังบทกวีอะไรพวกนี้ไหมครับ” “เอ๋?” หญิงสาวทำตาโต “คือ...ธีมงานเป็นยังไงเหรอครับ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม” “อ้อ”